Home / แฟนตาซี / ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร / บทที่ 3 กลับสวรรค์ชั้นฟ้า

Share

บทที่ 3 กลับสวรรค์ชั้นฟ้า

หลังจากสนทนาพาทีกับหวังเยี่ยนเสร็จสิ้น เขาก็ให้สาวใช้นามว่า'จื่อจิง'มาเป็นผู้ติดตามส่วนตัวแก่ข้า 

อย่างน้อยชายผู้นั้นก็ยังเห็นความสำคัญของลำดับศักดิ์อยู่บ้าง  นับว่าเขาพอจะรู้ธรรมเนียมปฏิบัติกับสตรีสูงศักดิ์

'ขอบใจแม่นางจื่อจิงมากที่มาส่งข้า' แม้ดวงตามองไม่เห็นแต่นางรู้ทันทีว่าห้องที่ถูกจัดเตรียมไว้เหมาะสมกับนาง กลิ่นหอมอ่อนๆคล้ายคลึงกับกลิ่นที่นางสัมผัสที่แก้มของเขา สิ่งนั้นมันคือกลิ่นอะไรกันแน่ หอมนวลละมุน

'เรียกอาจื่อเถิดเจ้าค่ะ อย่าเรียกบ่าวเช่นนั้นเลยหากท่านประมุขได้ยินเข้าเกรงว่าจะต้องโทษเอาได้เพคะ' 

'เอาเถิด งั้นข้าจะเรียกเจ้าว่าอาจื่อหรือไม่ก็จื่อเอ๋อร์ก็แล้วกัน ข้าสะดวกแบบนี้ มีข้าอยู่ไหนเลยเขาจะกล้าเอาเปรียบผู้ใดต่อหน้าข้า' ร่างงามระหงย่างก้าวช้าช้าอย่างคิดคำนึงจนปลายเท้าสัมผัสกับวัตถุแข็งๆจึงเข้าใจว่าเป็นพื้นต่างระดับ

'ข้าอยากส่องคันฉ่อง รบกวนจื่อเอ๋อร์ประคองข้าหน่อยได้หรือไม่' มือทั้งสองข้างยังคงลอยหวืออยู่กลางอากาศจนกระทั่งจื่อจิงจับแขนเล็กค่อยประคับประคองด้วยความระมัดระวังไปจนถึงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ในสายตาของนางส่วนหนึ่งมีความอคติกับเทพเซียนจึงยั้งไมตรีไว้ครึ่งส่วนเพียงแต่ทำตามหน้าที่เท่านั้น

มิใช่ว่านางมิอยากสนทนากับเซียนชุดขาวผู้นี้แต่อย่างว่าวิถีมารกับเซียนนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง นางสงบเยือกเย็น ปฏิบัติตนค่อยเป็นค่อยไปแช่มช้า แต่สำหรับแดนมารนั้น มุทะลุ ว่องไว ปราดเปรื่อง แม้แต่ถ้อยคำของนางยังสุภาพอ่อนน้อมเป็นที่สุด 

'ท่านหญิงเซียนต้องการอะไรอีกหรือไม่เพคะ' จื่อจิ้งยังคงเคารพนางอยู่ ใจหนึ่งรับรู้ได้ว่าสักวันหนึ่งนางอาจขึ้นมาเป็นนายหญิงอีกคน 

'ช่วยสางผมให้ข้าได้หรือไม่' 

'เพคะ' จื้อจิงค่อยๆปลดผ้าผูกผมของนางออกผมสีดำมีกลิ่นหอมคล้ายดอกกล้วยไม้บางชนิด หวีไม้ลายหงษ์ถูกนำมาใช้สางผมให้แก่สตรีเซียน

'จื่อจิง ประมุขของเจ้าเป็นคนดีหรือไม่' จื่อจิงชะงักเล็กน้อย

 อย่างท่านประมุขงั้นหรือ? เรียกว่า มารก็ไม่ใช่ ปีศาจก็ไม่เชิง อีกทั้งท่านประมุขยังมีส่วนที่ดีเฉกเช่นเทพเซียนอยู่บ้าง หากชั่งน้ำหนักดีชั่วและถูกผิดก็คงครึ่งหนึ่งถูกครึ่งหนึ่งผิดกระมัง ถึงเป็นเช่นนั้นปวงมารวิหคเจ็ดก็ยังคงให้ความเคารพต่อท่านประมุขที่สุด

'ท่านประมุขมีทั้งดีและชั่วเพคะ' 

'ชั่ว? แล้วชั่วอย่างไร' จื่อจิงคิดไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่แต่ไม่กล้าตอบสุ่มสี่สุ่มห้าจึงพยายามตอบตามมุมมองของตน แม้ไม่มีกฎใดในบัญญัติมารห้ามมิให้วิจารณ์ท่านประมุขแต่ในฐานะข้ารับใช้ ย่อมเป็นเรื่องไม่สมควร

'บางสิ่งท่านประมุขต้องทำเพราะหน้าที่ สักวันหนึ่งท่านจะรู้และเข้าใจเอง' ถ้อยคำกำกวมของจื่อจิงทำให้นางเคลือบแคลงใจอยู่หลายส่วน แต่เอาเถิดถึงเวลาโชคชะตาฟ้าลิขิตนางคงจะรับรู้ได้ด้วยประสาทสัมผัสของตนเอง

'ข้าง่วงแล้ว เจ้าก็ไปพักเถิด'

'ให้ข้าประคองขึ้นเตียงหรือไม่' 

'ไม่เป็นไร' จื่อจิงวางหวีไม้ลงอย่างเบามือแล้วเดินออกไปอย่างเงียบๆ

เมื่อเซียนสาวไม่สัมผัสถึงพลังชีวิตของใครในห้องนี้แล้วนางจึงปลดผ้าแพรที่ปิดดวงตาอยู่ลง ใบหน้างดงามราวกับภาพวาดมองสำรวจตนเองในคันฉ่องบานใหญ่ตรงหน้า นางเกลียดความงามล่มนรกล่มสวรรค์ของนาง หากไม่เกิดเรื่องนั้นขึ้น เรื่องที่นางเองก็หลงลืมไปแล้วเช่นกัน ไม่ทราบว่าความทรงจำ ณ ห้วงเวลานั้นเลวร้ายเพียงใด เมื่อกลับสู่โลกขาวดำอีกครา นางก็ได้ละทางโลกหันหลังให้แก่ทุกสรรพสิ่งเช่นนี้

ด้วยต้นกำเนิดตระกูลสูงศักดิ์ถูกสอนสั่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติว่าเรื่องหมั้นหมายและเรื่องแต่งงานเป็นเรื่องที่ครอบครัวต้องจัดการ แต่นางไม่คิดว่าทุกอย่างจะเกิดขึ้นเร็วปานนี้ สิ่งหนึ่งที่นางแสนมั่นใจคือ หวังเยี่ยนไม่ได้แต่งกับนางเพราะใบหน้าที่งดงามนี้ คิ้วโก่งดั่งคันศร ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงระเรื่อ ดวงตาสีดำประกายมุก จมูกโด่งเชิดรั้น นางลูบกรอบหน้าของตนเอง ความงามดั่งภาพวาดเช่นนี้บางครั้งก็เป็นทุกข์โดยแท้...

เมื่อถึงยามเฉิน[1] เฟิงจางจิ้งตื่นขึ้นมาเวลาเดิมอย่างเช่นทุกวัน  นางรำลึกไว้เสมอว่าสตรีเซียนที่ดีห้ามเกียจคร้านและต้องปฏิบัติเคร่งครัดสม่ำเสมอ ทว่า คิดไม่ถึงว่าจื่อจิงมาคอยแล้วแต่ยามเหมา[2]นำอ่างล้างมาเตรียมไว้

ดูถูกมิได้ คนที่นี่ช่างมีระเบียบวินัยเสียจริง ตรงต่อเวลา ไม่เลวเลยทีเดียว

'จื่อจิง เจ้าตื่นเช้าเช่นนี้ทุกวันเลยหรือ?' จื่อจิงตะลึงงันในความงามของหญิงสาว นี่เป็นครั้งแรกที่ใบหน้าภายใต้ผ้าแพรขาวเป็นที่ประจักษ์ ดวงตาสีดำประกายมุกสุกใสแวววาวมากล้นด้วยเสน่ห์ ริมฝีปากอวบอิ่มสีเดียวกับผลอิงเถา จมูกโด่งเชิดรั้นดั่งคันศรรับกับใบหน้า  ความสงสัยก่อนหน้าได้หายไปจนหมดจด ที่แท้เพราะสตรีเซียนท่านนี้งดงามจนน่าตกตะลึง มิแปลกว่าเหตุใดถึงได้ถูกจอมมารจับตัวมา ขนาดว่านางเพิ่งตื่นยังงดงามถึงเพียงนี้ หลังประโคมเครื่องประทินโฉม ในโลกนี้จะมีผู้ใดงามเทียมนางได้อีกเล่า

ใบหน้าเช่นนี้ต้องตายแล้วเกิดใหม่กี่ชาติถึงจะได้มา?

'จื่อจิง'สตรีเซียนกดเสียงหนักจนจื่อจิงหลุดออกจากภวังค์ความงามของนาง

'เพคะ' ราวกับต้องมนต์ แม้เป็นสตรีเหมือนกันยังหลงใหลในรูปลักษณ์ของนาง

'อืม ช่างแปลกเสียจริง' เฟิงจางจิ้งครุ่นคิด นางมั่นใจอยู่ครึ่งส่วนว่าหวังเยี่ยนจะต้องเป็นผู้นับถือวิถีมาร แต่เรื่องนี้ก็ยังแปลกอยู่ดีเพราะผิดวิสัยปกติของพวกเผ่ามาร คนจำพวกนั้นทำสิ่งใดไร้กฎเกณฑ์ ดีแต่ทำตามอำเภอใจ

'เหตุเพราะท่านประมุขตื่นเช้ามากเพคะ ท่านประมุขสั่งไว้ว่ายิ่งเขาตื่นเช้ามากเพียงใดพวกข้าย่อมต้องตื่นก่อนท่านเสมอ' จื่อจิงแสดงความเห็นเพื่อคลายความสงสัยให้เซียนหญิง

ที่แท้ประมุขท่านนี้มีความคิดที่ดีอยู่ไม่น้อย แสดงตนเป็นตัวอย่าง แม้ว่าท่าทางจะเหมือนคนพาลแต่กลับมีความคิดก้าวไกล นับว่าใช้ได้

ก๊อก ก๊อก 

'อีกสักครู่ ข้าจะพาท่านหญิงกลับสู่สวรรค์ชั้นฟ้า ' เซียนหญิงนำผ้าแพรขาวกลับมาผูกตาแต่ครานี้มิได้ปิดบังอีกครึ่งใบหน้า เผยริมฝีปากอวบอิ่มระเรื่อนางแต้มชาดแดงขับใบหน้าขาวผ่องเพื่อเตรียมพร้อมกับการเผชิญหน้ากับใครบางคน

'จื่อจิงจะตามไปดูแลท่านหญิงที่สวรรค์ชั้นฟ้าด้วย มิต้องเป็นกังวลเพคะ' เฟิงจางจิ้งพยักหน้ารับรู้

 จื่อจิงได้รับหน้าที่ดูแลว่าที่จักรพรรดินีด้วยชีวิตของจื่อจิงย่อมต้องปกป้องและภักดีให้สมกับที่จอมมารไว้ใจ

'อืม' หลังจากแต่งองค์ทรงเครื่องครบครัน จื่อจิงประคับประคองเฟิงจางจิ้งอย่างระมัดระวัง

 ส่วนจอมมารเขามิได้ออกไปส่งนางแต่อย่างใด กลับมองเซียนหญิงเดินจากไปจนลับสายตา ตามจริงเขาควรจะให้นางนั่งบนเกี้ยว[3]พร้อมด้วยองค์รักษ์ติดตามขบวนใหญ่ส่งนางให้สมเกียรติแต่ทำเช่นนั้นคงจะเอิกเกริกเกินไป

ช่างเถอะ นางรักสงบเพียงนั้น อาจชอบการมาและจากไปอย่างเงียบเชียบมากกว่า 

แต่ว่า เซียนหญิงในชุดขาวท่านนั้น งดงามแม้กระทั่งแผ่นหลังเชียว..

[1] ยามเฉิน คือ ช่วงเวลา 07.00 – 08.59 น.

[2] ยามเหมา คือ ช่วงเวลา  05.00 – 06.59 น.

[3] เกี้ยว คือ คานหามของจีนอย่างหนึ่ง ยิ่งมีคนหามมากก็ยิ่งแสดงถึงมีอำนาจและลำดับศักดิ์ที่มาก

 

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status