แชร์

บทที่ 11 วิวาห์ย้อมโลหิต

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-18 16:47:57

หลิงหลิวเหว่ยและปี้เฉียงเดินเข้ามาในห้องโถงเงียบๆ เห็นจอมมารกุมมือท่านหญิงเซียนอยู่แต่ท่านหญิงเซียนแลดูมีเรื่องลำบากใจ ตอนนี้จดหมายตอบรับได้มาถึงแล้ว เขาควรนำไปรายงานแก่จอมมาร 

เจ้าปี้เฉียงนี่ก็ตามติดเป็นเงาตามตัวน่ารำคาญจริง เมื่อไหร่จะกลับเผ่าหงสาไปสักที

'ท่านจอมมารขอรับ สาน์สตอบรับมาถึงแล้ว' หลิงหลิวเหว่ยยื่นสาน์สให้จอมมาร จอมมารเปิดอ่านในทันที

'เจ้าตอบตกลง?' จอมมารยิ้มกว้าง เขาบรรจงจุมพิตหลังมือของเฟิงจางจิ้ง นางไม่ทันตั้งตัว พอรู้สึกตัวก็ชักมือออก

'อืม ใช่ แล้วข้าจะรอเกี้ยวของท่านที่สวรรค์ชั้นฟ้า' นางลุกเดินออกไปอย่างขัดเขินเล็กน้อย นางมองตำแหน่งที่จอมมารจุมพิตไปเมื่อครู่ รอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นอย่างไม่รู้ตัว 

'ไปกันเถอะจื่อจิง' จอมมารยังคงตะลึงงันด้วยความดีใจ จนกระทั่งนางกับจื่อจิงเดินลับสายตาไปแล้ว..

'ปี้เฉียง ฝากเจ้าคุ้มครองนางถึงสวรรค์ชั้นฟ้าที' 

'รับทราบ!' ปี้เฉียงฟังคำสั่งจอมมารอย่างไม่อิดออด แล้วเดินตามเฟิงจางจิ้งกับจื่อจิงไป...

จอมมารนั่งเปิดอ่านเทียบของหมั้นที่เขาส่งไปคราวที่แล้วเพิ่มของไปอีกสักหลายอย่าง..

'ของทุกอย่างพร้อมแล้วนะ นี่เป็นรายการที่ข้าเพิ่ม จัดเตรียมให้เสร็จวันนี้แล้วส่งจดหมายไปหาเทียนจวินว่าพรุ่งนี้ข้าพร้อมยกเกี้ยวไปสู่ขอ แต่งพรุ่งนี้เลย!' จอมมารนึกอารมณ์ดีแต่งกลอนสำหรับพิธีวันพรุ่งนี้ สำหรับพิธีแต่งงานแดนมารของเขา ต้องมอบกลอนอันเป็นคำมั่นสัญญาให้ฝ่ายหญิง ดีที่ก่อนหน้าเขาเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมเพราะเขาคิดไว้แล้วว่าหากนางไม่ยอมตบแต่ง เขาจะฉุด แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม งานแต่งนี้ก็ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

'รับทราบขอรับ แล้วชุดให้ส่งไปเลยไหมขอรับ' 

'ส่งเลย เตรียมพร้อมซะวันนี้ ยกสุราที่ข้าบ่มเองไปสวรรค์ชั้นฟ้าด้วย' ต่อให้ความฝันนั้นจะเป็นจริงหรือไม่ นางกับเขาถูกลิขิตแล้วว่าให้คู่กัน ถูกลิขิตแล้วว่าให้ต้องเป็นสามีภรรยากัน งานแต่งของเขาจะไม่ยอมให้ใครมาขัดขวางโดยเด็ดขาด!

ไม่ทราบว่าหากวันเวลาผ่านไป ยามเฝ้าชมบุปผาเบ่งบานด้านนอกกำแพงวังจะยังคงความรู้สึกเช่นนี้ได้หรือไม่ แท้จริงข้ากลับไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีวันนี้วันที่ข้าจะลงเอยกับใครสักคนคงเป็นวาสนาโชคชะตาฟ้าลิขิตถึงได้มีวันนี้ ข้ายังจำได้ว่าเมื่อสองสามอาทิตย์ก่อน ข้ายังยุ่งวุ่นวายแก่การปรุงยาเพื่อส่งมาที่ห้องเครื่องสวรรค์ ข้ายังสวมชุดขาวเด็ดบุปผาในหอบุปผกาแก้ว ข้ายังสวมผ้าแพรขาวฝึกประสาทสัมผัสของตน ข้ายังปล่อยวางความทุกข์ในโลกนี้หันหลังให้แก่โลกขาวดำแต่วันนี้...

ข้าต้องมาสวมชุดมงคลสีแดง สวมผ้าคลุมหน้าสีแดง แม้กระทั่งเครื่องประทินโฉมก็ล้วนเป็นสีแดงทั้งสิ้นในงานมงคลของข้าจะยังมีความรู้สึกอบอวลไปด้วยความรักอยู่ด้วยหรือไม่..

'งามแล้วเพคะท่านหญิงเซียน' จื่อจิงเสียบปิ่นรูปวิหคเพลิง ปิ่นนี้มีกลิ่นหอมกรุ่นลอยออกมาคล้ายกลิ่นของอัสดงอ่อนๆทั้งยังส่องแสงประกายคล้ายกับสุริยา  ข้าหันหน้ามองคันฉ่องสีทองอร่าม งามนั้นก็งามอยู่ดอก แต่เครื่องประดับทั้งปิ่นปักผม ดูออกจะมากมายเกินไปสักหน่อย

'เหตุใดต้องจัดงานเอิกเกริกถึงเพียงนี้ ข้าเห็นว่าเรียบง่ายคงจะดีเสียกว่า' จื่อจิงตีที่แขนข้า 

'ท่านหญิงมิใช่เทพเซียนน้อยนะเพคะอีกทั้งท่านจอมมารเองก็มีตำแหน่งใหญ่โตคับฟ้าเช่นนี้ งานแต่งของท่านหญิงเซียนจะต้องเล่าลือไปทั่วสี่ทะเลแปดดินแดน ท่านจอมมารย่อมไม่ทำให้ท่านหญิงเซียนของจื่อจิงขายหน้า งานนี้จึงต้องจัดอย่างสมเกียรติสมฐานะเพคะ อีกหน่อยท่านหญิงยังต้องออกหน้าร่วมกับท่านจอมมารเข้าร่วมพิธีของเผ่าอื่นอีกมากควรจะชินไว้นะเพคะ' ท่านจอมมารคนนั้นก็หุนหันพลันแล่นเหลือเกิน เมื่อวานเพียงแค่ส่งจดหมายตอบรับกลับถึงมือ ตกเย็นเขาก็ส่งของทุกอย่างมาเตรียมพร้อม บอกกับข้าว่าแต่งกันพรุ่งนี้เลย รีบร้อนถึงเพียงนั้นเชียว

'ท่านจอมมารของเจ้าน่ะ ใจร้อน รอสักวันสองวันก็ไม่ได้'

'ท่านจอมมารคงอยากอยู่ด้วยกันกับท่านหญิงเซียนเร็วๆน่ะเพคะ' จื่อจิงล้อเลียนข้าอีกแล้ว แต่ความฝันนั้น ข้าก็เกรงกลัวเหลือเกิน… 

วันนี้การคุ้มกันไม่แน่นหนาเท่าใดนักเพราะทั้งแปดเผ่าล้วนได้รับเชิญ เทียนจวินลงความเห็นว่าทำเช่นนั้นคงเป็นการเสียมารยาท งานมงคลเช่นนี้คงไม่มีใครกล้าทำอะไรบุ่มบ่าม..

ก๊อก ก๊อก

'เข้ามา' 

'หมิงป๋ายขออนุญาตท่านหญิงเซียน ตอนนี้ขบวนเกี้ยวเคลื่อนมาถึงหน้าวังแล้วเพคะ'

'อืม เดี๋ยวข้าออกไป' หมิงป๋ายเป็นมารจากเผ่าวิหคเช่นเดียวกับจื่อจิงแต่เป็นวิหควารี วันนี้นางมาทำหน้าที่เป็นแม่สื่อให้ข้าและหวังเยี่ยน หวังเยี่ยนบอกกับข้าว่าตระกูลของหมิงป๋ายทำหน้าที่นี้มาหลายรุ่นต่อรุ่นแล้วเพราะต้นตระกูลของหมิงป๋ายมีผู้ที่เป็นเซียนคอยรับใช้อยู่ที่หินสามชาติ เขาจึงมองว่านางเหมาะสม แต่ตัวข้ากลับรู้สึกไม่ดีกับนางสักเท่าใดนัก ทำไมข้าถึงรู้สึกว่านางมิใช่คนเผ่าวิหคเพราะมีกลิ่นพิษคล้ายกับกลิ่นของอสรพิษลอยออกมาจากตัวนาง..

'จื่อจิง พกกระบี่ของข้าไปด้วย' ข้ายืนกระบี่ของตนเองให้จื่อจิงถือ ข้าสังหรณ์ใจไม่ดี อย่างไรวันนี้ข้าไม่หวังให้ทุกอย่างเป็นดังความฝันนั้นแน่นอนและถ้าหากเป็นจริง ข้าจะเป็นผู้ยุติทุกอย่างด้วยตัวเอง

'พกของเช่นนี้เข้าไปไม่มงคลเลยนะเพคะ'

'ไม่เป็นไรจื่อเอ๋อร์ คำสั่งของข้าว่าที่ประมุขของเจ้า เจ้าจะฟังคำสั่งข้าหรือไม่' ข้าตรัสแกมบังคับ นางยินยอมพกไว้ ข้าบังเอิญทราบมาก่อนแล้วว่าส่วนใหญ่ทางมารไม่นิยมใช้กระบี่เท่าใดนักแต่ถนัดใช้พลังมารมากกว่า ให้จื่อจิงถือไว้ถือว่าไม่หนักหนาอะไรและดูไม่มีพิรุธมากที่สุด 

'จื่อจริงไม่กล้าขัด ย่อมต้องฟังท่านหญิงเซียนอยู่แล้วเพคะ'

'ข้าพร้อมแล้ว' จื่อจิงนำผ้าคลุมสีแดงมาสวมให้แก่ข้าและประคับประคองข้าขึ้นเกี้ยวไป ข้าแอบมองเห็นเขา ชายในชุดอาภรณ์แดงเช่นเดียวกันกับข้า ผมสีดำสลวยเงางามถูกปล่อยสยายออกมา ร่างองอาจกำลังหันหลังขึ้นควบม้าเหล็กทมิฬดวงตาสีแดงฉาน ข้าเห็นเขาเพียงชั่วพริบตาเดียวนั้น เขากำลังนำขบวนเกี้ยวของเราเข้าสู่แดนโลกันตร์..

'ท่านหญิงเพคะ นั่น!! ดอกเหมยกุ้ยกลางหน้าผากท่านหญิงใช่หรือไม่เพคะ' จื่อจิงชี้ไปที่หน้าผากของเซียนหญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ จะมีดอกไม้ผุดขึ้นกลางหน้าผากข้าได้อย่างไร?

'ขอคันฉ่องให้ข้าที' จื่อจิงยื่นคันฉ่องสีเงินเรียบๆมาให้ ข้ายกขึ้นส่องปรากฏดอกเหมยกุ้ยกลางหน้าผากข้าจริงๆ เหตุใดจึงขึ้นแล้วขึ้นได้อย่างไร หรือมีเรื่องอะไรเกี่ยวกับตัวข้าที่ข้ายังไม่รู้อีก 

เอี๊ยด โคร้มมม 

'โอ้ยยย' เหตุการณ์นี้มัน! ช่างเหมือนในความฝัน ขบวนเกี้ยวหยุดอยู่กับที่ ข้าได้ยินเสียงอาวุธกระทบกัน ข้ารับแรงกระแทกเพียงเล็กน้อยดูเหมือนเกี้ยวจะถูกยกลง

'จื่อจิงยื่นกระบี่ให้ข้า' 

'เชิญท่านหญิงเพคะ' แต่ทว่า! ข้ากลับไม่สามารถก้าวขาออกจากเกี้ยวนี้ได้ราวกับมีม่านพลังกั้นไว้

'หวังเยี่ยน!!' 

'เจ้าไม่จำเป็นต้องออกมา รักษาตัวของเจ้าให้ดี' 

'ปล่อยข้า!!!' 

'เจ้าไม่ต้องห่วงข้าจะไม่ยอมปล่อยให้งานแต่งของเราล่มสลาย' ทำไมจอมมารท่านนี้ถึงหยิ่งทระนงตนเองยิ่ง ลำพังเขาคนเดียวจะรอดได้อย่างไร เหมือนเป็นดังความฝันนั้น เสียงอาวุธกระทบกันเต็มไปหมด ท่านจอมมารไม่อาจดูถูกฝีมือของข้า เมื่อตัดสินใจได้ดังนั้นจึงร่ายมนตร์กระบี่แล้วแทงทะลุฝ่าม่านพลังออกมา..

'ข้าบอกเจ้าแล้ว งานแต่งของเจ้าจะเป็นงานนองเลือดให้ข้าและคนของข้าเล่นสนุกให้สาแก่ใจ' ชายในชุดดำกล่าวออกมาภายใต้ใบหน้าดุดันและยังมีชายอีกราวๆสิบกว่าคนสวมเกราะแผ่ไอมารออกมา กลิ่นของพวกเขาคล้ายเซียนเผ่าอสรพิษ 

'ข้า หวัง! เยี่ยน! จวิน! ไม่เคยเกรงกลัวผู้ใดมาก่อนหากข้าไม่ตายตกจนวิญญาณแตกซ่าน เจ้าก็จะไม่มีวันได้ทุกสิ่ง' 

'ฆ่า!!' สิ้นคำของเผ่ยอวิ๋นก็เกิดการต่อสู้ขึ้น บุรุษสองคนถือกระบี่สองฟักฟาดฟันกันคล้ายว่าจะเป็นภาพแสนงดงามภายใต้ความอาฆาตพยาบาทยังมีอีกสายตาหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในแววตาเคียดแค้นเป็นสายตาของมิตรภาพ มิตรภาพที่มิอาจกลับคืนสู่วันวานได้แล้ว ท่วงท่าแสนสง่างามยังคงคุ้นตาจอมมาร วิถีกระบี่ของเผ่ยอวิ๋นจวินยังคงเหมือนเดิมแต่ทว่า..

'หมิงป๋ายเจ้าส่งกระเรียนทองไปถึงเทียนจวิน  เฮือก!'

'เจ้าน่ะมันโง่นักนะ หวังเยี่ยน' รอยยิ้มร้ายผุดขึ้น นางแปลงร่างอยู่ในชุดเดียวกันกับคนของเผ่ยอวิ๋นพลางดึงดาบผนึกมารที่เสียบกลางอกหวังเยี่ยนเมื่อครู่ออกมา ดาบผนึกมารเป็นดาบที่สูบพลังของมารมาเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตนเอง นางคือภรรยาเอกของเผ่ยอวิ๋นแฝงตัวมาเนิ่นนานและเป็นบุตรธิดาคนโตองค์หญิงใหญ่จากเผ่าอสรพิษ ส่วนตัวจริงที่ถูกสวมรอยได้ตายไปนานแล้ว 

เขาเก็บนางไว้ใกล้ตัวเนิ่นนาน ใช่ เขาโง่จริงๆ

'เยี่ยนเยี่ยนเรื่องมาถึงขนาดนี้ หากเจ้ายอมตายตกกลายเป็นวิญญาณไร้ตัวตน ข้าจะไว้ชีวิตทุกคน'

'ข้าปล่อยให้เจ้าทำเรื่องไร้คุณธรรมไม่ได้หรอก'

'ใต้หล้านี้ คุณธรรมที่เจ้าพูดถึงล้วนเป็นเรื่องที่ข้าเกลียด' เผ่ยอวิ๋นใช้มือปาดเลือดของหวังเยื่ยนที่เปื้อนอยู่ตรงปลายดาบขึ้นมาดูดชิม เลือดแสนหวาน.. 

'ปี้เฉียงปกป้องหลิงหลิวเหว่ยและเจ้าสาวของข้าที' เขายังคงหอบร่างอันแสนเจ็บปวด บาดแผลของเขา โลหิตไหลย้อมเข้ากับสีชุด 'โลหิตเปื้อนอาภรณ์ย่อมไม่ยอมให้โลหิตเปื้อนฮูหยิน' เขาย่อมทนได้แต่คงไม่อาจมองคนที่ตนรักและสำคัญกับตนเป็นอะไรไป หากต้องคืนสู้เถ้าธุลีเขาก็ไม่เกรงกลัวแม้ต้องใช้เวลาอีกหลายแสนปีกว่าจะคืนร่างเดิมได้ก็ตาม

 ปี้เฉียงพยักหน้าให้แก่จอมมารเป็นที่รู้กัน 

'ท่านจอมมาร' หลิงหลิวเหว่ยชะงักมือเห็นถึงความวุ่นวายที่เกิดขึ้นปี้เฉียงโอบไหล่หลิงหลิวเหว่ยมองตาหวานเชื่อม

'ข้าจะปกป้องเจ้า ท่านจอมมารไม่เป็นอะไรหรอกเชื่อข้าสิ' หลิงหลิวเหว่ยกระทุ้งศอกตรงกล้ามท้องของคนข้างๆสักที 

มันใช่เวลาเล่นไหม!

'พูดอะไรของเจ้า' หลิงหลิวเหว่ยหยิบอำพันขึ้นมาโยนขึ้นบนฟากฟ้าจนเกิดเป็นแสงสีทองวาบขึ้น เขากำลังส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือให้เทียนจวิน

'ถึงคราวที่เจ้าต้องลองกระบี่ที่ข้าให้แล้วนะว่าเหมาะมือดีหรือไม่' รอยยิ้มร้ายพุดขึ้น ปี้เฉียงมองตาชายหนุ่มหุ่นอ้อนแอ้นอย่างรู้ใจ วาดลวดลายท่วงท่าทีอันสง่างามคล้ายกับพญาหงส์เต้นระบำ คมกระบี่สองฟักกวัดแกว่งไปมาคอยปกป้องรอบเกี้ยวสีแดง ขณะนั้นเองกลับรู้สึกได้ถึงพลังเซียนอันแข็งแกร่ง พลังเซียนสีขาว พลังเซียนที่หนักแน่น บริสุทธิ์ จอมมารยังคงสู้อย่างไม่ลดละกับเผ่ยอวิ๋นและองครักษ์ของเผ่ยอวิ๋นอีกสามคน 

เซียนหญิงยังคมสวมผ้าคลุมหน้าสีแดงอยู่ร่างบางฉีกกระโปรงที่ยาวลากพื้นขึ้นมาเล็กน้อยพอให้เคลื่อนไหวสะดวก ลากกระบี่สลักชื่อของตนออกมาเดินลงจากเกี้ยวอย่างสง่างาม ภายใต้ผ้าคลุมสีแดงนั้นเต็มไปด้วยแรงอาฆาต แรงจิตสังหาร อันแรงกล้าของนาง ดอกเหมยกุ้ยสีแดงฉานเข้มขึ้น 

ท่ามกลางความโกลาหลราวกับว่ามีพิษบางอย่างกระจัดกระจายไปทั่วอาณาเขต จอมมารยังคงโซซัดโซเซเพราะถูกดาบผนึกมารดูดกลืนพลัง 

'ไม่ต้องตามข้ามา รักษาตัวเองให้ดี' ร่างองอาจของเขาฝ่าฟันคมกระบี่ต่อสู้กับชายชุดดำไม่ลดละ

ในความฝันของนั้น นางจำได้ แต่ครานี้มีหลายสิ่งที่แปรเปลี่ยนไปยามนางย่างก้าวกลับมีดอกสาละพุดขึ้นรองรับย่างก้าวของนาง.. 

'ไม่ หากจะตายก็ตายด้วยกัน' 

'นั่นมัน!!! ' หมิงป๋ายชี้ไปที่เซียนหญิงในชุดมงคล ย่างก้าวดอกสาละพุดนั้นคล้ายดังคำกล่าวในตำนาน 'ย่างก้าวเกิดดอกสาละพุด บุปผาพิษผุดกลางนลาฏ กล่าวขับขานแต่กาลนาน บรรพกาลดรุณีก่อกำเนิด' ที่เเท้จอมมารกลับมีของดีไว้ในมือนี่เอง หึ

'บุปผาพิษในตำนาน' ชายในชุดดำผู้นั้นยิ้มตรงมุมปาก แล้วเเทงเข้าไปที่กลางอกจอมมารอีกครั้ง ไม่! นางจะไม่ยอมให้เป็นเหมือนดั่งในความฝัน นางวิ่งไปกอดร่างหนาที่ล้มลงไป นางวาดกระบี่ลงบนพื้นเป็นวงกลมราวกับมีปราการเซียนห้อมล้อมรอบตัวนางและเขา

'ถ้าท่านท่องกลอนที่จะเข้าพิธีกับข้าก่อน ข้าจะโกรธเจ้าและไม่ยินยอมแต่งกับเจ้าจริงๆด้วย' นางแบมือออกมาดอกบัวสีดำทมิฬลอยล่องออกไป คือดอกบัวพิษ นางหยิบกระดิ่งระฆังทองออกมาสั่นเบาๆสามครั้ง เห็นท่าทีของปี้เฉียงกับหลิงหลิวเหว่ยก็ลำบากอยู่ไม่น้อย นางเพียงเคยฝึกวิชาร้ายกาจนี้ไว้บ้าง ท่านแม่ของนางสั่งไว้ว่ามิใช่ว่าตลอดชีวิตนี้จะมีแต่สิ่งดีๆเกิดขึ้น เทพเซียนแม้เป็นเทพเซียนก็ย่อมมีด่านเคราะห์ที่ต้องเผชิญ ดังนั้นเรียนวิชาอธรรมพวกนี้เอาไว้บ้างไม่เสียหาย

ร่างมังกรสามหัวปรากฏขึ้นทั้งสามหัวพ่นไฟ เรียกลมวายุและเพรียกพิรุณกระหน่ำเทลงมา เมื่อลงแตะสู่พสุธาเจ้ามังกรแต่ละหัวจึงแยกกันคาบคนไปคนละหัว หลงเมิ่งอ้าปากงับแขนเสื้อเฟิงจางจิ้งโดยที่เซียนหญิงยังไม่ปล่อยมือจอมมาร หลงฮั่วอ้าปากงับปกคอเสื้อหลิงหลิวเหว่ยกับปี้เฉียงส่วนหลงลี่อ้าปากงับจื่อจิง หยกที่เขามอบให้จื่อจิงเปร่งประกายวิบวับ..

 โชคดีเหลือเกินที่นางพกติดตัวไว้ตลอดถึงแม้เขาจะรู้สึกเจ็บจากพลังมารที่พุ่งเข้าชนตัวจื่อจิง ขอเพียงแต่จื่อจิงปลอดภัยก็เพียงพอ..

'ตาม!!' เผ่ยอวิ๋นออกคำสั่ง บัดนี้จากงานรื่นเริงกลับกลายเป็นงานแต่งย้อมโลหิตมีแต่กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งเต็มไปหมด เผ่ยอวิ๋นดูดกลืนพลังชีวิตส่วนหนึ่งของผู้ที่ถูกสังหารเพื่อเพิ่มพูนพลังวิญญาณให้ตนเองแล้วจึงเหาะตามเหล่าทหารองครักษ์ฝีมือดีของตนเอง

แตกดับเช่นไร ขอเพียงแค่เอาเลือดล้างเลือด เปื้อนมลทินนับพันครั้ง ต้องถูกจองจำอีกชั่วกัปชั่วกัลป์ ยินยอมด้วยความยินดี ทั้งรักทั้งแค้นก็เป็นเช่นนี้

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร   บทที่ 12 สองดวงจิตในร่างเดียว

    เหล่าหลงทั้งสามพาพวกข้ากลับมายังหุบเขาสิ้นชีวาอีกครั้ง แต่พวกทหารชุดดำเหล่านั้นก็ยังตามข้ามาทันอยู่ดี ข้าจึงลุกขึ้นยืนหยัดสั่งให้หลงลี่พาคนที่บาดเจ็บกลับไปที่วังมังกรเนรมิตก่อนแล้วจึงไปประจันหน้ากับเหล่าทหารชุดดำ'นี่ไม่ใช่เรื่องของท่านเซียนใยต้องยื่นมือเข้ามาด้วยเล่า' หมิงป๋ายยิ้มเย้ยหยัน ข้าต้องระงับโทสะตัวเองหากจะกระทำการสิ่งใดย่อมต้องทำอย่างมีสติ 'หากพูดว่าไม่ใช่เรื่องข้าคงมิใช่กระมัง งานที่เจ้ามาพังวันนี้คืองานวิวาห์ของข้า คนที่เจ้าปักกระบี่ลงกลางอกคือว่าที่สามีของข้า' 'ข้ารู้ว่าท่านเองก็คงมิอยากจะตกลงปลงใจกับจอมมารมือเปื้อนโลหิตอย่างเขา มาร่วมมือกับพวกข้าเถอะเฟิงจางจิงเซียน' ข้ากำกระบี่ในมือแน่น'คุณธรรมเขาสูงส่งกว่าพวกเจ้ามากและถ้าข้ายังมีชีวิตอยู่ก็อย่าหวังว่าจะได้ชีวิตของเขาไป'หวังเยี่ยน..ท่านทำเรื่องอะไรมากัน ทำไมมารเหล่านี้ถึงได้มีความแค้นกับเจ้ามากถึงเพียงนี้แปะ แปะ แปะเงาสีดำทมิฬค่อยๆประกอบรูปร่างขึ้นเป็นคน เงาสีดำที่นางรับได้ถึงพลังมหาศาลพลังงานแห่งความมืดความชั่วร้ายที่ถูกล้อมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน เรือนผมสีดำแผ่สยายดวงตาเป็นประกายสีเขียวมรกตงดงาม ชุดเกราะสีเงินทรงอา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-18
  • ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร   บทที่ 13 คำนับฟ้าดิน

    วังมังกรเนรมิตถูกจัดตกแต่งด้วยสาหร่ายแดงที่พอจะหาได้และผ้าไหมแดงที่พอจะมีอยู่บ้าง จื่อจิงรับหน้าที่เป็นแม่งานจัดเตรียมหน้างานทั้งหมด ยังรู้สึกผิดหวังที่งานเเต่งอลังการถูกพังทลายลงอีกทั้งตี้จวิน[1]คนนั้นเหตุใดจึงละเลยเรื่องนี้ ผ่านมาแล้วสามวันกลับไม่มีข่าวคราวจากวังสวรรค์ส่งมาเลยแม้แต่น้อย'จื่อเออร์ เหตุใดจึงทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเช่นนั้นเล่า' หลิงหลิวเหว่ยเอ่ยถามจื่อจิง'ข้ารู้สึกว่ายังขาดอะไรไปแต่ช่างเถอะ ท่านเห็นเหล่าหลงทั้งสามไหม''ไม่เห็น จริงสิปี้เฉียงก็หายไปด้วย''เดี๋ยวข้าไปตามเอง' จื่อจิงว่าเช่นนั้นแล้วเดินลัดเลาะไปด้านหลังวังมังกรเนรมิตยังมีสระน้ำมรกตไป๋ฉุนจิ้งคงต้องไปดูสักหน่อย บังอาจปล่อยให้สตรีร่างบางกับบุรุษอ้อนแอ้นอย่างนางกับหลิงหลิวเหว่ยทำงานอยู่สองคนใช้ได้ที่ไหนกันเสียงน้ำหลั่งไหลผ่านโขดหินใต้ธาราสีใสจนเห็นตัวปลานานาชนิดบุรุษรูปร่างกำยำทั้งสี่หย่อนกายหย่อนใจลงในสระน้ำนั้น..'พวกท่านอยู่ที่นี่มานานแค่ไหน' ปี้เฉียงเอ่ยถามมังกรทั้งสาม พวกเขาแลดูเหมือนจะรู้จักทางป่านี้เป็นอย่างดีอีกทั้งยังนำทางพามาอา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-19
  • ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร   บทที่ 14 แตกหัก

    หวังเยี่ยนและเฟิงจางจิ้งแยกกันไปถอดเครื่องแต่งกายออกแล้วสวมชุดตามเดิมเพื่อมาหารือกันเรื่องเหล่าองครักษ์มารของเผ่ยอวิ๋นจวิน ผู้อาวุโสทั้งสี่ยินดียื่นมือเข้ามาช่วย หวังเยี่ยนออกจะเสียดายอยู่บ้างที่ไม่ได้เข้าห้องหอแต่เพราะสถานการณ์ตอนนี้ไม่สู้ดีนักจึงต้องเลื่อนเข้าห้องหอออกไปก่อน อย่างไรกว่าจะได้เข้าห้องหอกันอีกครั้งคงต้องรอหลังพิธีอภิเษกเฟิงจางจิ้งเซียนขึ้นเป็นจักรพรรดินีมาร....'ต้องขอขอบคุณเฉินฮุยเกอมากที่ตามมาช่วยข้ากับฮูหยินอีกทั้งยังเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าวให้ด้วย' หวังเยี่ยนก้มโค้งคำนับเฉินฮุยอีกครั้ง'ไม่เป็นไร ลืมไปแล้วรึว่าพวกเราคือพี่น้องกัน ข้าผิดหวังมากนะหวังเยี่ยนที่ไม่เชิญพวกข้าเข้าร่วมงานอภิเษก' เฉินฮุยตำหนิจอมมารยกใหญ่อีกครั้งทั้งๆที่นับถือกันเป็นพี่น้องร่วมสาบานกันแล้ว เจ้าหวังเยี่ยนยังทำตัวห่างเหินกับพวกเขาอีก หากมิใช่ว่าเรื่องที่เกิดบนสวรรค์ชั้นฟ้าในงานแต่งเป็นเรื่องราวใหญ่โตจนต้องเรียกเซียนชั้นสูงทั้งสิบมาหารือมีหรือที่พวกเขาจะรู้&

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-20
  • ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร   บทที่ 15 การกลับมาของผานเยว่ถิง

    จอมมารหนุ่มอุ้มร่างบางที่หลับใหลไปในอ้อมกอดมายังในห้องส่วนตัวและจัดแจงวางร่างบางลงบนเตียงอย่างเบามือเพียงเเค่จับเเขนเล็กหรือเเตะเพียงเบาเบาก็ยังเกรงกลัวเหลือเกินว่ากระดูกขาวเช่นเทพเซียนจะแตกหัก เนื้อตัวนุ่มนิ่มบอบบางราวกับปุยนุ่นเช่นนี้ คนหยาบกระด้างอย่างเขาต้องระมัดระวังเป็นพิเศษหลายวันมานี้ไม่ได้รับโลหิตดับดวงจิตมารภายในร่างจึงรู้สึกกระหายอย่างมาก ยิ่งอยู่ใกล้นางกลิ่นหอมรัญจวนยิ่งเพิ่มทวีคูณ เกรงกลัวจะห้ามใจไม่อยู่'เหว่ยตี้ ข้ากระหายเหลือเกิน''เชิญจอมมารไปที่โถงก่อนเถิด ขุนนางมารรออยู่แล้ว เสี่ยวโม่[1]จะไปเตรียมเครื่องดื่มดับกระหายมาให้''อืม' ร่างองอาจรวบผมขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับแต่งกายเสียใหม่แล้วจึงเรียกจื่อจิงมาเฝ้าเซียนหญิงแล้วค่อยเดินออกไปครั้นเดินทางมายังโถงใหญ่ก็เห็นชี้ชัดแล้วว่ามีขุนนางมารบางส่วนหายไปจากโถงแห่งนี้ ไม่ต้องคาดเดาก็รู้แจ่มแจ้งว่าขุนนางมารเหล่านั้นคงแยกพรรคพรรคแยกฝ่ายตามเผ่ยอวิ๋น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-21
  • ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร   บทที่ 16 เรื่องในอดีต

    ‘ยินดีต้อนรับกลับ' หวังเยี่ยนเดินเข้าไปกอดซ้อนอีกทีหนึ่ง เขาไม่รู้มาก่อนว่าพวกนางรู้จักกันคนหนึ่งก็เปรียบเสมือนน้องสาวในไส้ส่วนอีกคนก็คือภรรยาของเขา จากนี้ไม่ว่าเรื่องราวจะเป็นเช่นไร เขาจะเป็นคนปกป้องพวกนางเอง ไม่มีผู้ใด ไม่มีอดีตและแม้อดีตจะลบล้างไม่ได้ หากแต่เมื่อวันวานแห่งความขมขื่นผันผ่านไป หลังจากนี้เขาจะเป็นแสงสว่างชี้นำพวกนางเอง พวกนางคงยังมีความหลังให้ระลึกถึงกันอีกมากเห็นสมควรปล่อยให้สนทนากันเพียงลำพัง กิจของสตรีบุรุษมิควรยุ่งจอมมารสะกิดหลิงหลิวเหว่ยพยักพเยิดหน้าไปทางประตูแล้วพากันเดินออกไปเงียบๆ เซียนหญิงกับมารสาวมองหน้ากันร่ำไห้กันเงียบงัน ก่อนจะบอกเล่าถึงความทรมานแสนสาหัสและเรื่องเขา'คนนั้น''เยว่ถิง ทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้แล้วเจ้ากับจอมมารรู้จักมักจี่กันตั้งแต่เมื่อไหร่''ไม่เจอกันเพียงไม่กี่แสนปี ท่านหญิงของข้ากลายเป็นคนช่างถามแล้วรึ''เพราะข้าสนิทใจที่พูดคุยกับเจ้าต่างหาก!'

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-22
  • ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร   บทที่ 17 คนแซ่เสวี่ย

    บรรดาเหล่าเซียนยืนเรียงกันเป็นสองแถวแบ่งแยกสตรีและบุรุษเพียงแค่โดดลงเหวก็ตกลงมาโผล่ที่หุบเขาไท่ซาน ไม่คิดว่าหุบเขาแห่งนี้จะยังมีสำนักที่คล้ายสำนักสงฆ์อยู่ เบื้องหน้ามีเสามังกรสีเหลืองอร่ามสลักรูปปั้นมังกรสามหัวขนาดยักษ์มันถูกตั้งไว้กลางโถง ช่างเสมือนจริงเหลือเกิน..'เสวี๋ยอิงคารวะท่านอาจารย์' ชายหนุ่มหัวขาวก้มโค้งคำนับต่อหน้ารูปปั้นมังกรสามหัวอาจารย์ที่ไหนกันไม่เห็นจะมีใครสักคน เฟิงจางจิ้งคิด'ถือว่ามีฝีมือ ส่วนคนอื่นยังต้องฝึกอีกมาก' ร่างมังกรสามหัวแปรเปลี่ยนเป็นบุรุษสามคน หน้าตางดงาม สวมชุดฮั่นฝูสีดำ รูปร่างแกร่งกำยำ มองแค่ตาเปล่าก็สัมผัสได้แล้วว่าปราณเซียนของพวกเขาแข็งแกร่งเพียงใดข้ายังเคยได้ยินมาว่าพวกเขาทั้งสามเป็นสัตว์เทพแห่งบรรพกาลที่บังเกิดมาพร้อมกับเหล่าอสูรร้ายแห่งบรรพกาลอย่างเช่น อสูรเถาอู้กับฮุ่นตุ้น[1]'เสี่ยวเซียนทั้งห้าขอคารวะท่านอาจารย์' เฟิงจางจิ้งเซียนกล่าวนำข้าและเพื่อนพ้องอีกสามคนจึงพากันก้มโค้งคารวะดังที่เฟิงจางจิ้งกล่าวนำไว้ ไม่แน่ว่าในช่วงหลายวันมานี้อาจมีแต่เรื่องสนุกเกิดขึ้น'ไม่ต้องมากพิธี ข้าเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-23
  • ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร   บทที่ 18 รักครั้งเก่า

    'เสวี๋ยอิง เฟิงจางจิ้งเซียนฝากข้ามาตามท่านไปที่เรือนไผ่ด้านหลัง' เรือนไผ่ด้านหลังที่ว่า อยู่ริมธารน้ำตกที่ข้าใช้วิชาสนทนากับหวังเยี่ยนเกอเรือนไผ่นั่นดูเหมือนจะเป็นเรือนไผ่ที่ท่านเซียนเนรมิตขึ้นมาเพราะตอนที่ข้าไปไม่เห็นจะมีเรือนไผ่อยู่พลังเซียนของเฟิงจางจิ้งเซียนเหนือชั้นกว่าเซียนคนอื่นมากอย่างข้าคงเสกได้เพียงแค่เก้าอี้หนึ่งตัวกับวิชาเจ้าเล่ห์เล็กน้อยที่หวังเยี่ยนสอนก็เท่านั้น'รบกวนแม่นางช่วยนำทางไปที' เขากล่าวเสียงเรียบพลางสะบัดชายผ้าขาวอย่างอ่อนโยนยามอยู่ใกล้เขารู้สึกหนาวเหน็บจริงสมแล้วที่เป็นถึงวิหคหิมะ'ตามข้ามาเถิด' เขาเดินตามข้าอย่างสงบเสงี่ยมจริงแท้หรือวิสัยของพวกวิหคหิมะเป็นเช่นนี้เอง แม้แต่เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เคร่งครัดวิถีเซียน'ขอบคุณที่มาส่ง''ไม่ต้องเกรงใจ พวกท่านสูงส่งกว่าข้า ข้าย่อมยินดีช่วย' เขาพยักหน้ารับเงียบๆแล้วเดินเข้าไปนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ไผ่ฝั่งตรงข้ามกับฝั่งที่เฟิงจางจิ้งเซียนนั่งกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่ พูดได้ว่าน่าเอ็นดู ข้าแอบมองอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลหาที่เหมาะๆสักที เสกกาน้ำชาหนึ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-24
  • ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร   บทที่ 19 กระบี่เฟิงจางจิ้ง

    หลายๆวันมานี้ท่านเซียนหญิงเฟิงจางจิ้งและเสวี๋ยอิงต่างทำหน้าที่ดูแลพวกข้าได้อย่างดีเยี่ยม วิชาเซียนของพวกเขาทั้งสองเรียกได้ว่าเป็นเทพเซียนที่แท้ ข้ายังคอยเป็นที่ปรึกษาเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่อยู่เสมอมิรู้ว่าเลื่อนขั้นไปถึงไหนกันแล้ว เสวี๋ยอิงคนนั้นยามอยู่กับเฟิงจางจิ้งเซียนเพียงลำพังแสนแตกต่างกับตอนที่พูดคุยกับพวกข้าอย่างมากข้าสังเกตเสวี๋ยอิงตั้งแต่วันเเรกจนวันสุดท้ายสรุปความได้ว่า เสวี๋ยอิงคนนี้เป็นวิหคเหมันตกาลโดยแท้ นับถือวิถีเซียนเคร่งครัด และที่สำคัญเขารักของเฟิงจางจิ้งเซียนสหายของข้าอย่างแท้จริง ข้ากับเฟิงจางจิ้งเซียนตกลงกันไว้ว่าหลังจากจบการฝึกปรือครั้งนี้จะรับข้าเข้าไปเป็นพี่เลี้ยงในวังสวรรค์'ความพยายามของพวกเจ้า เปิ่นจวินเห็นแล้วว่าสมควรแก่เวลา กระบี่ของผู้ใดจะกลับคืนสู่เจ้าของ' หลงลี่เสกกระบี่อันทรงฤทธิ์ที่ส่องแสงเรืองรองและส่งคืนสู่เซียนผู้เป็นเจ้าของ กระบี่เหล่านั้นลอยกลับมาอยู่ตรงหน้าผู้เป็นเจ้าของ'กระบี่มีจิตวิญญาณของมัน ผู้เป็นเจ้าของต้องตั้งชื่อด้วยก่อนจะเซ่นกระบี่ด้วยเลือด''ขอรับ! เจ้าค่ะ! ซือฝุ' เซียนสตรีและเซียนบุรุษทั้งหกขานรับ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-26

บทล่าสุด

  • ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร   บทที่ 19 กระบี่เฟิงจางจิ้ง

    หลายๆวันมานี้ท่านเซียนหญิงเฟิงจางจิ้งและเสวี๋ยอิงต่างทำหน้าที่ดูแลพวกข้าได้อย่างดีเยี่ยม วิชาเซียนของพวกเขาทั้งสองเรียกได้ว่าเป็นเทพเซียนที่แท้ ข้ายังคอยเป็นที่ปรึกษาเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่อยู่เสมอมิรู้ว่าเลื่อนขั้นไปถึงไหนกันแล้ว เสวี๋ยอิงคนนั้นยามอยู่กับเฟิงจางจิ้งเซียนเพียงลำพังแสนแตกต่างกับตอนที่พูดคุยกับพวกข้าอย่างมากข้าสังเกตเสวี๋ยอิงตั้งแต่วันเเรกจนวันสุดท้ายสรุปความได้ว่า เสวี๋ยอิงคนนี้เป็นวิหคเหมันตกาลโดยแท้ นับถือวิถีเซียนเคร่งครัด และที่สำคัญเขารักของเฟิงจางจิ้งเซียนสหายของข้าอย่างแท้จริง ข้ากับเฟิงจางจิ้งเซียนตกลงกันไว้ว่าหลังจากจบการฝึกปรือครั้งนี้จะรับข้าเข้าไปเป็นพี่เลี้ยงในวังสวรรค์'ความพยายามของพวกเจ้า เปิ่นจวินเห็นแล้วว่าสมควรแก่เวลา กระบี่ของผู้ใดจะกลับคืนสู่เจ้าของ' หลงลี่เสกกระบี่อันทรงฤทธิ์ที่ส่องแสงเรืองรองและส่งคืนสู่เซียนผู้เป็นเจ้าของ กระบี่เหล่านั้นลอยกลับมาอยู่ตรงหน้าผู้เป็นเจ้าของ'กระบี่มีจิตวิญญาณของมัน ผู้เป็นเจ้าของต้องตั้งชื่อด้วยก่อนจะเซ่นกระบี่ด้วยเลือด''ขอรับ! เจ้าค่ะ! ซือฝุ' เซียนสตรีและเซียนบุรุษทั้งหกขานรับ

  • ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร   บทที่ 18 รักครั้งเก่า

    'เสวี๋ยอิง เฟิงจางจิ้งเซียนฝากข้ามาตามท่านไปที่เรือนไผ่ด้านหลัง' เรือนไผ่ด้านหลังที่ว่า อยู่ริมธารน้ำตกที่ข้าใช้วิชาสนทนากับหวังเยี่ยนเกอเรือนไผ่นั่นดูเหมือนจะเป็นเรือนไผ่ที่ท่านเซียนเนรมิตขึ้นมาเพราะตอนที่ข้าไปไม่เห็นจะมีเรือนไผ่อยู่พลังเซียนของเฟิงจางจิ้งเซียนเหนือชั้นกว่าเซียนคนอื่นมากอย่างข้าคงเสกได้เพียงแค่เก้าอี้หนึ่งตัวกับวิชาเจ้าเล่ห์เล็กน้อยที่หวังเยี่ยนสอนก็เท่านั้น'รบกวนแม่นางช่วยนำทางไปที' เขากล่าวเสียงเรียบพลางสะบัดชายผ้าขาวอย่างอ่อนโยนยามอยู่ใกล้เขารู้สึกหนาวเหน็บจริงสมแล้วที่เป็นถึงวิหคหิมะ'ตามข้ามาเถิด' เขาเดินตามข้าอย่างสงบเสงี่ยมจริงแท้หรือวิสัยของพวกวิหคหิมะเป็นเช่นนี้เอง แม้แต่เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เคร่งครัดวิถีเซียน'ขอบคุณที่มาส่ง''ไม่ต้องเกรงใจ พวกท่านสูงส่งกว่าข้า ข้าย่อมยินดีช่วย' เขาพยักหน้ารับเงียบๆแล้วเดินเข้าไปนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ไผ่ฝั่งตรงข้ามกับฝั่งที่เฟิงจางจิ้งเซียนนั่งกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่ พูดได้ว่าน่าเอ็นดู ข้าแอบมองอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลหาที่เหมาะๆสักที เสกกาน้ำชาหนึ

  • ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร   บทที่ 17 คนแซ่เสวี่ย

    บรรดาเหล่าเซียนยืนเรียงกันเป็นสองแถวแบ่งแยกสตรีและบุรุษเพียงแค่โดดลงเหวก็ตกลงมาโผล่ที่หุบเขาไท่ซาน ไม่คิดว่าหุบเขาแห่งนี้จะยังมีสำนักที่คล้ายสำนักสงฆ์อยู่ เบื้องหน้ามีเสามังกรสีเหลืองอร่ามสลักรูปปั้นมังกรสามหัวขนาดยักษ์มันถูกตั้งไว้กลางโถง ช่างเสมือนจริงเหลือเกิน..'เสวี๋ยอิงคารวะท่านอาจารย์' ชายหนุ่มหัวขาวก้มโค้งคำนับต่อหน้ารูปปั้นมังกรสามหัวอาจารย์ที่ไหนกันไม่เห็นจะมีใครสักคน เฟิงจางจิ้งคิด'ถือว่ามีฝีมือ ส่วนคนอื่นยังต้องฝึกอีกมาก' ร่างมังกรสามหัวแปรเปลี่ยนเป็นบุรุษสามคน หน้าตางดงาม สวมชุดฮั่นฝูสีดำ รูปร่างแกร่งกำยำ มองแค่ตาเปล่าก็สัมผัสได้แล้วว่าปราณเซียนของพวกเขาแข็งแกร่งเพียงใดข้ายังเคยได้ยินมาว่าพวกเขาทั้งสามเป็นสัตว์เทพแห่งบรรพกาลที่บังเกิดมาพร้อมกับเหล่าอสูรร้ายแห่งบรรพกาลอย่างเช่น อสูรเถาอู้กับฮุ่นตุ้น[1]'เสี่ยวเซียนทั้งห้าขอคารวะท่านอาจารย์' เฟิงจางจิ้งเซียนกล่าวนำข้าและเพื่อนพ้องอีกสามคนจึงพากันก้มโค้งคารวะดังที่เฟิงจางจิ้งกล่าวนำไว้ ไม่แน่ว่าในช่วงหลายวันมานี้อาจมีแต่เรื่องสนุกเกิดขึ้น'ไม่ต้องมากพิธี ข้าเ

  • ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร   บทที่ 16 เรื่องในอดีต

    ‘ยินดีต้อนรับกลับ' หวังเยี่ยนเดินเข้าไปกอดซ้อนอีกทีหนึ่ง เขาไม่รู้มาก่อนว่าพวกนางรู้จักกันคนหนึ่งก็เปรียบเสมือนน้องสาวในไส้ส่วนอีกคนก็คือภรรยาของเขา จากนี้ไม่ว่าเรื่องราวจะเป็นเช่นไร เขาจะเป็นคนปกป้องพวกนางเอง ไม่มีผู้ใด ไม่มีอดีตและแม้อดีตจะลบล้างไม่ได้ หากแต่เมื่อวันวานแห่งความขมขื่นผันผ่านไป หลังจากนี้เขาจะเป็นแสงสว่างชี้นำพวกนางเอง พวกนางคงยังมีความหลังให้ระลึกถึงกันอีกมากเห็นสมควรปล่อยให้สนทนากันเพียงลำพัง กิจของสตรีบุรุษมิควรยุ่งจอมมารสะกิดหลิงหลิวเหว่ยพยักพเยิดหน้าไปทางประตูแล้วพากันเดินออกไปเงียบๆ เซียนหญิงกับมารสาวมองหน้ากันร่ำไห้กันเงียบงัน ก่อนจะบอกเล่าถึงความทรมานแสนสาหัสและเรื่องเขา'คนนั้น''เยว่ถิง ทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้แล้วเจ้ากับจอมมารรู้จักมักจี่กันตั้งแต่เมื่อไหร่''ไม่เจอกันเพียงไม่กี่แสนปี ท่านหญิงของข้ากลายเป็นคนช่างถามแล้วรึ''เพราะข้าสนิทใจที่พูดคุยกับเจ้าต่างหาก!'

  • ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร   บทที่ 15 การกลับมาของผานเยว่ถิง

    จอมมารหนุ่มอุ้มร่างบางที่หลับใหลไปในอ้อมกอดมายังในห้องส่วนตัวและจัดแจงวางร่างบางลงบนเตียงอย่างเบามือเพียงเเค่จับเเขนเล็กหรือเเตะเพียงเบาเบาก็ยังเกรงกลัวเหลือเกินว่ากระดูกขาวเช่นเทพเซียนจะแตกหัก เนื้อตัวนุ่มนิ่มบอบบางราวกับปุยนุ่นเช่นนี้ คนหยาบกระด้างอย่างเขาต้องระมัดระวังเป็นพิเศษหลายวันมานี้ไม่ได้รับโลหิตดับดวงจิตมารภายในร่างจึงรู้สึกกระหายอย่างมาก ยิ่งอยู่ใกล้นางกลิ่นหอมรัญจวนยิ่งเพิ่มทวีคูณ เกรงกลัวจะห้ามใจไม่อยู่'เหว่ยตี้ ข้ากระหายเหลือเกิน''เชิญจอมมารไปที่โถงก่อนเถิด ขุนนางมารรออยู่แล้ว เสี่ยวโม่[1]จะไปเตรียมเครื่องดื่มดับกระหายมาให้''อืม' ร่างองอาจรวบผมขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับแต่งกายเสียใหม่แล้วจึงเรียกจื่อจิงมาเฝ้าเซียนหญิงแล้วค่อยเดินออกไปครั้นเดินทางมายังโถงใหญ่ก็เห็นชี้ชัดแล้วว่ามีขุนนางมารบางส่วนหายไปจากโถงแห่งนี้ ไม่ต้องคาดเดาก็รู้แจ่มแจ้งว่าขุนนางมารเหล่านั้นคงแยกพรรคพรรคแยกฝ่ายตามเผ่ยอวิ๋น

  • ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร   บทที่ 14 แตกหัก

    หวังเยี่ยนและเฟิงจางจิ้งแยกกันไปถอดเครื่องแต่งกายออกแล้วสวมชุดตามเดิมเพื่อมาหารือกันเรื่องเหล่าองครักษ์มารของเผ่ยอวิ๋นจวิน ผู้อาวุโสทั้งสี่ยินดียื่นมือเข้ามาช่วย หวังเยี่ยนออกจะเสียดายอยู่บ้างที่ไม่ได้เข้าห้องหอแต่เพราะสถานการณ์ตอนนี้ไม่สู้ดีนักจึงต้องเลื่อนเข้าห้องหอออกไปก่อน อย่างไรกว่าจะได้เข้าห้องหอกันอีกครั้งคงต้องรอหลังพิธีอภิเษกเฟิงจางจิ้งเซียนขึ้นเป็นจักรพรรดินีมาร....'ต้องขอขอบคุณเฉินฮุยเกอมากที่ตามมาช่วยข้ากับฮูหยินอีกทั้งยังเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าวให้ด้วย' หวังเยี่ยนก้มโค้งคำนับเฉินฮุยอีกครั้ง'ไม่เป็นไร ลืมไปแล้วรึว่าพวกเราคือพี่น้องกัน ข้าผิดหวังมากนะหวังเยี่ยนที่ไม่เชิญพวกข้าเข้าร่วมงานอภิเษก' เฉินฮุยตำหนิจอมมารยกใหญ่อีกครั้งทั้งๆที่นับถือกันเป็นพี่น้องร่วมสาบานกันแล้ว เจ้าหวังเยี่ยนยังทำตัวห่างเหินกับพวกเขาอีก หากมิใช่ว่าเรื่องที่เกิดบนสวรรค์ชั้นฟ้าในงานแต่งเป็นเรื่องราวใหญ่โตจนต้องเรียกเซียนชั้นสูงทั้งสิบมาหารือมีหรือที่พวกเขาจะรู้&

  • ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร   บทที่ 13 คำนับฟ้าดิน

    วังมังกรเนรมิตถูกจัดตกแต่งด้วยสาหร่ายแดงที่พอจะหาได้และผ้าไหมแดงที่พอจะมีอยู่บ้าง จื่อจิงรับหน้าที่เป็นแม่งานจัดเตรียมหน้างานทั้งหมด ยังรู้สึกผิดหวังที่งานเเต่งอลังการถูกพังทลายลงอีกทั้งตี้จวิน[1]คนนั้นเหตุใดจึงละเลยเรื่องนี้ ผ่านมาแล้วสามวันกลับไม่มีข่าวคราวจากวังสวรรค์ส่งมาเลยแม้แต่น้อย'จื่อเออร์ เหตุใดจึงทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเช่นนั้นเล่า' หลิงหลิวเหว่ยเอ่ยถามจื่อจิง'ข้ารู้สึกว่ายังขาดอะไรไปแต่ช่างเถอะ ท่านเห็นเหล่าหลงทั้งสามไหม''ไม่เห็น จริงสิปี้เฉียงก็หายไปด้วย''เดี๋ยวข้าไปตามเอง' จื่อจิงว่าเช่นนั้นแล้วเดินลัดเลาะไปด้านหลังวังมังกรเนรมิตยังมีสระน้ำมรกตไป๋ฉุนจิ้งคงต้องไปดูสักหน่อย บังอาจปล่อยให้สตรีร่างบางกับบุรุษอ้อนแอ้นอย่างนางกับหลิงหลิวเหว่ยทำงานอยู่สองคนใช้ได้ที่ไหนกันเสียงน้ำหลั่งไหลผ่านโขดหินใต้ธาราสีใสจนเห็นตัวปลานานาชนิดบุรุษรูปร่างกำยำทั้งสี่หย่อนกายหย่อนใจลงในสระน้ำนั้น..'พวกท่านอยู่ที่นี่มานานแค่ไหน' ปี้เฉียงเอ่ยถามมังกรทั้งสาม พวกเขาแลดูเหมือนจะรู้จักทางป่านี้เป็นอย่างดีอีกทั้งยังนำทางพามาอา

  • ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร   บทที่ 12 สองดวงจิตในร่างเดียว

    เหล่าหลงทั้งสามพาพวกข้ากลับมายังหุบเขาสิ้นชีวาอีกครั้ง แต่พวกทหารชุดดำเหล่านั้นก็ยังตามข้ามาทันอยู่ดี ข้าจึงลุกขึ้นยืนหยัดสั่งให้หลงลี่พาคนที่บาดเจ็บกลับไปที่วังมังกรเนรมิตก่อนแล้วจึงไปประจันหน้ากับเหล่าทหารชุดดำ'นี่ไม่ใช่เรื่องของท่านเซียนใยต้องยื่นมือเข้ามาด้วยเล่า' หมิงป๋ายยิ้มเย้ยหยัน ข้าต้องระงับโทสะตัวเองหากจะกระทำการสิ่งใดย่อมต้องทำอย่างมีสติ 'หากพูดว่าไม่ใช่เรื่องข้าคงมิใช่กระมัง งานที่เจ้ามาพังวันนี้คืองานวิวาห์ของข้า คนที่เจ้าปักกระบี่ลงกลางอกคือว่าที่สามีของข้า' 'ข้ารู้ว่าท่านเองก็คงมิอยากจะตกลงปลงใจกับจอมมารมือเปื้อนโลหิตอย่างเขา มาร่วมมือกับพวกข้าเถอะเฟิงจางจิงเซียน' ข้ากำกระบี่ในมือแน่น'คุณธรรมเขาสูงส่งกว่าพวกเจ้ามากและถ้าข้ายังมีชีวิตอยู่ก็อย่าหวังว่าจะได้ชีวิตของเขาไป'หวังเยี่ยน..ท่านทำเรื่องอะไรมากัน ทำไมมารเหล่านี้ถึงได้มีความแค้นกับเจ้ามากถึงเพียงนี้แปะ แปะ แปะเงาสีดำทมิฬค่อยๆประกอบรูปร่างขึ้นเป็นคน เงาสีดำที่นางรับได้ถึงพลังมหาศาลพลังงานแห่งความมืดความชั่วร้ายที่ถูกล้อมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน เรือนผมสีดำแผ่สยายดวงตาเป็นประกายสีเขียวมรกตงดงาม ชุดเกราะสีเงินทรงอา

  • ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร   บทที่ 11 วิวาห์ย้อมโลหิต

    หลิงหลิวเหว่ยและปี้เฉียงเดินเข้ามาในห้องโถงเงียบๆ เห็นจอมมารกุมมือท่านหญิงเซียนอยู่แต่ท่านหญิงเซียนแลดูมีเรื่องลำบากใจ ตอนนี้จดหมายตอบรับได้มาถึงแล้ว เขาควรนำไปรายงานแก่จอมมาร เจ้าปี้เฉียงนี่ก็ตามติดเป็นเงาตามตัวน่ารำคาญจริง เมื่อไหร่จะกลับเผ่าหงสาไปสักที'ท่านจอมมารขอรับ สาน์สตอบรับมาถึงแล้ว' หลิงหลิวเหว่ยยื่นสาน์สให้จอมมาร จอมมารเปิดอ่านในทันที'เจ้าตอบตกลง?' จอมมารยิ้มกว้าง เขาบรรจงจุมพิตหลังมือของเฟิงจางจิ้ง นางไม่ทันตั้งตัว พอรู้สึกตัวก็ชักมือออก'อืม ใช่ แล้วข้าจะรอเกี้ยวของท่านที่สวรรค์ชั้นฟ้า' นางลุกเดินออกไปอย่างขัดเขินเล็กน้อย นางมองตำแหน่งที่จอมมารจุมพิตไปเมื่อครู่ รอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นอย่างไม่รู้ตัว 'ไปกันเถอะจื่อจิง' จอมมารยังคงตะลึงงันด้วยความดีใจ จนกระทั่งนางกับจื่อจิงเดินลับสายตาไปแล้ว..'ปี้เฉียง ฝากเจ้าคุ้มครองนางถึงสวรรค์ชั้นฟ้าที' 'รับทราบ!' ปี้เฉียงฟังคำสั่งจอมมารอย่างไม่อิดออด แล้วเดินตามเฟิงจางจิ้งกับจื่อจิงไป...จอมมารนั่งเปิดอ่านเทียบของหมั้นที่เขาส่งไปคราวที่แล้วเพิ่มของไปอีกสักหลายอย่าง..'ของทุกอย่างพร้อมแล้วนะ นี่เป็นรายการที่ข้าเพิ่ม จัดเตรียมให้เสร็จวั

DMCA.com Protection Status