พอฉันชวนไปคุยในห้องตุลก็เงียบไปครู่หนึ่งเหมือนเขากำลังคิดอะไรอยู่สักอย่าง
“พี่ขอไปรอตุลที่ห้องนะ” พอฉันจะเดินไปตุลก็พูดขึ้น “มีอะไรก็คุยตรงนี้จะไปคุยที่ห้องเพื่อ?”
พอได้ยินแบบนั้นฉันก็ชะงัก คิดว่าตุลจะเข้าใจที่พูดแต่เหมือนเขาจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ดูท่าจะรำคาญมากกว่า
“ดื่มด้วยกันไหมพี่” เพื่อนของตุลพูดชวน เขาคงเห็นว่าฉันเงียบไปจึงถาม
“พี่ดื่มมาแล้ว”
“ดื่มมาแล้วก็ดื่มอีกได้ มานั่งก่อน ๆ” เขาดูเป็นมิตรมาก ๆ อยากให้ตุลเป็นแบบนี้จัง
“พี่อยากคุยกับตุลมากกว่า”
“ถ้าอยากคุยก็นั่งรอก่อนแล้วกัน ตอนนี้ไม่ว่าง” ตุลตอบอย่างไร้เยื่อใย
“มึงก็คุยกับพี่เขาก่อนดิวะไอ้ตุลจะให้นั่งรอทำไมกว่ามึงจะเลิกแดกคงเช้าพอดี”
“รอได้ก็รอ รอไม่ได้ก็กลับ” ตุลบอกเพื่อนก่อนจะหันมามองฉันด้วยสายตาที่เย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ได้บังคับ”
“อื้อ พี่รอได้” ฉันเม้มปากแน่นแล้วมองหาที่นั่ง เห็นมุมหนึ่งพอนั่งได้อยู่จึงเดินมานั่ง ที่ไม่นั่งร่วมโต๊ะกับตุลเพราะกลัวเขาจะหงุดหงิดไปมากกว่านี้
ทำไมฉันต้องอยากชนะใจคนเย็นชาแบบนี้ด้วยนะ ยิ่งเห็นท่าทางเมินเฉยของเขามากเท่าไหร่มันก็ยิ่งทำให้ฉันอยากชนะใจเขามากขึ้น รู้ว่าท้าทายคนอย่างตุลมันอันตรายแต่ฉันกลับไม่กลัวที่จะเสี่ยง
ผ่านไปเกือบสองชั่วโมงที่นั่งรอ ฉันนั่งตบยุงที่มากัดตามตัวถ้าตอนเช้าตัวคงจะเต็มไปด้วยผื่นของยุงที่กัดแน่ ๆ
“น้ำแข็งหมดเดี๋ยวกูไปซื้อก่อนนะ” เพื่อนของตุลบอกก่อนจะหยิบกุญแจมอเตอร์ไซค์แล้วลุกขึ้นเดินไปที่รถเหมือนเขาอยากเปิดโอกาสให้ฉันคุยกับตุลด้วย
ให้หลังจากที่ผู้ชายคนนั้นขับรถไปฉันก็ลุกขึ้นเดินมาหาตุลทันที
“มีอะไรก็พูดมา” ไม่ทันที่ฉันจะได้พูดอะไรตุลก็ถามขึ้นมาเมื่อเดินมาถึงตัวเขา
“… คืนนี้พี่ขอนอนกับตุลได้ไหม” พอได้ยินแบบนั้นเขาก็หันมาขมวดคิ้วเข้ม “นอน?”
หัวใจของฉันมันเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่กล้าที่จะพูดอะไรต่อจึงหาตัวช่วย สายตาเหลือบเห็นกระป๋องเบียร์ในมือตุลพอดีจึงถือวิสาสะยกขึ้นมาดื่มรวดเดียวหมดกระป๋อง
พอมีความกล้าแล้วจึงพูดต่อ “นอนบนเตียงเดียวกัน”
“คิดอะไรอยู่ถึงมาขอนอนกับผู้ชาย?”
“พี่…” ฉันอ้ำอึ้งไม่รู้จะพูดยังไงจะอธิบายยังไง ความรู้สึกมันอึดแน่นในอก
ตุลใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มแล้วเงียบไปครู่หนึ่ง จู่ ๆ เขาก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
“ตามมา” พูดจบเขาก็เดินนำเข้าไปในอู่ ฉันเองก็รีบเดินตาม ในเมื่อตัดสินใจแล้วฉันไม่ควรมาคิดลังเลอะไรอีก
ตุลเดินเข้ามาในห้องพอฉันตามเข้ามาเขาก็จัดการล็อกประตู ขอยอมรับตามตรงว่าพอเข้ามาในห้องฉันกลับรู้สึกกลัว
ฉันเดินมานั่งบนเตียงโดยไม่ได้ขอก่อน พอล็อกห้องเสร็จแล้วตุลก็เดินเข้ามาใกล้ใช้แขนทั้งสองข้างวางกั้นระหว่างตัวฉันแล้วโน้มใบหน้าลงมาใกล้ ๆ
“ถ้าอยากนอนก็ลงไปนอนที่พื้น” เขาบอกอย่างเยือกเย็น ผู้ชายคนนี้อยู่ด้วยใกล้ ๆ ทีไรทำเอาอุณหภูมิในร่างกายของฉันมันลดต่ำลงทุกที
“ถ้าพี่อยากทำมากกว่านอนล่ะ… ตุลจะให้พี่นอนบนเตียงด้วยหรือเปล่า”
“มากกว่านอน” ตุลเว้นคำพูดก่อนจะขยับใบหน้ามาใกล้กว่าเดิม “รู้รึเปล่าว่าไฟมันร้อนขนาดไหน”
ฉันนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับอย่างท้าทาย “พี่ก็อยากรู้เหมือนกันว่าไฟมันจะร้อนสักแค่ไหน”
พูดจบฉันก็ยกมือถอดเสื้อที่สวมใส่อยู่ออก เผยให้เห็นหน้าอกสองเต้าที่มีเพียงบาร์เซียปิดคลุม
ตุลยิ้มมุมปากก่อนจะลดสายตาลงมามองที่หน้าอกสองเต้าของฉัน เขาไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่ามอง ในขณะที่ความเงียบเข้ามาปกคลุมเสียงรถมอเตอร์ไซค์เพื่อนของตุลก็ขับกลับมาที่อู่
ตุลหันไปมองที่ประตูก่อนจะหันกลับมา เขาก้มหน้าลงใช้เขี้ยวฟันคมกัดที่หน้าอกของฉันเบา ๆ ทำเอาสะดุ้งเผลอร้องอุทานออกมา
“อ๊ะ!”
“ขอเวลาครึ่งชั่วโมง” เขาพูดก่อนจะหยัดตัวขึ้นแล้วหันหลังให้ฉันเดินไปเปิดประตูออกไปจากห้อง
หลังจากที่ตุลเดินออกไปแล้วฉันก็ยกมือขึ้นมาทาบอก สัมผัสเมื่อครู่ทำเอาหัวใจดวงน้อยเต้นรัวไม่เป็นท่า ความรู้สึกตอนนี้มันทั้งกลัวและอยากจะท้าทาย อยากรู้ว่าหลังจากนี้จะเป็นยังไง
ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดเปิดวิดีโอ ก่อนจะใช้สายตามองไปรอบ ๆ ห้องเพื่อหามุมที่พอจะตั้งกล้องแล้วไม่ผิดสังเกตได้เมื่อมองเห็นว่ามุมตรงนั้นมันไม่เป็นที่จับสังเกตก็รีบเอากล้องไปตั้ง ที่ต้องทำแบบนี้ก็เพื่อกันเอาไว้เพราะหลังจากคืนนี้ไม่รู้ว่าตุลจะเป็นยังไง การมีคลิปฉันสามารถใช้ข่มขู่เขาได้ เข้าข่ายแบล็กเมลใช่ไหมล่ะ มันก็ประมาณนั้นนั้นแหละ … ครั้งแรกของฉันมันดูไม่โรแมนติกอย่างที่วาดฝันเอาไว้เลย แต่ทั้งหมดนี้ฉันเลือกให้มันเกิดขึ้นเองหลังจากตั้งกล้องเสร็จฉันก็เดินกลับมานั่งที่เดิม นั่งนิ่ง ๆ อยู่บนเตียงแบบนั้นจนกระทั่งเวลาผ่านไปชั่วโมงกว่า ทั้งที่ตุลบอกเอาไว้ว่าขอแค่ครึ่งชั่วโมงแท้ ๆ แต่นี่มันเกือบจะเช้าแล้ว ด้วยความที่มันนานเกินไปฉันจึงลุกขึ้นจากเตียงกำลังจะเปิดประตูออกไปดูว่าตุลยังดื่มกับเพื่อนอยู่หรือเปล่า หรือว่าเขาหนีไปแล้ว จู่ ๆ ประตูห้องกูถูกเปิดเข้ามาซะก่อน ตุลขมวดคิ้วเข้มมองฉันที่ยืนอยู่หน้าประตู ฉันจึงรีบพูดขึ้น “พี่จะออกไปดูว่าตุลดื่มเสร็จหรือยังน่ะ” “รีบมากขนาดนั้น?”“ป… เปล่าพี่ไม่ได้รีบ ก็… ก็ตุลพูดเองว่าขอครึ่งชั่วโมงแต่นี่มันผ่านไปชั่วโมงกว่าแล้วพี่แค่จะไปดู” ฉันเม้มปาก
ฉันพยายามคิดว่าจะทำยังไงให้ตุลเลิกสนใจเสียงโทรศัพท์ที่สั่นอยู่ จึงรีบลุกขึ้นแต่พอลุกขึ้นมันก็เจ็บร้าวตรงกลางระหว่างขาจนแทบไม่มีแรง “ตุล” เสียงของฉันทำให้ตุลเปลี่ยนความสนใจหันมามอง เขามองนิ่ง ๆ ไม่ได้ถามอะไร ฉันจึงพูดต่อ “ทำ… ทำต่ออีกรอบได้ไหม?”“ไหว?” เขาเลิกคิ้วถาม ใช่! ฉันไม่ไหว แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้แล้วเขาเห็นโทรศัพท์ฉันชะตาขาดแน่ “ว… ไหวสิ พี่ไหว” “เสียงโทรศัพท์ไม่รับหน่อย?” “ช่างเถอะ เฮียคงโทรตามน่ะ” “โทรศัพท์อยู่ไหน” “…” ฉันสะอึกอ้ำอึ้งเพราะคิดคำตอบไม่ทัน ตุลเดินมาใกล้ ๆ เขาจ้องฉันด้วยสายตาที่จับผิดแล้วถามย้ำ “ถามว่าโทรศัพท์อยู่ไหน”“ย… อยู่ อยู่ไหนไม่รู้พี่จำไม่ได้” “จำไม่ได้ ?” “อื้อ”“งั้นเดี๋ยวช่วยหา” ตุลหันหลังให้ฉันเตรียมจะหาโทรศัพท์ต่อ เสียงนั้นก็สั่นไม่ยอมหยุดสักที ฉันรีบคว้ามือจับแขนตุลเอาไว้ “มาทำต่อดีกว่านะตุล อย่าสนใจเลย”“ถ้าอยากให้ทำต่อก็เอาโทรศัพท์มา” เขาหันมาบอกเสียงแข็ง“ตุลจะสนใจทำไม โทรศัพท์ของพี่นะหรือคิดว่าจะมีผู้ชายคนอื่นโทรมางั้นเหรอ”“…” พอถูกถามแบบนั้นเขาก็เงียบ “มาต่อกันดีกว่านะอย่าสนใจเลย” ตุลแกะมือฉันออกจากแขน เขาไม่สนใจเดินไปตามเสียงสั่นของโท
มันจะดีกว่านี้มาก ๆ ถ้าเขาพูดดี ๆ กับฉันแทนการตวาด ฉันตกเป็นของเขาแล้วนะอ่อนโยนบ้างไม่ได้หรือไง “แล้วตุลไม่นอนด้วยกันเหรอ” “จะกลับไปนอนบ้าน” เขาตอบกลับมาเสียงห้วน“บ้านตุลอยู่ที่ไหนเหรอ” “จะรู้ไปทำไม ? อย่าให้รู้ว่าตามสืบไม่อย่างนั้นได้เจอดีแน่” ฉันเม้มปากแน่นเพราะเขารู้ทันว่าฉันจะตามสืบ ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นฉันคิดแบบนั้น แต่พอเจอดุก็ไม่กล้าจะตามสืบแล้ว ก่อนจะออกไปตุลหยิบรูปภาพบนโต๊ะติดมือไปด้วย ถ้าให้เดาคงจะเป็นภาพของผู้หญิงคนนั้นที่เขารักมาก มันต้องมีสักวันสิที่ฉันแทนที่ผู้หญิงคนนั้นได้ ไม่ท้อหรอก!ฉันพูดกับตัวเองในใจอย่างแน่วแน่ ก่อนจะลุกขึ้นด้วยสภาพที่อิดโรยแล้วสวมใส่เสื้อผ้า เมื่อหันมาที่เตียงก็เห็นมีคราบเลือดเป็นวงใหญ่ นั่นคือเลือดของฉัน… ในเมื่อตุลไม่อยู่ฉันก็ไม่รู้จะนอนที่นี่ไปทำไม จุดประสงค์คืออยากนอนกับเขาไม่ใช่นอนคนเดียว คิดว่าถ้ายอมไปแล้วเขาคงจะนอนด้วยกันแท้ ๆ ดันกลับไปนอนบ้านใจร้ายมากเลย #บ้าน ทันทีที่ฉันเดินผ่านประตูบ้านมาก็เห็นเฮียเฟยกำลังยืนกอดอกทำหน้าไม่รับแขกอยู่ ใจเริ่มรู้สึกกลัวเพราะเฮียโทรมาหาฉันหลายสายมาก ๆ ฉันพยายามเดินให้ปกติเข้ามาในบ้านก่อนจะถาม “ยัง
ฉันหยุดนิ่งครู่หนึ่งเพื่อรอฟังว่าตุลจะพูดอะไรหรือเปล่า สักคำก็ได้ที่ถาม พูดอะไรก็ได้ที่ทำให้รู้สึกดีมากกว่านี้ แต่ไม่เลยเขาไม่ถามอะไรสักคำ “ถ้าพ่อรู้ว่ามึงทำตัวแบบนี้นะไอ้ตุล” ผู้ชายคนนั้นบอกแล้วหันมามองฉัน ก่อนที่ตุลจะพูด “ถ้ามึงไม่พูดพ่อจะรู้ได้ยังไง” ที่พูดมาก็ทำให้ฉันพอจะจับใจความได้ว่าตุลกับผู้ชายคนนั้นเป็นพี่น้องกันแน่นอน เหมือนเขาจะกลัวพ่ออยู่เหมือนกัน “พี่ขอคุยกับตุลก่อนกลับได้ไหม” ทุกอย่างมันต่างไปจากเดิม ตอนที่ยังไม่มีอะไรกันฉันสามารถกวนใจเขาได้เต็มที่ แต่พอมีอะไรกันแล้วฉันกลับรู้สึกไม่กล้า “คุยไร?” “ขอคุยแค่สองคนได้ไหม” พอฉันบอกแบบนั้นผู้ชายที่ยืนข้างตุลก็พูดขึ้น “กูกลับก่อนละกัน เดี๋ยวจะบอกพ่อให้ว่ามึงทำตัวดีมาก ๆ ตั้งใจเรียนสุด ๆ” “เออ” เมื่อเขาเดินไปแล้วฉันก็เดินมาหาตุลที่กำลังจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ พอเห็นแบบนั้นฉันรีบดึงซองบุหรี่มาก่อนเพราะไม่ค่อยชอบกลิ่นของมันสักเท่าไหร่ “เอามา” ตุลมองซองบุหรี่ในมือก่อนจะตวัดสายตาขึ้นมามองหน้าฉันเขม็ง “คุยกันก่อนเดี๋ยวพี่คืนให้” “วุ่นวายจังวะ!!” ไม่รู้ว่าเป็นแค่ฉันหรือเปล่าที่ทำให้เขาไม่สบอารมณ์ได้ขนาดนี้ หรือเขาเป็นแบบนี้กับท
ฉันหันไปมองตุล เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแต่กลับไม่ได้สนใจข้อความของฉันที่เพิ่งส่งไป หัวใจมันรู้สึกเหมือนมีอะไรมาบีบรัดแน่นจุกไปหมดแล้วตอนนี้ “เดี๋ยวฉันมานะ” เป็นอีกครั้งที่เควินจะเดินไปโต๊ะอื่น ฉันไม่ได้ค้านอะไรเขาอยากจะไปก็ให้ไป ตอนนี้สมองมันสนใจแค่ตุลที่กำลังใช้มือโอบผู้หญิงคนนั้นอยู่ สิ่งที่เขาทำกับคนอื่นได้แต่ไม่เคยทำกับฉันเลยสักอย่าง ฉันกำโทรศัพท์ในมือแน่นเมื่อไม่สามารถทนมองภาพนั้นต่อไปได้ แก้วเหล้าในมือถูกยกดื่มจนหมดแก้วอีกครั้งก่อนที่ฉันจะลุกขึ้นเดินไปยังโต๊ะของตุล พอเดินมาที่โต๊ะตุลกับเพื่อนเขาไม่ทันได้สังเกตเพราะคนค่อนข้างเยอะ ฉันดึงมือของตุลที่โอบเอวผู้หญิงอยู่ออกแล้วเป็นฝ่ายแทรกตัวมาคั่นกลางแทน “นี่! ไม่มีตาหรือไงฉันยืนอยู่นะ” ยัยผู้หญิงคนนั้นถามฉันด้วยท่าทางที่หาเรื่อง“ยืนอยู่แล้วยังไง” ฉันเองก็ถามกลับอย่างหาเรื่องเช่นกัน “ใครเหรอตุล?” เธอมองผ่านฉันมาถามตุลที่นั่งอยู่ คนที่ถูกถามไม่ได้ตอบอะไรทั้งนั้น จู่ ๆ ตุลก็ลุกขึ้นยืนแล้วพูดกับเพื่อนที่มาด้วยกัน “กูไปสูบบุหรี่ข้างนอกก่อนนะ”“เออ ๆ” ตุลมองฉันด้วยสายตาที่เลือดเย็นครู่หนึ่งก่อนจะเดินไปเลย มีใครที่เย็นชามากกว่าผู้ชา
#ภายในห้อง หลังจากที่ประตูถูกปิดร่างของฉันก็ถูกดันมาติดกับกำแพงห้อง ฝ่ามือใหญ่จับใบหน้าของฉันให้หันมาอยู่ในระดับเดียวกัน ริมฝีปากหนากดขยี้จูบหนัก ๆ ความดิบเถื่อนทำให้ริมฝีปากเจ็บจนระบมไปหมดไม่นานที่ตุลบดขยี้ความดิบเถื่อนลงบนริมฝีปากของฉันเขาก็ผละใบหน้าออก สายตาเย็นชาตรงหน้ามองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถาม“สนใจแค่เรื่องบนเตียงดีกว่าไหม” “… พี่ไม่ได้ต้องการแค่นั้น” “ถ้ามากกว่านี้คงให้ไม่ได้” ตุลปล่อยใบหน้าของฉันให้เป็นอิสระ จากนั้นเขาก็เดินไปนั่งที่เตียงแล้วพูดต่อ “ให้เลือกอีกครั้งว่าจะอยู่ต่อ หรือจะกลับไป” “…”“ถ้าเลือกอยู่ต่อก็ต้องยอมรับให้ได้ว่าไม่มีสิทธิ์ ไม่มีสถานะ” ตุลเว้นคำพูดก่อนจะถอดเสื้อออกแล้วทิ้งลงพื้น ก่อนจะพูดต่อ “ถ้าเลือกกลับไปทุกอย่างก็จบ ไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น”ฉันกำมือแน่นจนมันเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อแล้วถามผู้ชายตรงหน้ากลับ “ถ้าตุลชอบใครสักคนมาก ๆ จะเลือกแบบไหนเหรอ”คนที่ถูกถามไม่ตอบอะไรสักคำ อย่างน้อยมันก็ดีที่เขาให้โอกาสได้เลือกอีกครั้ง แต่ฉันยังอยากจะลองดูก่อน อยากสู้อีกสักครั้ง ถ้าทุกอย่างที่ทำไปมันไม่มีความหมายจริง ๆ ฉันจะเป็นคนถอยออกมาเอง ฉันเดินมาหยิบเสื้อที
ฉันคิดทบทวนคำว่า ‘ไอ้ผู้ชายคนนั้น’ ที่ตุลว่าหมายถึงคือใครอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถามเขา “คนที่ขอไลน์พี่น่ะเหรอ? พี่ไม่รู้จักนะแต่เห็นเขาคุยกับตุลนี่” “ขอไลน์?” ตุลขมวดคิ้วเข้ม แต่สายตาของเขามันก็ยังเย็นชามาก ๆ อยู่ “ไม่ใช่คนนั้นเหรอแล้วตุลหมายถึงใคร อ๋อ! ถ้าเป็นคนที่ไปกับพี่คนนั้นชื่อเควินเป็นเพื่อนที่เรียนต่างประเทศด้วยกันน่ะ เขามา…”“ไม่ได้อยากรู้ขนาดนั้น” ตุลพูดขัดด้วยท่าทางที่ไม่สบอารมณ์ ก็เขาถามเองนี่นาฉันก็แค่ตอบไงผิดมากเหรอ “เราเป็นเพื่อนกัน” “อืม” “ง… งั้นพี่ไปก่อนนะ” “อืม” เฮ้อ! คิดว่าจะรั้งให้อยู่ด้วยซะอีกน่าน้อยใจจัง เมื่อไหร่ผู้ชายคนนี้ถึงจะยอมเปิดใจสักทีนะ #บ้านกลับมาถึงบ้านสิ่งแรกที่ทำคือส่งข้อความไปบอกตุลว่า ‘พี่กลับมาถึงบ้านแล้วนะ ฝันดีนะครับ’ ฉันพิมพ์ไปแบบนี้จริง ๆ ถึงแม้ว่าเขาจะโหดร้ายแค่ไหนก็ตาม ฉันนอนไม่หลับพยายามข่มตานอนแล้วแต่ทำยังไงก็ไม่หลับเพราะหิวจนต้องลุกจากเตียงมาหาอะไรกินที่ครัว “เพิ่งกลับ?” “เฮีย! หนูตกใจหมดเลยค่ะ” แทบจะกรี๊ดลั่นบ้านเพราะจู่ ๆ เฮียเฟยก็โผล่มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง “หนูกลับนานแล้วแค่ลงมาหาอะไรกินเพราะนอนไม่หลับต่างหาก”“แล้วไปไหนมา?”
“เป็นเด็กเป็นเล็กนิสัยเสียชะมัด” เควินบ่นหลังจากที่ตุลเดินไปแล้ว จากนั้นเขาก็เป็นคนก้มลงไปเก็บของที่หล่นให้ “ทำแบบนี้ทำคนที่ไม่รู้จักได้ยังไง” เควินยังไม่เลิกบ่น เขาหยุดก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองฉันแล้วพูดต่อ “หรือเธอรู้จัก?” “ป… เปล่าฉันไม่รู้จักสักหน่อย” ที่ต้องปฏิเสธก็เพราะว่าไม่อยากถูกถามอะไรต่าง ๆ เพราะถ้าเควินรู้ว่าฉันรู้จักตุลเขาคงไม่ใช่แค่พยักหน้าแล้วเงียบไปแน่ ๆ คงจะต้องยิงคำถามใส่รัว ๆ ก่อนมาที่โรงแรมฉันกับเควินแวะกินอาหารกันเรียบร้อยแล้ว เพราะไม่อยากให้เขาต้องมาทำกินเอง หลังจากส่งเพื่อนเสร็จฉันก็ขับรถกลับไปที่บ้าน ยังไม่ทันจะถึงที่บ้านเลยโทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้น เป็นแพรที่โทรมาจึงรีบกดรับสาย “ว่าไงแพร เงียบหายไปเลยนะฉันเหงามากรู้ไหม”(ช่วงนี้ฉันยุ่ง ๆ น่ะ)“แล้วแกโทรมามีอะไรหรือเปล่า”(จะชวนไปดูแข่งรถด้วยกัน)“แข่งรถงั้นเหรอ” (ไปหรือเปล่าวันนี้เพื่อนแฟนของฉันแข่ง ตุลไปด้วยนะ)จริง ๆ ฉันไม่ชอบดูการแข่งรถเลยแต่พอรู้ว่าตุลไปด้วย ความอยากไปมันก็พุ่งขึ้นมาระดับร้อย“อื้อไปสิ แกมารับฉันหน่อยได้ไหม” (ที่บ้านเหรอ)“อื้อ ขี้เกียจขับรถไปเองน่ะ” (อื้อ แต่แกห้ามพูดเรื่องที่ฉันไปรับแก
เช้าวันต่อมา ตื่นมาก็ไม่เจอคนที่เคยนอนอยู่ข้างๆ แล้ว โทรหาก็ไม่รับสาย วันนี้ตุลไม่ได้ไปเรียนพรุ่งนี้ก็ด้วยเขาจะไปไหนได้ ถ้าจะกลับบ้านหรืออู่ก็น่าจะทิ้งข้อความบอก เดินหาแทบทั้งบ้านในที่สุดก็เจอที่สวนดอกไม้ ทั้งที่พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันสำคัญของเราแล้วแท้ๆ แต่ตุลยังทำตัวชิวอยู่อีก อาจเป็นเพราะทุกอย่างเตรียมพร้อมหมดแล้ว แต่เขาก็ควรแสดงความตื่นเต้นมากกว่าการมาปลูกดอกไม้แบบนี้สิ “ว่าที่เจ้าบ่าวทำตัวชิวจังเลยนะคะ” ฉันพูดแซวก่อนที่ตุลจะหันมายิ้ม สองมือของเขาเปื้อนดินเต็มไปหมด “เขาว่าคนท้องมองดอกไม้แล้วจะทำให้อารมณ์ดีขึ้น เป็นไงอารมณ์ดีบ้างไหม?” เรื่องหาข้อมูลต้องยกให้เขาเป็นที่หนึ่งจริงๆ “อารมณ์ดีสิ แต่ตุลลืมอะไรไปหรือเปล่าเดี๋ยวเราก็ต้องย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่แล้วนะ” พ่อของตุลซื้อบ้านให้เป็นเรือนหอของเรา แต่คงต้องตกแต่งอีกสักหน่อยยังไม่ได้ย้ายไปกระทันหัน“อีกตั้งสองสามเดือนกว่าจะได้ย้ายไป จะปลูกไว้ที่นี่แล้วก็ที่บ้านหลังใหม่ด้วยเลย” “ตามใจแล้วกัน” ฉันเดินมาดูใกล้ๆ เห็นว่าตุลาตั้งใจกับการปลูกดอกไม้เอามากๆ “มา เดี๋ยวพี่ช่วยปลูก”“ไม่ต้องๆ แค่ไปนั่งให้กำลังใจตรงนั้นก็พอ” พอจะช่วยก็ถูกสั่งให้
ฉันไม่ได้แกะผ้าปิดตาออกเพราะเคลิ้มไปกับเพลงที่ตุลร้อง จนกระทั่งจบเพลง บรรยากาศกลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง ไม่นานผ้าที่ปิดตาฉันก็ถูกเอาออกไป เดาไม่ยากว่าคนที่ยืนตรงหน้าฉันตอนนี้เขากำลังเขิน คงเป็นเพราะที่ผ่านมาตุลไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลย แม้แต่การดีดกีตาร์ร้องเพลงฉันก็ไม่รู้ว่าเขาทำได้ “แฟนพี่ร้องเพลงเพราะนะเนี่ย ไม่เห็นเคยร้องให้ฟังบ้างเลย ^_^”“ไม่ได้ทำเป็นแต่แรกหรอก เพิ่งไปเรียนเมื่อเดือนที่แล้ว” “เรียน? หมายถึงดีดกีตาร์ร้องเพลงน่ะหรอ” “อือ” ตุลพยักหน้า ใครจะไปเชื่อ ภายในเวลาแค่เดือนเดียวเขาทำได้ขนาดนี้เชียวหรอ “คิดยังไงถึงไปเรียน” “อยากมีโมเมนต์หวานๆ กับเมียบ้าง”“ขอบคุณนะ ^_^”ฉันให้รางวัลด้วยการหอมแก้มเขาไปหนึ่งที จากนั้นก็มองไปยังโต๊ะดินเนอร์ที่ตุลเตรียมไว้ “ว้าว! นี่ตุลทำเองจริงๆ หรอเนี่ย” ถึงกับต้องตาลุกวาวเป็นประกายเมื่อเห็นโต๊ะอาหารที่ถูกจัดแต่งอย่างกับมืออาชีพมาทำด้วยตัวเอง แถมบรรยากาศรอบๆ ก็มีไฟติดอยู่หลากหลายสี สองข้างทางเดินไปที่โต๊ะมีเทียนวางอยู่เป็นทางยาว “มันดูไม่น่าเชื่อขนาดนั้น?” “เปล่า พี่แค่ไม่คิดว่าตุลจะทำออกมาสวยขนาดนี้” “ชอบไหม?”“ชอบสิ ชอบมากๆ ^_^” “หิวห
เวลาผ่านไป อีกแค่สองวันฉันกับตุลก็จะได้เข้าหอด้วยกันในฐานะสามีภรรยาแล้ว ที่ผ่านมาค่อนข้างยุ่งทั้งเรื่องเตรียมของชำร่วย เช็คความเรียบร้อยของสถานที่ ลองชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว การ์ดซองเชิญแขก มันยุ่งมากๆ ทำให้ฉันกับตุลแทบจะไม่ได้พักกันเลย ถึงแม้พ่อของเราสองคนบอกว่าจะช่วยจัดการอีกแรง แต่ในฐานะที่ฉันกับตุลเป็นเจ้าของงานก็อยากจะมีส่วนร่วม หลังจากผ่านความวุ่นวายไปแล้ววันนี้คุณแม่ท้องอ่อนอย่างฉันก็ได้พักผ่อนที่บ้านสักที ส่วนตุลก็ติดเรียน วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่แสนจะพิเศษ เพราะมีนัดดินเนอร์กินข้าวใต้แสงเทียนเพิ่มความหวานก่อนแต่งงาน แค่ได้ฟังตุลพูดฉันก็ดีใจปลื้มปริ่ม ตั้งแต่คบกันมานี่คือครั้งแรกที่เราสองคนได้ดินเนอร์ด้วยกัน ฉันสั่งของขวัญมาเซอร์ไพรส์เขาด้วยแหละ ตาตุลเห็นต้องชอบแน่ๆ ตอนนี้ฉันกำลังยืนมองดูเสื้อผ้าในตู้อย่างพิจารณา ก่อนจะหยิบมาทาบกับตัวเพื่อดูว่าจะใส่ชุดไหนดี ดินเนอร์ทั้งทีก็ต้องแต่งตัวสวยๆ หน่อยสิ ใช่ไหมล่ะ ประมาณสามชั่วโมงผ่านไป ตุลกลับมาจากมหาวิทยาลัยแล้ว วันนี้เขาดูกระตือรือร้นถือของมาเต็มไม้เต็มมือไปหมด “ซื้ออะไรมาเยอะแยะเลย” “ของจัดโต๊ะ ไม่รู้จะใช้แบบไหนดีเลยซื้อมาหลายๆ
ฉันบอกให้ตุลรอที่หน้าประตูบ้านแล้วเป็นฝ่ายไปหาเขาเอง ใบหน้าที่สลดของเขาทำให้รู้สึกหมั่นไส้อยากจะหยิกสักที“เมียจ๋าเค้าขอโทษ ความหึงมันบังตา ขอโทษจริงๆ ต่อไปจะไม่คิดอะไรแบบนั้นอีก” ตุลพูดเสียงเล็กเสียงน้อยพร้อมกับทำหน้าสำนึกผิด แต่ฉันคงไม่ยอมง่ายๆ ต้องสั่งสอนสักหน่อย “ถอดเสื้อผ้าออกให้หมด” ฉันยืนกอดอกวางมาดออกคำสั่ง ส่วนคนที่ได้ฟังก็ถึงกับขมวดคิ้วเป็นปม “ถอดทำไม ?” “บอกให้ถอดก็ถอด ถามมาก!” “แต่ตรงนี้มีคนอยู่นะลิล ถ้าจะทำเรื่องสิบแปดบวกเราไปทำที่ห้องกันดีกว่าไหม” ความคิดนี้มันชี้ชัดได้แล้วว่าในหัวของเขามีแต่เรื่องบนเตียงจริงๆ “ใครจะทำเรื่องลามกแบบนั้นกันล่ะ” “อ้าว! แล้วให้ถอดทำไม”“ถอดเสื้อผ้าแล้วไปวิ่งรอบสนามหญ้ายี่สิบรอบ” “ละ…ลิล” ตุลเรียกชื่อฉันเสียงอ่อย สีหน้าของเขาเริ่มซีดเผือดขึ้นมาทันที “ถ้าอยากให้พี่หายโกรธก็ต้องทำ” “ถ้าทำแล้วต้องหายโกรธจริงๆ นะ”“ถอดสิ” ถึงแม้จะไม่เต็มใจแต่ตุลก็ยอมถอดเสื้อผ้าออกจนเหลือแค่เพียงบ็อกเซอร์สีดำตัวโปรดที่เขาชอบใส่กับเสื้อของฉันที่เขาพกติดตัวไม่ยอมวาง “ต้องถอดนี่ด้วยไหม” ตุลชี้ไปที่บ็อกเซอร์ชิ้นสุดท้ายบนร่างกายของตัวเอง “ไม่ต้อง”“ถ้าอย่างน
เมื่อคืนจำได้ว่าไม่ยอมให้ตุลดูดนมแต่ไหงตื่นเช้ามาริมฝีปากของเขาดันคาบอยู่ที่หน้าอกฉันได้ คงแอบตอนเผลอหลับแน่ๆ เช้าวันนี้ฉันอารมณ์ดีขึ้นไม่หงุดหงิดเหมือนเมื่อคืนแล้ว อย่าว่าแต่อารมณ์ของตุลแปรปรวนเลยอารมณ์ของฉันก็ไม่ต่างกัน “ตื่นได้แล้วตุล” วันนี้ไม่มีเรียนเขาจึงตื่นสายได้“อือ ขอดูดนมต่ออีกหน่อย” ดูเขาสิ ถ้าไม่ใช่แฟนฉันคงคิดว่าเป็นลูกแน่ๆ “วันนี้เราต้องไปลองชุดแต่งงานนะ”“ไปไม่ไหว เพลีย เหนื่อย อ้วกทั้งคืน” เขาบอกแล้วก็ปรือตาขึ้นมามอง ใบหน้าคมคายที่หล่อเหลาตอนนี้โทรมลงอย่างเห็นได้ชัด “อ้วกด้วยหรอเมื่อคืน” “อือ” วงแขนแกร่งกำชับกอดอย่างออดอ้อน “โทรนัดให้ร้านเอาชุดมาให้ลองที่บ้านดีไหม”“แบบนั้นก็ได้” ฉันพยักหน้าตอบ ให้ร้านเอาชุดมาให้ลองที่บ้านก็ดีเหมือนกัน สะดวกสบาย “แบบนี้จะเป็นเจ้าบ่าวไหวหรอ เลื่อนงานแต่งของเราออกไปก่อนจนกว่าตุลจะดีขึ้น……”“ไม่เลื่อน!!” ตุลตอบกลับมาเสียงแข็งทั้งที่ตอนแรกยังใช้เสียงออดอ้อนอยู่เลย “ไม่เห็นต้องเสียงแข็งใส่กันเลยนี่ พี่ตกใจนะ” “อือขอโทษครับ ก็ไม่อยากให้เลื่อนไงไม่ได้ตั้งใจขึ้นเสียงใส่สักหน่อย” “ลุกขึ้นไปอาบน้ำเลย เดี๋ยวพี่จะโทรบอกให้ร้านเสื้อเอาชุด
ตรวจคำผิดย้อนหลัง————ในเมื่อมันเป็นความต้องการของแฟนเด็กฉันก็ไม่สามารถขัดได้ และในตอนนี้ตุลกับฉันกำลังนอนบนเตียง โดยมีอุ้งปากร้อนๆ คาบเม็ดไตบนหน้าอกเอาไว้ไม่ยอมปล่อย แถมยังใช้มือนวดคลึงหน้าอกอีกข้างไปด้วย “อื้อ~ อย่าดูดแรงสิตุล” ฉันร้องอุทานเบาๆ เหมือนโดนแกล้งไม่ให้หลับ พอเคลิ้มจะหลับตุลก็ดูดแรงๆ จนต้องสะดุ้ง “ดูดเบาๆ เองนะ” เขายังมีหน้ามาบอกด้วยใบหน้าทะเล้น อยากจะดีดหูสักที “ไม่ต้องเลย พี่เจ็บไปหมดแล้ว” “จะไปลองชุดเมื่อไร ใกล้จะถึงวันแต่งแล้วนะทำไมเจ้าสาวถึงยังทำตัวชิวอยู่อีก” ตุลพูดค้อน อีกไม่ถึงเดือนก็จะถึงวันที่เราสองคนได้แต่งงานกันแล้วแต่ฉันยังไม่ได้ไปลองชุด เหตุผลก็เพราะอาการที่ไม่ค่อยจะสู้ดีของเขานั่นแหละ “ถ้าอย่างนั้นเราไปพรุ่งนี้เลยก็ได้” ตุลยิ้มให้กับคำตอบของฉัน เหมือนเขารอให้พํดแบบนี้มานานแล้ว “อยากเห็นเมียใส่ชุดเจ้าสาวจะแย่ ต้องเป็นเจ้าสาวที่สุดที่สุดในโลกแน่ๆ”“พูดเวอร์เกินไปแล้วตุล” “พูดเรื่องจริง” เขาทำเมินกับคำตอบแล้วก็วับเม็ดไตบนหน้าอกของฉันไปดูดอีกครั้ง “สัญญากับพี่นะว่าจะไม่ดึงมือที่สามเข้ามาในชีวิตคู่หลังแต่งงานของเรา ถ้าพี่ต้องเสียใจเพราะตุลอีกครั้ง….”“
ฉันนั่งรอแฟนเด็กขี้งอนของตัวเองที่หายไปอยู่ในห้องน้ำนานเกือบครึ่งชั่วโมง พอออกมาก็เห็นว่าเหงื่อท้วมตัวเขาเลย แบบนี้จะให้กลั้นขำได้ยังไง โกรธไม่ลืมหูลืมตาจริงๆ “ขำอะไร” ตุลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ชวนหาเรื่อง ก่อนจะเดินมานอนที่เตียง “เหงื่อท้วมตัวแบบนั้นทำไมไม่ไปอาบน้ำก่อน” “ขี้เกียจ”“ลุกขึ้นไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้เลยนะ” “รังเกียจขนาดนั้น ?”“เปล่า แค่อยากให้ไปอาบน้ำจะได้สบายตัว” “ขี้เกียจ” เขาพูดย้ำคำเดิมแล้วก็ไม่สนใจ ฉันจึงคิดอะไรดีๆ ออกที่จะทำให้เขาหายงอน “แล้วถ้าพี่บอกว่าจะอาบน้ำให้ล่ะ ตุลจะยอมไปอาบไหม” ร่างหนาลุกขึ้นพรวดพราดแล้วเดินมาถอดเสื้อผ้าลงตะกร้าเหลือเพียงร่างกายเปลือยเปล่า จากนั้นก็หันมาบอก “ไปรอในห้องน้ำนะ รีบๆ ตามมาด้วยล่ะ” ฉันที่กำลังอึ้งได้แต่พยักหน้าหงึกๆ กับอารมณ์ที่แปรปรวนของตุล เขานี่นะพอเรื่องแบบนั้นก็ยอมกันง่ายๆ ในเมื่อพูดแล้วก็ต้องทำตามที่พูด ฉันถอดเสื้อผ้าออกจนหมดแล้วหยิบผ้าขนหนูมาพันตัว จากนั้นก็เดินตามตุลมายังห้องน้ำ “หมอสั่งห้ามนะจำได้ใช่ไหม” ฉันย้ำก่อนเพราะกลัวว่าตุลจะทำอะไรที่มันเลยเถิด อารมณ์ของเขายิ่งพลุกพล่านเกินหักห้ามอยู่ด้วย “มาตรงนี้” เขาดึงผ้าขนห
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป การเป็นคนท้องนี่มันสบายแบบนี้นี่เอง เพราะตั้งแต่กลับจากโรงพยาบาลวันนั้นฉันก็แทบไม่ต้องหยิบจับอะไรเลย แถมตอนไปเรียนตุลก็กำชับว่าห้ามไปไหนเด็ดขาด ห้ามขับรถ ห้ามเดินเยอะ เขาสั่งให้ฉันอยู่ในห้อง นี่เขาจริงจังถึงขั้นซื้อกล้องมาติดในห้องเพื่อดูฉันเลยนะ เรื่องท้องฉันกับตุลตกลงกันแล้วว่าจะไม่บอกทางบ้าน รอเซอร์ไพรส์วันแต่งงาน หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาฉันแทบไม่เจอเฮียเลย ถึงแม้ปกติจะไม่ค่อยได้เจออยู่แล้วแต่ครั้งนี้มันต่างออกไป แถมเฮียยังมีท่าทางแปลกๆ มาขอชุดที่ฉันไม่ได้ใส่แล้วบอกว่าจะเอาไปบริจาค มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เฮียจะทำแบบนั้น อย่าคิดนะว่าเห็นอยู่กับฉันเฮียดูเป็นพี่ชายที่แสนดี นั่นมันก็แค่กับฉันที่เป็นน้องสาว ถ้าเป็นคนอื่นเฮียไม่เคยไว้หน้าใคร ก็คิดดูสิว่าคนที่ทำธุรกิจสีเทาได้ต้องโหดขนาดไหน หลายชั่วโมงผ่านไปที่ฉันนอนเบื่อหน่ายอยู่บนเตียงจนกระทั่งตุลกลับมา เขาถือเสื้อของฉันติดมือไม่ยอมให้ห่างเลยจริงๆ “วันนี้เรียนเหนื่อยมาก ขอชาร์จแบตหน่อย” เขาพูดเสียงอ้อนแล้วก็โอบแขนแกร่งมาสวมกอดฉันเพื่อชาร์จแบตให้กับร่างกาย“ขี้อ้อนนะเราเดี๋ยวนี้” “วันนี้ไอ้กันชวนไปวันเกิดมัน” “ว
Talk ตุล แทบทั้งคืนที่ผมไม่ได้นอนเพราะมันรู้สึกไม่สบายตัวและอยากจะอ้วกในบางครั้ง แต่เพราะไม่ได้กินอะไรเลยทำให้อ้วกก็ไม่มีอะไรออกมา ผมที่ตื่นก่อนกำลังนอนมองใบหน้าหวานของว่าที่ภรรยาในอนาคตที่กำลังหลับไม่รู้เรื่องอยู่ในตอนนี้ เมื่อคืนเธอคอยตื่นมาดูอาการของผมจนแทบไม่ได้นอนเหมือนกัน “ทำตัวน่ารักขนาดนี้ไม่ให้คลั่งรักได้ยังไง” ผมพูดกับใบหน้าหวานที่กำลังนอนหลับอย่างเอ็นดู ตอนนี้มันชินแล้วที่ตื่นขึ้นมาแล้วเจอหน้าผู้หญิงคนนี้เป็นคนแรก วันไหนไม่ได้นอนด้วยมันรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง จุ๊บ! ผมก้มลงหอมแก้มแดงระเรื่อฟอดใหญ่ กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์มันทำให้อยากฝังจมูกอยู่แบบนั้นไม่อยากผละออกไปไหน “อื้อ~” เสียงอู้อี้ในลำคอเหมือนจะรู้สึกรำคาญที่ถูกรบกวนของคนที่กำลังนอนหลับดังขึ้นมา ผมค่อย ๆ ยกปลายจมูกออกจากแก้มนิ่ม ๆ อย่างนึกเสียดายผมจับเอาเสื้อของลิลมาพาดไว้บนบ่า ก่อนจะลุกขึ้นหยิบโทรศัพท์กับบุหรี่เดินมาที่นอกระเบียง จู่ ๆ ก็ติดกลิ่นเสื้อของเมียขึ้นมา ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมและไม่สามารถอธิบายได้ ขณะที่ยืนสูบบุหรี่ก็ใช้สายตามองเข้าไปในห้องดูลิลที่กำลังนอนหลับ สมองมันคิดถึงวันแรกที่เธอตามจีบ