ลลิล
ชื่อของฉันมันช่างใสซื่อ ต่างจากนิสัยสิ้นเชิง ถ้าเราได้ตกหลุมรักใครสักคน ไม่ว่าทางข้างหน้าจะเจอกับอะไรก็พร้อมจะเสี่ยงทั้งนั้น“ลิลจะออกไปไหน ?” เสียงของพี่ชายเพียงคนเดียวของฉันท้วงขึ้นมา เฮียเฟยคือพี่ชายที่ดูแลฉันดีมากๆ
“หนูจะไปอู่น่ะเฮีย ^_^” “ไปอู่ ?” เฮียเฟยขมวดคิ้วก่อนจะเดินมาหยุดตรงหน้า แล้วถามต่อ “ถามกี่ครั้งก็ไปอู่ ไปทำไมบ่อยขนาดนั้น” “รถเสียค่ะ” “จะเสียได้ยังไงเฮียเพิ่งจะออกคันใหม่ให้ไม่กี่เดือนนี้เองนะ” “เอาน่าเฮีย ต้องรีบไปทำงานใช่ไหมคะ ไปสิไปเร็วๆ เลย” ฉันดันตัวเฮียให้เดินออกไปจากบ้านถูกสายตาของเฮียมองค้อนแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ บ้านหลังนี้ฉันอยู่กับเฮียเฟยสองคน ส่วนคุณพ่ออยู่ที่ต่างประเทศ ดูแลบริษัทที่นั่นและมอบหมายให้เฮียดูแลธุรกิจที่ไทย ส่วนฉันก็อยู่ในขั้นตอนการศึกษางานที่บริษัท แต่เอาตามความจริงฉันแทบจะไม่ได้เข้าบริษัทเลยตั้งแต่กลับมาไทย ส่วนมากจะไปที่อู่ซ่อมรถน่ะ คงสงสัยใช่ไหมล่ะว่าไปทำไมที่อู่ ก็เพราะหัวใจของฉันอยู่ที่นั่นยังไงล่ะ ตอนนี้ฉันกำลังตามจีบเด็กคนนึง เขาเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่งชื่อตุลอยู่ เขาเป็นเพื่อนแฟนยัยแพรเพื่อนของฉัน ครั้งแรกที่ได้เจอกันเขามาปาร์ตี้ที่บ้านฉันพร้อมกับแฟนของยัยแพร วันนั้นทำให้รู้ว่าหัวใจมันไม่ใช่ของฉันอีกต่อไป ฉันพูดกับตัวเองที่หน้ากระจกทุกวันก่อนนอนว่าจะพิชิตใจเด็กที่ชื่อตุลคนนี้ให้ได้!! แต่มันก็ไม่ได้ง่ายเหมือนปลอกกล้วยเข้าปาก เพราะเขาทำเมินอย่างกับฉันเป็นขยะ “นี่ๆ นายสองคนน่ะมานี่หน่อย” ฉันกวักมือเรียกลูกน้องของเฮียให้มาหา สองคนนั้นรีบวิ่งมาทันที “ครับคุณหนู” “ทำยังไงก็ได้ให้รถเสีย เดี๋ยวฉันจะเอาไปซ่อม” “…ครับ ?” พอได้ยินคำสั่งของฉันดูเหมือนว่าทั้งคู่จะงุนงงไม่น้อย “บอกว่าทำให้รถฉันเสียไง จะทุบจะขูดสี ทำยังไงก็ได้ให้มันเสียน่ะ แบบติดๆ ดับๆ ก็ได้” “แต่ว่า….” “อยากโดนไล่ออกหรือไง ฉันสั่งก็รีบไปทำซะสิยืนงงอยู่ได้ เร็วๆ ฉันรีบไปอู่!!” สองคนนั้นรีบวิ่งไปที่รถ ส่วนฉันก็นั่งรออย่างใจเย็น ฉันให้คนไปสืบมาแล้วว่าตุลมีเรียนวันไหนบ้างแล้วกลับมาที่อู่ช่วงเวลาไหนบ้าง รู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังเป็นบ้า แต่ฉันไม่สามารถควบคุมความรู้สึกได้ นี่มันคือครัังแรกเลยที่ฉันรู้สึกชอบใครสักคนแล้วอยากได้เขามาเป็นแฟนมากขนาดนี้ อาจจะเป็นเพราะที่ผ่านมาไม่เจอคนที่ใช่บวกกับฉันตั้งใจเรียนที่ต่างประเทศให้จบตามที่พ่อต้องการ พอกลับมาไทยได้มาเจอคนที่ใช่ก็ไม่อยากจะปล่อยให้หลุดมือไปเพราะตอนนี้อายุของฉันก็ใกล้จะสามสิบแล้ว ถ้าปล่อยให้เวลาผ่านไปแบบนี้คงได้ขึ้นคานแน่ๆฉันขับรถที่สภาพไม่ค่อยดีนักออกจากบ้าน เล่นเอาหงุดหงิดที่รถมันติดๆ ดับๆ ตลอดทาง กว่าจะขับมาถึงที่อู่ก็ใช้เวลาเกือบจะสองชั่วโมง
#อู่ซ่อมรถ “ตุลดูรถให้พี่หน่อยสิรถเป็นอะไรไม่รู้ติดๆ ดับๆ” ฉันนั่งอยู่บนหน้ากระโปรงรถของตัวเองด้วยท่าทางที่ยั่วยวนพร้อมกับตะโกนบอกเสียงหวาน “วันก่อนแอร์เสีย เมื่อวานยางรั่ว วันนี้ติดๆ ดับๆ ถ้าจะเป็นบ่อยขนาดนี้แนะนำให้ซื้อใหม่!!” เขาบอกแบบไม่สบอารมณ์ คงจะดูออกมาฉันจงใจมาเจอ “จะซื้อใหม่ให้เปลืองเงินทำไม พี่ชอบรถคันนี้นะมีปัญหาบ่อยดี ^_^” “ไม่ชอบคนแก่…มากประสบการณ์” คำพูดของตุลทำให้ฉันหน้าเหวอกันเลยทีเดียว ครั้งแรกที่มีคนพูดว่าฉันแก่ แถมยังบอกว่ามากประสบการณ์อีก ฉันยังบริสุทธิ์อยู่นะไอ้เด็กบ้า!! “ตุลแซวแรงจัง” ฉันยิ้มแห้งกลบเกลื่อน “เอาไปซ่อมอยู่อื่น งานเยอะไม่รับ” เขาบอกอย่างเฉยชาก่อนจะเดินหนีฉันจึงรีบวิ่งมาดักหน้า “รถไม่ค่อยดีจะให้ขับไปได้ยังไง นี่มันก็ใกล้จะค่ำแล้วนะพี่ไม่รู้จักอู่ที่อื่นเลย” “มีปัญญาขับมาได้แต่ไม่มีปัญญาขับไป ?” ทำไมถึงปากร้ายขนาดนี้กันนะ!! “ดูให้หน่อยนะ นะๆ” ฉันใช้ไม้ตายคือการเดินเข้าไปใกล้ๆ แต่แค่ก้าวขาเขาก็ถอยหนีแล้ว ทำเหมือนว่ารังเกียจฉันมากอย่างนั้นแหละ ตุลพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ “ถ้าอยากให้ดูก็ถอยไป ห้ามเข้ามาใกล้ๆ ไปนั่งไกลๆ” “โอเคพี่จะนั่งตรงนั้นนะ ^_^” ฉันชี้ไปยังโต๊ะหินอ่อน ตุลไม่ตอบอะไรเดินไปที่รถแล้วเปิดฝากระโปรงดู ฉันมองแผ่นหลังกว้างอย่างหลงไหล มีเสน่ห์ดึงดูดมากๆ ในตอนที่เขากำลังซ่อมรถ มองยังไงก็ไม่เบื่อเลย ยิ่งเห็นฉันก็ยิ่งตกหลุมรักครั้งแล้วครั้งเล่า จะถอนตัวยังไงได้ในเมื่อชอบเขามากขนาดนี้ ถึงรู้อยู่เต็มอกว่าเขารำคาญสิ่งที่ฉันทำมากขนาดไหน… ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงตุลเดินมาพร้อมกับมือที่คีบมวลบุหรี่อยู่ ฉันเป็นคนที่เหม็นกลิ่นบุหรี่มากนะแต่พยายามไม่แสดงออกเพราะอยากอยู่ใกล้เขา “อาทิตย์หน้ารถถึงจะเสร็จ โทรบอกให้คนที่บ้านมารับกลับแล้วกัน” “ตุลไปส่งพี่ไม่ได้หรอ พ…พี่ลืมเอาโทรศัพท์มาน่ะจำเบอร์ใครไม่ได้ด้วย” “ขึ้นรถ” ตุลเดินไปเปิดประตูรถตัวเอง “หื้อ จะไปส่งพี่จริงๆ หรอ ?” ฉันถามอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เขาจะไปส่งที่บ้านจริงๆ หรอ ปกติปฏิเสธตลอด วันนี้ทำไมถึงใจดีแบบนี้กัน “บอกให้มาขึ้นรถ” ไม่มีเวลาคิดอะไรมาก ฉันรีบวิ่งไปขึ้นรถเมื่อได้ยินเสียงของตุลตวาดบอก มันดีใจแทบบ้าแหนะ ถือว่าเป็นเรื่องราวดีๆ บางครั้งเขาอาจจะยอมเปิดใจให้ฉันแล้วก็ได้ “เราไปหาอะไรกินกันก่อนดีไหม ?” “ไม่หิว” “หรือตุลอยากไปดื่ม พี่ไปนั่งดื่มเป็นเพื่อนได้นะ…” “ไม่จำเป็น” เขาปฏิเสธทุกอย่างที่ฉันพูด ให้มันได้แบบนี้สิ ชิ!! รถของตุลขับออกมาจากอู่โดยที่ฉันปิดปากเงียบเพราะกลัวเขาจะรำคาญอีก ตุลเคยไปบ้านฉันครั้งหนึ่งเขาคงจะจำทางได้ พอขับรถออกมาจากซอยจู่ๆ เขาก็เลี้ยวรถมาอีกทางแทนที่จะขับไปอีกทางฉันจึบรีบท้วง “บ้านพี่ไปทางนั้นนะตุล” เขาคงจะลืม ไม่ได้สนใจสินะ ตุลไม่ตอบอะไร เขาขับรถมาเรื่อยๆ แล้วจอดตรงที่มีรถแท็กซี่จอดเรียงกันอยู่หลายๆ คัน “จอดทำไม ?” ฉันถาม “ลงไป” “ล…ลงไปไหน” “ขึ้นแท็กซี่กลับ” เป็นอีกครั้งที่หน้าฉันมันชาหนึบ ไม่คิดว่าจะถูกปล่อยลอยแพแบบนี้ ที่จินตนาการไว้คือเขาต้องไปส่งที่บ้านสิ แบบนี้มันโคตรใจร้ายเลยนะ ถ้าให้ขึ้นแท็กซี่กลับจะให้นั่งรถมาด้วยทำไมกัน จะทำให้ฉันมีความหวังทำไม “ใจร้าย!!” ฉันพูดกับตุลแต่เขาไม่แม้แต่จะหันมอง “รีบลงไปซะมีธุระต้องรีบไปต่อ เสียเวลาชะมัด” เขาพูดแบบไม่รักษาน้ำใจกันเลยฉันเปิดประตูลงมาจากรถด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิดแต่ก็ต้องปั้นหน้ายิ้มให้กับกระจกรถของตุลให้เขาเห็นว่าฉันน่ะโอเค แค่โดนไล่ลงจากรถไม่เห็นจะเป็นอะไร “ขับรถดีๆ นะ ^_^” ฉันโบกมือให้กับกระจกรถสีดำสนิท พอรถของตุลขับห่างออกไปฉันก็ระเบิดอารมณ์ออกมาด้วยการเตะเข้าไปที่ถังขยะแรงๆ โดยลืมคิดว่ามันสกปรกแค่ไหน “คอยดูเถอะไอ้เด็กบ้า! เห็นว่าฉันชอบแล้วจะปล่อยทิ้งปล่อยขว้างที่ไหนก็ได้หรือไง” “ไปไหนดีครับ” พี่แท็กซี่เดินมาถามฉัน“ไม่ไปไหนทั้งนั้น จะให้คนขับรถที่บ้านมารับเข้าใจนะ” ฉันบอกคนขับแท็กซี่จากนั้นก็เดินห่างออกมา ตรงนี้มีแต่ผู้ชายท่าทางน่ากลัวๆ กล้าปล่อยผู้หญิงสวยๆ แบบฉันไว้ได้ยังไง ไม่ชอบก็น่าจะเป็นห่วงกันบ้างสิ รอไม่นานหลังจากที่โทรบอกให้คนขับรถมารับ ฉันสั่งให้คนขับรถพามาที่คลับของเฮียเฟยเพราะปกติเป็นคนนอนดึก การมาคลับถือว่าได้ผ่อนคลายอารมณ์ที่อึดอัดในใจ ฉันไม่มีเพื่อนสมัยเรียนเลยสักคนที่ไทย เพื่อนส่วนมากจะเป็นต่างชาติเพราะฉันเรียนที่นู้น มีแค่แพรที่เป็นเพื่อนที่รู้จักกันแต่ตอนนี้แพรมีแฟนแล้วฉันก็ไม่อยากรบกวน“ทำไมไม่โทรมาบอกเฮียก่อนว่าจะมา” เฮียเฟยเดินมาหาฉันที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะวีไอพี“หนูกลัวว่า
เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกว่าตุลน่ากลัว เขาพูดคำนั้นออกมาด้วยท่าทางที่สุดแสนจะเย็นชา “พ…พี่” ฉันกำชายกระโปรงแน่น มันยากที่จะตัดสินใจกระทันหันถึงแม้ว่าจะชอบเขามากขนาดไหนก็ตามตุลไม่ได้รอฟังคำตอบเขาหันหลังให้ฉันแล้วเดินไปที่รถ เปิดประตูค้นหาของบางอย่าง “หาอะไร หะ ให้พี่ช่วยหาไหม” พอถามตุลก็นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะหันมามองฉันแล้วพูด “หาถุงยาง” “อ…เอาไปทำไม” หัวใจดวงน้อยมันเต้นรัวไม่เป็นจังหวะเมื่อได้ยินว่าเขากำลังหาอะไร “เอาไปเป่าเล่นมั้ง ถามไม่คิด” “…….” ไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย ไม่ได้เป็นอะไรกันแต่ฉันกลับหวงเขามากๆ “เรื่องที่ตุลบอกพี่ขอคิดดูก่อนได้ไหม” “ไม่ได้บังคับ” เขาหันหน้ากลับไปค้นหาของต่อ “พี่อยากให้ตุลเปิดใจมากกว่าคิดเรื่องแบบนั้นนะ” “หยุดพูด รำคาญ!” เขาตวาดบอกทั้งที่ยังไม่หันหน้ามา “ตุลจะเอาหาถุงยางอนามัยไปใช้กับใครหรอ” “ยุ่ง!!” เขาพูดอย่างหงุดหงิด ฉันได้แต่นิ่งยืนมองแผ่นหลังกว้างอยู่ครู่ใหญ่ มองจนตุลหาของสิ่งนั้นเจอ เขาปิดประตูรถแล้วเดินมาหาฉันก่อนจะชูกล่องถุงยางอนามัยขึ้นตรงหน้า “อยากใช้ไหม ?” “ม…ไม่” “ชอบสด อ่า! มันคงไม่แปลกอายุขนาดนี้แล้วประสบการณ์คงจะโชกโชน” “
ฉันสะดุ้งกับน้ำเสียงที่ตุลตวาดแต่ก็ยังยืนตัวแข็งทื่ออยู่ เพราะไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อนบวกกับรู้สึกผิดด้วย“เดี๋ยวฉันซื้อกรอบรูปใหม่ให้ก็ได้ นายอย่าโกรธขนาดนั้นสิ” มันเจ็บที่เห็นว่าตุลอาลัยอาวรณ์กรอบรูปขนาดนั้นถึงแม้ฉันจะเป็นคนผิดก็เถอะ “ซื้อให้ใหม่ ?” ตุลเงยหน้ามาก่อนที่เขาจะยืนขึ้น พรึบ! ฝ่ามือใหญ่กระชากแขนของฉันจนตัวปลิว เริ่มรู้สึกเจ็บแผลที่เท้าขึ้นมาแล้วตอนนี้ “ต..ตุลพี่เจ็บ” ฉันพยายามแกะแขนตัวเองออกจากมือของตุลแต่ก็ไม่เป็นผลเพราะเขากำแน่นมากๆ “ชอบให้เงินแก้ปัญหามากเลยว่างั้น ?”“ป…เปล่าพี่ไม่ได้คิดแบบนั้น” “รู้ตัวไหมว่าน่ารำคาญมากขนาดไหน เมื่อไหร่จะเลิกยุ่งสักทีวะ!!” ตุลตะคอกใส่หน้าฉันเสียงดังลั่น เขาน่ากลัวมากๆ จนฉันสั่นไปทั้งตัว “รู้สิ พี่รู้ว่าตัวเองน่ารำคาญขนาดไหน เพราะตุลพูดคำนี้แทบทุกครั้งที่เราเจอกัน”คำว่ารำคาญฉันได้ยินจากปากของผู้ชายคนนี้จนชินแล้ว มันก็จริงนั่นแหละฉันมันน่ารำคาญ แต่จะให้ทำยังไงในเมื่อหัวใจมันชอบไปแล้ว “ถ้ารู้ตัวเองดีก็อย่ามายุ่ง อย่าโผล่หน้ามาให้เห็น!!” “ตุลไม่ชอบพี่พี่ก็เข้าใจนะ แต่ไม่เข้าใจที่ตุลยังรู้สึกกับผู้หญิงคนนั้นอยู่ทั้งที่เธอเป็นฝ
คำถามของฉันทำให้ตุลชะงักแต่ไม่ตอบอะไร ถ้าเขาตกลงฉันก็พร้อมจะเสี่ยง แต่นี่แค่พูดให้มั่นใจยังไม่ทำเลย“ปล่อยพี่” ฉันดิ้นอีกครั้ง “ถ้าเจอคนที่ไม่ชอบจะยอมเปิดใจรึเปล่า ?” คำถามนี้ทำเอาฉันจุกในอก ถ้าเกิดว่าเจอคนที่ไม่ชอบก็คงจะไม่สนใจอย่างที่ตุลทำในตอนนี้ “ถ้าพี่เลิกทำตัวน่ารำคาญล่ะตุลจะหันมาสนใจหรือเปล่า” ที่เป็นอยู่ตอนนี้อาจจะทำให้เขารำคาญมากเกินไป แล้วถ้าฉันลดความน่ารำคาญลงล่ะ “ฝัน ?” มันเป็นคำพูดที่แสนจะธรรมดาแต่สามารถทำให้คนฟังอย่างฉันจุกเสียดจนพูดอะไรไม่ออก ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบสงัดฉันกำลังหลงอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองที่ฟุ้งซ่าน รู้ตัวอีกทีใบหน้าคมคายของตุลก็ซุกไซร้อยู่ที่ซอกคออีกแล้ว “ต…ตุลหยุดนะพี่ไม่…อื้อ~” น้ำเสียงของฉันมันขาดหายไปเมื่อถูกริมฝีปากหนาบดขยี้จูบ เขาทั้งดูดและกัดริมฝีปากของฉันจนรู้สึกชาหนึบ “อื้อ~” ฉันใช้เสียงท้วงและดิ้นสู้ ในเมื่อไม่มีความมั่นใจอะไรเลยใครจะอยากยอมกันล่ะ มือสากลูบไล้บริเวณสะโพกของฉันแล้วเลื่อนขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึงหน้าอก เขาบีบขยำหน้าอกของฉันอย่างแรง แรงจนคิดว่าหน้าอกมันหลุดติดมือไปแล้ว “อื้อ~” เป็นอีกครั้งที่ฉันร้องท้วงในลำคอเพราะหายใจไ
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาฉันอยู่บ้านเพื่อทบทวนตัวเองและรักษาแผลที่เท้าจนหายดี ที่ต้องทบทวนคือทบทวนความรู้สึก ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงชอบตุลมากขนาดนั้นและไม่เข้าใจว่าทำไมตุลถึงได้ตั้งท่ารังเกียจฉันขนาดนั้น คำตอบที่ได้สำหรับฉันยังคงเหมือนเดิม มันคือรักแรกพบ ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากจะถอดใจ หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาฉันลองแล้วแต่ก็ยังวนเวียนคิดถึงแต่เขา ถึงแม้ว่าเขาจะร้ายกาจแถมยังเคยเกือบจะเขมือบฉันก็ตาม “ไม่ออกไปอู่ ?” เฮียเฟยกำลังจะออกไปทำงานเห็นฉันอยู่ที่บ้านก็เลยเดินมาถาม จริงๆ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกเฮียถามหรอก อาทิตย์ที่ผ่านมาเฮียถามฉันทุกวันว่าไม่ไปอู่หรอ คงเป็นเพราะฉันไปบ่อยมากๆ พอไม่ไปเลยผิดปกติ“จะให้หนูไปทุกวันเลยหรอเฮีย” “ก็เห็นไปทุกวัน”“…ถ้าคนนั้นเขาถามแบบที่เฮียถามคงจะดี” ฉันพูดไปอย่างเหม่อลอย คนนั้นที่ว่าคือตุล การที่ฉันหายหน้าไปแบบนี้เขาจะคิดถึงบ้างหรือเปล่านะ เฮ้อ! ไม่ต้องเดาให้ยากหรอกคำตอบนี้ฉันรู้ดีในใจ เฮียออกไปทำงานแล้วส่วนฉันก็นั่งๆ นอนๆ มันรู้สึกเบื่อไปหมด อยากจะออกไปเจอหน้าตุลแต่ภาพนั้นยังติดตา กลัวจะมองหน้าไม่ติด แถมเขายังทิ้งความร้ายกาจไว้อีกด้วย
ฉันยืนเงียบอยู่นานสองนาน ส่วนตุลก็เอาแต่มองฉันจนเขาหันหลังเดินไปซ่อมรถต่อ “พี่ขอนั่งอยู่ต่อสักพักนะ” ฉันตะเบ็งเสียงบอกตุลแต่เขาไม่ได้ตอบอะไรกลับมาจึงเดินมานั่งที่โต๊ะหินอ่อนตัวเดิมผ่านไปครู่ใหญ่เห็นว่าตุลไม่ได้กินน้ำเลยฉันจึงถือวิสาสะเอาน้ำไปให้เขาเพราะความเป็นห่วง “กินน้ำก่อนไหม”“ไม่หิว” ไม่ต้องคิดอะไรมากหลังจากที่ฉันพูดจบเขาก็รีบตอบสวนกลับมา “พี่เห็นตุลไม่ได้กินน้ำเลย…”“ถ้าหิวเดี๋ยวเดินไปกินเอง” ฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะนั่งยอง ๆ ลงข้าง ๆ กับตุลที่กำลังซ่อมรถอยู่ “พี่ถามอะไรหน่อยได้ไหม” ฉันพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่จริงจัง “ไม่ว่าง” “ไม่ว่างหรือเป็นเพราะพี่ตุลถึงไม่อยากคุยด้วย”ตุลหยุดซ่อมรถแล้วหันมามองฉัน ก่อนจะพูด “รู้ขนาดนี้แล้วจะถามทำไม” “… แค่อยากรู้เหตุผลว่าทำไมตุลถึงไม่ชอบพี่” ฉันถามคำนี้ออกไปจากความรู้สึกข้างในจริง ๆ ก็แค่อยากรู้เหตุผลที่เป็นเหตุผลจริง ๆ เท่านั้นเอง “ไม่ชอบคือไม่ชอบ ต้องมีเหตุผล?” เป็นคำตอบที่เลือดเย็นทำให้ฉันเจ็บจนจุกไปทั่วทั้งอก “นั่นสินะ ไม่ชอบแล้วทำไมต้องมีเหตุผล” ฉันทวนคำพูดของตุลเบา ๆ แล้วถามต่อ “ถ้าไม่ชอบแล้วทำไมถึงชอบพูดถึงเรื่
พอฉันชวนไปคุยในห้องตุลก็เงียบไปครู่หนึ่งเหมือนเขากำลังคิดอะไรอยู่สักอย่าง “พี่ขอไปรอตุลที่ห้องนะ” พอฉันจะเดินไปตุลก็พูดขึ้น “มีอะไรก็คุยตรงนี้จะไปคุยที่ห้องเพื่อ?”พอได้ยินแบบนั้นฉันก็ชะงัก คิดว่าตุลจะเข้าใจที่พูดแต่เหมือนเขาจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ดูท่าจะรำคาญมากกว่า “ดื่มด้วยกันไหมพี่” เพื่อนของตุลพูดชวน เขาคงเห็นว่าฉันเงียบไปจึงถาม “พี่ดื่มมาแล้ว” “ดื่มมาแล้วก็ดื่มอีกได้ มานั่งก่อน ๆ” เขาดูเป็นมิตรมาก ๆ อยากให้ตุลเป็นแบบนี้จัง “พี่อยากคุยกับตุลมากกว่า”“ถ้าอยากคุยก็นั่งรอก่อนแล้วกัน ตอนนี้ไม่ว่าง” ตุลตอบอย่างไร้เยื่อใย “มึงก็คุยกับพี่เขาก่อนดิวะไอ้ตุลจะให้นั่งรอทำไมกว่ามึงจะเลิกแดกคงเช้าพอดี”“รอได้ก็รอ รอไม่ได้ก็กลับ” ตุลบอกเพื่อนก่อนจะหันมามองฉันด้วยสายตาที่เย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ได้บังคับ” “อื้อ พี่รอได้” ฉันเม้มปากแน่นแล้วมองหาที่นั่ง เห็นมุมหนึ่งพอนั่งได้อยู่จึงเดินมานั่ง ที่ไม่นั่งร่วมโต๊ะกับตุลเพราะกลัวเขาจะหงุดหงิดไปมากกว่านี้ ทำไมฉันต้องอยากชนะใจคนเย็นชาแบบนี้ด้วยนะ ยิ่งเห็นท่าทางเมินเฉยของเขามากเท่าไหร่มันก็ยิ่งทำให้ฉันอยากชนะใจเขามากขึ้น รู้ว่าท้าทายคนอย่างตุลมันอั
ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดเปิดวิดีโอ ก่อนจะใช้สายตามองไปรอบ ๆ ห้องเพื่อหามุมที่พอจะตั้งกล้องแล้วไม่ผิดสังเกตได้เมื่อมองเห็นว่ามุมตรงนั้นมันไม่เป็นที่จับสังเกตก็รีบเอากล้องไปตั้ง ที่ต้องทำแบบนี้ก็เพื่อกันเอาไว้เพราะหลังจากคืนนี้ไม่รู้ว่าตุลจะเป็นยังไง การมีคลิปฉันสามารถใช้ข่มขู่เขาได้ เข้าข่ายแบล็กเมลใช่ไหมล่ะ มันก็ประมาณนั้นนั้นแหละ … ครั้งแรกของฉันมันดูไม่โรแมนติกอย่างที่วาดฝันเอาไว้เลย แต่ทั้งหมดนี้ฉันเลือกให้มันเกิดขึ้นเองหลังจากตั้งกล้องเสร็จฉันก็เดินกลับมานั่งที่เดิม นั่งนิ่ง ๆ อยู่บนเตียงแบบนั้นจนกระทั่งเวลาผ่านไปชั่วโมงกว่า ทั้งที่ตุลบอกเอาไว้ว่าขอแค่ครึ่งชั่วโมงแท้ ๆ แต่นี่มันเกือบจะเช้าแล้ว ด้วยความที่มันนานเกินไปฉันจึงลุกขึ้นจากเตียงกำลังจะเปิดประตูออกไปดูว่าตุลยังดื่มกับเพื่อนอยู่หรือเปล่า หรือว่าเขาหนีไปแล้ว จู่ ๆ ประตูห้องกูถูกเปิดเข้ามาซะก่อน ตุลขมวดคิ้วเข้มมองฉันที่ยืนอยู่หน้าประตู ฉันจึงรีบพูดขึ้น “พี่จะออกไปดูว่าตุลดื่มเสร็จหรือยังน่ะ” “รีบมากขนาดนั้น?”“ป… เปล่าพี่ไม่ได้รีบ ก็… ก็ตุลพูดเองว่าขอครึ่งชั่วโมงแต่นี่มันผ่านไปชั่วโมงกว่าแล้วพี่แค่จะไปดู” ฉันเม้มปาก