"เอาละ ในเมื่อรู้จักกันแล้ว แผนกของเราส่วนใหญ่ก็จะเป็นระบบที่ส่งผลตรวจไปที่ห้องแล็บระบบที่จัดส่งนี้ต้องใช้ระบบคอมพิวเตอร์นำทาง แต่ละครั้งคุณหมอจะส่งหลอดที่ต้องตรวจมาที่ท่อนี้และกดส่งชั้นที่ต้องตรวจสอบ
“อี๊ หมายถึง…”
ส้มถึงกับอุทานออกมาในทันที วิชุดานึกเอาไว้แล้วว่าเธอน่าจะเป็นคนที่เรื่องเยอะที่สุดแต่เธอก็พยายามเก็บอารมณ์เอาไว้มากที่สุดเพราะเธอเป็นผู้ใหญ่
“ใช่ อย่างที่เธอคิดนั่นแหละ มีทั้งเลือด ปัสสาวะ อุจจาระของคนไข้ ทุกอย่าง หน้าที่ของพวกเธอคือดูแลระบบพวกนี้ให้ทำงานให้เป็นปกติ ไม่อย่างนั้น”
“อย่าบอกนะคะว่า….เราต้องถือพวกนั้นไปส่งน่ะ”
“ก็ดูแลให้เครื่องทำงานตามปกติก็แล้วกัน เอาละวันแรกก็ไม่มีอะไรมาก เดี๋ยวจะพาไปรู้จักกับคนในแผนกทั้งหมด”
“รวมถึงคุณหมอด้วยไหมคะ”
วิชุดาข่มใจครั้งแล้วครั้งเล่ากับความอยากรู้อยากเห็นของนักศึกษาคนนี้ เธอไม่ตอบแต่เดินนำทุกคนออกมาเพื่อแนะนำแต่ละคนให้รู้จัก
“นี่พี่ขวัญ พี่อ้อม พยาบาลประจำเค้าน์เตอร์กะนี้ ยังมีอีกสองคนที่จะมาสลับเอาไว้พวกเธอมาเข้ากะแล้วค่อยแนะนำอีกที”
“สวัสดีค่ะพี่อ้อม พี่ขวัญ”
“สวัสดีค่ะทุกคน”
“คุณหมอประจำในแผนกเรามีสามท่าน หมอชลดา หมอนิรุตน์ และคุณหมอตะวัน”
“คุณหมอชลดาคะ เด็กฝึกงานค่ะ”
“หมอชลดา หมอหญิงเพียงคนเดียวในแผนกออกมายืนยิ้มเพื่อรับไหว้ทุกคนที่เข้ามาฝึกงาน เธอเป็นคุณหมอใจดีที่ยิ้มให้ทุกคน กล่าวทักทายเล็กน้อยและกลับเข้าห้องเพื่อรอตรวจคนไข้”
“คุณหมอนิรุตน์คะ เด็กฝึกงานค่ะ”
“อ้อ สวัสดีทุกคน ตามสบายนะ คนสวยฝากดูแลด้วยนะ ผมไปห้องผ่าตัดก่อน คุณหมอตะวันล่วงหน้าไปแล้ว”
“ได้ค่ะคุณหมอ”
“ว๊า คุณหมอตะวันไม่อยู่ น่าเสียดายจัง”
“ส้ม สำรวมหน่อย”
“อะไรละน้ำ กระทุ้งอยู่ได้เป็นบ้าอะไร”
“เอาละ บอกไว้อีกอย่าง กฎระเบียบของพวกเธอไม่ต่างกับเจ้าหน้าที่ที่นี่ อ่านและจำให้ขึ้นใจอย่าสร้างความวุ่นวายและอย่าเสียมารยาท..กับคุณหมอ และขอเตือนว่าอย่าได้ถามเรื่องส่วนตัวกับคุณหมอเป็นอันขาด”
พวกเธอเดินกลับเข้ามาในห้องทำงานและนั่งอ่านกฎระเบียบของโรงพยาบาลรวมไปถึงงานที่ต้องแบ่งหน้าที่กันดูแล ส้มเริ่มอิดออดและรู้สึกว่าเบื่อกับการที่จะต้องดูแลระบบนี้ขึ้นมา
“แย่จังเลย เรื่องอะไรต้องมาทำหน้าที่เฝ้าเครื่องส่งฉี่ละเนี่ย เฮ้อ”
“นี่ตันหยงเที่ยงนี้ไปกินข้าวที่ไหนเหรอ”
“นัดกับแคทเอาไว้ว่าจะลองไปกินที่ห้องอาหารน่ะ ไปด้วยกันไหมกิต”
“เอาสิ ๆ พวกเธอละ ไปไหม”
“ไป ๆ เราไปด้วย”
“นี่พวกเธอไม่เบื่อบ้างเหรอ อยู่ในโรงบาลทั้งวันแล้วยังต้องกินข้าวในห้องอาหารโรงบาลอีก ไม่เอาด้วยหรอก เหม็นกลิ่นยาฆ่าเชื้อ ไปกินข้างนอกดีกว่าอยากกินสเต๊ก”
“เราไปด้วยนะตันหยง”
“น้ำ!!”
ส้มมองหน้าเพื่อนที่จู่ ๆ ก็จะทิ้งเธอไปกับตันหยง ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้คอยตามเธออยู่ตลอดเวลา น้ำหันมามองหน้าส้มที่ยังไม่พอใจและเอาแต่ใจตัวเองไม่เลิก
“ส้ม เราว่าจะลองกินที่นี่ดู มันสะดวกและไม่เสียเวลา อีกอย่างช่วงนี้คงต้องรัดเข็มขัดเรื่องการใช้จ่ายแล้วด้วย”
“แต่ว่า..แค่สเต๊กเองนะ”
“ไม่ละ เราไม่ไป ส้มไปเองเถอะนะมื้อนี้เราขอตัว ไปกันเลยไหม”
“ไปสิ”
ส้มถูกเพื่อนทิ้งเป็นครั้งแรก เธอเริ่มหันมามองหน้าตันหยงและเริ่มไม่พอใจนิด ๆ
“ตามใจพวกเธอเถอะ”
ห้องอาหารชั้น 11
“ตันหยง ทางนี้ ๆ”
แคทมาถึงก่อนแล้วและยังจองโต๊ะเอาไว้แล้ว เธอแปลกใจเมื่อเห็นเพื่อนอีกสองคนตามมาด้วย
“เธอชื่อ..น้ำ และนายก็กิตติสินะ”
“ว๊าว ยอดไปเลย แคทจำชื่อเพื่อนในคลาสแม่นจังเลย”
“แน่นอนสิ แม้ว่าจะไม่ค่อยสนิทกับใครแต่เรื่องจำชื่อคนน่ะเราแม่นมากเลยละ เอาละไปสั่งข้าวกันเถอะ อาหารที่นี่น่ากินทุกอย่างเลย”
พวกเขาผลัดกันไปสั่งอาหาร ตันหยงกับแคทนั่งรอน้ำและกิตที่เดินไปซื้อข้าวอยู่ที่โต๊ะและเริ่มแลกเปลี่ยนกันว่าแต่ละคนได้ดูแลเรื่องอะไร
“ก็ดูไม่น่าเบื่อดีนะ แต่ออกจะเหมาะกับคนที่ใจแข็งนิดหนึ่ง เพราะคนไข้ที่เข้ามาแต่ละคนคือ…ช่างเถอะ ว่าแต่เห็นพวกนั้นคุยกันว่าหมอที่แผนกหล่อมากเลยนี่ เจอหรือยังละ ที่แผนกฉุกเฉินมองใครก็เหมือนกันหมดเพราะทุกคนใส่แต่แมส”
“เป็นความบังเอิญที่วินาศสันตะโรเลยละแก”
“ว่ายังไงนะ แกจะบอกว่า….”
ตันหยงกระซิบบอกบางอย่างกับแคทจนเธอตกใจจนหลายคนเริ่มหันมามอง
“แก โลกมันกลมหรือพรหมลิขิตละนี่”
“พรหมลิขิตบ้าอะไร เขายังไม่เห็นหน้าฉัน จำไม่ได้และ…บุคลิกนั่นผิดกับที่เคยเจอเลย เขาด่ายัยส้มไปชุดใหญ่ที่เดินไปถามเขาเรื่องเอกสาร”
“แกแน่ใจนะว่าเขาจะจำแกไม่ได้”
“แก อยากสลับแผนกกับฉันไหม”
“เอ้อ…ถ้าเป็นก่อนหน้านี้คงได้แหละ แต่ตอนนี้รายงานตัวแล้วนี่”
""เฮ้อ….""
“ถอนหายใจอะไรกันทั้งสองคน ไปเถอะ อาหารน่ากินมากเลยเดี๋ยวเราเฝ้าโต๊ะให้ เราซื้อเสร็จแล้ว”
“เอาวะ กองทัพเดินด้วยท้อง ไป”
กิตมองหน้าสองสาวที่เรียกความฮึดขึ้นมาอย่างน่าประหลาดจนเขาอดยิ้มไม่ได้เมื่อทั้งคู่เดินออกไปเลือกอาหาร ซึ่งเรียกได้ว่าเรียกความสนใจให้คนที่ห้องอาหารได้มากพอสมควรเพราะทั้งคู่เป็นนักศึกษาที่หน้าตาดี
แคทแม้ว่าจะไม่ได้มีตำแหน่งดาวคณะหรือดาวมหาลัยแต่เธอแค่ไม่สนใจเรื่องพวกนี้เลยไม่ได้ลงแข่งเท่านั้น ตันหยงเองก็เช่นกัน
“นี่ ดูสิ น่ารักมากเลยว่ะ”
“อ๋อน้องคนนั้นอยู่แผนกฉุกเฉิน”
“ไม่ อีกคนสิคนที่ผมสั้นนั่นน่ะ ขาวอย่างกับเจ้าหญิงหิมะ”
“ไม่รู้ว่ะ”
“เหมือนจะอยู่ชั้นสี่ หรือชั้นเจ็ดนี่แหละ”
“ต้องสืบ ๆ”
“พอเถอะ จัดการในสต๊อกให้เรียบร้อยก่อนเถอะ”
ดูเหมือนว่าสองคนที่ถูกพูดถึงจะไม่รู้เรื่องเลยว่าในตอนนี้พวกเธอล้วนเป็นที่พูดถึงทั้งโรงพยาบาล
สองสัปดาห์ผ่านไป
“โอ๊ย ไม่ไหวแล้วนะ วันๆใช้แต่เอาเอกสารไปให้คนโน้นคนนี้ นี่มันงานอะไรกัน”
“ส้ม เราเป็นแค่เด็กฝึกงาน เขาสั่งให้ทำอะไรก็ทำเถอะน่า”
“นั่นสิครับ ทุกงานก็สำคัญหมดนั่นแหละ”
“นี่พวกเธอไม่ได้รู้สึกอะไรเลยเหรอ ตันหยง เธอเองก็ยอมทำงานเบ๊นี่เหรอ”
“เบ๊ ส้มเธอก็พูดเกินไป งานทุกงานมันก็เกี่ยวข้องกันทั้งนั้นแหละ”
“ใช่สิ เธอไม่เคยเอา…อีพวกนั้นไปส่งที่ห้องแล็บนี่”
“ก็เครื่องไม่เคยมีปัญหานี่ แล้วจะให้ฉันเอาไปส่งได้ยังไง”
“ย่ะ ไม่ต้องอวดก็ได้มั้งว่าเก่งน่ะ”
“ส้ม เราว่าไปสงบสติอารมณ์ก่อนเถอะ”
“แหมน้ำ พอมีเพื่อนเรียนเก่งเป็นเด็กเนิร์ดนี่เถียงเก่งขึ้นเยอะเลยเนอะ”
“ว่าไงนะ พูดใหม่สิ”
“ทำไม เธอมีปัญหาอะไร”
“ตันหยง”
วิชุดาเข้ามาห้ามสงครามครั้งนี้ได้ทัน เธอสังเกตถึงความผิดปกติได้ในทันทีแต่ก็ไม่พูดออกมา
“ตันหยง ออกมานี่หน่อย”
“ค่ะพี่ออย”
ตันหยงยังมองส้มอย่างไม่พอใจเมื่อเดินตามออยออกไป ก่อนถึงเค้าน์เตอร์ ออยจึงหันมา
“เกิดอะไรขึ้น”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะก็แค่เรื่องไร้สาระ พี่ออยมีอะไรให้หยงทำเหรอคะ หยงกำลังเบื่อเลยค่ะ”
“อะไรกัน คนอื่นชอบบ่นว่าไม่ใช่หน้าที่โปรแกรมเมอร์ แต่เรากลับของานทำเหรอ”
“อย่าพูดถึงเลยค่ะ ว่าแต่พี่ออยมีอะไรเหรอคะ”
“มานี่สิ มาดูคอมพิวเตอร์ให้พี่ทีสิพี่จนปัญญาแล้วละ”
ออยรู้ดีว่าตันหยงเก่งเรื่องระบบคอมพิวเตอร์เพราะก่อนหน้านี้เธอเคยให้ตันหยงช่วยกู้ไฟล์ข้อมูลที่พยาบาลเผลอลบกลับมาได้จนหมด แต่ตันหยงบอกให้เธอเก็บเป็นความลับเพราะเธอไม่อยากมีปัญหากับเพื่อน ๆ ที่ฝึกงานด้วยกัน โดยเฉพาะส้ม“พี่ออย นี่คอมพิวเตอร์ของใครคะ”เธอถามเพราะเธอไม่เคยเข้ามาในห้องนี้มาก่อน เป็นห้องทำงานส่วนตัวที่ดูหรูหรามากกว่าห้องของคุณหมอคนอื่น ๆ และอยู่ด้านในสุด“ห้องคุณหมอตะวัน คอมคุณหมอมีปัญหาตั้งแต่เมื่อคืน ทีนี้ปัญหามันคือข้อมูลคนไข้อยู่ในนี้ถูกลบออกไปหมดเหมือนโดนไวรัสน่ะ แล้วถ้าจะให้พวกพี่ต้องมานั่งคีย์ข้อมูลทีละคน คงใช้เวลาเกือบสองปีละมั้ง”“รายชื่อคนไข้ มีเยอะขนาดนั้นเลยเหรอคะ”“ก็มากอยู่ หมอตะวันเป็นหมอที่เก่ง ตอนนี้เขามีสอนที่มหาวิทยาลัยเป็นอาจารย์พิเศษ ยังไม่กลับเข้ามา ถ้าเขารู้ว่าคอมมีปัญหาละก็….เฮ้อ…คอพี่ขาดแน่”“เดี๋ยวหยงลองดูให้นะคะ…ไหนดูซิว่าใครกล้ามายุ่งกับคอมของพ่อตัวร้าย”“หืม พ่อตัวร้ายเลยเหรอ หยงกับหมอไม่เคยพบกันนี่”“วันแรกไงคะ คุณหมอตวาดส้มจนหน้าหงายจนทุกคนขยาดเลยละค่ะ”“อ๋อ วันนั้นนั่นเองที่จริงวันนั้นคุณหมออารมณ์เสียมาก่อนน่ะ เพราะ….เรื่องในข่าว”“ข่าว..พี่ออ
ทุกคนแยกย้ายเข้าไปพักในห้องของตัวเอง คืนนี้พวกเขาดื่มหนักกันมาก แม้แต่ตันหยงเองก็ถูกพี่ ๆคะยั้นคะยอให้ดื่ม ซึ่งเธอคออ่อนมากดื่มแค่สองแก้วก็เดินตาเบลอแล้ว“ห้อง หนึ่ง…หนึ่ง…สอง….สาม อยู่นี่เอง”เธอมองเลขห้องและเห็นว่าประตูไม่ได้ปิดไว้ เธอรู้สึกแปลกใจนิดหน่อยแต่คิดว่าโรงแรมระดับนี้คงไม่มีอะไร เธอคงลืมปิดให้สนิทตอนออกไป ตันหยงเปิดประตูเข้าไปและปิดล็อกทันที“ห้องทำไมดูแปลก ๆ ไปกว่าเดิมละเนี่ย”เธอเดินไปเปิดม่านดู แต่ข้างนอกนั้นมืดสนิท เห็นเพียงแสงไฟบางดวงที่ชายหาดด้านล่างและสระว่ายน้ำในโรงแรมเท่านั้น เธอนั่งมองดูทิวทัศน์ที่ไม่ต่างกับตอนเข้ามาเท่าไหร่จนไม่ได้สังเกตเสียงน้ำในห้องน้ำ เสียงประตูห้องน้ำเปิดออกมา ตันหยงยังคงนั่งเหม่ออยู่ที่เดิม“นั่นใครน่ะ”“หืม…ใคร ทำไม”ตันหยงนั่งอยู่ในความมืด เสียงที่ทักเธอเป็นเสียงผู้ชาย ตอนนี้เธอเริ่มเมาและแยกไม่ออกว่ากำลังฝันหรือว่าเป็นเรื่องจริง สาวน้อยเดินโซเซเข้ามาจนคนที่ยืนอยู่หน้าห้องน้ำรู้สึกสยอง นี่เขาโดนผีหลอกงั้นเหรอ“หืม ว่าไง ใครมีปัญหา”“คุณ…นี่คุณเมาแล้ว…”“เมา ใครเมา ฉันไม่เมา ยังดื่มได้อีก มา ๆๆ ดื่ม ๆ เหล้ายังเหลืออีกเยอะเลยพี่ออย สั่งเหล้
ตันหยงรีบลุกขึ้นจากเตียงในทันทีด้วยความตกใจ เธอรู้สึกว่าขาไม่มีแรงแม้แต่จะยืนและตกใจมากกว่านั้นเมื่อมีของเหลวบางอย่างไหลออกมาจากช่องคลอดของเธอ“นี่มัน….”เธอพยายามดันตัวให้ลุกขึ้นและเริ่มสวมเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วและค่อย ๆ พยุงตัวออกไปที่หน้าห้องโดยไม่หันกลับไปมองคนที่นอนอยู่บนเตียงเลยเมื่อมองลอดตาแมวออกไปพบว่าไม่มีใครอยู่ข้างนอก เธอรีบเปิดประตูออกไปอย่างรวดเร็วและมองหาห้องของตัวเอง เธอรีบเปิดประตูและเข้าไปในห้องและลงกลอนแน่นหนาพร้อมกับพาร่างที่ไร้เรี่ยวแรงไปที่เตียงพร้อมกับปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น“ไอ้บ้า ไอ้คนเลว…..”แต่เธอก็จะโทษเขาไม่ได้ เมื่อคืนนี้เป็นเธอที่เข้าห้องผิดไปหาเขาเอง ความทรงจำบางอย่างเริ่มผุดขึ้นมา ก่อนหน้านั้นเป็นเขาที่เริ่มก่อน แต่พอจบรอบแรกไปแล้ว“อ๊าา….อื้มมม”“อะไรกัน คุณยังไหวงั้นเหรอ”“ไหวสิ คุณจะหยุดแล้วเหรอไหนบอกว่าจะทำให้มีความสุขไงละ อ๊ะ อื้ออ…”ลิ้นของเขาพุ่งไปจัดการหน้าอกอวบทันทีที่เธอกล่าวท้าทาย ตันหยงจำได้เช่นกันว่าเธอเป็นคนท้าทายเขาและยังเป็นคนขึ้นขย่มบนตัวคุณหมอหนุ่มเองด้วยในรอบสุดท้ายก่อนที่ทั้งคู่จะหมดแรงและนอนหลับไป เธอยังสั่งให้เขากอดเธอเอาไว้ในตอน
เมื่อเธอซื้อของเรียบร้อยแล้วก็รีบเดินออกมาจนชนเข้ากับผู้ชายอีกคนหนึ่ง เธอเงยหน้าขึ้นเพื่อขอโทษเขาเพราะเธอมัวแต่เดินก้มหน้า“ขอโทษค่ะ”“ไม่เป็นไรครับ นี่ยาคุณตกแล้ว”“ขอบคุณค่ะ”เขาหยิบยาใส่ซองให้เธอเมื่อเธอรีบรับและรีบเดินออกไปเขาจึงเดินไปที่เค้าน์เตอร์ยา“เอายาคุมฉุกเฉินครับ”“ได้ค่ะ”เมื่อเภสัชกรประจำร้านอธิบายการใช้งานแล้วเขาก็เดินและดูแผงยานั้นทันที เขารู้สึกแปลกเพราะเมื่อครู่ เด็กสาวคนนั้นเองก็พึ่งซื้อยาแบบเดียวกับเขาไป เธอดูคุ้นหน้าคุ้นตาแต่นั่นไม่ใช่ธุระของเขา “ยาที่สั่งครับ”“ที่สั่งไว้ทำหรือยัง”“กำลังตรวจสอบอยู่ครับ”"เอาละ ออกไปก่อนเถอะ"“ครับ”หมอตะวันเดินลงไปที่ห้องอาหารเช้าที่จัดเอาไว้สำหรับเฉพาะของโรงพยาบาล โรงแรมนี้ก็เป็นธุรกิจของแม่เขาเช่นกันเขาถึงได้เลือกที่นี่ให้เจ้าหน้าที่และเด็กฝึกงานมาพักที่นี่“คุณหมอตะวัน”“ขอโทษทีนะครับเมื่อคืนผมกลับมาไม่ทัน คืนนี้ก็เต็มที่กันอีกครั้งนะครับ”“ค่ะ ขอบคุณนะคะเมื่อคืนนี้อาหารดีมากเลยค่ะ”“ยินดีครับ ดีใจที่พวกคุณชอบเชิญตามสบายนะคะ”ส้มดูจะตื่นเต้นมากกว่าใครเมื่อเห็นหมอตะวันเดินเข้ามา เธอทำราวกับอยากแสดงตัวเต็มที่ว่าเป็นใครแต่ก็ไม
“คุณส้มครับ!!”พิภพเอ่ยปรามเธอ ดูเหมือนว่าเธอจะไม่เคยรู้ว่าคุณหมอตะวันนอกจากจะเป็นหมอแล้วเขายังเป็นนายน้อยหมื่นล้าน ทายาทนักธุรกิจอันดับต้น ๆ ของประเทศ ไม่ต่างกับมาเฟีย รอยยิ้มร้ายนั้นส่งมาให้เธออีกครั้ง“นี่ จะบอกให้นะ หากคุณบอกเรื่องนี้ออกไป คุณคิดว่าคนอื่นจะมองผมหรือคุณว่ายังไง เดิมทีผมก็เป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว ผู้หญิงที่ผมควงไม่มีทางเป็นคนกระจอกเลยสักคน คุณถือว่าต่ำกว่ามาตรฐานพวกนั้นมากเมื่อเทียบกับพวกเธอ แล้วที่สำคัญถ้าคุณกล้าพูดเรื่องนี้ไปจริง ๆ เกรงว่านอกจากจะไม่มีใครเชื่อแล้ว จะมองว่าคุณมันง่ายมากกว่า ผมไม่รับประกันนะว่าใครกันแน่ที่จะเสียเปรียบ คุณจะลองดูก็ได้”ส้มนั่งตัวเกร็งเพราะความโกรธและโมโห แม้ว่าจะเคยรู้ว่าเขาปากร้ายแต่นี่มันเกินไปแล้ว คำพูดที่เอาแต่ดูถูกและไม่ให้เกียรติเธอแบบนี้เขายังพูดออกมาได้หน้าตาเฉย ในตอนนี้เธอเองก็ไม่มีอะไรที่จะใช้เป็นแต้มต่อกับเขาได้เลย“เอาละ พิภพ จากนี้ก็ฝากด้วยนะ ผมจะกลับไปนอนเอาแรงหน่อย”“ครับ”ส้มนั่งกัดฟันอยู่ที่โต๊ะและกำหมัดแน่นโดยที่ไม่กล้ามองหน้าพิภพที่ยืนรออยู่ข้าง ๆ“คุณครับ พวกคนอื่น ๆ รอคุณอยู่”“ฉันไม่อยากไป ฉันจะกลับห้อง”“ไม่ได้ครับ
ตันหยงเงยหน้าขึ้นมามองเขาอย่างไม่สบอารมณ์แต่เขากลับทำหน้าเป็นเชิงถามว่า“ทำไมละ มีปัญหาเหรอ” ส่งกลับมาให้เธอ ตันหยงอยากจะผลักเขาออกไปแต่พื้นที่ในลิฟต์แคบจนทำให้เธอขยับไม่ได้เลยจนถึงชั้นหนึ่งของโรงแรม ทั้งคู่ต้องรอให้ครอบครัวนั้นออกไปจนหมดถึงเดินออกไป“เดี๋ยวก่อน นั่นคุณจะไปไหน”“คุณหมอคะ เรื่องนี้คิดว่า….”“พอดีผมว่าจะชวนไปกินข้าวน่ะ ผมหิว เมื่อกี้นี้เหมือนได้ยินเสียงท้องคุณร้อง คุณก็น่าจะลงมาหาอะไรกินใช่ไหมล่ะ”“ค่ะ ฉันคิดว่าจะหากินอะไรง่าย ๆ แถวนี้ดีกว่า สะดวกดีที่สำคัญ..”“ดีเลย ไปเถอะผมรู้จักร้านอร่อย ๆ ไปเป็นเพื่อนหน่อย”“เดี๋ยว นี่คุณ…คุณหมอคะ คือว่า...หยงไม่สะดวก...”ตันหยงถูกเขาดึงมือเดินออกไปยังที่จอดรถด้านหลัง เดิมทีตะวันคิดว่าจะออกมาเดินเล่นริมหาด แต่พอเจอเธอเข้าเขาเลยเปลี่ยนแผนนิดหน่อยและดึงกุญแจรถมาจากมือของพิชิต เขาเปิดรถหรูและเปิดประตูให้เธอขึ้นไปบนรถแต่ตันหยงมีเหรอจะยอมง่าย ๆ“จะไปไหนเหรอคะ”“ไปกินข้าวไงถามได้ ขึ้นไปสิ ที่นี่ไม่มีเพื่อนหรือคนในแผนกหรอก เอาละรีบไปเดี๋ยวจะหิวตายซะก่อน”“เดี๋ยวสิคะ หยงบอกแล้วว่า…”เขาไม่ฟังเธอและดันเธอเข้าไปนั่งในรถและดึงเข็มขัดมารัดเธอพร้
คำถามนี้ทำเอาคนที่ถูกถามนิ่งไปเลยทีเดียว เขานึกสนุกกับท่าทางของเธอจนแทบจะทนไม่ไหว อยากจับคนข้าง ๆ มาหอมเสียเหลือเกินผิดแต่ว่าในตอนนี้เขาและเธอไม่ได้นับว่าเป็นอะไรกันเขาเองก็ยังไม่อยากบอกเธอว่าเขารู้แล้วว่าคนเมื่อคืนนี้คือเธอเพราะกลัวว่าเธอจะไม่ยอมรับ เขาต้องเอาชนะใจเธออย่างน้อยครึ่งหนึ่งก่อนที่จะบอกเธอ“เป็นอะไรไป ถ้าคุณไม่ชอบกินกุ้งก็กินปูนี่สิ ผมสั่งมาด้วย โน่นก็ปลาหมึก หรือว่าหมดนี่คุณไม่อยากกินเลย จะกินแต่ต้มจืดงั้นเหรอ ไม่เอาน่า มาทะเลก็ต้องกินซีฟู้ดสิ”“ไม่ใช่ค่ะ กินค่ะ กินเดี๋ยวนี้เลยหยงก็แค่…จะแกะให้คุณหมอก่อนแล้วค่อยกิน”“ไม่ต้องหรอก ผมเห็นคุณทำแล้วเดี๋ยวคุณมัวแต่แกะให้ก็ไม่ได้กินพอดี เอาสิลองกินนี่หน่อย หมึกผัดไข่เค็มที่นี่ถือว่าใช้ได้เลย”“ขอบคุณค่ะคุณหมอ”เขาตักอาหารให้เธอหลายอย่างเพราะเห็นเธอไม่ค่อยกินอะไร ตะวันไม่อยากทำลายบรรยากาศที่กำลังดีแบบนี้ ตันหยงเองก็กินทุกอย่างที่เขาตักให้ มาในตอนนี้กลายเป็นเขาที่แกะกุ้งให้เธอกิน“พอแล้วค่ะคุณหมอ หยงเริ่มอิ่มแล้วค่ะ”“น้ำส้มนั่น รีบกินสิปล่อยเอาไว้นานจะไม่อร่อย”“ค่ะ ๆ”เขาพูดและบอกให้เธอกินตามราวกับเป็นฝ่ายโภชนาการ ตันหยงได้แต่
ตะวันไม่ได้ตอบเธอแต่ลอบยิ้มในใจ เขาเป็นคนที่ค่อนข้างระวังตัว แน่นอนว่าจะต้องมีคนที่คอยดูเวลาที่เขาเจอเรื่องและต้องถ่ายคลิปเอาไว้ตลอดเวลา และอยู่ที่เขาอีกเช่นกันที่จะให้ปล่อยคลิปนั้นหรือเปล่า เรื่องนี้มีแต่เขากับพิภพเท่านั้นที่รู้ เพราะก่อนหน้านี้ก็ใช้วิธีนี้กับหลาย ๆคนที่เขาสลัดไม่หลุด“ทำไมคุณหมอยิ้มแปลก ๆละคะ”“ทำไมมาสงสัยผมซะแล้วล่ะ ผมอิ่มมากก็เลยอารมณ์ดี ไม่ได้เหรอ”“ยิ้มแบบนั้นมันน่าสงสัยชัด ๆ”“เอ๊าคุณ ผมยิ้มก็ไม่ได้เหรอแปลกคนจริง ๆ”“ที่จริงคุณหมอยิ้มแบบนี้แล้วหล่อดีออกนะคะ ทำไมตอนอยู่โรงพยาบาลเอาแต่ทำหน้ามุ่ย”“หน้ามุ่ยงั้นเหรอ คุณมองเป็นแบบนั้นเหรอ”“ไม่ใช่เฉพาะหยงค่ะ ทุกคนก็เห็นเป็นแบบนั้นแหละค่ะ คุณดูไม่ได้เป็นกันเองแบบนี้นี่คะ”“แล้วก่อนหน้านี้ ผม..ดูเป็นยังไง”“ดุ โหด ไม่เป็นมิตร ไม่น่าเข้าใกล้”“น่ารังเกียจขนาดนั้นเลย แย่จัง”“ไม่ได้แย่หรอกค่ะ มันเหมือนกับว่าคุณหมอมีกำแพงหนาที่มองไม่เห็น แยกตัวคุณออกจากคนอื่น ๆ ก็เท่านั้นเอง”“โดยปกติงานที่โรงพยาบาลจะเครียดมาก การดูแลชีวิตคนเป็นสิ่งที่กดดันสำหรับหมออย่างพวกเรา ดังนั้นบางทีผมก็อาจจะเผลอทำแบบนั้นโดยไม่รู้ตัว คุณพูดมาก็ดีแล