แชร์

บทที่ 7 ทำเนียบมาร

หวังเยี่ยนได้ยินก็ขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อยแล้วค่อยค่อยกลับหลังหันมองเหล่าเทพเซียนทั้งสี่ทิศจากเผ่ามัจฉา เป็นเออร์หลิงเซียน ผู้ปกครองมหาสมุทรประจิมที่เอ่ยทักเขา 

'คารวะศิษย์พี่ทั้งสี่ ข้ามิทราบมาก่อนว่าศิษย์พี่จะเสด็จขึ้นมาบนสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ต้องขออภัยที่มิได้ส่งข่าวไปเสียนาน' เขาโต้ตอบพร้อมกับก้มโค้งคำนับ เมื่อราวๆแปดแสนปีก่อน เขาเคยมีวาสนาฝึกร่ำเรียนวิชามาบ้างกับเหล่าเทพเซียน แต่ไหนแต่ไรสวรรค์เก้าชั้นฟ้ากับนรกแปดขุมก็มีข้อธรรมเนียมและกฎคละคล้ายกันจึงไม่ผิดแปลกแต่อย่างใดที่ทั้งเทพเซียนและเหล่ามารจะสามารถอยู่ร่วมกันได้ เขาเคยเข้ารับการฝึกตนพร้อมกับเทพเซียนทั้งสี่จนมีความใกล้ชิดสนิทสนมกันมากอยู่

'หลายปีมานี้เจี่ยเจียไม่ได้ออกจากวัง พอได้ยินข่าวลือมาว่าเยี่ยนเยี่ยนจะแต่งงาน จริงเท็จอย่างไรหรือ' ป๋ายอวิ๋นเซียนยิ้มอย่างอ่อนโยนเช่นเคยพลางหยิบพัดจีบขึ้นมาพัดเบาเบา ป๋ายอวิ๋นเซียนเป็นหนึ่งในผู้ปกครองทะเลบูรพาและเป็นเซียนสาวที่สนิทสนมที่สุดของหวังเยี่ยน นางเอ็นดูหวังเยี่ยนเสมือนเป็นน้องชายในสายเลือดแม้ในอดีตจะเคยชอบพอเขา เพียงแต่หลังจากเขาได้รับตำแหน่งประมุขมารก็มิได้สนทนาพาทีกันเลยและดูเหมือนนิสัยของหวังเยี่ยนจะแปรเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน

'เป็นความจริงอยู่ครึ่งส่วน ข้าส่งเทียบสู่ขอเทพบุปผาเฟิงจางจิ้งจริงแต่ยังมิทราบว่านางจะตอบตกลงหรือไม่อย่างไร..' เขาลอบมองไปที่หญิงสาวข้างกายเขาที่สวมผ้าแพรขาวปิดดวงตาไว้ในมือนางยังคงถือถ้วยชาค่อยละเลียดชิมแช่มช้าอย่างสบายอารมณ์ บทสนทนาเมื่อครู่ นางก็ได้ยินทั้งหมดแต่หากไม่ใช่เรื่องของนาง นางก็จะไม่ยืนมือเข้าไปสอด

'โอ้..แม่นางเฟิงจางจิ้ง เม่ยเมยของเทียนจวินผู้มีกลิ่นกายหอมร้อยมวลบุปผา ใบหน้างดงามล่มนรกล่มสวรรค์คนนั้นนะหรือ ' ฉินเชิงเซียน ผู้ปกครองทะเลพายัพ มองหวังเยี่ยนอย่างตกตะลึง พลางคิดในใจ 

ต่างราวกับฟ้ากับเหว เช่นนี้ เยี่ยนเยี่ยนของพวกเขายังมีความหวังไหมหนอแล้วสตรีข้างกายคนนั้นไม่ใช่ว่าเป็นเทพบุปผาเฟิงจางจิ้งหรอกหรือ

'ถูกแล้วศิษย์พี่และนางก็คือหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างกายของข้าอย่างไรล่ะ' ฉินเชิงเซียน ป๋ายอวิ๋น เออร์หลิงและเฉินฮุย ชะโงกหน้ามองตามที่หวังเยี่ยนบอก ยลโฉมแล้วก็ถือว่าเพียงแต่นางยังสวมผ้าแพรขาวอยู่จึงมิอาจคาดเดาได้ว่าความงามอย่างจดสมบูรณ์อย่างที่เขาเล่าลือกันจริงเท็จอย่าง

'เหลือเชื่อจริงๆว่าหวังเยี่ยนของเรากำลังจะได้คู่ครองที่งามและสมฐานะเช่นนี้ ' เฉินฮุยถือเป็นศิษย์พี่ใหญ่และเป็นผู้ปกครองทะเลทักษิน เขารู้สึกชื่นชมจอมมารผู้นี้ ผู้เป็นศิษย์น้องของเขา เขายังเคยสั่งสอนหวังเยี่ยนตั้งแต่ยังเป็นโม่กุ้ยหรือมารปีศาจน้อย จนกระทั่งเติบใหญ่กลายเป็นจอมมารที่ทั่วทั้งสี่ทะเลแปดดินแดนยังต้องเกรงกลัว

'ท่านพี่ใหญ่ชื่นชมเกินไปแล้ว ขึ้นมาบนสวรรค์ครั้งนี้คงมิได้ตั้งใจมาหยอกข้า เช่นนั้นพวกท่านมาทำอะไรกันหรือ' 

'จริงอย่างเจ้าว่า พวกข้าแค่บังเอิญผ่านมาเจอเจ้า ข้ากำลังไปประชุมเทพา' เฉินฮุยถอดถอนหายใจ ครั้งนี้เทียนจวินเรียกพวกเขาเข้าพบกะทันหัน ทั้งสี่เทพจึงรีบกุลีกุจอขึ้นมาให้เร็วที่สุด 

'เรื่องสำคัญอย่างนั้นหรือ' 

'ใช่ หากเสร็จการประชุมแล้ว ค่อยหาเวลาพบปะ สนทนากันสักหน่อย ข้าต้องไปละ' 

'ขอรับ' เฉินฮุยรีบกล่าวลาแต่ยังคงแสดงถึงความเป็นห่วงเขาอยู่มากก่อนจะรีบหายตัวไปพร้อมกับเทพอีกสามตน

'ท่านสนิทกับเทพเซียนท่านอื่นด้วยหรือ' นางนั่งเงียบมานานจนกระทั่งเหล่าเซียนพวกนั้นไปแล้วจึงเอ่ยปากพูด

'ก็มีบ้างเทพทั้งสี่ตนนั้นเป็นศิษย์พี่ของข้าทั้งหมด'

'อ่อ ที่ท่านรู้จักกับพี่ชายของข้าก็เพราะเคยศึกษาร่วมสำนักกันมาก่อนด้วยใช่หรือไม่ ' แม้มิได้เห็นแววตาของนางแต่กิริยาท่าทางแสดงออกชัดเจนว่าตื่นเต้นมาก ตื่นเต้นจนออกนอกหน้าเลยทีเดียว

'ใช่ แต่เป็นช่วงระยะเวลาไม่เกินสามแสนปี ข้ามิได้สนิทกับพี่ชายเจ้าถึงเพียงนั้น' เมื่อนึกถึงครั้งที่ยังฝึกตนร่วมสำนักกับเฟิงหวังเหล่ยก็ยังขนลุกพิลึก เขายังจำได้ดีชายหนุ่มใบหน้างดงามราวกับรูปปั้นผู้มีเกศาขาวและนัยน์ตาที่ทรงเสน่ห์ไม่แพ้กันกับเขา ชายผู้นั้นแม้จะได้รับการยกย่องจากทั่วทั้งสี่ทะเลแปดดินแดนแต่นิสัยส่วนตัวประหลาดพิลึก บ้าในกามตัณหา ชายหรือหญิงก็ไม่เว้น มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาแอบหนีมานอนหลับอยู่ในถ้ำ ตื่นขึ้นมาชายผู้นั้นก็ยื่นหน้าเขามาใกล้เพียงลมหายใจ ไม่ทราบว่าเขาตามมาได้อย่างไรและครั้งนั้นก็ถือเป็นครั้งแรกที่เขาได้ประลองกระบี่กับเฟิงหวังเหล่ย

'ข้าไม่คิดว่าจอมมารเช่นท่านจะยังมีนิสัยเป็นมิตรกับเทพเซียนด้วย?' นางยกยิ้มที่มุมหากไร้ผ้าแพรปิดตาอยู่ เขาคงได้ชื่นชมแววตาเป็นประกายที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกประทับใจ นางประทับใจเขา ยกย่องเขา จริงอยู่ที่นางไม่โปรดปรานวิถีมารแต่นางชื่นชอบในวิสัยทัศน์ของเขา

'จอมมารแล้วอย่างไรเป็นจอมมารย่อมต้องมีคุณธรรมอยู่ด้วย'

'ท่านช่างเป็นมารที่แปลกประหลาดที่สุดที่ข้าเคยพบเจอ' 

'หากเจ้าแต่งงานกับข้า เจ้าก็จะได้เรื่องแปลกประหลาดที่ชาตินี้ก็ไม่อาจพบเจอจากที่ไหนได้อีกแล้ว' จอมมารหนุ่มฉวยโอกาสโอบเอวบางเข้ามาใกล้มากขึ้น..

'นี่ท่าน!!' นางตีเข้าที่ไหล่เขาแล้วผลักร่างหนาออกห่างจากตัว แก้มขาวดุจหิมะเริ่มขึ้นสีแดงขึ้นเรื่อยๆ...

'ทำตัวรุ่มร่าม คนไร้ยางอาย!!' 

'หึ' 

'ไม่มีจิตสำนึก ไร้จริย..' จอมมารหนุ่มยัดขนมโม่หลี่เข้าปากนางพลางหัวเราะสะใจ นางเอื้อมมือใบบิดหูเขาเต็มแรง

'โอ้ยๆๆ เจ็บ สตรีอะไรแรงเยอะปานนี้ ' เขายั่วโทสะ นางจึงบิดให้แรงขึ้นไปอีก เขายังคงมองนางด้วยแววตาอบอุ่น สนอกสนใจ หากเป็นหญิงสาวผู้อื่นคงถูกเข้าใช้พลังมารเผาใหม่เป็นจุณไปแล้วกระมัง ต้องเป็นเช่นนี้ถึงได้เรียกว่าสนิทกับนางอีกขั้น แผนเกี้ยวนางวันนี้ของเขาถือว่าสำเร็จ..

ระหว่างที่หวังเยียนจวินกำลังหยอกล้อและสนทนาหลายร้อยพันเรื่องเล่าอีกทั้งยังแสดงฝีมือการตกปลาสุดล้ำให้เฟิงจางจิ้งชื่นชม หลิงหลิวเหว่ยและจื่อจิงก็เดินเคียงกันมาอย่างแช่มช้า ทั้งคู่แอบมองนายหญิงและประมุขหยอกล้อกันชั่วครู่จนได้จังหวะจึงเดินเข้าไปทำหน้าที่ดังเดิมอีกทั้งหลิงหลิวเหว่ยก็มีเรื่องสำคัญต้องทูลให้หวังเยี่ยนจวินทราบด้วย

'เรียนหวังเยี่ยนจวิน มีเรื่องด่วนฝ่าบาท' จอมมารหนุ่มผายมือออกเป็นสัญญาณให้หลิงหลิวเหว่ยเริ่มพูดได้แม้ว่าหลิงหลิวเหว่ยจะยักคิ้วหลิ่วตาส่งสัญญาณว่าเรื่องนี้เป็นความลับของแดนมาร จอมมารกับหนุ่มกับไม่ยี่หระ

 เห้อ จอมมารหนุ่มผู้นี้ไม่ระวังตนเอาซะเลยแม้เฟิงจางจิ้งจะเป็นถึงคู่หมายโดยปริยายแต่ก็มิควรไว้ใจมากถึงเพียงนั้น

'มีรายชื่อตำแหน่งโม่เจิ้นจวินเพิ่มมาหนึ่งรายชื่อ รอการมอบตำแหน่งอย่างเป็นทางการอีก 20000 ปี ' 

'ใคร' 

'ผานเยว่ถิง' หลิงหลิวเหว่ยเขยิบเข้าไปใกล้จอมมารและกระซิบเบาๆแต่กาลก่อนนามชื่อนี้ถือเป็นชื่อต้องห้ามของสวรรค์ชั้นฟ้า ชะตารักที่พัวพันต่อใครหลายคนโศกนาฏกรรมความรักอันน่าเวทนาที่เลื่องลือและฉาวโฉ่

'เป็นทางที่นางเลือกเอง?' 

'ขอรับ' นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อยู่ๆก็ผุดรายชื่อมารผู้ได้รับเลือกกลางคัน ผานเยว่ถิงคงสละตัวตนละทิ้งวิถีเซียนและเลือกทางมารบำเพ็ญตบะจนได้เลื่อนขั้นจนเป็นโม่เจิ้นจวินตำแหน่งมารชั้นกลาง

'วันพรุ่งข้าจะไปเผ่าหงษาด้วยตนเอง อย่างไร'เขา'ก็ต้องรู้เรื่องนี้ก่อน' หวังเยียนกระซิบหลิงหลิวเหว่ย ก่อนสั่งให้หลิงหลิวเหว่ยนำเกี้ยวมารับเพราะตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว เขาไม่อยากให้เฟิงจางจิ้งรับลมหนาวมากจนเกินไป

'ห่มไว้ อากาศบนสวรรค์ชั้นฟ้าช่างเหน็บหนาวปานนี้แม้ขนนกจะไม่อบอุ่นเท่าขนจิ้งจอกแต่ก็พอป้องลมหนาวให้เจ้าได้' หวังเยี่ยนนำผ้าคลุมที่ทำจากขนวิหคเพลิงของเขาให้แก่นาง แม้ว่าจะเป็นเพียงขนนกใบเล็กๆแต่เขาเป็นวิหคเพลิง ขนเพียงใบเดียวก็ให้ความอบอุ่นนางได้มากโขเทียว

'ขอบคุณท่านมาก' นางเอ่ยลาสั้นกระชับสมกับนิสัยของนาง

อย่างไรก็ตามวันนี้ทั้งวันเพียงแค่ได้เห็นรอยยิ้มอันงดงามก็ถือว่าคุ้มค่าที่ดั้นด้นมาไกล วันพรุ่งนี้ยังมีเรื่องยุ่งๆให้จัดการ เขาคาดคะเนได้ว่าการที่ผานเยว่ถิงตัดสินใจละทิ้งวิถีเซียนเข้าสู่ทางมารอาจไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่..

หากกล่าวถึงเผ่าหงษาเรื่องราวเมื่อครั้งกาลก่อนหลายปีล่วงเลยไป เขากำเนิดจากเถ้าธุลีโดยมีหัวหน้าเผ่าวิหคเป็นผู้เลี้ยงดู ยุคนั้นยังมีเหง็กเซียนฮ่องเต้สวรรค์เป็นผู้ปกครองทั้งสามโลก มนุษย์ สวรรค์ นรก 

ปีนั้นเขากำเนิดมาพร้อมกับเฟิงหวังเหล่ย จึงมีคำทำนายออกมาว่าเขาและเฟิงหวังเหล่ยเปรียบเสมือนดั่งหยินและหยางทั้งสองมิอาจแยกขาดจากกันได้ หากใครผู้หนึ่งตายตกเมื่อนั้นทั้งสามโลกจะเสียสมดุลถึงกัลปาวสาน นั่นเป็นสาเหตุที่เหง็กเซียนฮ่องเต้สวรรค์ผู้นั้นยกนรกหรือแดนโลกันตร์ให้แก่หัวหน้าเผ่าวิหคเป็นผู้ปกครอง รอจนเขาเติบใหญ่จึงมอบตำแหน่งที่คู่ควรมาแต่กำเนิดให้เขา

ปีนั้นส่วนปกครองแต่ก่อนกาลจึงตกเป็นของเผ่าหงษาส่วนเผ่าวิหคมีหน้าที่ดูแลแดนโลกันตร์อันร้อนระอุที่อยู่ข้างเคียงกับเผ่าอสรพิษ เรื่องยุ่งวุ่นวายเมื่อปีนั้นเขาก็เป็นในผู้ร่วมชะตาด้วย 'ผานเยว่ถิง' เขาเห็นนางเป็นน้องสาวคนหนึ่ง นางรักและเทิดทูนในตัวเฟิงหวังเหล่ยคนนั้นมาก จิตวิญญาณของนางล้วนมอบให้เขา นางลดฐานะตัวเองจากองค์หญิงคนเล็กของ'ผานเป่าเฉิง' หัวหน้าเผ่าหงษาผู้มีศักดิ์เป็นอาของเขาไปเป็นสาวใช้ในวังสวรรค์ เขาเองก็มีส่วนผิดที่ไม่ปกป้องดูแลนางให้ดี ชาติกำเนิดของเขาเป็นมารมาแต่กำเนิดแต่กับนางเป็นเทพเซียน นางทำลายแก่นเซียนของตนเองแล้วเปลี่ยนเป็นมาร เขายังรู้สึกเป็นห่วงนาง ยังนึกถึงคำถามที่นางเคยถามเขามาก่อน

'เยี่ยนเกอ ถ้าข้าอยากเป็นมารเช่นท่านต้องทำอย่างไร' รอยยิ้มงดงาม ยิ้มให้จนดวงตาเหลือเล็กเท่าดวงดาวเปร่งประกายสุกใส

'ถ้าเช่นนั้นเจ้าต้องละทิ้งวิถีเซียน ทำลายแก่นเซียน จงรักภักดีแก่เยี่ยนเกออย่างไรล่ะ' เขาหยอกล้อนางเล่นพลางบีบจมูกนั่นอย่างเบามือ

'อ่า แล้วข้าจะสามารถแต่งงานกับบุรุษผู้นั้นได้ไหมนะ' นางครุ่นคิด เขายีหัวนางเบาเบา เอ็นดู ในความไร้เดียงสา 

'ไม่ว่าเจ้าจะเป็นมารหรือเทพเซียน ความรักก็มิอาจแบ่งแยกฐานะหรือแบ่งแยกเผ่าพันธุ์ หากเจ้ารักและมั่นคงต่อกันพร้อมจะก้าวข้ามผ่านอุปสรรคเหล่านั้น' นางยังคงมองเขาในฐานะพี่ชายที่แสนดี คงเป็นเหมือนเขากับนางแม้จะอยู่ต่างเผ่า แต่เขาก็ดีกับนาง ดีอย่างล้นเหลือ เตี่ยเคยบอกกับนางไว้ว่า หวังเยี่ยนจวินในวันหน้าจะเป็นผู้ปกครองแดนโลกันตร์ มีฐานะศักดิ์ใหญ่และให้นางวางตัวให้เหมาะสมกับหวังเยี่ยน หวังเยี่ยนไม่เหมือนเทพตนอื่นที่กำเนิดมาจากครรภ์ทิพย์แต่เขากำเนิดมาจากเถ้าธุลีเพลิงไฟบรรลัยกัลป์

'เยี่ยนเกอ ทุกอย่างจะดีจริงๆใช่ไหม' นางหลุบตาต่ำลงพาลยังนึกถึงเรื่องข่าวลือคู่หมายของเฟิงหวังเหล่ยกับหนานอี้หรง

'ถิงถิงไม่ต้องกลัวยังมีเยี่ยนเกอ' 

'หากข้าทำอะไรผิดพลาด เยี่ยนเกออย่าโกรธข้านะต้องอยู่เคียงข้างข้า' เขาปาดน้ำตาของผานเยว่ถิงและพยักหน้ารับคำนาง นางมีจิตใจที่อ่อนโยนถึงเพียงนี้ หากต้องไปแย่งชิงสตรีนับร้อยที่หลงใหลในรูปลักษณ์ของเฟิงหวังเหล่ยคงมีแต่ถูกรังแกกลับมาแต่หากมันเป็นโชคชะตา เขาก็ควรปล่อยให้นางไปเผชิญกับเคราะห์รักตัวเอง ครั้งนั้นเป็นครั้งที่เขารู้สึกผิดที่สุด เขาไม่น่าปล่อยผานเยว่ถิงเข้าไปในวังสวรรค์ เขาไม่น่าปล่อยให้นางไปเจอกับนางจิ้งจอก เขาไม่น่าปล่อยไปเลยจริงๆ 

จนกระทั่งถึงตอนนี้เขายังเสียใจกับตัวเอง ยังต้องแบกหน้าไปหาผานเป่าเฉิงเพื่อบอกว่าตอนนี้ผานเยว่ถิงตัดสินใจเข้าสู่ทางมาร...

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status