เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกว่าตุลน่ากลัว เขาพูดคำนั้นออกมาด้วยท่าทางที่สุดแสนจะเย็นชา
“พ…พี่” ฉันกำชายกระโปรงแน่น มันยากที่จะตัดสินใจกระทันหันถึงแม้ว่าจะชอบเขามากขนาดไหนก็ตาม ตุลไม่ได้รอฟังคำตอบเขาหันหลังให้ฉันแล้วเดินไปที่รถ เปิดประตูค้นหาของบางอย่าง “หาอะไร หะ ให้พี่ช่วยหาไหม” พอถามตุลก็นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะหันมามองฉันแล้วพูด “หาถุงยาง” “อ…เอาไปทำไม” หัวใจดวงน้อยมันเต้นรัวไม่เป็นจังหวะเมื่อได้ยินว่าเขากำลังหาอะไร “เอาไปเป่าเล่นมั้ง ถามไม่คิด” “…….” ไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย ไม่ได้เป็นอะไรกันแต่ฉันกลับหวงเขามากๆ “เรื่องที่ตุลบอกพี่ขอคิดดูก่อนได้ไหม” “ไม่ได้บังคับ” เขาหันหน้ากลับไปค้นหาของต่อ “พี่อยากให้ตุลเปิดใจมากกว่าคิดเรื่องแบบนั้นนะ” “หยุดพูด รำคาญ!” เขาตวาดบอกทั้งที่ยังไม่หันหน้ามา “ตุลจะเอาหาถุงยางอนามัยไปใช้กับใครหรอ” “ยุ่ง!!” เขาพูดอย่างหงุดหงิด ฉันได้แต่นิ่งยืนมองแผ่นหลังกว้างอยู่ครู่ใหญ่ มองจนตุลหาของสิ่งนั้นเจอ เขาปิดประตูรถแล้วเดินมาหาฉันก่อนจะชูกล่องถุงยางอนามัยขึ้นตรงหน้า “อยากใช้ไหม ?” “ม…ไม่” “ชอบสด อ่า! มันคงไม่แปลกอายุขนาดนี้แล้วประสบการณ์คงจะโชกโชน” “……” เขาตัดสินใจฉันด้วยคำพูดที่แสนจะหยาบคายอีกแล้วนะ หมับ! ฉันดึงเอากล่องถุงยางอนามัยในมือตุลมา “พี่ขอเก็บไว้ใช้กับตุลได้ไหม ?” ความจริงคือฉันกลัว กลัวว่าเขาจะไปทำอะไรกับใคร “จะเอาไปให้เพื่อนไม่ได้คิดจะใช้เอง เอาคืนมา!” เขาบอกอย่างหงุดหงิด “เพื่อนหรอ ?” “รู้ไหมว่าเป็นผู้หญิงที่น่ารำคาญขนาดไหน เลิกวุ่นวายสักทีได้ไหมวะ!!” ครั้งนี้เขาแสดงท่าทางที่ดุดันออกมา ก่อนจะเดินชนไหล่ฉัน เขาชนไหล่ฉันจริงๆ แถมยังชนแรงเอามากๆ จนฉันเกือบจะล้มแหนะ ถุงยางอนามัยก็ไม่ยอมเอาไปด้วย โกรธฉันงั้นหรอ…วันต่อมา
ฉันตื่นสายหน่อยวันนี้เพราะเมื่อคืนดื่มหนักจนเฮียต้องเป็นคนขับรถมาให้ เมื่อคืนฉันอยู่ดูตุลจนเขาออกจากคลับ ค่อยสบายใจหน่อยที่เขาไม่ได้ควงผู้หญิงที่ไหนออกไปด้วย ไม่อย่างนั้นฉันคงช้ำหนักแน่ๆ วันนี้คือวันใหม่ เรื่องแย่ๆ เมื่อคืนฉันจะลืมไปให้หมด ไม่อยากเก็บมาคิดให้ทุกข์ใจ วันนี้ฉันจะไปที่อู่เพราะรู้ว่าตุลไม่มีเรียน “จะไปอู่อีกแล้ว ?” เฮียนั่งจิบกาแฟอยู่ถามฉันที่เพิ่งเดินผ่าน อุตส่าห์ย่องเบาแล้วแท้ๆ “รถอยู่อู่น่ะเฮีย หนูจะไปดู” “ส่งลูกน้องไปดูก็ได้ทำไมต้องไปเอง กลับมาไทยแทนที่จะเข้าบริษัทแต่นี่อะไรเข้าแต่อู่ซ่อมรถ” “เอาน่าเฮีย ช่วงนี้หนูยังไม่อยากเข้าบริษัท” “ที่อู่มันมีอะไรดีน้องสาวคนนี้ของเฮียถึงชอบไปนัก” เฮียเฟยมองฉันอย่างจับผิด “ไม่มีอะไรหรอกเฮีย หนูไปก่อนนะ” ฉันรีบวิ่งออกมาจากบ้านเพราะกลัวจะถูกจี้ถามไปมากกว่านี้ ฉันให้คนขับรถที่บ้านมาส่งที่อู่ของตุล เพราะไม่อยากขับรถมาเองจะได้ใช้เป็นข้ออ้างให้เขาขับรถมาส่ง มันต้องมีสักครั้งสิที่เขาเห็นใจยอมมาส่งฉันที่บ้านน่ะ#อู่ซ่อมรถ
เป็นเหมือนเดิมทุกครั้งที่พอตุลเห็นหน้าฉันแล้วเขาก็มักจะแสดงท่าทางเบื่อโลก “มาทำไม” “มาดูรถไง ^_^” “บอกว่าเสร็จอาทิตย์หน้า” “อื้อพี่รู้แล้ว แค่อยากมาดูทุกวันไม่ได้หรอ ^_^” ฉันพยายามไม่คิดถึงเรื่องเมื่อคืนเพราะอยากทำให้ตัวเองมีความสุขทุกวัน มีความสุขกับการได้ชอบใครสักคน ตุลที่นั่งซ่อมรถอยู่พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ รู้ดีกว่าเขารำคาญแต่ฉันก็ยังยิ้มหวานให้ เวลาหงุดหงิดเขาโคตรจะแบดบอยเป็นบ้าเลย ฉันเดินมานั่งโต๊ะหินอ่อนที่ประจำแล้วมองดูตุลซ่อมรถแบบนั้น มีความสุขดีจัง ถ้าได้เป็นแฟนกันคงจะดีมากๆ “ใกล้จะเที่ยงแล้วตุลอยากกินอะไรไหมพี่จะสั่งมาให้” “ไม่หิว” เขาปฏิเสธความหวังดีของฉัน ชิ! คอยดูเถอะจะสั่งของกินมายั่วดูสิว่าม่หิวจริงๆ หรือเปล่า อะไรที่เป็นฉันเขามักจะปฏิเสธตลอดนั่นแหละ ยอมอ่อนให้บ้างก็ไม่ได้ “ห้องน้ำไปทางไหนหรอตุล” ฉันตะโกนถามแต่คนที่ถูกถามไม่ยอมตอบ “ตุล….” “เดินตรงไปในอู่ เลี้ยวซ้าย” เขาตอบกลับแบบไม่เต็มใจจะพูด ฉันลุกขึ้นยืนแล้วรีบเดินไปตามที่ตุลบอกเพราะปวดฉี่ไม่ไหวแล้ว เดินมาตามทางที่ว่าก็เจอกับห้องน้ำจึบรีบเข้าไปทำธุระ หลังจากทำธุระเสร็จกำลังจะเดินกลับแต่สายตาของฉันดันบังเอิญเห็นห้องๆ หนึ่งที่ประตูเปิดแง้มไว้ คิดว่าคงจะเป็นห้องนอนของตุลจึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปดู เพราะอยากเห็นว่าเขาอยู่ยังไง นอนยังไง มันคงจะเป็นธรรมดาของห้องนอนผู้ชายที่ค่อนข้างรกเอามากๆ เสื้อผ้าถอดกระจัดกระจาย มีทั้งกระป๋องเบียร์วางอยู่ เห็นแล้วอยากจะเก็บห้องให้จริงๆ เลย ก่อนจะเดินออกจากห้องฉันเหลือบมองเห็นกรอบรูปที่ตั้งอยู่ จึงเดินไปหยิบมันขึ้นมาดูด้วยความสงสัย แต่แล้วเมื่อมองใกล้ๆ มันก็ทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นจังหวะ พร้อมกับความรู้สึกเจ็บจี๊ดๆ ในกรอบรูปคือภาพถ่ายของตุลกับผู้หญิงคนหนึ่ง ฉันจำคำพูดของแพรได้ที่บอกว่าตุลเคยมีผู้หญิงที่รักมาก แต่ฉันก็ไม่คิดว่าเขาจะรักถึงขนาดเอารูปคู่กับเธอมาใส่กรอบตั้งไว้แบบนี้ “ทำอะไร!!” ฉันสะดุ้งโหย่ง เพราะความตกใจเสียงที่ตวาดถามทำให้กรอบรูปในมือหล่นลงพื้น แน่นอนว่ามันแตกกระจายแถมเศษของกระจกภาพยังปักมาที่เท้าฉันอีกด้วย แต่มันไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลย คงเป็นเพราะสีหน้าและแววตาที่ดุดันของตุลในตอนนี้มันทำให้ฉันลืมความเจ็บปวดไปชั่วขณะ ตุลเดินมาเก็บกรอบรูปที่ฉันทำตก ทั้งที่ก่อนหน้านี้ฉันถูกเขาจ้องเขม็งแต่จู่ๆ เขาก็เงียบไป “ต…ตุลพี่ขอโทษ คือพี่….” “ออกไป” “…ตุล” “บอกให้ออกไปไงวะ!!!”ฉันสะดุ้งกับน้ำเสียงที่ตุลตวาดแต่ก็ยังยืนตัวแข็งทื่ออยู่ เพราะไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อนบวกกับรู้สึกผิดด้วย“เดี๋ยวฉันซื้อกรอบรูปใหม่ให้ก็ได้ นายอย่าโกรธขนาดนั้นสิ” มันเจ็บที่เห็นว่าตุลอาลัยอาวรณ์กรอบรูปขนาดนั้นถึงแม้ฉันจะเป็นคนผิดก็เถอะ “ซื้อให้ใหม่ ?” ตุลเงยหน้ามาก่อนที่เขาจะยืนขึ้น พรึบ! ฝ่ามือใหญ่กระชากแขนของฉันจนตัวปลิว เริ่มรู้สึกเจ็บแผลที่เท้าขึ้นมาแล้วตอนนี้ “ต..ตุลพี่เจ็บ” ฉันพยายามแกะแขนตัวเองออกจากมือของตุลแต่ก็ไม่เป็นผลเพราะเขากำแน่นมากๆ “ชอบให้เงินแก้ปัญหามากเลยว่างั้น ?”“ป…เปล่าพี่ไม่ได้คิดแบบนั้น” “รู้ตัวไหมว่าน่ารำคาญมากขนาดไหน เมื่อไหร่จะเลิกยุ่งสักทีวะ!!” ตุลตะคอกใส่หน้าฉันเสียงดังลั่น เขาน่ากลัวมากๆ จนฉันสั่นไปทั้งตัว “รู้สิ พี่รู้ว่าตัวเองน่ารำคาญขนาดไหน เพราะตุลพูดคำนี้แทบทุกครั้งที่เราเจอกัน”คำว่ารำคาญฉันได้ยินจากปากของผู้ชายคนนี้จนชินแล้ว มันก็จริงนั่นแหละฉันมันน่ารำคาญ แต่จะให้ทำยังไงในเมื่อหัวใจมันชอบไปแล้ว “ถ้ารู้ตัวเองดีก็อย่ามายุ่ง อย่าโผล่หน้ามาให้เห็น!!” “ตุลไม่ชอบพี่พี่ก็เข้าใจนะ แต่ไม่เข้าใจที่ตุลยังรู้สึกกับผู้หญิงคนนั้นอยู่ทั้งที่เธอเป็นฝ
คำถามของฉันทำให้ตุลชะงักแต่ไม่ตอบอะไร ถ้าเขาตกลงฉันก็พร้อมจะเสี่ยง แต่นี่แค่พูดให้มั่นใจยังไม่ทำเลย“ปล่อยพี่” ฉันดิ้นอีกครั้ง “ถ้าเจอคนที่ไม่ชอบจะยอมเปิดใจรึเปล่า ?” คำถามนี้ทำเอาฉันจุกในอก ถ้าเกิดว่าเจอคนที่ไม่ชอบก็คงจะไม่สนใจอย่างที่ตุลทำในตอนนี้ “ถ้าพี่เลิกทำตัวน่ารำคาญล่ะตุลจะหันมาสนใจหรือเปล่า” ที่เป็นอยู่ตอนนี้อาจจะทำให้เขารำคาญมากเกินไป แล้วถ้าฉันลดความน่ารำคาญลงล่ะ “ฝัน ?” มันเป็นคำพูดที่แสนจะธรรมดาแต่สามารถทำให้คนฟังอย่างฉันจุกเสียดจนพูดอะไรไม่ออก ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบสงัดฉันกำลังหลงอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองที่ฟุ้งซ่าน รู้ตัวอีกทีใบหน้าคมคายของตุลก็ซุกไซร้อยู่ที่ซอกคออีกแล้ว “ต…ตุลหยุดนะพี่ไม่…อื้อ~” น้ำเสียงของฉันมันขาดหายไปเมื่อถูกริมฝีปากหนาบดขยี้จูบ เขาทั้งดูดและกัดริมฝีปากของฉันจนรู้สึกชาหนึบ “อื้อ~” ฉันใช้เสียงท้วงและดิ้นสู้ ในเมื่อไม่มีความมั่นใจอะไรเลยใครจะอยากยอมกันล่ะ มือสากลูบไล้บริเวณสะโพกของฉันแล้วเลื่อนขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึงหน้าอก เขาบีบขยำหน้าอกของฉันอย่างแรง แรงจนคิดว่าหน้าอกมันหลุดติดมือไปแล้ว “อื้อ~” เป็นอีกครั้งที่ฉันร้องท้วงในลำคอเพราะหายใจไ
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาฉันอยู่บ้านเพื่อทบทวนตัวเองและรักษาแผลที่เท้าจนหายดี ที่ต้องทบทวนคือทบทวนความรู้สึก ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงชอบตุลมากขนาดนั้นและไม่เข้าใจว่าทำไมตุลถึงได้ตั้งท่ารังเกียจฉันขนาดนั้น คำตอบที่ได้สำหรับฉันยังคงเหมือนเดิม มันคือรักแรกพบ ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากจะถอดใจ หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาฉันลองแล้วแต่ก็ยังวนเวียนคิดถึงแต่เขา ถึงแม้ว่าเขาจะร้ายกาจแถมยังเคยเกือบจะเขมือบฉันก็ตาม “ไม่ออกไปอู่ ?” เฮียเฟยกำลังจะออกไปทำงานเห็นฉันอยู่ที่บ้านก็เลยเดินมาถาม จริงๆ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกเฮียถามหรอก อาทิตย์ที่ผ่านมาเฮียถามฉันทุกวันว่าไม่ไปอู่หรอ คงเป็นเพราะฉันไปบ่อยมากๆ พอไม่ไปเลยผิดปกติ“จะให้หนูไปทุกวันเลยหรอเฮีย” “ก็เห็นไปทุกวัน”“…ถ้าคนนั้นเขาถามแบบที่เฮียถามคงจะดี” ฉันพูดไปอย่างเหม่อลอย คนนั้นที่ว่าคือตุล การที่ฉันหายหน้าไปแบบนี้เขาจะคิดถึงบ้างหรือเปล่านะ เฮ้อ! ไม่ต้องเดาให้ยากหรอกคำตอบนี้ฉันรู้ดีในใจ เฮียออกไปทำงานแล้วส่วนฉันก็นั่งๆ นอนๆ มันรู้สึกเบื่อไปหมด อยากจะออกไปเจอหน้าตุลแต่ภาพนั้นยังติดตา กลัวจะมองหน้าไม่ติด แถมเขายังทิ้งความร้ายกาจไว้อีกด้วย
ฉันยืนเงียบอยู่นานสองนาน ส่วนตุลก็เอาแต่มองฉันจนเขาหันหลังเดินไปซ่อมรถต่อ “พี่ขอนั่งอยู่ต่อสักพักนะ” ฉันตะเบ็งเสียงบอกตุลแต่เขาไม่ได้ตอบอะไรกลับมาจึงเดินมานั่งที่โต๊ะหินอ่อนตัวเดิมผ่านไปครู่ใหญ่เห็นว่าตุลไม่ได้กินน้ำเลยฉันจึงถือวิสาสะเอาน้ำไปให้เขาเพราะความเป็นห่วง “กินน้ำก่อนไหม”“ไม่หิว” ไม่ต้องคิดอะไรมากหลังจากที่ฉันพูดจบเขาก็รีบตอบสวนกลับมา “พี่เห็นตุลไม่ได้กินน้ำเลย…”“ถ้าหิวเดี๋ยวเดินไปกินเอง” ฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะนั่งยอง ๆ ลงข้าง ๆ กับตุลที่กำลังซ่อมรถอยู่ “พี่ถามอะไรหน่อยได้ไหม” ฉันพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่จริงจัง “ไม่ว่าง” “ไม่ว่างหรือเป็นเพราะพี่ตุลถึงไม่อยากคุยด้วย”ตุลหยุดซ่อมรถแล้วหันมามองฉัน ก่อนจะพูด “รู้ขนาดนี้แล้วจะถามทำไม” “… แค่อยากรู้เหตุผลว่าทำไมตุลถึงไม่ชอบพี่” ฉันถามคำนี้ออกไปจากความรู้สึกข้างในจริง ๆ ก็แค่อยากรู้เหตุผลที่เป็นเหตุผลจริง ๆ เท่านั้นเอง “ไม่ชอบคือไม่ชอบ ต้องมีเหตุผล?” เป็นคำตอบที่เลือดเย็นทำให้ฉันเจ็บจนจุกไปทั่วทั้งอก “นั่นสินะ ไม่ชอบแล้วทำไมต้องมีเหตุผล” ฉันทวนคำพูดของตุลเบา ๆ แล้วถามต่อ “ถ้าไม่ชอบแล้วทำไมถึงชอบพูดถึงเรื่
พอฉันชวนไปคุยในห้องตุลก็เงียบไปครู่หนึ่งเหมือนเขากำลังคิดอะไรอยู่สักอย่าง “พี่ขอไปรอตุลที่ห้องนะ” พอฉันจะเดินไปตุลก็พูดขึ้น “มีอะไรก็คุยตรงนี้จะไปคุยที่ห้องเพื่อ?”พอได้ยินแบบนั้นฉันก็ชะงัก คิดว่าตุลจะเข้าใจที่พูดแต่เหมือนเขาจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ดูท่าจะรำคาญมากกว่า “ดื่มด้วยกันไหมพี่” เพื่อนของตุลพูดชวน เขาคงเห็นว่าฉันเงียบไปจึงถาม “พี่ดื่มมาแล้ว” “ดื่มมาแล้วก็ดื่มอีกได้ มานั่งก่อน ๆ” เขาดูเป็นมิตรมาก ๆ อยากให้ตุลเป็นแบบนี้จัง “พี่อยากคุยกับตุลมากกว่า”“ถ้าอยากคุยก็นั่งรอก่อนแล้วกัน ตอนนี้ไม่ว่าง” ตุลตอบอย่างไร้เยื่อใย “มึงก็คุยกับพี่เขาก่อนดิวะไอ้ตุลจะให้นั่งรอทำไมกว่ามึงจะเลิกแดกคงเช้าพอดี”“รอได้ก็รอ รอไม่ได้ก็กลับ” ตุลบอกเพื่อนก่อนจะหันมามองฉันด้วยสายตาที่เย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ได้บังคับ” “อื้อ พี่รอได้” ฉันเม้มปากแน่นแล้วมองหาที่นั่ง เห็นมุมหนึ่งพอนั่งได้อยู่จึงเดินมานั่ง ที่ไม่นั่งร่วมโต๊ะกับตุลเพราะกลัวเขาจะหงุดหงิดไปมากกว่านี้ ทำไมฉันต้องอยากชนะใจคนเย็นชาแบบนี้ด้วยนะ ยิ่งเห็นท่าทางเมินเฉยของเขามากเท่าไหร่มันก็ยิ่งทำให้ฉันอยากชนะใจเขามากขึ้น รู้ว่าท้าทายคนอย่างตุลมันอั
ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดเปิดวิดีโอ ก่อนจะใช้สายตามองไปรอบ ๆ ห้องเพื่อหามุมที่พอจะตั้งกล้องแล้วไม่ผิดสังเกตได้เมื่อมองเห็นว่ามุมตรงนั้นมันไม่เป็นที่จับสังเกตก็รีบเอากล้องไปตั้ง ที่ต้องทำแบบนี้ก็เพื่อกันเอาไว้เพราะหลังจากคืนนี้ไม่รู้ว่าตุลจะเป็นยังไง การมีคลิปฉันสามารถใช้ข่มขู่เขาได้ เข้าข่ายแบล็กเมลใช่ไหมล่ะ มันก็ประมาณนั้นนั้นแหละ … ครั้งแรกของฉันมันดูไม่โรแมนติกอย่างที่วาดฝันเอาไว้เลย แต่ทั้งหมดนี้ฉันเลือกให้มันเกิดขึ้นเองหลังจากตั้งกล้องเสร็จฉันก็เดินกลับมานั่งที่เดิม นั่งนิ่ง ๆ อยู่บนเตียงแบบนั้นจนกระทั่งเวลาผ่านไปชั่วโมงกว่า ทั้งที่ตุลบอกเอาไว้ว่าขอแค่ครึ่งชั่วโมงแท้ ๆ แต่นี่มันเกือบจะเช้าแล้ว ด้วยความที่มันนานเกินไปฉันจึงลุกขึ้นจากเตียงกำลังจะเปิดประตูออกไปดูว่าตุลยังดื่มกับเพื่อนอยู่หรือเปล่า หรือว่าเขาหนีไปแล้ว จู่ ๆ ประตูห้องกูถูกเปิดเข้ามาซะก่อน ตุลขมวดคิ้วเข้มมองฉันที่ยืนอยู่หน้าประตู ฉันจึงรีบพูดขึ้น “พี่จะออกไปดูว่าตุลดื่มเสร็จหรือยังน่ะ” “รีบมากขนาดนั้น?”“ป… เปล่าพี่ไม่ได้รีบ ก็… ก็ตุลพูดเองว่าขอครึ่งชั่วโมงแต่นี่มันผ่านไปชั่วโมงกว่าแล้วพี่แค่จะไปดู” ฉันเม้มปาก
ฉันพยายามคิดว่าจะทำยังไงให้ตุลเลิกสนใจเสียงโทรศัพท์ที่สั่นอยู่ จึงรีบลุกขึ้นแต่พอลุกขึ้นมันก็เจ็บร้าวตรงกลางระหว่างขาจนแทบไม่มีแรง “ตุล” เสียงของฉันทำให้ตุลเปลี่ยนความสนใจหันมามอง เขามองนิ่ง ๆ ไม่ได้ถามอะไร ฉันจึงพูดต่อ “ทำ… ทำต่ออีกรอบได้ไหม?”“ไหว?” เขาเลิกคิ้วถาม ใช่! ฉันไม่ไหว แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้แล้วเขาเห็นโทรศัพท์ฉันชะตาขาดแน่ “ว… ไหวสิ พี่ไหว” “เสียงโทรศัพท์ไม่รับหน่อย?” “ช่างเถอะ เฮียคงโทรตามน่ะ” “โทรศัพท์อยู่ไหน” “…” ฉันสะอึกอ้ำอึ้งเพราะคิดคำตอบไม่ทัน ตุลเดินมาใกล้ ๆ เขาจ้องฉันด้วยสายตาที่จับผิดแล้วถามย้ำ “ถามว่าโทรศัพท์อยู่ไหน”“ย… อยู่ อยู่ไหนไม่รู้พี่จำไม่ได้” “จำไม่ได้ ?” “อื้อ”“งั้นเดี๋ยวช่วยหา” ตุลหันหลังให้ฉันเตรียมจะหาโทรศัพท์ต่อ เสียงนั้นก็สั่นไม่ยอมหยุดสักที ฉันรีบคว้ามือจับแขนตุลเอาไว้ “มาทำต่อดีกว่านะตุล อย่าสนใจเลย”“ถ้าอยากให้ทำต่อก็เอาโทรศัพท์มา” เขาหันมาบอกเสียงแข็ง“ตุลจะสนใจทำไม โทรศัพท์ของพี่นะหรือคิดว่าจะมีผู้ชายคนอื่นโทรมางั้นเหรอ”“…” พอถูกถามแบบนั้นเขาก็เงียบ “มาต่อกันดีกว่านะอย่าสนใจเลย” ตุลแกะมือฉันออกจากแขน เขาไม่สนใจเดินไปตามเสียงสั่นของโท
มันจะดีกว่านี้มาก ๆ ถ้าเขาพูดดี ๆ กับฉันแทนการตวาด ฉันตกเป็นของเขาแล้วนะอ่อนโยนบ้างไม่ได้หรือไง “แล้วตุลไม่นอนด้วยกันเหรอ” “จะกลับไปนอนบ้าน” เขาตอบกลับมาเสียงห้วน“บ้านตุลอยู่ที่ไหนเหรอ” “จะรู้ไปทำไม ? อย่าให้รู้ว่าตามสืบไม่อย่างนั้นได้เจอดีแน่” ฉันเม้มปากแน่นเพราะเขารู้ทันว่าฉันจะตามสืบ ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นฉันคิดแบบนั้น แต่พอเจอดุก็ไม่กล้าจะตามสืบแล้ว ก่อนจะออกไปตุลหยิบรูปภาพบนโต๊ะติดมือไปด้วย ถ้าให้เดาคงจะเป็นภาพของผู้หญิงคนนั้นที่เขารักมาก มันต้องมีสักวันสิที่ฉันแทนที่ผู้หญิงคนนั้นได้ ไม่ท้อหรอก!ฉันพูดกับตัวเองในใจอย่างแน่วแน่ ก่อนจะลุกขึ้นด้วยสภาพที่อิดโรยแล้วสวมใส่เสื้อผ้า เมื่อหันมาที่เตียงก็เห็นมีคราบเลือดเป็นวงใหญ่ นั่นคือเลือดของฉัน… ในเมื่อตุลไม่อยู่ฉันก็ไม่รู้จะนอนที่นี่ไปทำไม จุดประสงค์คืออยากนอนกับเขาไม่ใช่นอนคนเดียว คิดว่าถ้ายอมไปแล้วเขาคงจะนอนด้วยกันแท้ ๆ ดันกลับไปนอนบ้านใจร้ายมากเลย #บ้าน ทันทีที่ฉันเดินผ่านประตูบ้านมาก็เห็นเฮียเฟยกำลังยืนกอดอกทำหน้าไม่รับแขกอยู่ ใจเริ่มรู้สึกกลัวเพราะเฮียโทรมาหาฉันหลายสายมาก ๆ ฉันพยายามเดินให้ปกติเข้ามาในบ้านก่อนจะถาม “ยัง
เช้าวันต่อมา ตื่นมาก็ไม่เจอคนที่เคยนอนอยู่ข้างๆ แล้ว โทรหาก็ไม่รับสาย วันนี้ตุลไม่ได้ไปเรียนพรุ่งนี้ก็ด้วยเขาจะไปไหนได้ ถ้าจะกลับบ้านหรืออู่ก็น่าจะทิ้งข้อความบอก เดินหาแทบทั้งบ้านในที่สุดก็เจอที่สวนดอกไม้ ทั้งที่พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันสำคัญของเราแล้วแท้ๆ แต่ตุลยังทำตัวชิวอยู่อีก อาจเป็นเพราะทุกอย่างเตรียมพร้อมหมดแล้ว แต่เขาก็ควรแสดงความตื่นเต้นมากกว่าการมาปลูกดอกไม้แบบนี้สิ “ว่าที่เจ้าบ่าวทำตัวชิวจังเลยนะคะ” ฉันพูดแซวก่อนที่ตุลจะหันมายิ้ม สองมือของเขาเปื้อนดินเต็มไปหมด “เขาว่าคนท้องมองดอกไม้แล้วจะทำให้อารมณ์ดีขึ้น เป็นไงอารมณ์ดีบ้างไหม?” เรื่องหาข้อมูลต้องยกให้เขาเป็นที่หนึ่งจริงๆ “อารมณ์ดีสิ แต่ตุลลืมอะไรไปหรือเปล่าเดี๋ยวเราก็ต้องย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่แล้วนะ” พ่อของตุลซื้อบ้านให้เป็นเรือนหอของเรา แต่คงต้องตกแต่งอีกสักหน่อยยังไม่ได้ย้ายไปกระทันหัน“อีกตั้งสองสามเดือนกว่าจะได้ย้ายไป จะปลูกไว้ที่นี่แล้วก็ที่บ้านหลังใหม่ด้วยเลย” “ตามใจแล้วกัน” ฉันเดินมาดูใกล้ๆ เห็นว่าตุลาตั้งใจกับการปลูกดอกไม้เอามากๆ “มา เดี๋ยวพี่ช่วยปลูก”“ไม่ต้องๆ แค่ไปนั่งให้กำลังใจตรงนั้นก็พอ” พอจะช่วยก็ถูกสั่งให้
ฉันไม่ได้แกะผ้าปิดตาออกเพราะเคลิ้มไปกับเพลงที่ตุลร้อง จนกระทั่งจบเพลง บรรยากาศกลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง ไม่นานผ้าที่ปิดตาฉันก็ถูกเอาออกไป เดาไม่ยากว่าคนที่ยืนตรงหน้าฉันตอนนี้เขากำลังเขิน คงเป็นเพราะที่ผ่านมาตุลไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลย แม้แต่การดีดกีตาร์ร้องเพลงฉันก็ไม่รู้ว่าเขาทำได้ “แฟนพี่ร้องเพลงเพราะนะเนี่ย ไม่เห็นเคยร้องให้ฟังบ้างเลย ^_^”“ไม่ได้ทำเป็นแต่แรกหรอก เพิ่งไปเรียนเมื่อเดือนที่แล้ว” “เรียน? หมายถึงดีดกีตาร์ร้องเพลงน่ะหรอ” “อือ” ตุลพยักหน้า ใครจะไปเชื่อ ภายในเวลาแค่เดือนเดียวเขาทำได้ขนาดนี้เชียวหรอ “คิดยังไงถึงไปเรียน” “อยากมีโมเมนต์หวานๆ กับเมียบ้าง”“ขอบคุณนะ ^_^”ฉันให้รางวัลด้วยการหอมแก้มเขาไปหนึ่งที จากนั้นก็มองไปยังโต๊ะดินเนอร์ที่ตุลเตรียมไว้ “ว้าว! นี่ตุลทำเองจริงๆ หรอเนี่ย” ถึงกับต้องตาลุกวาวเป็นประกายเมื่อเห็นโต๊ะอาหารที่ถูกจัดแต่งอย่างกับมืออาชีพมาทำด้วยตัวเอง แถมบรรยากาศรอบๆ ก็มีไฟติดอยู่หลากหลายสี สองข้างทางเดินไปที่โต๊ะมีเทียนวางอยู่เป็นทางยาว “มันดูไม่น่าเชื่อขนาดนั้น?” “เปล่า พี่แค่ไม่คิดว่าตุลจะทำออกมาสวยขนาดนี้” “ชอบไหม?”“ชอบสิ ชอบมากๆ ^_^” “หิวห
เวลาผ่านไป อีกแค่สองวันฉันกับตุลก็จะได้เข้าหอด้วยกันในฐานะสามีภรรยาแล้ว ที่ผ่านมาค่อนข้างยุ่งทั้งเรื่องเตรียมของชำร่วย เช็คความเรียบร้อยของสถานที่ ลองชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว การ์ดซองเชิญแขก มันยุ่งมากๆ ทำให้ฉันกับตุลแทบจะไม่ได้พักกันเลย ถึงแม้พ่อของเราสองคนบอกว่าจะช่วยจัดการอีกแรง แต่ในฐานะที่ฉันกับตุลเป็นเจ้าของงานก็อยากจะมีส่วนร่วม หลังจากผ่านความวุ่นวายไปแล้ววันนี้คุณแม่ท้องอ่อนอย่างฉันก็ได้พักผ่อนที่บ้านสักที ส่วนตุลก็ติดเรียน วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่แสนจะพิเศษ เพราะมีนัดดินเนอร์กินข้าวใต้แสงเทียนเพิ่มความหวานก่อนแต่งงาน แค่ได้ฟังตุลพูดฉันก็ดีใจปลื้มปริ่ม ตั้งแต่คบกันมานี่คือครั้งแรกที่เราสองคนได้ดินเนอร์ด้วยกัน ฉันสั่งของขวัญมาเซอร์ไพรส์เขาด้วยแหละ ตาตุลเห็นต้องชอบแน่ๆ ตอนนี้ฉันกำลังยืนมองดูเสื้อผ้าในตู้อย่างพิจารณา ก่อนจะหยิบมาทาบกับตัวเพื่อดูว่าจะใส่ชุดไหนดี ดินเนอร์ทั้งทีก็ต้องแต่งตัวสวยๆ หน่อยสิ ใช่ไหมล่ะ ประมาณสามชั่วโมงผ่านไป ตุลกลับมาจากมหาวิทยาลัยแล้ว วันนี้เขาดูกระตือรือร้นถือของมาเต็มไม้เต็มมือไปหมด “ซื้ออะไรมาเยอะแยะเลย” “ของจัดโต๊ะ ไม่รู้จะใช้แบบไหนดีเลยซื้อมาหลายๆ
ฉันบอกให้ตุลรอที่หน้าประตูบ้านแล้วเป็นฝ่ายไปหาเขาเอง ใบหน้าที่สลดของเขาทำให้รู้สึกหมั่นไส้อยากจะหยิกสักที“เมียจ๋าเค้าขอโทษ ความหึงมันบังตา ขอโทษจริงๆ ต่อไปจะไม่คิดอะไรแบบนั้นอีก” ตุลพูดเสียงเล็กเสียงน้อยพร้อมกับทำหน้าสำนึกผิด แต่ฉันคงไม่ยอมง่ายๆ ต้องสั่งสอนสักหน่อย “ถอดเสื้อผ้าออกให้หมด” ฉันยืนกอดอกวางมาดออกคำสั่ง ส่วนคนที่ได้ฟังก็ถึงกับขมวดคิ้วเป็นปม “ถอดทำไม ?” “บอกให้ถอดก็ถอด ถามมาก!” “แต่ตรงนี้มีคนอยู่นะลิล ถ้าจะทำเรื่องสิบแปดบวกเราไปทำที่ห้องกันดีกว่าไหม” ความคิดนี้มันชี้ชัดได้แล้วว่าในหัวของเขามีแต่เรื่องบนเตียงจริงๆ “ใครจะทำเรื่องลามกแบบนั้นกันล่ะ” “อ้าว! แล้วให้ถอดทำไม”“ถอดเสื้อผ้าแล้วไปวิ่งรอบสนามหญ้ายี่สิบรอบ” “ละ…ลิล” ตุลเรียกชื่อฉันเสียงอ่อย สีหน้าของเขาเริ่มซีดเผือดขึ้นมาทันที “ถ้าอยากให้พี่หายโกรธก็ต้องทำ” “ถ้าทำแล้วต้องหายโกรธจริงๆ นะ”“ถอดสิ” ถึงแม้จะไม่เต็มใจแต่ตุลก็ยอมถอดเสื้อผ้าออกจนเหลือแค่เพียงบ็อกเซอร์สีดำตัวโปรดที่เขาชอบใส่กับเสื้อของฉันที่เขาพกติดตัวไม่ยอมวาง “ต้องถอดนี่ด้วยไหม” ตุลชี้ไปที่บ็อกเซอร์ชิ้นสุดท้ายบนร่างกายของตัวเอง “ไม่ต้อง”“ถ้าอย่างน
เมื่อคืนจำได้ว่าไม่ยอมให้ตุลดูดนมแต่ไหงตื่นเช้ามาริมฝีปากของเขาดันคาบอยู่ที่หน้าอกฉันได้ คงแอบตอนเผลอหลับแน่ๆ เช้าวันนี้ฉันอารมณ์ดีขึ้นไม่หงุดหงิดเหมือนเมื่อคืนแล้ว อย่าว่าแต่อารมณ์ของตุลแปรปรวนเลยอารมณ์ของฉันก็ไม่ต่างกัน “ตื่นได้แล้วตุล” วันนี้ไม่มีเรียนเขาจึงตื่นสายได้“อือ ขอดูดนมต่ออีกหน่อย” ดูเขาสิ ถ้าไม่ใช่แฟนฉันคงคิดว่าเป็นลูกแน่ๆ “วันนี้เราต้องไปลองชุดแต่งงานนะ”“ไปไม่ไหว เพลีย เหนื่อย อ้วกทั้งคืน” เขาบอกแล้วก็ปรือตาขึ้นมามอง ใบหน้าคมคายที่หล่อเหลาตอนนี้โทรมลงอย่างเห็นได้ชัด “อ้วกด้วยหรอเมื่อคืน” “อือ” วงแขนแกร่งกำชับกอดอย่างออดอ้อน “โทรนัดให้ร้านเอาชุดมาให้ลองที่บ้านดีไหม”“แบบนั้นก็ได้” ฉันพยักหน้าตอบ ให้ร้านเอาชุดมาให้ลองที่บ้านก็ดีเหมือนกัน สะดวกสบาย “แบบนี้จะเป็นเจ้าบ่าวไหวหรอ เลื่อนงานแต่งของเราออกไปก่อนจนกว่าตุลจะดีขึ้น……”“ไม่เลื่อน!!” ตุลตอบกลับมาเสียงแข็งทั้งที่ตอนแรกยังใช้เสียงออดอ้อนอยู่เลย “ไม่เห็นต้องเสียงแข็งใส่กันเลยนี่ พี่ตกใจนะ” “อือขอโทษครับ ก็ไม่อยากให้เลื่อนไงไม่ได้ตั้งใจขึ้นเสียงใส่สักหน่อย” “ลุกขึ้นไปอาบน้ำเลย เดี๋ยวพี่จะโทรบอกให้ร้านเสื้อเอาชุด
ตรวจคำผิดย้อนหลัง————ในเมื่อมันเป็นความต้องการของแฟนเด็กฉันก็ไม่สามารถขัดได้ และในตอนนี้ตุลกับฉันกำลังนอนบนเตียง โดยมีอุ้งปากร้อนๆ คาบเม็ดไตบนหน้าอกเอาไว้ไม่ยอมปล่อย แถมยังใช้มือนวดคลึงหน้าอกอีกข้างไปด้วย “อื้อ~ อย่าดูดแรงสิตุล” ฉันร้องอุทานเบาๆ เหมือนโดนแกล้งไม่ให้หลับ พอเคลิ้มจะหลับตุลก็ดูดแรงๆ จนต้องสะดุ้ง “ดูดเบาๆ เองนะ” เขายังมีหน้ามาบอกด้วยใบหน้าทะเล้น อยากจะดีดหูสักที “ไม่ต้องเลย พี่เจ็บไปหมดแล้ว” “จะไปลองชุดเมื่อไร ใกล้จะถึงวันแต่งแล้วนะทำไมเจ้าสาวถึงยังทำตัวชิวอยู่อีก” ตุลพูดค้อน อีกไม่ถึงเดือนก็จะถึงวันที่เราสองคนได้แต่งงานกันแล้วแต่ฉันยังไม่ได้ไปลองชุด เหตุผลก็เพราะอาการที่ไม่ค่อยจะสู้ดีของเขานั่นแหละ “ถ้าอย่างนั้นเราไปพรุ่งนี้เลยก็ได้” ตุลยิ้มให้กับคำตอบของฉัน เหมือนเขารอให้พํดแบบนี้มานานแล้ว “อยากเห็นเมียใส่ชุดเจ้าสาวจะแย่ ต้องเป็นเจ้าสาวที่สุดที่สุดในโลกแน่ๆ”“พูดเวอร์เกินไปแล้วตุล” “พูดเรื่องจริง” เขาทำเมินกับคำตอบแล้วก็วับเม็ดไตบนหน้าอกของฉันไปดูดอีกครั้ง “สัญญากับพี่นะว่าจะไม่ดึงมือที่สามเข้ามาในชีวิตคู่หลังแต่งงานของเรา ถ้าพี่ต้องเสียใจเพราะตุลอีกครั้ง….”“
ฉันนั่งรอแฟนเด็กขี้งอนของตัวเองที่หายไปอยู่ในห้องน้ำนานเกือบครึ่งชั่วโมง พอออกมาก็เห็นว่าเหงื่อท้วมตัวเขาเลย แบบนี้จะให้กลั้นขำได้ยังไง โกรธไม่ลืมหูลืมตาจริงๆ “ขำอะไร” ตุลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ชวนหาเรื่อง ก่อนจะเดินมานอนที่เตียง “เหงื่อท้วมตัวแบบนั้นทำไมไม่ไปอาบน้ำก่อน” “ขี้เกียจ”“ลุกขึ้นไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้เลยนะ” “รังเกียจขนาดนั้น ?”“เปล่า แค่อยากให้ไปอาบน้ำจะได้สบายตัว” “ขี้เกียจ” เขาพูดย้ำคำเดิมแล้วก็ไม่สนใจ ฉันจึงคิดอะไรดีๆ ออกที่จะทำให้เขาหายงอน “แล้วถ้าพี่บอกว่าจะอาบน้ำให้ล่ะ ตุลจะยอมไปอาบไหม” ร่างหนาลุกขึ้นพรวดพราดแล้วเดินมาถอดเสื้อผ้าลงตะกร้าเหลือเพียงร่างกายเปลือยเปล่า จากนั้นก็หันมาบอก “ไปรอในห้องน้ำนะ รีบๆ ตามมาด้วยล่ะ” ฉันที่กำลังอึ้งได้แต่พยักหน้าหงึกๆ กับอารมณ์ที่แปรปรวนของตุล เขานี่นะพอเรื่องแบบนั้นก็ยอมกันง่ายๆ ในเมื่อพูดแล้วก็ต้องทำตามที่พูด ฉันถอดเสื้อผ้าออกจนหมดแล้วหยิบผ้าขนหนูมาพันตัว จากนั้นก็เดินตามตุลมายังห้องน้ำ “หมอสั่งห้ามนะจำได้ใช่ไหม” ฉันย้ำก่อนเพราะกลัวว่าตุลจะทำอะไรที่มันเลยเถิด อารมณ์ของเขายิ่งพลุกพล่านเกินหักห้ามอยู่ด้วย “มาตรงนี้” เขาดึงผ้าขนห
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป การเป็นคนท้องนี่มันสบายแบบนี้นี่เอง เพราะตั้งแต่กลับจากโรงพยาบาลวันนั้นฉันก็แทบไม่ต้องหยิบจับอะไรเลย แถมตอนไปเรียนตุลก็กำชับว่าห้ามไปไหนเด็ดขาด ห้ามขับรถ ห้ามเดินเยอะ เขาสั่งให้ฉันอยู่ในห้อง นี่เขาจริงจังถึงขั้นซื้อกล้องมาติดในห้องเพื่อดูฉันเลยนะ เรื่องท้องฉันกับตุลตกลงกันแล้วว่าจะไม่บอกทางบ้าน รอเซอร์ไพรส์วันแต่งงาน หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาฉันแทบไม่เจอเฮียเลย ถึงแม้ปกติจะไม่ค่อยได้เจออยู่แล้วแต่ครั้งนี้มันต่างออกไป แถมเฮียยังมีท่าทางแปลกๆ มาขอชุดที่ฉันไม่ได้ใส่แล้วบอกว่าจะเอาไปบริจาค มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เฮียจะทำแบบนั้น อย่าคิดนะว่าเห็นอยู่กับฉันเฮียดูเป็นพี่ชายที่แสนดี นั่นมันก็แค่กับฉันที่เป็นน้องสาว ถ้าเป็นคนอื่นเฮียไม่เคยไว้หน้าใคร ก็คิดดูสิว่าคนที่ทำธุรกิจสีเทาได้ต้องโหดขนาดไหน หลายชั่วโมงผ่านไปที่ฉันนอนเบื่อหน่ายอยู่บนเตียงจนกระทั่งตุลกลับมา เขาถือเสื้อของฉันติดมือไม่ยอมให้ห่างเลยจริงๆ “วันนี้เรียนเหนื่อยมาก ขอชาร์จแบตหน่อย” เขาพูดเสียงอ้อนแล้วก็โอบแขนแกร่งมาสวมกอดฉันเพื่อชาร์จแบตให้กับร่างกาย“ขี้อ้อนนะเราเดี๋ยวนี้” “วันนี้ไอ้กันชวนไปวันเกิดมัน” “ว
Talk ตุล แทบทั้งคืนที่ผมไม่ได้นอนเพราะมันรู้สึกไม่สบายตัวและอยากจะอ้วกในบางครั้ง แต่เพราะไม่ได้กินอะไรเลยทำให้อ้วกก็ไม่มีอะไรออกมา ผมที่ตื่นก่อนกำลังนอนมองใบหน้าหวานของว่าที่ภรรยาในอนาคตที่กำลังหลับไม่รู้เรื่องอยู่ในตอนนี้ เมื่อคืนเธอคอยตื่นมาดูอาการของผมจนแทบไม่ได้นอนเหมือนกัน “ทำตัวน่ารักขนาดนี้ไม่ให้คลั่งรักได้ยังไง” ผมพูดกับใบหน้าหวานที่กำลังนอนหลับอย่างเอ็นดู ตอนนี้มันชินแล้วที่ตื่นขึ้นมาแล้วเจอหน้าผู้หญิงคนนี้เป็นคนแรก วันไหนไม่ได้นอนด้วยมันรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง จุ๊บ! ผมก้มลงหอมแก้มแดงระเรื่อฟอดใหญ่ กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์มันทำให้อยากฝังจมูกอยู่แบบนั้นไม่อยากผละออกไปไหน “อื้อ~” เสียงอู้อี้ในลำคอเหมือนจะรู้สึกรำคาญที่ถูกรบกวนของคนที่กำลังนอนหลับดังขึ้นมา ผมค่อย ๆ ยกปลายจมูกออกจากแก้มนิ่ม ๆ อย่างนึกเสียดายผมจับเอาเสื้อของลิลมาพาดไว้บนบ่า ก่อนจะลุกขึ้นหยิบโทรศัพท์กับบุหรี่เดินมาที่นอกระเบียง จู่ ๆ ก็ติดกลิ่นเสื้อของเมียขึ้นมา ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมและไม่สามารถอธิบายได้ ขณะที่ยืนสูบบุหรี่ก็ใช้สายตามองเข้าไปในห้องดูลิลที่กำลังนอนหลับ สมองมันคิดถึงวันแรกที่เธอตามจีบ