แชร์

บทที่ 5 ความกังวลของจอมมาร

จอมมารหนุ่มนอนเอกเขนกอย่างเบื่อหน่าย จิตใจว้าวุ่น เอาแต่คิดไปคิดมาเรื่องอภิเษกสมรสกับธิดาเซียน เรื่องนี้แท้จริงก็ออกจะด่วนตัดสินใจอย่างขาดสติไปสักหน่อย

 นางเพียงแต่เหมาะสมและตราตรึงใจเขาเท่านั้น 

'เยี่ยนเยี่ยน มีเรื่องกังวลใจหรือไร'หลิงหลิ่วเวายถามพลางลอบมองอาการอดอาลัยตายยากของจอมมารไปด้วย เมื่ออยู่กับประมุขมารเพียงลำพังจึงเรียกขานกันอย่างเป็นกันเอง

'เหว่ยตี้ ข้ากังวลใจเรื่องแต่งงาน' หลิงหลิวเหว่ยขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางขบคิดคำนึง 

มีเรื่องอะไรให้ต้องกังวลกันธิดาเซียนท่านนั้นกิริยาวาจาล้วนน่ามอง ล้วนน่าฟังทั้งสิ้นและนางก็มิได้ดูแคลนจอมมารเลย

'กังวลใจอย่างไร' 

'ตอนที่ข้าสนทนากับนางเมื่อคราก่อน นางดูไม่ค่อยชอบข้านัก ข้ากลัวว่านางจะปฏิเสธข้า  เจ้าคิดดู หากนางปฏิเสธข้าจริงคงมิใช่ว่ากลายเป็นเรื่องน่าขำขันไปทั่วทั้งสี่ทะเลแปดดินแดนดอกรึ'

'อย่าได้กังวลไปเลย ระหว่างรอคำตอบท่านก็ไปสวรรค์ชั้นฟ้าสักหน่อยเถิด แสดงความจริงใจ เผื่อนางจะใจอ่อน'

'อืม..ที่เจ้ากล่าวมาก็มีเหตุผล เช่นนั้นพรุ่งนี้เลยแล้วกัน อ่อ..แล้วก็ดีดฉิน[1]ให้ข้าฟังที ข้าจะงีบพักสักหน่อยช่วงใกล้ค่ำปลุกข้าไปตรวจขุมนรกด้วย' ตามหน้าที่ของจอมมารผู้รักษาประตูเชื่อมระหว่างสามโลก นรก  มนุษย์และสวรรค์ หวังเยี่ยนจะต้องตรวจดูความเรียบร้อยใต้พื้นพิภพเดือนละครั้งหรืออาจจะมากว่านั้นตามดุลยพินิจและความเห็นของหลิงหลิวเหว่ย

'รับทราบขอรับ' ฉินเพลิงชั่วกัลป์ถูกเสกขึ้นมา ปลายนิ้วเรียวจับสายดีดเป็นท่วงทำนองไพเราะและดำดิ่งขับกล่อมจนกระทั่งจอมมารหนุ่มพลอยหลับไป หลิงหลิวเหว่ยเห็นประมุขมารหลับลึกลงไปแล้วถึงเก็บฉินแล้วจึงค่อยค่อยดึงผ้าห่มที่หลุดลุ่ยตรงปลายเตียงมาห่มให้ กว่าจอมมารจะตื่นเห็นทีควรสั่งสาวใช้ให้อบขนมของโปรดและอุ่นชาไว้ให้ หน้าที่ดูแลจอมมารคือหน้าที่อันยิ่งใหญ่ของเขา จิตใจของจอมมารท่านนี้เปรียบดั่งปราการแข็งแกร่งแล้วอย่างไร  แท้จริงเขาแบกรับภาระหน้าที่อันหนักหน่วงไม่ว่าจะเป็นเรื่องวุ่นวายในแดนโลกันตร์ หรือ เรื่องขัดแย้งภายใน 

หวังเยี่ยนได้รับการแต่งตั้งเป็นประมุขมารมาหลายแสนกว่าปีแต่ยังมิได้แต่งตั้งฮูหยินมาเป็นประมุขคู่กายคู่ใจอีกคน ปัญหาข้อนี้บรรดาผู้นำและเสนามารเหล่าอื่นหลายท่าน ทั้งที่อาวุโสกว่าและเพิ่งได้เลื่อนขั้นใหม่ต่างเรียกร้องจึงทำให้เกิดข้อกังขาขึ้นแม้ว่าหวังเยี่ยนจะยังควบคุมได้ก็ตาม แต่กระนั้นยังน่ากังวลอยู่ แม้ภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้มและซุกซนฉะนี้แต่กลับยังมีเรื่องให้คิดมากมาย น่าเห็นใจ

เมื่อถึงเวลานัดหมายเข้าพบเทียนจวิน เจรจาเรื่องตบแต่งให้สิ้นเรื่องสิ้นราวแม้จะประวิงเวลาหลายวันอยู่ก็เถิด ครั้งนี้คงได้เจอกับหนานอี้หรง เทียนโฮ่วไร้คุณธรรม

'ไม่เจอกันนานหลายแสนปี เป็นเช่นไรบ้างเสี่ยวจิ้ง' ริมฝีปากสีแดงสดเหยียดยิ้มที่มุมปาก ทั้งยังรินชาเอาอกเอาใจเทียนจวิน ใบหน้าแสนสวยสมกับที่มาจากเผ่าจิ้งจอก เห็นชัดว่านางเสแสร้ง แค่เเสร้งพูดดีเท่านั้น

'กรุณาเรียกข้าว่าเฟิงจางจิ้งเซียนด้วยเถิดและข้าอยู่ดีมีสุข ครั้งนี้มีเรื่องสำคัญต้องปรึกษาเทียนจวินหวังว่าท่านจะไม่สอดมือมายุ่ง' ถ้อยคำสุภาพแต่ร้ายกาจของนางทำเอาหนานอี้หรงตะลึงงัน พูดไม่ออก ได้แต่ระบายยิ้มฝืน แต่ไหนไรมาเฟิงจางจิ้งมักจะค่อนแคะนางมาตลอด วันเวลาผ่านมาขนาดนี้ นางก็ยังคงไม่ปล่อยวาง

'เอาล่ะ งั้นเชิญไปที่ริมระเบียงแล้วกัน อากาศดีนัก ให้เจ้าชมแสงจันทร์เสียด้วย' คนกลางอย่างเขาจะทำเช่นไรได้ ในเมื่อเสี่ยวจิ้งไม่ค่อยชอบหน้ากับหนานอี้หรงเซียนอยู่แล้ว เขาก็ไม่ใช่จะรักใคร่นางปานนั้นหากแต่เพราะทางเผ่าของนางอยากให้เขาตบแต่งกับนางและให้นางขึ้นเป็นเทียนโฮ่วหากพูดถึงความเหมาะสมเขาจึงไม่สามารถขัดได้ 

เฟิงจางจิ้งเดินไปทางริมระเบียงแต่โดยดี มองแสงจันทร์สาดทอท่ามกลางความเงียบงัน

'ท่านพี่แลดูมีความสุขกับหนานอี้หรงเซียนดีนะเพคะ ท่านพี่เคยคิดถึงคนผู้นั้นบ้างหรือไม่' ข้าเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ คนผู้นั้นที่ข้าพูดถึงไม่ใช่ใครที่ไหน นาง คือ'ผานเยว่ถิง' ถึงข้าไม่เอ่ยนามก็รู้ว่าท่านพี่ต้องรู้แน่นอนว่าข้าหมายถึงใคร นางผู้นั้นต้องทุกข์ทรมานอยู่ในคุกน้ำแข็ง ผ่านมาเนิ่นนานเพียงนี้ไม่รู้ว่าเป็นเช่นไร เดียวดายเพียงไหน

'คิดถึงสิ..พี่จะลืมลงได้อย่างไร พูดเรื่องสำคัญของเราก่อนเถิด'ดวงตาสีนิลทอดมองดวงจันทร์ตรงหน้า เขาไม่อาจลืมนางผู้นั้นผู้ถูกสลักไว้กลางใจของเขาและยังละอายใจเหลือเกินหากต้องเอ่ยถึงเรื่องนี้

'เสี่ยวจิ้งเจ้าคิดอย่างไรกับเรื่องแต่งงาน เจ้าพึงใจในตัวหวังเยี่ยนบ้างหรือไม่ ขอเพียงเจ้าเอ่ยปากพี่จักไม่บังคับ'

'ช้ายังรู้จักเขาไม่ดีพอ ข้าอยากจะรู้จักเขาให้มากกว่านี้สักหน่อยแต่ข้าก็มิได้รังเกียจเขาดอก' ดวงตาสีมุกดำไหวหวูบ จู่ๆก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายเต้นระส่ำขึ้นมาเมื่อนึกถึงน้ำเสียงและถ้อยคำของชายผู้นั้น

'อืม ฐานะของเขาไม่ธรรมดา มีเกียรติ ในเมื่อเจ้ามิได้รังเกียจเช่นนั้นคำตอบ… ' 

'เรื่องนี้ข้าแล้วแต่ท่านพี่จะเห็นสมควร ข้าอยากไปเยี่ยมผานเยว่ถิง' เฟิงจางจิ้งเอ่ยตัดบท

 แม้ท่านพี่จะเอ่ยว่าไม่บังคับ ขอเพียงเขาอ้าปาก ข้าก็รู้หมดแล้วว่าเขาคิดเช่นไร 

'อีกไม่นานหรอกเสี่ยวจิ้ง เจ้าจะได้พบกับนางอย่างแน่นอน'

เพราะอีกไม่นานเกินรอ..ผานเยว่ถิงจะถูกปล่อยตัวออกมาจากคุกน้ำแข็งแล้วและเขาก็ไม่รู้จะสู้หน้านางอย่างไร ในเมื่อนางสละตัวตนให้เขา แต่เขากลับไม่ใยดีนางแม้แต่น้อย

'เช่นนั้นข้าก็จะรอ'

'ภายใน 7 วันข้างหน้า พี่จะตอบตกลงและส่งสาน์นสู่แดนโลกันตร์ ครั้งนี้ถือเป็นการแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ด้วยจึงต้องจัดงานเอิกเกริกสักหน่อยทั้งเซียนและเหล่ามารต่างต้องเข้าร่วม พี่ทราบมาว่าเจ้าปลีกวิเวกไปนานและอาจไม่ชินกับคนหมู่มากเช่นนี้ อีกทั้งพี่ยังไม่ทราบเกี่ยวกับธรรมเนียมของทางฝ่ายนั้นเท่าใดนัก หากตอบตกลงไปแล้วไม่อาจคืนคำได้แล้วนะเสี่ยวจิ้ง' ไม่ผิดเลย เขาตอบตกลงแทนข้าไปนานแล้ว ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน สายสัมพันธ์ระหว่างข้ากับเขาคงไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว

'เสี่ยวจิ้งน้อมรับบัญชาเพคะ'  เมื่อพูดคุยเรื่องสำคัญเรียบร้อยจึงสนทนาธรรมและเรื่องทั่วไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้สักเล็กน้อย ฟังมาว่าหลังจากปีนั้นที่หนานอี้หรงเซียนสั่งขังผานเยว่ถิงและท่านพี่ได้ขึ้นครองเป็นประมุขเซียน ภายหลังเกิดข้อพิพาทกับเผ่าหงษาขึ้น

 เรื่องนี้ไม่มีใครรู้มาก่อนว่าแท้จริงแล้วฐานะของผานเยว่ถิงก็ไม่ธรรมดาเช่นเดียวกัน ความจริงแล้วนางคือเจ้าหญิงคนเล็กของประมุขเผ่าหงษา แต่การจะปล่อยตัวผานเยว่ถิงออกมานั้นจำเป็นต้องรอเวลาไม่สามารถปล่อยออกมากลางคันได้เพราะคำสั่งขังได้ถูกจารึกลงในแท่นพิพากษาจารึกสวรรค์[2]แล้ว จนกระทั่งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเผ่าหงษาและเผ่ามังกรของนางจึงไม่สู้ดีนัก 

ระหว่างที่กำลังเดินออกจากตำหนักต๋าเทียนกง นางเดินผ่านเทียนโฮ่วผู้ร้ายกาจคนนั้น

'ท่านก็ระวังตนให้ดีเถิด' ข้ากล่าวกับนางและก้าวเดินต่อไปอย่างสำรวมเหมือนจะเห็นจื่อจิงอมยิ้ม 

เมื่อพ้นจากพระพักตร์ของนางจิ้งจอก จื่อจิงเอ่ยขึ้น

'ข้าเพิ่งเคยเห็นท่านหญิงเซียนเฟิงจางจิ้งวางมาดเหมือนพญามารก็คราวนี้คล้ายท่านประมุขมากเลยเพคะ' คล้าย? คล้ายอย่างไรประมุขมารท่านนั้นดวงตาสีแดงประกายงดงามก็จริง แต่ดุ ดุเหลือเกิน บางครั้งนางยังนึกกลัว จะพูดอย่างไรดี ชายคนนั้นมีความน่ากลัวในความงดงามเช่นนั้น ทว่า ข้าบริสุทธิ์ พูดได้ว่าขาวบริสุทธิ์ดั่งหยกขาวอย่างแน่นอน!

'ข้าจะเป็นพญามารได้อย่างไรกัน ข้าเป็นเทพเซียน เซียนแท้ๆ แต่กำเนิดเชียวล่ะ' ข้าดีดหน้าผากจื่อเออร์เบาเบาเบาแต่เมื่อแต่งออกไปแล้วจะกลายเป็นพญามารหรือไม่ คงต้องพินิจพิเคราะห์กันอีกที 

คนเราไม่มีวันเหมือนเดิมไปตลอดกาล กาลเวลาเปลี่ยนไป สิ่งรอบกายเปลี่ยน นิสัยใจคอและจิตใจก็ย่อมต้องเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน ทุกอย่างล้วนเป็นสัจธรรม

ครั้นเมื่อกลับมาถึงห้องก็ผลัดผมชำระล้างร่างกายจนสบายตัวพลางคิดเรื่องบทสนทนาวันนี้ แม้ไม่อาจคืนคำได้นางก็ไม่คิดจะคืนคำอยู่แล้ว ละสายตามองออกไปนอกหน้าต่างกลับเห็นดอกอวี้หลันกลีบม่วงพลิ้วไหวตามสายลม นางเพิ่งสังเกตเห็นดอกอวี้หลัน ในยามราตรีนั้นงดงามไม่น้อยแต่กระนั้นกลับมีนกกระเรียนสีทองบินมาแต่ใดไม่ทราบ เมื่อมองอีกครั้งจึงเห็นว่ามันไม่ใช่นกเรียนของจริงแต่เป็นเพียงกระดาษเท่านั้น นกกระเรียนกระดาษสีทองค่อยค่อยโรยตัวลงมาอย่างสง่างามบนฝ่ามือของนาง นางมองอย่างสงสัยอยู่นานจนกระทั่ง…

'นั่นกระเรียนทองกระดาษหรือเพคะ'

'เจ้ารู้จักสิ่งนี้หรือ'

'นกกระเรียนทองกระดาษเป็นการส่งจดหมายลับของแดนโลกันตร์เพคะ หากยังไม่ถึงมือเรานกกระเรียนทองจะเสมือนจริงมากเพคะแต่ถ้าหากตกสู่มือเราแล้วจะกลายเป็นเพียงนกกระเรียนทองกระดาษธรรมดาเพคะ ลองเปิดอ่านดูสิเพคะ'

'เช่นนั้นเอง ข้าเข้าใจแล้ว' ข้าค่อยค่อย คลี่นกกระเรียนทองกระดาษออกมาช้าๆ กลิ่นหอมของบางอย่าง ที่แท้มีถุงหอมกลิ่นหอมรัญจวนติดมาหนึ่งห่อ นางเคยได้กลิ่นเช่นนี้มาก่อน แต่กลับนึกไม่ออกอีกแล้วว่าคือกลิ่นหอมของอะไร

'ถุงหอมนั้นคล้ายถุงหอมจอมมารมากเพคะ' ถุงหอมถุงนี้มีลวดลายเป็นวิหคเพลิงฟื้นขึ้นมาจากเถ้าธุลี นางไม่เคยสังเกตถุงหอมของจอมมารจึงไม่ทราบมาก่อน แต่ให้ถุงหอมนางเช่นนี้จะมีความหมายว่าอย่างไรได้อีก?

'ถุงหอมจอมมาร? '

'เพคะ จอมมารท่านชอบทำอะไรด้วยตนเองเสมอเพคะแม้แต่ถุงหอมท่านจอมมารไม่เคยเกี่ยงว่าเป็นงานของสตรีกลับเป็นคนลงมือทำเองเสียทุกครั้งไป'

'ทำเองงั้นหรือ' นางรำพึงรำพันกับตนเองเบาเบา ทำถุงหอมมิใช่งานง่ายๆ สำหรับบุรุษเพศ

 นางรู้ความหมายดีว่าการที่เขาให้ถุงหอมแก่นางมีความหมายอะไรแอบแฝง เขามีใจให้นาง นางกุมที่หัวใจของตนที่เต้นระส่ำร้องเรียกอยู่ในอกเป็นจังหวะ นางค่อยๆ แขวนถุงหอมถุงนั้นไว้ข้างตัวแล้วเปิดอ่านจดหมายลับที่เขาแนบมาด้วย..

'พรุ่งนี้ยามซื่อมาพบข้าที่สระมรกตเหลียนไห่ นอกจากถุงหอมนี้ข้ายังมีชาอยากให้เจ้าได้ลิ้มลอง หวังว่าท่านเซียนจะเมตตาข้าและไม่ปฏิเสธข้า (หวังเยี่ยนจวิน) ' ลายมือหวัดๆ เป็นเอกลักษ์ในจดหมายเป็นลายมือของหวังเยี่ยนแน่นอนแต่ไม่คาดคิดเลยว่าประมุขมารท่านนั้นจะทำเช่นนี้เป็นกับเขาด้วย

 อย่างนั้นข้าควรไปพบหรือไม่ไปพบเขา…

[1] พิณจีนโบราณชนิดหนึ่ง มี 7 สาย

[2] เซียนที่ต้องโทษจะถูกจารึกไว้บนแท่นนี้และไม่มีวันถูกปลดจนกว่าจะครบกำหนด

 

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status