แชร์

บทที่ 9 ห่วงหา

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-14 21:00:27

สองวันล่วงเลยผ่านไปแล้วข้ายังมิได้ข่าวสารหรือการติดต่อจากจอมมาร วันนั้นก่อนจากกันเขาดูรีบร้อนคล้ายว่ามีเรื่องสำคัญต้องไปจัดการย้อนนึกดูแล้วก็รู้สึกสงสัยขึ้นมาอยู่บ้าง ไม่น่าเชื่อว่าจอมมารท่านนั้นเขายังมีเรื่องต้องทำกับคนอื่นเขาด้วย

‘จื่อเออร์ จอมมารเขายุ่งมากเลยหรือ’

‘ท่านหญิงคิดถึงจอมมารหรือเพคะ’ จื่อจิงยิ้มกริ่ม นึกอยากจะหยอกล้อเซียนหญิงในชุดขาวผู้นี้เหลือเกินแม้มิได้เอื้อนเอ่ยวาจาแต่กลับแสดงออกให้เห็นอย่างไม่ปิดบัง

‘สำรวมกิริยาหน่อย จื่อเออร์’ ข้ามิได้ปฏิเสธแต่ก็มิได้ยอมรับ หากจะคิดถึงคงจะคิดถึงในแบบที่ว่ากังวลใจว่าเขาจะไปก่อเรื่องอะไรเสียมากกว่า

‘เพคะท่านหญิง’ ข้าปรายตามองจิ่อจิงที่ยังยิ้มล้อเลียนไม่เลิก จอมมารท่านนั้นเหตุใดถึงได้หายไปเงียบๆ ชีวิตของข้ากลับสู่ความสงบสุขแล้วก็จริงแต่กลับรู้สึกใจหายอย่างไรมิรู้ หลายวันมานี้มัวแต่ยุ่งวุ่นวายเกี่ยวกับเรื่องแต่งงานกับจอมมารจึงยังไม่ได้กลับไปจัดการเรื่องราวที่หุบเขาสิ้นชีวาป่านนี้แล้วคงโกลาหลน่าดู อย่างไรเสียก็ควรเข้าไปบอกกล่าวแก่เซียนน้อยสักหน่อยอีกทั้งยังถือโอกาสนี้หาดอกหอมหมื่นลี้มาทำถุงหอมให้แก่จอมมารเนื่องในวันแต่งงานด้วย สำหรับพิธีคงต้องรบกวนเซียนน้อยยกเหล้ามักที่ข้าหมักเองกับมือมาเป็นเวลาสามแสนปีขึ้นมาสวรรค์ชั้นฟ้าในงานเลี้ยงเฉลิมฉลองอภิเษก

‘จื่อเอ๋อร์ ข้าจะไปที่หุบเขาสิ้นชีวาสักหน่อยเจ้าจะไปกับข้าด้วยหรือไม่’

‘เพคะ จื่อเอ๋อร์ย่อมต้องตามรับใช้ท่านหญิงอยู่แล้ว’ ครั้งนี้ข้าปลดผ้าแพรขาวแล้ว คิดว่าเวลานี้คงเหมาะสมพอ

กลิ่นอบอวลมวลบุปผาและสมุนไพรตลบอบอวลไปทั่วผืนป่า เฟิงจางจิ้งชำนาญทางอยู่จึงเป็นผู้นำทางแท้จริงเหตุผลที่หลายปีมานี้นางขลุกอยู่ในป่าเพียงเพราะว่านางได้สร้างหอคอยบุปผกาแก้วไว้ภายในหุบเขาแห่งนี้ นางทำหน้าที่ดูแลสมุนไพรดอกไม้นานาชนิดควบคู่กับเหล่าเซียนบุปผาฝึกหัด ต่อจากนี้หวังว่าคงไว้วางใจให้หนึ่งในเซียนบุปผาน้อยทำหน้าที่ดูแลแทนส่วนนางก็ต้องไปทำหน้าที่เป็นประมุขคู่กายของหวังเยี่ยนจวินคงมิได้มีเวลากลับมาดูแลที่นี่เฉกเช่นเดิม

'ท่านหญิงเพคะ เหตุใดทางเดินที่นี่จึงสลับซ้อนพิกลราวกับเขาวงกตเช่นนี้' 

'แต่กาลก่อน ป่าแห่งนี้อุดมสมบูรณ์ไปทุกส่วน ทว่า เมื่อหลายแสนปีเผ่ามังกรกับเผ่าหงสามีสงครามกันเกิดขึ้น ทำให้ป่าเเห่งนี้โดนคำสาปบิดเบี้ยวผิดแปลกไป สิ้นสงครามข้าเห็นว่าเป็นเช่นนี้แล้วจึงมาอยู่คอยดูแลเพราะสมุนไพรที่นี่ดีมากทีเดียว' นางหลุบสายตาต่ำลงเหตุผลนี่ก็ส่วนหนึ่ง เหตุผลที่แท้จริงก็อีกอย่างหนึ่ง ความร้ายแรงแม้เจ้าตัวไม่ชดใช้ นางก็ยังยินดีจะชดใช้ให้ ตำแหน่งสูงส่งแล้วไฉนหากแต่ยังมีเรื่องให้ต้องชดใช้อยู่ ชีวิตของนางยังแลกไม่ได้แม้กระทั่งชีวิตของเขา 

'ถ้าอย่างนั้นนั้นสิ่งมีชีวิตที่นี่ล่ะ' 

'สิ่งมีชีวิตงั้นหรือ ไม่มี หากแต่มีหุบเขานี้จะชื่อหุบเขาสิ้นชีวาหรือ' เฟิงจางจิ้งเดินนำจื่อจิงไปจนถึงกระท่อมหลังเล็กหลังหนึ่งในกระท่อมหลังนั้นมีหอคอยขนาดจิ๋วทำจากหยกเขียวราวสิบแปดชั้นด้านรอบหอคอยนั่นคล้ายกับว่ามีประการเซียนสีขาวขุ่นคอยอ้อมล้อมปกป้องอยู่ อีกทั้งหอคอยนั้นถูกวางอยู่ในกรงมังกรขาวสามเศียร มันกำลังหลับใหลกอดหอคอยไว้กับอุ้งเท้าอย่างหวงแหน

'เหล่าหลงเมิ่ง เหล่าหลงลี่ เหล่าหลงฮั่ว ข้ากลับมาแล้ว' เฟิงจางจิ้งเปร่งเสียงอ่อนหวานเรียกมังกรขาวที่หลับใหลอยู่ เจ้ามังกรขาวทั้งสามเศียรค่อยค่อยอ้าปากหาวและลืมตาตื่นขึ้น 

มันแปลงร่างเป็นมนุษย์ แยกออกเป็นสามคน ทั้งสามคนก้มโค้งคารวะท่านเซียนหญิง

'คารวะเฟิงจางจิ้งเซียน' นางยิ้มอ่อนโยนและพยักหน้าให้เป็นที่รับรู้

'เป็นอย่างไรบ้าง ข้าจากไปเสียนาน' 

'ทุกอย่างเรียบร้อยดีฝ่าบาทเพียงแต่เจ้าหลงเมิ่งชอบแอบออกจากกรงไปเกี้ยวเซียนเผ่าอสรพิษอยู่บ่อยๆ ' 

'อย่างงั้นหรือ นางเป็นใครกัน' หลงเมิ่งหันไปค้อนขวับกับพี่ชายของตนเอง

'ฝ่าบาทอย่าเชื่อหลงฮั่ว เขานั่นแหละที่ชอบไปเหล่เซียนวารี' หลงเมิ่งกล่าวฟ้องกลับ ทั้งคู่ตั้งท่าจะวางมวยกันอยู่แต่ทว่า 

ผลัวะ ผลัวะ 

' พวกเจ้านี่นะ ต่อหน้าท่านเฟิงจางจิ้งมิควรไร้มารยาท' หลงลี่ ตบหัวน้องชายทั้งคู่ ชอบตีกันอยู่เรื่อยเลย

'ต้าเกอ!'

'ต้าเกอ!' ท่าทางกระเง้ากระงอดของทั้งสองคนแสนน่าเอ็นดู จื่อจิงหัวเราะร่วนกับท่าทางของมังกรสามหัวสามพี่น้อง

'เอาล่ะ เลิกเถียงกันก่อนวันนี้ข้ามีเรื่องสำคัญที่ต้องสั่งการกับพวกเจ้าทั้งหมด' 

'พวกเราทั้งสามต้องเขาไปรับฟังภายในหอบุปผาแก้วด้วยหรือไม่ขอรับ'

'ไม่ต้อง หลังจากข้าออกมาแล้วข้าจะพูดกับพวกเจ้าอีกที' 

'รับทราบขอรับฝ่าบาท' 

'แล้วแม่นางท่านนั้น ? ' หลงลี่เอ่ยถามจื่อจิงอย่างสุภาพใบหน้าเรียบนิ่ง คลี่ยิ้มบางส่งไปให้ 

'อ่อ นางเป็นมารน้อยจากเผ่าวิหค มีนามว่า จื่อจิง' มารน้อยงั้นหรือ ? หลงลี่กลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ทั้งๆที่น่าสนใจมากแท้ๆ นานทีจะมีหญิงงามหลุดออกมาให้ได้เชยชม

งามเพียงนี้คิดว่าเป็นเซียนน้อยที่ไหนที่แท้กลับเป็นมารน้อยเสียได้

'จะรังเกียจหรือไม่หากข้าเชิญให้แม่นางจื่อจิงนั่งพูดคุยอยู่ข้างนอก ภายในหอคอยมีเพียงแต่เทพเซียนเท่านั้นที่จะเข้าไปได้' หลงลี่กล่าวอย่างสุภาพที่สุดเพราะหากให้เจ้าน้องชายสองคนนี้พูด คงพูดจาไม่เข้าหูมีแต่จะต่อยตีกันอย่างเดียวเสียมากกว่า

'ลำบากท่านแล้ว เชิญท่านเซียนหญิงเถิดเพคะ จื่อจิงจะรออยู่ข้างนอก' 

'อืม เหล่าหลง อย่ารังแกจื่อจิงเชียว นางเป็นแขกคนสำคัญของข้าโดยเฉพาะหลงเมิ่งกับหลงฮั่ว ' นางออกคำสั่งแก่สามเซียนมังกรหนุ่ม 

'ขอรับ!' ทั้งสามรับคำสั่งแล้วจึงเดินนำจื่อจิงเข้าไปในวังมังกรอีกหลังที่เฟิงจางจิ้งเคยเนรมิตไว้ให้ ส่วนเฟิงจางจิ้งก็หายเข้าไปในหอคอยบุปผกาแก้ว

หลังจากเข้ามาในหอคอยบุปผกาแก้วเฟิงจางจิ้งก็คอยตรวจดูปราการเซียนที่ตนกับเซียนน้อยร่วมกันสร้างจนแข็งแรงดีว่ามีอะไรเสียหายหรือไม่ นางร่ายมนตร์เพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ปราการเซียนเพิ่มขึ้นไปอีก

'คารวะท่านเซียนหญิงเพคะ' เหลียนฮวาฮวาเซียนดอกบัวหลวงทิพย์ก้มโค้งคำนับเฟิงจางจิ้งที่กำลังร่ายมนตร์ซ่อมแซมปราการเซียนให้แข็งแรงขึ้น เมื่อเห็นว่าปราการเซียนแข็งแรงขึ้นเป็นเท่าตัวจึงผละออกมาพูดคุยกับเหลียนฮวาฮวา

'อืม ทุกคนอยู่พร้อมหรือไม่'

'เพคะ ท่านเซียนมีอะไรจะรับสั่งหรือเพคะ' 

'เรียกทุกคนมาให้พร้อมที่บ่อบัวเบญจมา ข้าจะมีเรื่องสำคัญต้องบอกกล่าว' 

'เพคะ' เหลียนฮวาฮวาเมื่อได้รับสั่งจึงทำหน้าที่ไปเรียกเซียนน้อยอื่นๆมา เฟิงจางจิ้งจึงเดินนำไปรอที่บ่อบัวเบญจมาก่อนแล้ว ดอกบัวสีม่วงเบ่งบานเต็มทั่วบ่อไปหมด เซียนน้อยที่นี่แม้ไม่มีนางคอยรับสั่งก็ยังสามารถทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี นางวางใจแล้ว ต่อให้นางไม่ได้อยู่ที่นี่ตลอดเฉกเช่นแต่ก่อนก็ไม่น่าจะมีปัญหาอันใด

 ไม่นานนักเหล่าเซียนทั้งชุดขาวและชุดสีฟ้าครามที่นางแบ่งไว้ก้มากันพร้อมหน้า

'พวกเจ้าอยู่ในหอคอยนี้คงยังไม่รู้ว่าข้ากำลังจะอภิเษกสมรสแล้ว ข้ากำลังจะอภิเษกสมรสกับโม่จวิน หลังจากนี้ข้าขอมอบหน้าที่ให้แก่เหลียนฮวาฮวาเป็นผู้ออกคำสั่งและดูแลหอคอยบุปผกาแก้ว ผู้ที่ออกคำสั่งกับพวกเจ้าได้มีเพียงข้าและเหลียนฮวาฮวาเท่านั้น หน้าที่ทุกอย่างจงทำเช่นเดิม หลังจากนี้ข้าจะหาเวลามาเยี่ยมบ่อยครั้งแต่คงมิได้มาอยู่ค้างอ้างแรมมากนัก' พวกนางยังคงทำหน้าตระหนกตกใจกันอยู่บ้าง พวกนางไม่คาดคิดว่าท่านเซียนหญิงชุดขาวเปี่ยมด้วยคุณธรรมท่านนี้จะตกลงปลงใจยอมแต่งงานกับจอมมารอย่างหวังเยี่ยนจวิน

มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เขาออกจะทำตัวอันตพาลอยู่สักหน่อยเพราะเที่ยวท้ารบกับวังสวรรค์อยู่เรื่อย ไม่คาดคิดเลยว่าข่าวลือที่หลี่ซู่กล่าวออกมาจะเป็นจริง ท่านเซียนหญิงแต่งงานกับจอมมารผู้นั้นจริง

'เหตุท่านหญิงจึงยอมแต่งงานกับจอมมารเพคะ จอมมารท่านนั้นไม่เหมือนเทพเซียนและพวกมารมิใช่ว่าเป็นผู้ด้อยคุณธรรมอีกทั้งยังทำสิ่งใดล้วนตามใจตนเองทั้งสิ้นไม่สนถูกผิดดีชั่ว' เซียนน้อยในชุดสีฟ้าครามลุกขึ้นถามทั้งยังคาใจและนึกสงสัยแต่โบราณกาลแม้เทียนจวินองค์ก่อนมิได้ตั้งตนเป็นปรปักษ์กับเหล่ามารแต่ก็มิได้ยอมรับสักเท่าใดนักจนกระทั่งเทียนจวินท่านนี้ไม่รู้ว่าคิดสิ่งใดอยู่แลดูเกรงกลัวจอมมารอยู่สักหน่อยแต่นางเองก็เพิ่งเลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นเซียนน้อยจึงมิอาจกล่าวสิ่งใดออกไปทั้งที่สารที่ได้รับรู้มายังมิได้กระจ่าง

'เหวินหยาเจ้าถามได้ดี หากเจ้าคิดเช่นนี้ใจเจ้าจะเป็นมารได้ เป็นเทพเซียนใจต้องกว้างดั่งมหาสมุทรแม้เป็นมาร มารก็ย่อมมีทั้งดีและชั่ว เทพเซียนก็มิใช่ว่าจะดีไปเสียหมดย่อมต้องมีดีและชั่วเช่นกัน ที่ข้ายินยอมแต่งกับเขาเพราะว่าเขาไม่เหมือนมารตนอื่น เขามิได้ขืนใจบังคับให้ข้ายินยอมและเขาก็ปฏิบัติกับข้าอย่างดีเสมอมา หากพวกเจ้าได้พบเขาสักครั้งคงเข้าใจว่าทำไมข้าถึงเลือกจอมมารผู้นี้' เหวินหยาพยักหน้ารับและยินยอมอย่างไรก็ตามนางยังคงรักและไว้ใจเฟิงจางจิ้ง เทพเซียนผู้นี้มีพลังมหาศาลมิได้ต่ำต้อยอ่อนน้อมดังที่แสดง ความคิดของท่านยังสูงส่งกว่าเหล่าเซียนน้อยอย่างพวกนางนัก คงเรียกได้ว่าเป็นผู้มีปัญญาโดยแท้

'เอาล่ะ ข้าต้องไปแล้วเพียงแต่มาบอกกล่าวพวกเจ้าเสียก่อน แล้วค่อยพบกันใหม่' เหล่าเซียนน้อยต่างก้มโค้งคำนับเทพเซียนหญิง นางเดินหันหลังจากออกไปและร่ายมนต์ทับอีกครั้งเพิ่มปราการเซียน นางยังจำได้ดีว่าทำไมถึงสร้างหอคอยบุปผกาแก้วนี้ขึ้นมา พลังฝึกปรือของเหล่าเซียนน้อยต่างน้อยนัก

หากพลังฝึกปรือและวิชาเเพทย์ของพวกนางอยู่ในขั้นยอดเยี่ยมเมื่อใด นางจึงจะส่งเซียนน้อยเหล่านั้นขึ้นสู่สวรรค์ชั้นฟ้า เป็นแพทย์หลวงบ้าง แล้วแต่ความเหมาะสม อยู่ในหอคอยบุปผกาแก้วมีเพียงแต่ฟื้นฟูผลดอกสมุนไพรอย่างเช่นเห็ดหลินจือเอย รากต้นระฟ้าเอย และอีกนานาชนิด ซึ่งเป็นสมุนไพรหายากทั้งแดนสวรรค์และแดนมาร

เฟิงจางจิ้งเดินแช่มช้าไปยังวังมังกรที่นางสร้างจำลองไว้ให้ทั้งสามมังกรอยู่ อย่างไรพวกเขาก็เป็นเทพเซียนที่มีวิชาแก่กล้าทั้งหมด นางยังให้ความเคารพอยู่มากแต่เเค่เพียงเพราะพี่ชายของนางเป็นเทียนจวินและพ่อของนางเป็นราชามังกรต่อให้พวกเขามีฤทธิ์เดชมหาศาลแค่ไหนกลับเกรงใจนางนักและให้ความเคารพมากกว่าเกินควรอยู่ นางเห็นจื่อจิงกับหลงลี่นั่งดวลหมากล้อมโดยมีหลงเมิ่งกับหลงฮั่วนั่งมองคอยช่วยหลงลี่อยู่

'นางโกง! นางโกงชัดๆ ต้าเกอเก่งจะตายจะโดนนางเก็บเรียบแบบนี้ไม่ได้นะ! ' หลงเมิ่งชี้ไปในกระดานจ้องหน้าจื่อจิงอย่างเอาเรื่อง

'แต่ข้ามองว่าต้าเกอโง่มากกว่า ฮ่าๆ' หลงฮั่วผลักหัวหลงเมิ่งเบาๆ 

'ขัดคอข้าอีกแล้วนะ!'

'เจ้ามังกรขี้โมโห' ไม่ทันไรทั้งสองคนก็ทำท่าจะล้มโต๊ะเอาหัวชนกันซะแล้ว 

'ทำให้แม่นางขบขันแล้ว ฝีมือหลงลี่อ่อนด้อยนัก' เขาคลี่ยิ้มอีกครั้งแสดงความถ่อมตนแก่นาง

'ท่านเพียงแต่ออมมือให้ข้ามิใช่หรือ หากมีโอกาสหน้าโปรดแสดงฝีมือที่แท้จริงให้จื่อจิงเห็นสักครั้งเถิด' จื่อจิงส่งยิ้มให้แก่หลงลี่ทั้งสองมองตากันหวานเชื่อม 

'อะแฮ่ม' เฟิงจางจิ้งกระแอมเล็กน้อยทั้งคู่จึงหันมาสนใจเฟิงจางจิ้งแทนแต่ใบหน้าของทั้งสองยังคงแดงก่ำไม่รู้ว่าใบหน้าขึ้นสีเพราะอากาศร้อนอบอ้าวหรือเพราะเหตุเมื่อครู่...

'ข้าต้องกลับแล้วแต่ก่อนอื่น.. ข้ามีเรื่องต้องพูดให้พวกเจ้าทราบ' มังกรทั้งสามคนมองมาที่เฟิงจางจิ้งเพียงคนเดียวพร้อมสดับรับฟังและจื่อจิงอ้อมไปยืนทางด้านหลังของเฟิงจางจิ้ง ลอบมองหนึ่งในมังกรนั้นด้านหลังเงียบๆ

'เชิญท่านเฟิงจางจิ้งเซียนกล่าวขอรับ' หลงเมิ่งกล่าวเชิญทั้งสามขึ้นยกขึ้นเข่าขึ้นมาข้างหนึ่งและคุกเข่าลงอีกข้างหนึ่ง

'ข้ากำลังจะอภิเษกสมรสกับโม่จวินอาจมิได้มาเเวะเวียนมาที่นี่บ่อยครั้งเหมือนแต่กาลก่อนแต่ข้ายังคงต้องฝากหน้าที่ดูแลหอคอยบุปผากแก้วกับพวกท่านอยู่ ฝากด้วยนะ เหล่าหลง' 

'ขอรับ!' ทั้งสามคนก้มหัวรับคำสั่งแล้วค่อยยืนหยัดขึ้นมา เฟิงจางจิ้งจึงหันหลังเดินกลับออกไปแต่ทว่า..

'ช้าก่อนขอรับ ข้ามีคำถาม' เป็นหลงลี่ที่เอ่ยถามเฟิงจางจิ้ง ยังมีเรื่องที่เขาอยากรู้..

'เทพเซียนกับมารแต่งงานกันได้ด้วยหรือ' เฟิงจางจิ้งระบายยิ้มอ่อน 

'เหตุใดจึงไม่ได้เล่า ไม่มีกฎสวรรค์ข้อไหนที่ห้ามมารและเทพเซียนแต่งงานกันดอกนะ' หลงลี่เบิกตาโพลง ยิ้มกว้างออกมาอย่างไม่ปิดบัง เฟิงจางจิ้งเห็นว่าหลงลี่ไม่ถามอะไรอีกจึงหันหลังเดินอีกครั้งแต่ทว่า..

'เดี๋ยว!..เอ่อ แม่นางจื่อจิง' จื่อจิงส่งสายตามาให้นางคล้ายเป็นการขออนุญาตนางจึงพยักหน้ารับอนุญาตให้จื่อจิงเดินไปหาหลงลี่ได้

'เมื่อครู่ข้าแพ้ท่านหลายครั้ง แม่นางจื่อจิงยินดีจะรับหยกของข้าไปเป็นรางวัลหรือไม่' หยกเขียวเนื้อดีเปร่งประกายเงางาม สลักชื่อเป็นอักษรตัวเล็กว่าเหล่าหลงลี่อีกทั้งยังมีพลังบริสุทธิ์สีขาวขุ่นล้อมรอบหยกชิ้นนี้อยู่ จื่อจิงยิ้มกริ่มพลางรับหยกชิ้นนั้นมาไว้ในมือ

'ครั้งหน้าหากท่านชนะข้าได้ ข้าจะให้ของสิ่งหนึ่งตอบแทน' 

'หยกเขียวนี้มีพลังของข้าอยู่ โปรดนำติดตัวไว้ด้วยหยกของข้าจะคอยปกป้องท่าน' จื่อจิงยกมือข้างหนึ่งเอาผมทัดหู ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อขึ้นอีกครั้ง

'ขอบคุณในความปรารถนาดี จื่อจิงจะทำตามที่ท่านบอก' 

'ไปได้หรือยัง หลงลี่มีอะไรจะถามอีกหรือไม่ ทีเดียวให้จบสิ้นเดี๋ยวจะมืดค่ำเสียก่อน' ถึงคราวที่นางจะได้หยอกล้อจื่อจิงขึ้นแล้ว จื่อจิงกลับรีบหันหลังเดินหนีก้าวฉับๆ 

'ไม่มีแล้วขอรับ' สิ้นเสียงหลงลี่ เฟิงจางจิ้งจึงเดินนำจื่อจิงพากลับออกจากหุบเขาสิ้นชีวา

 ป่านนี้แล้วจอมมารท่านนั้นก้ยังไม่ติดต่อกลับมา แต่ทว่า.. มีนกกระเรียนทองบินโฉบและโปรยปรายลงบนฝ่ามือจื่อจิงอย่างนิ่มนวล จื่อจิงกำจดหมายนกกระเรียนทองในมือไว้แน่น 

เมื่อกลับถึงตำหนักเหม่ยฮวาเฟิงจางจิ้งจึงเริ่มทำถุงหอม เมื่อครู่เก็บดอกหอมหมื่นลี่กลับมาด้วยแต่ยังไม่วายจับตามองจื่อจิงที่เริ่มหน้าเคร่งคิ้วขมวดทั้งที่เมื่อกี้ยังยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่แท้ๆ

'มีอะไรหรือจื่อจิง' มือเรียวเล็กยังคงเลือกสีผ้าของถุงหอมอยู่

'เมื่อครู่ข้าเปิดอ่านจดหมายลับ หลิงหลิวเหว่ยแจ้งมาว่าท่านจอมมารประชวรหนักเหตุเพราะนักโทษชั้นเลิศทำลายคุกหนีและมีการต่อสู้กันเกิดขึ้นเพคะ หลิงหลิวเหว่ยบอกว่าถ้าเป็นไปได้ไม่อยากให้ท่านหญิงออกไปไหนเพียงลำพังหรือออกจากสวรรค์ชั้นฟ้าเพคะ' 

'เขาบาดเจ็บงั้นหรือ' เฟิงจางจิ้งละทิ้งผ้าหลายสีที่ยังไม่ถูกใจลงและก้าวฉับๆเดินไปทางประตู

 เหตุนี้เองที่ทำให้เขาไม่ติดต่อกลับมา คนโง่ เขาน่าจะรู้อยู่แล้วมิใช่หรือว่านางมีวิชาเเพทย์ 

'จะไปไหนเพคะ ค่ำปานนี้แล้ว' ไวกว่าความคิดทั้งสองมือและสองขากลับเคลื่อนที่โดยฉับพลัน 

'ไปแดนโลกันตร์' สีหน้าเรียบนิ่งทำเอาจื่อจิงใจไม่ดี มืดค่ำปานนี้หากปล่อยให้ท่านหญิงออกไปมีหวังได้หัวหลุดออกจากบ่า หลิงหลิวเหว่ยกกำชัดมาเด็ดขาด เมื่อคิดดังนั้นจึงก้าวขาเข้าใกล้ตัวเฟิงจางจิ้งให้เร็วที่สุดและโรยผงหลับลึกจนเฟิงจางจิ้งสลบไสลลงไป นางค่อยประคับประคองร่างบางขึ้นบนเตียงและห่มผ้าห่มให้ หากอยากไปหาจอมมารก็ย่อมได้แต่มิใช่เพลานี้ 

ขอประทานอภัยให้จื่อจิงด้วย จื่อจิงยังมิอยากหัวหลุดออกจากบ่า ว่าแล้วจึงส่งกระเรียนทองไปหาหลิงหลิวเหว่ยให้ส่งเกี้ยวมารับในวันรุ่งขึ้น เพราะดูแล้วแม่นางเฟิงจางจิ้งคงมิยอมอยู่วังสวรรค์นิ่งๆอย่างแน่นอน ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือคิดผิดที่ตามมารับใช้สตรีเซียนในชุดขาวผู้นี้....

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร   บทที่ 10 ห่วงฝันอันโหดร้าย

    ภาพขบวนเกี้ยวสีแดงขบวนใหญ่เคลื่อนที่เข้ามาในสวรรค์ชั้นฟ้า หญิงสาวสวมผ้าคลุมหน้าสีแดงและสวมชุดแต่งงานสีแดง'เชิญเจ้าสาวขึ้นเกี้ยว' เซียนหญิงผู้หนึ่งกล่าวขึ้น นางไม่รู้จักมาก่อน นางก้าวช้าช้า ยามก้าวขาขึ้นบนเกี้ยวนางเห็นชายหนุ่มผมสีดำยาวสลวยสวมชุดสีแดงคล้ายกับนาง เขายืนอยู่ข้างหน้าเกี้ยวแต่เพียงเพราะผ้าคลุมสีแดงจึงไม่เห็นว่าเขาเป็นผู้ใด นางนั่งหลังตรงอยู่ภายในเกี้ยวโดยมีจื่อจิงนั่งอยู่ด้วย ระหว่างที่นั่งอยู่ด้านในได้พักใหญ่ข้างนอกก็มีเสียงคล้ายอาวุธกระทบกัน เกี้ยวนางถูกยกลงกระแทกลงพื้นอย่างแรง เสียงอาวุธกระทบกันดังมาตลอดทางจนกระทั่ง...'ท่านจอมมาร!' เสียงใครคนหนึ่งตะโกนขึ้น นางไม่รอช้าก้าวออกจากเกี้ยว นางเห็นชายหนุ่มในชุดสีแดงแผ่นหลังคุ้นเคยที่นางพบเห็นมาตลอดช่วงหลายวันมานี้ ร่างหนาล้มลงกับพื้นเลือดสีแดงสดค่อยๆหลั่งไหลย้อมเป็นสีแดงเข้ากับชุด ก่อนที่ทัพสวรรค์และชายหนุ่มเกศาขาวจะเข้ามาต้านทัพศัตรูให้ถอยหลังไป ชายในชุดแดงลุกขึ้นอย่างห้าวหาญยังคงกวัดไกวกระบี่กับชายชุดดำอีกคนลากออกไปให้ไกลจากเกี้ยวและส่งยิ้มมาทางนาง สองขาของนางวิ่งตามเขาออกไป'ไม่ต้องตามข้ามา รัก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-15
  • ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร   บทที่ 11 วิวาห์ย้อมโลหิต

    หลิงหลิวเหว่ยและปี้เฉียงเดินเข้ามาในห้องโถงเงียบๆ เห็นจอมมารกุมมือท่านหญิงเซียนอยู่แต่ท่านหญิงเซียนแลดูมีเรื่องลำบากใจ ตอนนี้จดหมายตอบรับได้มาถึงแล้ว เขาควรนำไปรายงานแก่จอมมาร เจ้าปี้เฉียงนี่ก็ตามติดเป็นเงาตามตัวน่ารำคาญจริง เมื่อไหร่จะกลับเผ่าหงสาไปสักที'ท่านจอมมารขอรับ สาน์สตอบรับมาถึงแล้ว' หลิงหลิวเหว่ยยื่นสาน์สให้จอมมาร จอมมารเปิดอ่านในทันที'เจ้าตอบตกลง?' จอมมารยิ้มกว้าง เขาบรรจงจุมพิตหลังมือของเฟิงจางจิ้ง นางไม่ทันตั้งตัว พอรู้สึกตัวก็ชักมือออก'อืม ใช่ แล้วข้าจะรอเกี้ยวของท่านที่สวรรค์ชั้นฟ้า' นางลุกเดินออกไปอย่างขัดเขินเล็กน้อย นางมองตำแหน่งที่จอมมารจุมพิตไปเมื่อครู่ รอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นอย่างไม่รู้ตัว 'ไปกันเถอะจื่อจิง' จอมมารยังคงตะลึงงันด้วยความดีใจ จนกระทั่งนางกับจื่อจิงเดินลับสายตาไปแล้ว..'ปี้เฉียง ฝากเจ้าคุ้มครองนางถึงสวรรค์ชั้นฟ้าที' 'รับทราบ!' ปี้เฉียงฟังคำสั่งจอมมารอย่างไม่อิดออด แล้วเดินตามเฟิงจางจิ้งกับจื่อจิงไป...จอมมารนั่งเปิดอ่านเทียบของหมั้นที่เขาส่งไปคราวที่แล้วเพิ่มของไปอีกสักหลายอย่าง..'ของทุกอย่างพร้อมแล้วนะ นี่เป็นรายการที่ข้าเพิ่ม จัดเตรียมให้เสร็จวั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-18
  • ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร   บทที่ 12 สองดวงจิตในร่างเดียว

    เหล่าหลงทั้งสามพาพวกข้ากลับมายังหุบเขาสิ้นชีวาอีกครั้ง แต่พวกทหารชุดดำเหล่านั้นก็ยังตามข้ามาทันอยู่ดี ข้าจึงลุกขึ้นยืนหยัดสั่งให้หลงลี่พาคนที่บาดเจ็บกลับไปที่วังมังกรเนรมิตก่อนแล้วจึงไปประจันหน้ากับเหล่าทหารชุดดำ'นี่ไม่ใช่เรื่องของท่านเซียนใยต้องยื่นมือเข้ามาด้วยเล่า' หมิงป๋ายยิ้มเย้ยหยัน ข้าต้องระงับโทสะตัวเองหากจะกระทำการสิ่งใดย่อมต้องทำอย่างมีสติ 'หากพูดว่าไม่ใช่เรื่องข้าคงมิใช่กระมัง งานที่เจ้ามาพังวันนี้คืองานวิวาห์ของข้า คนที่เจ้าปักกระบี่ลงกลางอกคือว่าที่สามีของข้า' 'ข้ารู้ว่าท่านเองก็คงมิอยากจะตกลงปลงใจกับจอมมารมือเปื้อนโลหิตอย่างเขา มาร่วมมือกับพวกข้าเถอะเฟิงจางจิงเซียน' ข้ากำกระบี่ในมือแน่น'คุณธรรมเขาสูงส่งกว่าพวกเจ้ามากและถ้าข้ายังมีชีวิตอยู่ก็อย่าหวังว่าจะได้ชีวิตของเขาไป'หวังเยี่ยน..ท่านทำเรื่องอะไรมากัน ทำไมมารเหล่านี้ถึงได้มีความแค้นกับเจ้ามากถึงเพียงนี้แปะ แปะ แปะเงาสีดำทมิฬค่อยๆประกอบรูปร่างขึ้นเป็นคน เงาสีดำที่นางรับได้ถึงพลังมหาศาลพลังงานแห่งความมืดความชั่วร้ายที่ถูกล้อมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน เรือนผมสีดำแผ่สยายดวงตาเป็นประกายสีเขียวมรกตงดงาม ชุดเกราะสีเงินทรงอา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-18
  • ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร   บทที่ 13 คำนับฟ้าดิน

    วังมังกรเนรมิตถูกจัดตกแต่งด้วยสาหร่ายแดงที่พอจะหาได้และผ้าไหมแดงที่พอจะมีอยู่บ้าง จื่อจิงรับหน้าที่เป็นแม่งานจัดเตรียมหน้างานทั้งหมด ยังรู้สึกผิดหวังที่งานเเต่งอลังการถูกพังทลายลงอีกทั้งตี้จวิน[1]คนนั้นเหตุใดจึงละเลยเรื่องนี้ ผ่านมาแล้วสามวันกลับไม่มีข่าวคราวจากวังสวรรค์ส่งมาเลยแม้แต่น้อย'จื่อเออร์ เหตุใดจึงทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเช่นนั้นเล่า' หลิงหลิวเหว่ยเอ่ยถามจื่อจิง'ข้ารู้สึกว่ายังขาดอะไรไปแต่ช่างเถอะ ท่านเห็นเหล่าหลงทั้งสามไหม''ไม่เห็น จริงสิปี้เฉียงก็หายไปด้วย''เดี๋ยวข้าไปตามเอง' จื่อจิงว่าเช่นนั้นแล้วเดินลัดเลาะไปด้านหลังวังมังกรเนรมิตยังมีสระน้ำมรกตไป๋ฉุนจิ้งคงต้องไปดูสักหน่อย บังอาจปล่อยให้สตรีร่างบางกับบุรุษอ้อนแอ้นอย่างนางกับหลิงหลิวเหว่ยทำงานอยู่สองคนใช้ได้ที่ไหนกันเสียงน้ำหลั่งไหลผ่านโขดหินใต้ธาราสีใสจนเห็นตัวปลานานาชนิดบุรุษรูปร่างกำยำทั้งสี่หย่อนกายหย่อนใจลงในสระน้ำนั้น..'พวกท่านอยู่ที่นี่มานานแค่ไหน' ปี้เฉียงเอ่ยถามมังกรทั้งสาม พวกเขาแลดูเหมือนจะรู้จักทางป่านี้เป็นอย่างดีอีกทั้งยังนำทางพามาอา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-19
  • ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร   บทที่ 14 แตกหัก

    หวังเยี่ยนและเฟิงจางจิ้งแยกกันไปถอดเครื่องแต่งกายออกแล้วสวมชุดตามเดิมเพื่อมาหารือกันเรื่องเหล่าองครักษ์มารของเผ่ยอวิ๋นจวิน ผู้อาวุโสทั้งสี่ยินดียื่นมือเข้ามาช่วย หวังเยี่ยนออกจะเสียดายอยู่บ้างที่ไม่ได้เข้าห้องหอแต่เพราะสถานการณ์ตอนนี้ไม่สู้ดีนักจึงต้องเลื่อนเข้าห้องหอออกไปก่อน อย่างไรกว่าจะได้เข้าห้องหอกันอีกครั้งคงต้องรอหลังพิธีอภิเษกเฟิงจางจิ้งเซียนขึ้นเป็นจักรพรรดินีมาร....'ต้องขอขอบคุณเฉินฮุยเกอมากที่ตามมาช่วยข้ากับฮูหยินอีกทั้งยังเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าวให้ด้วย' หวังเยี่ยนก้มโค้งคำนับเฉินฮุยอีกครั้ง'ไม่เป็นไร ลืมไปแล้วรึว่าพวกเราคือพี่น้องกัน ข้าผิดหวังมากนะหวังเยี่ยนที่ไม่เชิญพวกข้าเข้าร่วมงานอภิเษก' เฉินฮุยตำหนิจอมมารยกใหญ่อีกครั้งทั้งๆที่นับถือกันเป็นพี่น้องร่วมสาบานกันแล้ว เจ้าหวังเยี่ยนยังทำตัวห่างเหินกับพวกเขาอีก หากมิใช่ว่าเรื่องที่เกิดบนสวรรค์ชั้นฟ้าในงานแต่งเป็นเรื่องราวใหญ่โตจนต้องเรียกเซียนชั้นสูงทั้งสิบมาหารือมีหรือที่พวกเขาจะรู้&

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-20
  • ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร   บทที่ 15 การกลับมาของผานเยว่ถิง

    จอมมารหนุ่มอุ้มร่างบางที่หลับใหลไปในอ้อมกอดมายังในห้องส่วนตัวและจัดแจงวางร่างบางลงบนเตียงอย่างเบามือเพียงเเค่จับเเขนเล็กหรือเเตะเพียงเบาเบาก็ยังเกรงกลัวเหลือเกินว่ากระดูกขาวเช่นเทพเซียนจะแตกหัก เนื้อตัวนุ่มนิ่มบอบบางราวกับปุยนุ่นเช่นนี้ คนหยาบกระด้างอย่างเขาต้องระมัดระวังเป็นพิเศษหลายวันมานี้ไม่ได้รับโลหิตดับดวงจิตมารภายในร่างจึงรู้สึกกระหายอย่างมาก ยิ่งอยู่ใกล้นางกลิ่นหอมรัญจวนยิ่งเพิ่มทวีคูณ เกรงกลัวจะห้ามใจไม่อยู่'เหว่ยตี้ ข้ากระหายเหลือเกิน''เชิญจอมมารไปที่โถงก่อนเถิด ขุนนางมารรออยู่แล้ว เสี่ยวโม่[1]จะไปเตรียมเครื่องดื่มดับกระหายมาให้''อืม' ร่างองอาจรวบผมขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับแต่งกายเสียใหม่แล้วจึงเรียกจื่อจิงมาเฝ้าเซียนหญิงแล้วค่อยเดินออกไปครั้นเดินทางมายังโถงใหญ่ก็เห็นชี้ชัดแล้วว่ามีขุนนางมารบางส่วนหายไปจากโถงแห่งนี้ ไม่ต้องคาดเดาก็รู้แจ่มแจ้งว่าขุนนางมารเหล่านั้นคงแยกพรรคพรรคแยกฝ่ายตามเผ่ยอวิ๋น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-21
  • ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร   บทที่ 16 เรื่องในอดีต

    ‘ยินดีต้อนรับกลับ' หวังเยี่ยนเดินเข้าไปกอดซ้อนอีกทีหนึ่ง เขาไม่รู้มาก่อนว่าพวกนางรู้จักกันคนหนึ่งก็เปรียบเสมือนน้องสาวในไส้ส่วนอีกคนก็คือภรรยาของเขา จากนี้ไม่ว่าเรื่องราวจะเป็นเช่นไร เขาจะเป็นคนปกป้องพวกนางเอง ไม่มีผู้ใด ไม่มีอดีตและแม้อดีตจะลบล้างไม่ได้ หากแต่เมื่อวันวานแห่งความขมขื่นผันผ่านไป หลังจากนี้เขาจะเป็นแสงสว่างชี้นำพวกนางเอง พวกนางคงยังมีความหลังให้ระลึกถึงกันอีกมากเห็นสมควรปล่อยให้สนทนากันเพียงลำพัง กิจของสตรีบุรุษมิควรยุ่งจอมมารสะกิดหลิงหลิวเหว่ยพยักพเยิดหน้าไปทางประตูแล้วพากันเดินออกไปเงียบๆ เซียนหญิงกับมารสาวมองหน้ากันร่ำไห้กันเงียบงัน ก่อนจะบอกเล่าถึงความทรมานแสนสาหัสและเรื่องเขา'คนนั้น''เยว่ถิง ทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้แล้วเจ้ากับจอมมารรู้จักมักจี่กันตั้งแต่เมื่อไหร่''ไม่เจอกันเพียงไม่กี่แสนปี ท่านหญิงของข้ากลายเป็นคนช่างถามแล้วรึ''เพราะข้าสนิทใจที่พูดคุยกับเจ้าต่างหาก!'

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-22
  • ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร   บทที่ 17 คนแซ่เสวี่ย

    บรรดาเหล่าเซียนยืนเรียงกันเป็นสองแถวแบ่งแยกสตรีและบุรุษเพียงแค่โดดลงเหวก็ตกลงมาโผล่ที่หุบเขาไท่ซาน ไม่คิดว่าหุบเขาแห่งนี้จะยังมีสำนักที่คล้ายสำนักสงฆ์อยู่ เบื้องหน้ามีเสามังกรสีเหลืองอร่ามสลักรูปปั้นมังกรสามหัวขนาดยักษ์มันถูกตั้งไว้กลางโถง ช่างเสมือนจริงเหลือเกิน..'เสวี๋ยอิงคารวะท่านอาจารย์' ชายหนุ่มหัวขาวก้มโค้งคำนับต่อหน้ารูปปั้นมังกรสามหัวอาจารย์ที่ไหนกันไม่เห็นจะมีใครสักคน เฟิงจางจิ้งคิด'ถือว่ามีฝีมือ ส่วนคนอื่นยังต้องฝึกอีกมาก' ร่างมังกรสามหัวแปรเปลี่ยนเป็นบุรุษสามคน หน้าตางดงาม สวมชุดฮั่นฝูสีดำ รูปร่างแกร่งกำยำ มองแค่ตาเปล่าก็สัมผัสได้แล้วว่าปราณเซียนของพวกเขาแข็งแกร่งเพียงใดข้ายังเคยได้ยินมาว่าพวกเขาทั้งสามเป็นสัตว์เทพแห่งบรรพกาลที่บังเกิดมาพร้อมกับเหล่าอสูรร้ายแห่งบรรพกาลอย่างเช่น อสูรเถาอู้กับฮุ่นตุ้น[1]'เสี่ยวเซียนทั้งห้าขอคารวะท่านอาจารย์' เฟิงจางจิ้งเซียนกล่าวนำข้าและเพื่อนพ้องอีกสามคนจึงพากันก้มโค้งคารวะดังที่เฟิงจางจิ้งกล่าวนำไว้ ไม่แน่ว่าในช่วงหลายวันมานี้อาจมีแต่เรื่องสนุกเกิดขึ้น'ไม่ต้องมากพิธี ข้าเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-23

บทล่าสุด

  • ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร   บทที่ 19 กระบี่เฟิงจางจิ้ง

    หลายๆวันมานี้ท่านเซียนหญิงเฟิงจางจิ้งและเสวี๋ยอิงต่างทำหน้าที่ดูแลพวกข้าได้อย่างดีเยี่ยม วิชาเซียนของพวกเขาทั้งสองเรียกได้ว่าเป็นเทพเซียนที่แท้ ข้ายังคอยเป็นที่ปรึกษาเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่อยู่เสมอมิรู้ว่าเลื่อนขั้นไปถึงไหนกันแล้ว เสวี๋ยอิงคนนั้นยามอยู่กับเฟิงจางจิ้งเซียนเพียงลำพังแสนแตกต่างกับตอนที่พูดคุยกับพวกข้าอย่างมากข้าสังเกตเสวี๋ยอิงตั้งแต่วันเเรกจนวันสุดท้ายสรุปความได้ว่า เสวี๋ยอิงคนนี้เป็นวิหคเหมันตกาลโดยแท้ นับถือวิถีเซียนเคร่งครัด และที่สำคัญเขารักของเฟิงจางจิ้งเซียนสหายของข้าอย่างแท้จริง ข้ากับเฟิงจางจิ้งเซียนตกลงกันไว้ว่าหลังจากจบการฝึกปรือครั้งนี้จะรับข้าเข้าไปเป็นพี่เลี้ยงในวังสวรรค์'ความพยายามของพวกเจ้า เปิ่นจวินเห็นแล้วว่าสมควรแก่เวลา กระบี่ของผู้ใดจะกลับคืนสู่เจ้าของ' หลงลี่เสกกระบี่อันทรงฤทธิ์ที่ส่องแสงเรืองรองและส่งคืนสู่เซียนผู้เป็นเจ้าของ กระบี่เหล่านั้นลอยกลับมาอยู่ตรงหน้าผู้เป็นเจ้าของ'กระบี่มีจิตวิญญาณของมัน ผู้เป็นเจ้าของต้องตั้งชื่อด้วยก่อนจะเซ่นกระบี่ด้วยเลือด''ขอรับ! เจ้าค่ะ! ซือฝุ' เซียนสตรีและเซียนบุรุษทั้งหกขานรับ

  • ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร   บทที่ 18 รักครั้งเก่า

    'เสวี๋ยอิง เฟิงจางจิ้งเซียนฝากข้ามาตามท่านไปที่เรือนไผ่ด้านหลัง' เรือนไผ่ด้านหลังที่ว่า อยู่ริมธารน้ำตกที่ข้าใช้วิชาสนทนากับหวังเยี่ยนเกอเรือนไผ่นั่นดูเหมือนจะเป็นเรือนไผ่ที่ท่านเซียนเนรมิตขึ้นมาเพราะตอนที่ข้าไปไม่เห็นจะมีเรือนไผ่อยู่พลังเซียนของเฟิงจางจิ้งเซียนเหนือชั้นกว่าเซียนคนอื่นมากอย่างข้าคงเสกได้เพียงแค่เก้าอี้หนึ่งตัวกับวิชาเจ้าเล่ห์เล็กน้อยที่หวังเยี่ยนสอนก็เท่านั้น'รบกวนแม่นางช่วยนำทางไปที' เขากล่าวเสียงเรียบพลางสะบัดชายผ้าขาวอย่างอ่อนโยนยามอยู่ใกล้เขารู้สึกหนาวเหน็บจริงสมแล้วที่เป็นถึงวิหคหิมะ'ตามข้ามาเถิด' เขาเดินตามข้าอย่างสงบเสงี่ยมจริงแท้หรือวิสัยของพวกวิหคหิมะเป็นเช่นนี้เอง แม้แต่เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เคร่งครัดวิถีเซียน'ขอบคุณที่มาส่ง''ไม่ต้องเกรงใจ พวกท่านสูงส่งกว่าข้า ข้าย่อมยินดีช่วย' เขาพยักหน้ารับเงียบๆแล้วเดินเข้าไปนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ไผ่ฝั่งตรงข้ามกับฝั่งที่เฟิงจางจิ้งเซียนนั่งกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่ พูดได้ว่าน่าเอ็นดู ข้าแอบมองอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลหาที่เหมาะๆสักที เสกกาน้ำชาหนึ

  • ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร   บทที่ 17 คนแซ่เสวี่ย

    บรรดาเหล่าเซียนยืนเรียงกันเป็นสองแถวแบ่งแยกสตรีและบุรุษเพียงแค่โดดลงเหวก็ตกลงมาโผล่ที่หุบเขาไท่ซาน ไม่คิดว่าหุบเขาแห่งนี้จะยังมีสำนักที่คล้ายสำนักสงฆ์อยู่ เบื้องหน้ามีเสามังกรสีเหลืองอร่ามสลักรูปปั้นมังกรสามหัวขนาดยักษ์มันถูกตั้งไว้กลางโถง ช่างเสมือนจริงเหลือเกิน..'เสวี๋ยอิงคารวะท่านอาจารย์' ชายหนุ่มหัวขาวก้มโค้งคำนับต่อหน้ารูปปั้นมังกรสามหัวอาจารย์ที่ไหนกันไม่เห็นจะมีใครสักคน เฟิงจางจิ้งคิด'ถือว่ามีฝีมือ ส่วนคนอื่นยังต้องฝึกอีกมาก' ร่างมังกรสามหัวแปรเปลี่ยนเป็นบุรุษสามคน หน้าตางดงาม สวมชุดฮั่นฝูสีดำ รูปร่างแกร่งกำยำ มองแค่ตาเปล่าก็สัมผัสได้แล้วว่าปราณเซียนของพวกเขาแข็งแกร่งเพียงใดข้ายังเคยได้ยินมาว่าพวกเขาทั้งสามเป็นสัตว์เทพแห่งบรรพกาลที่บังเกิดมาพร้อมกับเหล่าอสูรร้ายแห่งบรรพกาลอย่างเช่น อสูรเถาอู้กับฮุ่นตุ้น[1]'เสี่ยวเซียนทั้งห้าขอคารวะท่านอาจารย์' เฟิงจางจิ้งเซียนกล่าวนำข้าและเพื่อนพ้องอีกสามคนจึงพากันก้มโค้งคารวะดังที่เฟิงจางจิ้งกล่าวนำไว้ ไม่แน่ว่าในช่วงหลายวันมานี้อาจมีแต่เรื่องสนุกเกิดขึ้น'ไม่ต้องมากพิธี ข้าเ

  • ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร   บทที่ 16 เรื่องในอดีต

    ‘ยินดีต้อนรับกลับ' หวังเยี่ยนเดินเข้าไปกอดซ้อนอีกทีหนึ่ง เขาไม่รู้มาก่อนว่าพวกนางรู้จักกันคนหนึ่งก็เปรียบเสมือนน้องสาวในไส้ส่วนอีกคนก็คือภรรยาของเขา จากนี้ไม่ว่าเรื่องราวจะเป็นเช่นไร เขาจะเป็นคนปกป้องพวกนางเอง ไม่มีผู้ใด ไม่มีอดีตและแม้อดีตจะลบล้างไม่ได้ หากแต่เมื่อวันวานแห่งความขมขื่นผันผ่านไป หลังจากนี้เขาจะเป็นแสงสว่างชี้นำพวกนางเอง พวกนางคงยังมีความหลังให้ระลึกถึงกันอีกมากเห็นสมควรปล่อยให้สนทนากันเพียงลำพัง กิจของสตรีบุรุษมิควรยุ่งจอมมารสะกิดหลิงหลิวเหว่ยพยักพเยิดหน้าไปทางประตูแล้วพากันเดินออกไปเงียบๆ เซียนหญิงกับมารสาวมองหน้ากันร่ำไห้กันเงียบงัน ก่อนจะบอกเล่าถึงความทรมานแสนสาหัสและเรื่องเขา'คนนั้น''เยว่ถิง ทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้แล้วเจ้ากับจอมมารรู้จักมักจี่กันตั้งแต่เมื่อไหร่''ไม่เจอกันเพียงไม่กี่แสนปี ท่านหญิงของข้ากลายเป็นคนช่างถามแล้วรึ''เพราะข้าสนิทใจที่พูดคุยกับเจ้าต่างหาก!'

  • ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร   บทที่ 15 การกลับมาของผานเยว่ถิง

    จอมมารหนุ่มอุ้มร่างบางที่หลับใหลไปในอ้อมกอดมายังในห้องส่วนตัวและจัดแจงวางร่างบางลงบนเตียงอย่างเบามือเพียงเเค่จับเเขนเล็กหรือเเตะเพียงเบาเบาก็ยังเกรงกลัวเหลือเกินว่ากระดูกขาวเช่นเทพเซียนจะแตกหัก เนื้อตัวนุ่มนิ่มบอบบางราวกับปุยนุ่นเช่นนี้ คนหยาบกระด้างอย่างเขาต้องระมัดระวังเป็นพิเศษหลายวันมานี้ไม่ได้รับโลหิตดับดวงจิตมารภายในร่างจึงรู้สึกกระหายอย่างมาก ยิ่งอยู่ใกล้นางกลิ่นหอมรัญจวนยิ่งเพิ่มทวีคูณ เกรงกลัวจะห้ามใจไม่อยู่'เหว่ยตี้ ข้ากระหายเหลือเกิน''เชิญจอมมารไปที่โถงก่อนเถิด ขุนนางมารรออยู่แล้ว เสี่ยวโม่[1]จะไปเตรียมเครื่องดื่มดับกระหายมาให้''อืม' ร่างองอาจรวบผมขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับแต่งกายเสียใหม่แล้วจึงเรียกจื่อจิงมาเฝ้าเซียนหญิงแล้วค่อยเดินออกไปครั้นเดินทางมายังโถงใหญ่ก็เห็นชี้ชัดแล้วว่ามีขุนนางมารบางส่วนหายไปจากโถงแห่งนี้ ไม่ต้องคาดเดาก็รู้แจ่มแจ้งว่าขุนนางมารเหล่านั้นคงแยกพรรคพรรคแยกฝ่ายตามเผ่ยอวิ๋น

  • ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร   บทที่ 14 แตกหัก

    หวังเยี่ยนและเฟิงจางจิ้งแยกกันไปถอดเครื่องแต่งกายออกแล้วสวมชุดตามเดิมเพื่อมาหารือกันเรื่องเหล่าองครักษ์มารของเผ่ยอวิ๋นจวิน ผู้อาวุโสทั้งสี่ยินดียื่นมือเข้ามาช่วย หวังเยี่ยนออกจะเสียดายอยู่บ้างที่ไม่ได้เข้าห้องหอแต่เพราะสถานการณ์ตอนนี้ไม่สู้ดีนักจึงต้องเลื่อนเข้าห้องหอออกไปก่อน อย่างไรกว่าจะได้เข้าห้องหอกันอีกครั้งคงต้องรอหลังพิธีอภิเษกเฟิงจางจิ้งเซียนขึ้นเป็นจักรพรรดินีมาร....'ต้องขอขอบคุณเฉินฮุยเกอมากที่ตามมาช่วยข้ากับฮูหยินอีกทั้งยังเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าวให้ด้วย' หวังเยี่ยนก้มโค้งคำนับเฉินฮุยอีกครั้ง'ไม่เป็นไร ลืมไปแล้วรึว่าพวกเราคือพี่น้องกัน ข้าผิดหวังมากนะหวังเยี่ยนที่ไม่เชิญพวกข้าเข้าร่วมงานอภิเษก' เฉินฮุยตำหนิจอมมารยกใหญ่อีกครั้งทั้งๆที่นับถือกันเป็นพี่น้องร่วมสาบานกันแล้ว เจ้าหวังเยี่ยนยังทำตัวห่างเหินกับพวกเขาอีก หากมิใช่ว่าเรื่องที่เกิดบนสวรรค์ชั้นฟ้าในงานแต่งเป็นเรื่องราวใหญ่โตจนต้องเรียกเซียนชั้นสูงทั้งสิบมาหารือมีหรือที่พวกเขาจะรู้&

  • ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร   บทที่ 13 คำนับฟ้าดิน

    วังมังกรเนรมิตถูกจัดตกแต่งด้วยสาหร่ายแดงที่พอจะหาได้และผ้าไหมแดงที่พอจะมีอยู่บ้าง จื่อจิงรับหน้าที่เป็นแม่งานจัดเตรียมหน้างานทั้งหมด ยังรู้สึกผิดหวังที่งานเเต่งอลังการถูกพังทลายลงอีกทั้งตี้จวิน[1]คนนั้นเหตุใดจึงละเลยเรื่องนี้ ผ่านมาแล้วสามวันกลับไม่มีข่าวคราวจากวังสวรรค์ส่งมาเลยแม้แต่น้อย'จื่อเออร์ เหตุใดจึงทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเช่นนั้นเล่า' หลิงหลิวเหว่ยเอ่ยถามจื่อจิง'ข้ารู้สึกว่ายังขาดอะไรไปแต่ช่างเถอะ ท่านเห็นเหล่าหลงทั้งสามไหม''ไม่เห็น จริงสิปี้เฉียงก็หายไปด้วย''เดี๋ยวข้าไปตามเอง' จื่อจิงว่าเช่นนั้นแล้วเดินลัดเลาะไปด้านหลังวังมังกรเนรมิตยังมีสระน้ำมรกตไป๋ฉุนจิ้งคงต้องไปดูสักหน่อย บังอาจปล่อยให้สตรีร่างบางกับบุรุษอ้อนแอ้นอย่างนางกับหลิงหลิวเหว่ยทำงานอยู่สองคนใช้ได้ที่ไหนกันเสียงน้ำหลั่งไหลผ่านโขดหินใต้ธาราสีใสจนเห็นตัวปลานานาชนิดบุรุษรูปร่างกำยำทั้งสี่หย่อนกายหย่อนใจลงในสระน้ำนั้น..'พวกท่านอยู่ที่นี่มานานแค่ไหน' ปี้เฉียงเอ่ยถามมังกรทั้งสาม พวกเขาแลดูเหมือนจะรู้จักทางป่านี้เป็นอย่างดีอีกทั้งยังนำทางพามาอา

  • ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร   บทที่ 12 สองดวงจิตในร่างเดียว

    เหล่าหลงทั้งสามพาพวกข้ากลับมายังหุบเขาสิ้นชีวาอีกครั้ง แต่พวกทหารชุดดำเหล่านั้นก็ยังตามข้ามาทันอยู่ดี ข้าจึงลุกขึ้นยืนหยัดสั่งให้หลงลี่พาคนที่บาดเจ็บกลับไปที่วังมังกรเนรมิตก่อนแล้วจึงไปประจันหน้ากับเหล่าทหารชุดดำ'นี่ไม่ใช่เรื่องของท่านเซียนใยต้องยื่นมือเข้ามาด้วยเล่า' หมิงป๋ายยิ้มเย้ยหยัน ข้าต้องระงับโทสะตัวเองหากจะกระทำการสิ่งใดย่อมต้องทำอย่างมีสติ 'หากพูดว่าไม่ใช่เรื่องข้าคงมิใช่กระมัง งานที่เจ้ามาพังวันนี้คืองานวิวาห์ของข้า คนที่เจ้าปักกระบี่ลงกลางอกคือว่าที่สามีของข้า' 'ข้ารู้ว่าท่านเองก็คงมิอยากจะตกลงปลงใจกับจอมมารมือเปื้อนโลหิตอย่างเขา มาร่วมมือกับพวกข้าเถอะเฟิงจางจิงเซียน' ข้ากำกระบี่ในมือแน่น'คุณธรรมเขาสูงส่งกว่าพวกเจ้ามากและถ้าข้ายังมีชีวิตอยู่ก็อย่าหวังว่าจะได้ชีวิตของเขาไป'หวังเยี่ยน..ท่านทำเรื่องอะไรมากัน ทำไมมารเหล่านี้ถึงได้มีความแค้นกับเจ้ามากถึงเพียงนี้แปะ แปะ แปะเงาสีดำทมิฬค่อยๆประกอบรูปร่างขึ้นเป็นคน เงาสีดำที่นางรับได้ถึงพลังมหาศาลพลังงานแห่งความมืดความชั่วร้ายที่ถูกล้อมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน เรือนผมสีดำแผ่สยายดวงตาเป็นประกายสีเขียวมรกตงดงาม ชุดเกราะสีเงินทรงอา

  • ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร   บทที่ 11 วิวาห์ย้อมโลหิต

    หลิงหลิวเหว่ยและปี้เฉียงเดินเข้ามาในห้องโถงเงียบๆ เห็นจอมมารกุมมือท่านหญิงเซียนอยู่แต่ท่านหญิงเซียนแลดูมีเรื่องลำบากใจ ตอนนี้จดหมายตอบรับได้มาถึงแล้ว เขาควรนำไปรายงานแก่จอมมาร เจ้าปี้เฉียงนี่ก็ตามติดเป็นเงาตามตัวน่ารำคาญจริง เมื่อไหร่จะกลับเผ่าหงสาไปสักที'ท่านจอมมารขอรับ สาน์สตอบรับมาถึงแล้ว' หลิงหลิวเหว่ยยื่นสาน์สให้จอมมาร จอมมารเปิดอ่านในทันที'เจ้าตอบตกลง?' จอมมารยิ้มกว้าง เขาบรรจงจุมพิตหลังมือของเฟิงจางจิ้ง นางไม่ทันตั้งตัว พอรู้สึกตัวก็ชักมือออก'อืม ใช่ แล้วข้าจะรอเกี้ยวของท่านที่สวรรค์ชั้นฟ้า' นางลุกเดินออกไปอย่างขัดเขินเล็กน้อย นางมองตำแหน่งที่จอมมารจุมพิตไปเมื่อครู่ รอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นอย่างไม่รู้ตัว 'ไปกันเถอะจื่อจิง' จอมมารยังคงตะลึงงันด้วยความดีใจ จนกระทั่งนางกับจื่อจิงเดินลับสายตาไปแล้ว..'ปี้เฉียง ฝากเจ้าคุ้มครองนางถึงสวรรค์ชั้นฟ้าที' 'รับทราบ!' ปี้เฉียงฟังคำสั่งจอมมารอย่างไม่อิดออด แล้วเดินตามเฟิงจางจิ้งกับจื่อจิงไป...จอมมารนั่งเปิดอ่านเทียบของหมั้นที่เขาส่งไปคราวที่แล้วเพิ่มของไปอีกสักหลายอย่าง..'ของทุกอย่างพร้อมแล้วนะ นี่เป็นรายการที่ข้าเพิ่ม จัดเตรียมให้เสร็จวั

DMCA.com Protection Status