เมื่อกลับไปถึงโรงแรมที่พักผู้เป็นลูกก็เรียกแม่เพื่อที่จะคุยเรื่องแต่งงานนี้
"แม่ก็ดูท่าทีเด็กนั้นก็ไม่ได้อยากแต่งงานกับผมเสียหน่อยแม่ลองเอาแบบนี้ดีไหมล่ะ ให้เขาติดหนี้เราไปก่อนถ้าเขายังไม่มีเงินจ่ายแล้วค่อยทยอยจ่ายภายหลังไม่ใช่ไปบังคับให้เขาแต่งงานแบบนั้นผมรู้สึกสงสารเขานะแม่"
ตะวันพูดขึ้นเพราะตัวเองก็ไม่ต้องการที่จะถูกบังคับแต่งงานแต่อย่างใด แต่เรื่องเงินนั้นสำคัญเพราะว่าแม่บอกว่าถ้าเขาไม่ยอมแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ แม่ก็จะไม่ให้เงินเขาใช้ ส่วนไร่ที่ตนเป็นคนทำนั้นเขาเองก็ไม่ได้รับเงินอยู่แล้ว แม่คอยจ่ายค่าคนงานในไร่ให้และจัดแจงค่าใช้จ่ายทุกอย่างรวมไปถึงรายเดือนที่ตะวันเองใช้จ่ายด้วย ซึ่งถ้าตนไม่มีเงินส่วนที่แม่ก็จะไม่มีเงินลงทุนผับที่ตัวเองแอบเปิด แต่ถ้าได้แต่งงานกับผู้หญิงคนนี้แม่บอกว่าจะยอมให้เขาลองบริหารเงินของตัวเอง ตนจึงต้องตอบตกลงและตามแม่มาที่นี่
"แกสงสารเขาหรือ ยิ่งแก่สงสารเขาแกก็ต้องรีบแต่งงานกับเขาเพื่อที่จะได้ยกฐานะของครอบครัวเขาให้สูงขึ้น เพราะถ้าเขาแต่งงานกับแกแล้วแม่ก็มีเงินให้กับครอบครัวเขาโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก ถ้าให้ไปฟรีๆเขาก็จะคิดมาก ครอบครัวเราก็มีพร้อมแล้วแกเองก็จะได้เป็นฝั่งเป็นฝา"
ผู้เป็นแม่กล่าวขึ้น
"แม่ก็รู้อยู่แล้วนี่ว่าผมมีแฟนแล้วชื่อของขวัญ ถ้าแม่อยากให้ผมเป็นฝั่งเป็นฝาก็ยอมให้เราแต่งงานกันสิครับ ผมจะได้โทรไปบอกเขาให้กลับมาจากต่างประเทศเพื่อที่จะได้แต่งงานกับผมแม่เองก็จะได้วางใจ เด็กนั้นก็จะไม่ได้ฝืนใจที่จะแต่งงานกับผมด้วย"
ผู้เป็นลูกชายพูดขึ้น ถึงแม้ของขวัญเองพูดว่าเขาเองไม่ต้องการที่จะแต่งงาน แต่ถ้าให้เหตุผลก็คงจะแต่ง
"ไม่หรอกยายของขวัญอะไรนั้นของแก ไม่เหมาะสมกับแกเลยสักนิด ดูสิบ้านเขาก็รวยขนาดนั้น แล้วแกเองล่ะมีเงินหรือที่จะไปขอเขา พ่อแม่เขาจะยอมหรือไม่ถ้าแกไปขอลูกเขาแต่งงานโดยที่ไม่มีเงินสักบาท เพราะแม่ไม่มีทางที่จะให้เงินแกไปแต่งหรอก"
ผู้เป็นแม่เลี้ยงกล่าวขึ้น
"แล้วเด็กนี่ที่แม่จะไปขอให้ไม่ต้องใช้เงินหรือ ก็ในเมื่อแม่ใช้เงินไปกับการรักษาย่าให้เขาแล้ว ก็ถือว่าให้เงินเขาไปแล้วมันก็มีค่าเท่ากัน หรือแม่จะให้ผมไปทวงกับเขาเพื่อจะเอาเงินส่วนนั้นไปขอของขวัญหรือ"
ลูกชายพูดขึ้นบ้าง
"ใครบอกเราว่าเงินส่วนนั้นจะเป็นสินสอดสำหรับหนูปลายฝัน แม่จะต้องเตรียมเงินสินสอดไว้สำหรับน้องเขาอยู่แล้ว ให้เงินส่วนนั้นมันก็คือเงินที่เขาเป็นหนี้เรา แม่ไม่ได้เอามาข้องเกี่ยวกันอยู่แล้ว แล้วถ้าเขาแต่งงานแล้วมีลูกให้แกก็ถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วแล้วแม่จะไปคิดเล็กคิดน้อยกับเงินส่วนนั้นซึ่งไม่กี่ล้านเอง"
ผู้เป็นแม่กล่าวขึ้น ทำให้ลูกชายโมโหสุดๆ
"แล้วถ้าผมไม่ยอมแต่งล่ะคุณแม่มาบังคับผมไม่ได้หรอกดูเถอะถ้าถึงวันแต่งงานผมจะไม่มา และเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมก็จะไม่ไปงานของญาติเด็กคนนั้นด้วย"
ลูกชายตระโกนด้วยความโมโห และลุกขึ้นไปเข้าห้องของตัวเอง ซึ่งอยู่ข้างๆห้องของแม่ และที่เขานั่งคุยกันคือห้องโถงหลัก เขาสองคนแม่ลูกพักที่โรงแรมห้องชุดในเครือของเขาเอง
"ก็ตามใจแก ก็แม่พูดไปทุกอย่างแล้วถ้าแกไม่อยากอยู่ที่ไร่ก็หาทางออกไปเถอะ แต่ถ้าแกยังอยากอยู่ที่ไร่เรียกแม่ว่าแม่แกก็ต้องทำตามที่แม่พูด"
ผู้เป็นแม่ตระโกนไล่หลัง ความจริงแล้วเธอเองก็สงสารลูกชายไม่ใช่น้อย แต่เรื่องแต่งงานของทั้งสองเธอเองได้วางแผนกับผู้เป็นย่าของปลายฝันตั้งแต่แรกแล้ว ยาของปลายฝันคือคนที่ช่วยเหลือพ่อของแม่เลี้ยงไว้ เมื่อตอนเป็นหนุ่ม พ่อของเธอเป็นพ่อเลี้ยงที่มีอิทธิพลอยู่มากจึงทำให้มีผู้ไม่หวังดีมีมากเช่นเดียวกัน พอจึงถูกตามฆ่าจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด และได้ย่าของปลายฝันช่วยไว้ จนรักษาตัวพ่อให้หายดีและพามาส่งที่ไร่ คุณพ่อจึงขอร้องให้ย่าของปลายฝันอยู่ที่ไร่ต่อสักระยะเพราะย่าของปลายฝันไม่มีบ้านอยู่ แล้วถ้าพ่อเคลียร์งานอะไรเสร็จก็อยากที่จะตอบแทนโดยการไปส่งยาของปลายฝัน จึงทำให้คุณแม่เข้าใจผิดในวันที่คุณพ่อไม่อยู่คุณแม่ก็ได้นำตัวของยาของปลายฝันไปส่งที่สถานีรถไฟและให้เงินของย่าไป 1 ก้อนซึ่งแค่นั้นย่าของปลายฝันก็คิดว่ามันมากเกินไปเสียแล้ว สำหรับคุณพ่อเองคุณพ่อคิดว่ายังไม่ได้ตอบแทนสิ่งใดเพราะความจริงแล้วคุณพ่ออยากจะหาที่ให้ย่าของปลายฝันอยู่สักที่หนึ่ง แล้วก็มอบเงินหนึ่งก้อน แต่เมื่อคุณแม่ตัดสินใจทำแบบนั้นไปแล้วคุณพ่อก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่ก็จะพยายามหาตัวของคุณย่าเองแต่ไปพบ จึงให้เธอตามหาและตอบแทนบุญคุณ พอเธอเองพบตัวว่าอยู่ที่ไหนและเข้ามาทำความรู้จักกับย่าแล้วก็รู้ว่าย่าเป็นคนดีไม่น้อย เธองเองจะตอบแทนคุณย่าด้วยที่ดิน ย่าก็บอกว่ามีแล้ว และช่วงที่เธอเข้ามาก็พบว่าย่าเองไม่สบายและต้องใช้เงินมากมายในการรักษา เธอจึงยื่นมือเข้าช่วยแต่ย่าเองก็บอกกับเธอว่าเงินทุกบาทที่รักษาจะต้องคืนให้ และให้พ่อของปลายฝันเองรับรู้ด้วย เธอก็เคยเห็นปลายฝันเมื่อสองปีที่แล้วก็เกิดชอบอยู่มาก แต่เรื่องแต่งนั้นเธอพึ่งคิดเมื่อปลายปีที่แล้ว ที่เห็นแฟนของลูกชายของตัวเองกินข้าวกับลูกเจ้าของอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในกรุงเทพ ตอนที่ตัวเองเข้ามาคุยงานในกรุงเทพวันนั้นเธอจำได้ดี เธอกำลังนั่งสนทนากับเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ผู้นั้นก็หันไปเห็นผู้หญิงกับผู้ชายที่หน้าตาคุ้นๆนั่งกินข้าวกันอยู่ เธอจึงตั้งใจมองผ่านกระจกใสเข้าไปจนทำให้คู่สนทนาเกิดความสนใจจึงมองตาม
"อ้อ นึกว่าแม่เลี้ยงมองอะไรที่แท้ก็ลูกชายผมเองครับธาวินกำลังนั่งกินข้าวกับแฟนเขาชื่อของขวัญ เด็กคนนี้น่ารักนะครับ แม่เลี้ยงมองอย่างสนใจเดียวผมโทรเรียกลูกชายกับแฟนมานั่งกินข้าวด้วยดีกว่า"
เจ้าของอสังหาริมทรัพย์กล่าวขึ้นและกำลังจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
"ไม่ต้องหรอกค่ะ ถึงว่าหน้าตาคุ้นๆธาวินนี้เอง โตแล้วหล่อนะค่ะ ทีแรกก็ไม่แน่ใจว่าเคยเห็นหรือป่าวเลยจ้องมองจนเสียมารยาทเลย ขอโทษนะคะ"
แม่เลี้ยงกล่าวขึ้น
"โอ้ไม่เลยครับแม่เลี้ยง ก็แม่เลี้ยงไม่ได้เจอหลานนานมากแล้วจึงจำไม่ได้ แต่ดีนะครับว่ายังคับคล้ายคับคา ถ้าเป็นผมนี้จำไม่ได้เลย ตอนนี้ลูกทั้งสองของแม่เลี้ยงผมก็ลืมหน้าหมดแล้วนะครับ"
เจ้าของอสังหาริมทรัพย์กล่าวขึ้น หลังจากวันนั้นแล้วเธอก็ไปพูดกับลูกชายแต่ลูกชายก็เหมือนว่าจะรักผู้หญิงคนนั้นมาก ตนก็ไม่รู้จะทำเช่นไรก็ไม่อยากให้ลูกชายเสียใจจึงหยุดที่จะพูดถึง และทั้งสองคนก็แต่งงานกันที่ต่างประเทศและปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความรับไม่ให้ลูกชายของตัวเองรู้ และยังหลอกลูกชายของตัวเองว่าไปอยู่กับครอบครัว และนานๆก็กลับมาหาที ตนจึงหาทางออกโดยการเสนอการแต่งงานให้ลูกชายกับหลานย่าของปลายฝัน เพื่อตอบแทนบุญคุณย่าด้วย และย่าเองก็ถือว่าเป็นการใช้หนี้ที่แม่เลี้ยงนำเงินมารักษาตน จึงเขียนจดหมายขึ้นมาเพื่อให้รับรู้ทั้งสองฝ่าย
เช้าวันต่อมาเป็นวันที่ทุกคนตื่นเช้าเพราะต้องไปเตรียมของที่วัดปลายฝันกับต้นข้าวรีบเดินทางไปวัดตั้งแต่ยังไม่ 6 โมงเพราะแม่บอกว่าให้ปลายฝันไปดูเรื่องอาหาร เตรียมของในครัวสำหรับพระทั้งหมด 9 ชุด และของแขกแขกที่มาอีก วันนี้น่าจะมีผู้มาเยอะอยู่ ส่วนต้นข้าวแม่ก็ให้ไปช่วยตรวจนับของที่ระลึก เพราะหลานของย่าลูกของป้ากับอานั้นเป็นผู้ชายจึงไม่ได้เข้ามาช่วยกันทำส่วนนี้ เพราะต้องไปเตรียมโกนผมแต่เช้าเพื่อที่จะบวชจูงย่า หน้าที่นี้เลยเป็นของลูกหลานที่เป็นฝ่ายหญิงซึ่งมีปลายฝันคนเดียวดีหน่อยที่ปลายฝันพาเพื่อนมา แม่จึงถือว่าต้นข้าวเป็นลูกอีกคน พ่อของปลายฝันไม่มีลูกชายตัวเองจึงต้องบวชเพื่อจูงแม่ พ่อของปลายฝันก็ไม่ได้เขามาช่วยส่วนนี้อีกแล้ว เรื่องรถก็ให้อาพจน์ทำต่อ ในเช้าวันนี้เสียงเปิดเครื่องเสียงแต่เช้าเป็นการเตือนให้หลายบ้านที่อยู่ใกล้เคียงรู้ว่าจะมีงานฌาปนกิจในวันนี้ ผู้ที่สนิทสนมกับผู้วายชนม์ก็จะมาช่วยกันจัดเตรียมของแต่เช้าส่วนผู้ที่ไม่ค่อยสนิทมากนักก็จะมารับประทานอาหารในเวลาสายๆ ย่าของปลายฝันน่าจะมีคนที่สนิทพอสมควรเพราะตอนที่จัดเตรียมอาหารในครัวก็มีคนมาช่วยอยู่มากโข และจุดนับของชำร่วยเองก็มีคนอยู่เยอะเ
เมื่องานฌาปนกิจของคุณย่าเสร็จสิ้นแล้ว พ่อของปลายฝันก็หยิบจดหมายของคุณย่าที่ฝากถึงพ่อไว้มาให้ปลายฝันและคุณแม่อ่าน เนื้อความในจดหมายเขียนไว้ว่า"แม่เป็นหนี้แม่เลี้ยงเป็นจำนวนเงินทั้งหมดเกือบจะสามล้านแล้ว แม่เลี้ยงใจดีที่ยื่นมือเข้ามาช่วยในการรักษาของแม่ให้แม่ดีขึ้น ณ วันนี้ แม่เลี้ยงเขาไม่ได้คิดว่ามันเป็นเงินที่แม่ไปติดหนี้เขา เพราะแม่เคยช่วยชีวิตพ่อของเขาไว้ แต่ที่แม่ช่วยชีวิตพ่อของเขานั้นแม่ไม่ได้เสียเงินสักบาท แถมตอนที่จากมาแม่ของแม่เลี้ยงเองก็ให้เงินแม่มาก้อนนึงแล้ว แต่แม่เลี้ยงนวลจันทร์ผู้นี้ก็ยินดีที่เข้ามาช่วยแม่ จึงถือว่าเขามีบุญคุณต่อแม่ถ้าพวกแกทั้งสาม หาเงินคืนเขาได้แม่ก็จะไม่ว่า แต่ถ้าถึงเวลาที่ไม่มีแม่จริงๆแล้วพวกแกยังหาเงินคืนแม่เลี้ยงไม่ได้แม่อยากจะขอร้องแกสักหน่อยนะพงษ์ ยกลูกสาวแกให้แต่งงานกับลูกของแม่เลี้ยงได้ไหม แม่เลี้ยงเขาเอ็นดูและชอบลูกสาวแกมาก ครั้งที่แม่เขียนจดหมายฉบับนี้ขึ้นมาเขาก็ยังเล่าสารพัดสารเพเขาชอบปลายฝัน ถ้ามันไม่เหนือบ่ากว่าแรงจริงๆแม่อยากจะขอร้องแกนะพงษ์"จดหมายของคุณย่ามีแค่นี้ซึ่งก็เป็นตามที่ต้นข้าวเคยเกริ่นเอาไว้ว่าน่าจะเป็นเรื่องเงินซึ่งบ้านเราไม่มีเ
"ตะวันค่ะพอดีว่าอีกสองวันของขวัญจะกลับไทย ตะวันมารับขวัญที่สนามบินด้วยนะค่ะ "เสียงใสปลายสายเอ่ยขึ้น ทำให้หัวใจของตะวันพองโต ของขวัญผู้หญิงที่หน้าตาสวยอ่อนหวาน เขาปฏิเสธไม่ได้ว่าเขารักตะวันมาก แต่ด้วยที่บ้านของเขาฐะนะร่ำรวยและต้องขยายกิจการอยู่บ่อยๆ จึงต้องอาศัยกำลังทรัพย์มหาศาลเช่นกัน แม้ที่บ้านของตะวันจะเป็นเจ้าของไร่ที่ร่ำรวยกว่าเธอมาก แต่เรื่องการเงินของตะวันนั้นทุกอย่างต้องให้ผู้เป็นแม่จัดการ ตะวันจะซื้อคอนโดที่กรุงเทพฯยังต้องถามผู้เป็นแม่ ซึ่งทางบ้านของเธอเองไม่โอเครเพราะครอบครัวของตะวันไม่ชอบในตัวของเธอด้วย และเรื่องที่ตะวันต้องให้แม่จัดการให้ทุกอย่าง ตะวันเหมือนผู้ชายที่ยังไม่โตทั้งที่อายุก็สามสิบกว่าแล้ว คอนโดที่กรุงเทพฯของตะวันเองของขวัญไม่สามารถเข้าไปได้ ถ้าแม่เลี้ยงไม่ให้เข้า ของขวัญจะได้อยู่เฉพาะตะวันอยู่กรุงเทพฯเท่านั้น ทั้งที่คอนโดนั้นของขวัญต้องการที่จะให้ตะวันซื้อให้ของขวัญ แต่สรุปแม่เลี้ยงเข้ามาวุ่นวายจนทำให้ของขวัญเสียคอนโดนั้นไป การที่ของขวัญเองต้องแต่งานกับธาวินนั้นมันเป็นความผิดของตะวัน เพราะตะวันอ่อนแอเกินไป ของขวัญไม่เคยที่จะสำนึกผิดเลยสักนิดที่เรื่องเป็นแบบนี้
"ตะวันค่ะ พอดีว่าขวัญได้ข่าวว่าคุณจะแต่งงานหรือค่ะ ถึงว่าเหมือนคุณจะพลักไล่ขวัญยังไงยังงั้น ขออยู่คอนโดก็ไม่ได้ ขอไปอยู่ไร่ก็ไม่ได้ ที่แท้ก็เพราะว่าคุณจะทิ้งขวัญนี้เอง"เสียงปลายสายถามขึ้น เมื่อตะวันรับโทรศัพท์แล้ว เพื่อความแน่ใจขวัญจึงต้องการที่จะสอบถามให้หายสงสัย ตะวันก็ตกใจเล็กน้อยทั้งที่ขวัญอยู่ที่เมืองนอกแล้วจะรู้เรื่องของเขาที่พึ่งตัดสินใจลงไปเมื่อไม่กี่วันได้อย่างไรกัน หรืออาจจะเป็นแม่เลี้ยงที่ต้องการให้ขวัญรับรู้กันแน่"แต่งงานหรือครับ ขวัญเอาเรื่องนี้มาจากที่ไหนหรือครับทั้งที่ครอบครัวของขวัญเองก็ไม่ได้กลับไทยเลย อยู่ที่เมืองนอกตลอด"ตะวันถามขึ้นด้วยความสงสัยก่อน"ก็เพื่อนของแม่ขวัญที่อยู่เชียงใหม่สิคะเล่าให้คุณแม่ฟังคุณแม่ก็เลยถามขวัญดู ขวัญก็เลยถามตะวันดูค่ะ แล้วขวัญก็คิดว่าข่าวนั้นคงเป็นข่าวโคมลอย ขวัญก็ไม่ได้เอามาใส่ใจหรอกค่ะถ้ามันไม่ใช่เรื่องจริง"ของขวัญกล่าวขึ้นพลางใจชื่นขึ้นมาทัั้งที่ยังไม่ได้คำตอบด้วยซ้ำ ก็คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง"ครับ คุณแม่ให้ผมแต่งงานกับคนที่คุณแม่หาให้ครับ ผมต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้บอกขวัญ เพราะผมเองก็ไม่รู้จะบอกกับขวัญว่าอย่างไร"ตะวันกล่าวขึ้นอย
หลังจากเสร็จสิ้นงานทำบุญร้อยวันของคุณย่าแล้ว ทางครอบครัวของปลายฝันก็เริ่มที่จะจัดงานมงคลต่อเลย"ปลายฝันเราดีใจกับแกด้วยนะที่แกจะได้เป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว"ต้นข้าวกล่าวขึ้นขณะที่กำลังลองชุดให้ปลายฝัน แม่เลี้ยงจัดการส่งชุดมาให้ปลายฝันลองประมาณ 7 ชุดให้ปลายฝันเลือกเอง ชุดแรกเป็นชุดไทยสีเทา ซึ่งชุดนี้ปลายฝันสนใจเป็นพิเศษ ส่วนชุดกลางคืนปลายฝันใช้เป็นชุดขาวเกาะอกที่ข้างหน้าสั้นแล้วข้างหลังยาวชุดนี้ต้นข้าวเป็นคนเลือกให้"ต้นข้าวแกเองก็รู้นี่ว่าเราต้องแต่งงานเพราะอะไรแล้วเรายังคิดไม่ออกว่ามันจะใช่ความสุขหรือเปล่า ในเมื่อทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ และเหมือนว่าพี่ตะวันเขาก็ไม่ได้ชอบเราสักเท่าไหร่ แต่เขาก็เหมือนต้องยอมแต่งงานกับเรา"ปลายฝันกล่าวขึ้น ในใจก็คิดหวั่นๆกับการตัดสินใจของตัวเอง ไม่รู้อนาคตของตัวเองจะเป็นอย่างไร แต่เขาเองก็ตัดสินใจแล้ว และจะไม่เสียใจภายหลังเด็ดขาด ทางด้านตะวันไม่ได้เลือกอะไรมากมาย เขาให้แม่จัดการให้ทุกอย่าง แม่เลี้ยงหาชุดช่วงเช้าสีใกล้เคียงกับเจ้าสาวและ ตอนกลางคืนเป็นชุดสูท เพราะแม่เลี้ยงคิดว่าลูกตัวเองดูดีอยู่แล้วชุดไหนก็เหมือนๆกันนั้นแหละ"ตะวันค่ะพรุ่งนี้คุณจะแต่งงาน ขวัญ
"ของขวัญแกไม่มางานแต่งไอ้ตะวันหรือ คนน่าจะมางานกันเยอะอยู่ พวกเจ้าของกิจการต่างๆนะ ได้ข่าวว่าพิภพเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์รายใหม่ก็จะมานะ แถมโรงแรมที่จัดนั้นก็ปิดโรงแรมเลยนะ เห็นเขาวางแผนกันมาหลายเดือนแล้วด้วย โรงแรมของคุณพิภพนะ แกน่าจะถือโอกาสนี้มาพบปะกับคนระดับนี้ด้วย แต่ถ้าจะมาไม่ต้องชวนผัวแกมานะ"เสียงแม่ถามขึ้นเมื่อโทรหาลูกสาวติด"โถแม่พวกที่เป็นเจ้าของกิจการต่างๆเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ที่แม่ว่าตอนที่หนูแต่งงานเขาก็มาทำไมเขาจะไม่รู้ล่ะว่าหนูมีผัวแล้ว และอีกอย่างคุณพิภพนั่นก็มีเมียและลูกแล้วไม่ใช่หรือแม่จะอยากให้หนูไปทำไมกัน"ของขวัญกล่าวตอบผู้เป็นแม่"มีลูกมีเมียแล้วยังไงเรา ถ้าแกมีอะไรดีสักอย่างลูกกับเมียเขาก็เทียบไม่ได้หรอกนะ ไอ้ธาวินมันคงหมดรักแกแล้วล่ะ ดูสิขนาดครอบครัวเรามีปัญหามันไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหมือนแต่ก่อนแล้ว แกหาคนใหม่เถอะ"ผู้เป็นแม่กล่าวขึ้น จนของขวัญไม่มีอะไรจะคุยกับแม่อีกแล้ว แต่ก่อนธาวินช่วยครอบครัวเธอทุกอย่าง พ่อกับแม่ก็ดีกับเขาแต่พอมาตอนนี้เขาไม่สามารถที่จะช่วยครอบครัวเธอได้แม่ก็อยากให้เขาเลิกกับเธอ ทั้งที่เมื่อก่อนเขารักอยู่กับตะวันแต่แม่ก็บอกว่าตะวันไม่มีอนาคตให
"ผมนาย พิภพ โรจนวรโชติ รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของงานเฉลิมฉลองความรักของ ตะวัน อัครเมธา และ ปลายฝัน ไกลอักษร วันนี้ผมขอมาพูดในฐานะคนรู้จัก และสัมผัสตัวตนของพวกเขาทั้งคู่ ซึ่งผมก็ได้ขอให้คำแนะนำและเอ็นดู พวกเขาทั้งคู่มาตลอด ตะวัน อัครเมธา เขาเป็นคนเก่งและขยันมากส่วน ปลายฝัน ไกลอักษร ก็เป็นเด็กดีมีน้ำใจทั้งสองเป็นคู่ที่น่ารัก คอยสนับสนุนกันและกันตลอด จนเดินทางมาถึงวันนี้ผมจึงอยากขออวยพรให้น้องๆของผม มีชีวิตคู่ที่มั่นคงยืนยาว ใช้ความรักและความเข้าใจในความสัมพันธ์ถนอมน้ำใจเอาใจใส่กันและกัน ไม่ว่าจะผ่านไปอีกกี่ปีก็ตาม ผมเชื่อว่าพวกเขาทั้งสองจะต้องเป็นเหมือนกิ่งทองใบหยก ที่ช่วยเกื้อหนุนกันให้ชีวิตของพวกเขามีความสุขความเจริญขึ้นไป มีครอบครัวที่สุขสันต์ และจะดูแลกันจนกว่าจะถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรแน่นอน"เสียงพี่ชายคนเดียวของตะวันอวยพร ในฐานนะแขกกิตติมศักดิ์ ทุกคนในงานร่วมกันปรบมือก้อง เสียงของพิภพ นั้นเสนาะหูน่าฟังยิ่งนักแต่หลายๆคนก็เสียดายที่เขานั้นมีภรรยาและลูกๆแล้ว ในงานเลี้ยงตอนกลางคืนออกรายการโทรทัศน์แทบตลอดพอ พิภพอวยพรเสร็จสิ้นผู้คนที่รู้ที่มาที่ไปของเรื่องท
หลังจากที่ส่งผู้ที่มาร่วมงานออกจากโรงแรมเสร็จแล้ว ก็เหลือแต่คนในครอบครัวที่ไปส่งบ่าวสาวเข้าหอ ความจริงพิภพต้องการปิดโรงแรมสามวันสามคืนด้วยซ้ำ แต่ผู้เป็นแม่ไม่ต้องการให้ลูกปิดนานขนาดนั้น ปิดแค่วันเดียวกับอีกสองคืน คือคืนจัดงานกับคืนเข้าหอ ตอนเช้าก็ให้รับลูกค้าเหมือนเดิม เพราะทั้งสองต้องไปไร่กันในตอนเช้า "แม่ขอให้ลูกทั้งสองครองรักกันจนถึงไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรนะ มีปัญหาอะไรก็ค่อยๆพูดค่อยๆจากัน ค่อยๆประครองรักกันให้ยาวนาน ให้เหมือนพี่ชายของแกนะตะวัน"แม่เลี้ยงนวลจันทร์อวยพรให้ลูกชาย ทำให้ขัดใจตะวันไม่น้อย ปลายฝันจึงก้มลงกราบเท้าแม่เลี้ยงจึงทำให้ตะวันต้องทำตาม"เป็นฝั่งเป็นฝาแล้วนะน้องชาย คนเราใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันต้องถนอมน้ำใจกันนะ มีอะไรไม่เข้าใจกันต้องพูดคุยกันให้เข้าใจ ขอให้น้องทั้งสองครองรักกันให้นานนะ"พิภพกล่าวขึ้น ปลายฝันจึงก้มลงกราบพี่พิภพ ตะวันก็ทำตาม พ่อกับแม่ของปลายฝันก็มาอวยพรให้ทั้งสอง หลังจากทั้งหมดออกไปปล่อยให้บ่าวสาวอยู่ด้วยกันสองคน ตะวันจึงเข้าไปอานน้ำ ในโรงแรงที่พวกเขาเข้าหอจะตกแต่งไปด้วยม้านสีแดงปูเตียงสีขาวและมีกลีบกุหลาบสีแดงปูเป็นรูหัวใจอยู่ตรงกลางเตียง และมีโปร
เรื่องของมานพและต้นข้าว ตะวันแค่แจ้งให้มานพรู้ว่า ต้นข้าวท้องลูกของมานพอยู่และใกล้คลอดออกมาแล้ว และตอนนี้ต้นข้าวอยู่ตอนโดวรโชติ ส่วนเรื่องอื่นๆให้มานพคิดและจัดการกับชีวิตเอาเอง"เพื่อนของคุณและเพื่อนของผมก็มีลูกกันแล้วเนาะ เราแต่งงานก่อนเขาเสียอีกยังไม่มีลูกเลย "ตะวันพูดขึ้น"ปลายว่าเราต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไปค่ะ วันนี้พ่อเลี้ยงจะกินอะไรค่ะปลายจะได้ทำให้"ปลายฝันพูดขึ้น"พ่อเลี้ยงอยากกินหนูปลายได้หรือป่าวครับ"พ่อเลี้ยงกระซิบขึ้นทำสีหน้าละลื่น ทำใหคนฟังหน้าแดง พลางใช้มือใหญ่ๆโอบเอวบางจับให้คนตัวเล็กกว่านั่งบนตักตัวเอง"มันยังไม่มืดเลยนะคะ เดียวปลายไปทำกับข้าวนะอุ๊ยๆๆๆ"ปลายฝันพูดขึ้นแต่พ่อเลี้ยงไม่ลดละความพยายามทำให้ปลายฝันร้องออกมา"บางครั้งเราต้องเปลี่ยนช่วงบาง ทำช่วงเดิมซ้ำๆจะมีลูกได้อย่างไร เปลี่ยนช่วงเปลี่ยนบรรยากาศเสียบ้าง"ตะวันเอ่ยเย้า พลางจับคางให้เธอหันหน้ามาหาเขาและบดจูบอย่างเต็มที ปลายฝันก็ไม่ได้ฟืนอะไรเขาตอบสนองพ่อเลี้ยงอย่างไว สักพักก็หันหน้าออก"แต่ไม่นานก็ต้องมีคนมาตามปลายไปทำกับข้าว ปลายไปทำกับข้าวก่อนนะคะ"ปลายฝันพูดขึ้นอย่างหอบๆ พลางพลักอกใหญ่ๆของพ่อเลี้ยงออก"ไม่มี
"ที่แท้พ่อเลี้ยงตะวันกับคนพิภพก็เป็นพี่น้องกันหรือคะ เห็นเป็นข่าวใหญ่โตก็ไม่เห็นออกมายอมรับหลายๆคนนึกสงสัยและนำรูปมาเปรียบเทียบกันที่แท้พวกคุณก็หลอกสังคมอยู่นี่เอง ว่าพวกคุณไม่ใช่พี่น้องกันทั้งที่พวกคุณเป็นพี่น้องกัน"ของขวัญพูดขึ้นอย่างคนที่เหนือกว่าเขาเอาคำนี้ไปบอกนักข่าวรับรองว่าเป็นข่าวดังแน่ๆ"ผมไม่เคยบอกใครว่าผมกับตะวันไม่ใช่พี่น้องกัน และก็ไม่เคยยอมรับที่ไหนว่าเราเป็นพี่น้องกัน คุณว่าจริงหรือเปล่าครับ แล้วถ้าคุณจะเอาจุดนี้มาเป็นข้อได้เปรียบของพวกผมคุณคิดน้อยเกินไปแล้วล่ะครับคุณของขวัญ ตอนนี้ธุรกิจของผมก็ไปในทิศทางที่ดี ตะวันเองก็ไปในทิศทางที่ดีตอนนี้ถ้าทุกคนรู้ว่าเราเป็นพี่น้องกันชื่อเสียงของเราก็จะผลักดันกันครับ แต่เมื่อก่อนมันไม่ใช่เพราะถ้าทุกคนรู้ว่าพวกเราเป็นพี่น้องกันรั้งแต่จะฉุดให้อีกคนลงต่ำมา เพราะตะวันทำตัวเองไม่ได้เรื่อง มีแม่เลี้ยงที่พลอยอุ้มชูอยู่เท่านั้น คุณคงเข้าใจนะครับว่าทำไมผมไม่ออกมายอมรับว่าเขาคือน้องแต่ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธนะครับ"พิภพพูดขึ้นให้ของขวัญกระจ่าง แม่เลี้ยงเป็นคนวางแผนเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้นให้เขาทั้งสองคนแยกกันอยู่เพราะเรื่องที่ว่าผู้หนึ่งได้ดี แล้วต้
ผับของตะวันเองไปได้สวยแล้ว ทางด้านแม่เลี้ยงก็เห็นเป็นอย่างดีจึงยอมที่จะให้ลูกชายจัดการไร่เองทั้งหมดรวมกับรายได้ของไร่ตะวันด้วย เขาจึงเรียกลูกชายทั้งสองกับลูกสะใภ้มาพร้อมๆกันที่ไร่ตะวัน"คุณพลอยไพลินฝากคุณหนูทั้งสองไว้กับป้าก็ได้นะ"ป้าสายพูดขึ้นเมื่อทั้งสี่เข้ามาถึงบ้านไร่ วันจึงเดินออกมาอุ้มน้องพริมและป้าสายก็จูงมือน้องพร้อมไป ทั้งสองจึงเข้าไปนั่งรอแม่เลี้ยงที่ห้องทำงานตะวัน ซึ่งตะวันก็นั่งรอพวกเขาอยู่แล้ว เมื่อคนทั้งสองมาปลายฝันจึงยกของว่างไปให้ทั้งสอง พลอยจึงยกน้ำส้มเข้าไปให้"สวัสดีคะพี่พิภพพี่พลอย ลองชิมขนมดูหน่อยค่ะปลายทำเองเลยนะ คุ๊กกี้สามรสค่ะ "ปลายฝันพูดและยื่นขนมให้กับพลอยไพลินลองชิม พลอยไพลินถือจานมาและหยิบไปหนึ่งชิ้นและวางจานลง ไม่นานแม่เลี้ยงก็เดินเข้ามานั่งอยู่หัวโต๊ะ ตะวันกับพิภพก็นั่งข้างๆและถัดมาปลายฝันกับพลอยไพลินก็นั่งตรงข้ามกัน"วันนี้ที่แม่เรียกทั้งสองมาก็เพราะว่าแม่เห็นว่าเกือบหนึ่ง ปีที่ผ่านมานี้ไร่ของตะวันดำเนินไปด้วยความสะดวกแล้ว แม่ต้องขอบคุณที่ปลายฝันเข้ามาช่วยตะวันดูแลไร่ ค่าใช้จ่ายในไร่ของตะวันลดน้อยลงแต่ก็ไม่ทำให้คนงานเดือดร้อน รวมทั้งค่าน้ำค่าไฟค่ากินค่
หลังจากที่ตะวันไปที่ผับแล้วก็เอาโทรศัพท์มาดูที่ปลายฝันตั้งหน้าโปรไฟล์ facebook ขึ้นว่าผับตะวันแล้วเขาก็นำรูปที่ตะวันถ่ายไว้ในโทรศัพท์ออกมาเป็นรูปโปรไฟล์ ตะวันจึงโทรไปหามานพเพื่อนที่อยู่นครพนมบอกให้เพิ่มเพื่อนกับเขาทางเฟสบุ๊ค"โถแต่ก่อนมึงไม่อยากจะมีเฟสทำไมตอนนี้ถึงมีเฟสได้ว่ะ"มานพถามขึ้น"แล้วมันไม่ดีหรอวะถ้ากูมีเฟสนะ"ตะวันพูดขึ้น"ก็ดีน่ะสิเพราะมึงทำงานเกี่ยวกับผับถ้ามึงเข้าถึงคนจำนวนมากได้ก็จะเป็นผลดีต่อมึงแล้ว อีกอย่างมันมีประโยชน์กับการที่มึงจะไปหาแหล่งซื้อเหล้าซื้อเบียร์พวกนี้ด้วยจะได้ของที่ถูกและดีขึ้น"มานพพูดแล้วเพิ่มเพื่อนตะวันไป หลังจากที่ตะวันเพิ่มเพื่อนไปหลายๆคน เขาก็นึกสงสัยเกี่ยวกับการแต่งงานของของขวัญจึงเข้าไปดูในเฟสของของขวัญ ก็พบว่าไม่ได้มีการแต่งงานหรืออะไรทั้งนั้น ตะวันจึงเข้าไปดูเฟสของธาวินเขาก็พบกับรูปแต่งงานตรงหน้าโปรไฟล์จึงกดเข้าไปดูก็พบว่าเป็นธาวินกับของขวัญจริงๆด้วย เขาช่างโง่เง้าเสียเหลือเกิน วันนั้นมันน่าจะเป็นข่าวใหญ่พอสมควร แต่เพราะเขามัวแต่อยู่ในไร่ไม่สนใจโทรทัศน์ข่าวคราวใดๆและไม่เล่นโซเชียลจึงทำให้เขาเหมือนคนโง่ มีคนงานในไร่พยายามที่จะพูดแต่พอแม่เลี้ย
หลังจากที่พ่อเลี้ยงกลับมาตอนบ่าย ๆ ก็กินข้าวเสร็จก็ถามหาปลายฝัน ตัววันดี เองก็ทำหน้าลำบากใจ เขาต้องเล่าให้พ่อเลี้ยงฟังหรือไม่ว่าคุณของขวัญมาที่ไร่ ทางคุณของขวัญก็ไม่ได้บอกว่าให้บอกพ่อเลี้ยงสักหน่อยแล้วพ่อเลี้ยงยัง ถามหาปลายฝันอีกไม่ใช่จะเอาเรื่องเขาหรือ วันดีคิดมากเหมือนคนทำผิดใหญ่หลวง"คุณปลายฝันไปทำงานตั้งแต่กลับมาแล้ว หลังจากทำกับข้าวให้พ่อเลี้ยงเสร็จก็ไปทำงานเลย พ่อเลี้ยงจะให้ป้าโทรตามคุณปลายฝันกลับมาหรือเปล่า วันนี้คุณของขวัญเข้ามาหาพ่อเลี้ยงด้วยแต่ก็มานั่งสักพักเขาไม่ได้รอและก็ออกไป"ป้าสายยืนรายงานพ่อเลี้ยงอยู่ พ่อเลี้ยงจึงเหลือบตาไปมองวันดีแป๊บนึง ทำให้วันดีก้มหน้าหลบทันที"โทรให้คุณปลายมาพบผมที่ห้องทำงานแล้วกันครับป้า วันดียกน้ำส้มไปให้ผมกับคุณปลายในห้องทำงานผมด้วย"หลังจากสั่งงานเสร็จพ่อเลี้ยงก็ขึ้นห้องไป ป้าสายจึงรีบโทรตามคุณปลายฝัน และเตรียมน้ำส้มให้ทั้งสองถ้าทั้งสองเข้าห้องทำงานแล้วจะได้ให้วันดียกไป"เป็นอะไรวันดีแกกำลังทำตัวมีพิรุธอยู่ ถ้าคุณปลายกับพ่อเลี้ยงเข้าไปในห้องทำงานแล้วยกน้ำส้มไปให้อย่าทำตัวมีพิรุธ อย่าทำให้น้ำส้มหกเลอะเทอะล่ะเดี๋ยวจะโดนโกรธ"ป้าสายพูดขึ้นและสั
ทางด้านตะวันเมามายได้ไม่นาน คนที่ผับติดต่อไม่ได้ก็ต้องโทรเข้าเบอร์บ้าน เพราะตอนนี้ของเริ่มหมดสต็อกอีกแล้ว พวกเขาต้องให้พ่อเลี้ยงตะวันอนุมัติเท่านั้นจึงต้องเร่ง"พ่อเลี้ยง คนทีผับโทรมาว่าติดต่อพ่อเลี้ยงไม่ได้ เขาว่ามันสำคัญมากป้าเลยเดินมาบอก"ป้าสายขึ้นมาบอกพ่อเลี้ยง"มีรถไปรับคุณปลายฝันกับวันดีแล้วหรือ เดียวผมจะออกไปผับเลยแล้วกันให้พลอยขึ้นมาเก็บห้องให้ด้วยนะครับเอาของพวกนั้นไปทิ้งให้หมดเลย"ตะวันพูดขึ้นพลางชีไปที่มุมห้อง"คนขับรถไปรับคุณปลายตั้งแต่เช้าแล้ว คุณตะวันจะกินอะไรก่อนไหมเดียวป้าไปทำให้"ป้าสายถามขึ้น"ไม่ต้องครับเดี๋ยวคุณปลายกลับมา แล้วให้เขาทำไว้รอผมแล้วกัน ผมอาบน้ำแล้วจะรีบไปพักเลย"ตะวันพูดขึ้นแล้วรีบไปอาบน้ำ ป้าสายจึงให้พลอยขึ้นมาทำความสะอาด แล้วให้คนงานขึ้นมายกของที่พ่อเลี้ยงต้องการทิ้ง ตะวันออกมาจากห้องน้ำเห็นพวกคนกำลังขนของลงไปเขาก็ไม่ได้ใส่ใจ และออกไปจากบ้านขับรถออกไปทันที"แม่เลี้ยงพ่อเลี้ยงออกไปแล้วค่ะ แล้วก็ให้คนงานขนของในห้องพ่อเลี้ยงออกไปทิ้งเป็นจำนวนหนึ่งน่าจะเป็นของของคุณของขวัญ"ป้าสายโทรไปรายงานแม่เลี้ยง"ดีแล้วล่ะเตรียมตัวรับมือกับของขวัญให้ดีแล้วกันเหมือ
หลังจากที่ทั้งสามจากไปตะวันก็นั่งอยู่ที่เดิม ทุกคนรู้เรื่องเกี่ยวกับของขวัญเพราะเล่นโซเชียลแต่เขาเองไม่รู้ และคิดว่าแม่ใส่ร้ายอีก ตะวันปกติอยู่แต่ในไรและเป็นหัวหน้าของทุกคน พอรู้เรื่องที่ว่าทุกคนรู้หมดยกเว้นตัวเขา เอาเข้าจริงๆมีคนพูดกับเขาหลายคนแต่เขาฟังขวัญเพียงคนเดียวจึงทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้ ใช้ความแค้นครั้งนี้ขวัญต้องได้รับบทเรียน"อยากพักโรงแรมของพี่ที่ไหนจองได้เลย ถ้าแกพักที่คอนโดวรโชติห้อง1113ได้ ของที่แกซื้อให้ปลายฝันเขายกให้เพื่อนอยู่แล้ว"พิภพทิ้งข้อความไว้ให้น้องชายอ่าน แต่ตะวันไม่อยู่แล้ว กรุงเทพไม่เหมาะกับเขาเลยสักนิด"ผมจะกลับแล้วครับ พี่ช่วยจัดการทุกอย่างให้ผมด้วยผมจะกลับเชียงใหม่เลย"ตะวันพิมพ์ข้อความกลับไป เขาไม่ต้องการคุยกับใครทั้งนั้น รถที่มารับเขากลับไปส่งที่สนามบิน และมีผู้ติดตามเขากลับหนึ่งคนเป็นคนของคุณพิภพ เพราะกลัวน้องชายจะเกิดเรื่องจึงให้คนติดตามกลับไปด้วย พิภพแจ้งกับคนรถทางให้ให้มารอรับเมื่อตะวันใกล้ถึง ตะวันเพียงแค่นั่งเครื่องบินแล้วก็นั่งรถได้ต่อเลย พอมาถึงไร่ป้าสายก็วิ่งไปลากกระเป๋าแล้วลากขึ้นห้องโดยไม่พูดอะไรทั้งนั้น เพราะแม่เลี้ยงได้โทรมากำชับแล้ว พ่อ
ราวๆ 10:00 น. ก็มีรถตู้มาจอดหน้าบ้านป้าสายก็นึกว่าใครจึงวิ่งมาดูก็เห็นคนขับรถเดินออกมาแล้วขึ้นห้องของพ่อเลี้ยงไปพร้อมกับลากกระเป๋า 1 ใบลงมาจากห้องพ่อเลี้ยงและพ่อเลี้ยงก็เดินตามลงมา"ป้าผมจะไปทำธุระ 2-3 วันนะฝากบ้านด้วยนะครับ"ตะวันพูดเสร็จก็ขึ้นรถตู้ไปทันที ป้าสายได้แต่ยืนงง พ่อเลี้ยงเองเมื่อเห็นปลายฝันแล้ว ก็รู้สึกว่าขนาดเขาอยู่กับปลายฝันมาตั้งนาน พอเห็นแต่งตัวแบบนี้ยังเกิดอารมณ์ได้เลย แล้วถ้ามีคนไม่หวังดีกับปลายฝันเข้าจะทำอย่างไร และที่ปลายฝันบอกว่าจะไปเจอเพื่อนที่กรุงเทพฯอาจจะเป็นกลุ่มเดียวที่ใส่ยาพันธ์นั้นกับปลายฝัน เพราะว่าคนอย่างปลายฝันก็คงไม่รู้หรอกว่า ตัวเองถูกยาพันธ์นั้นในคืนนั้นก็คงจะคิดว่าตัวเองเมา จึงรีบที่จะตามปลายฝันไปแต่ตัวเขาไม่ต้องการให้ปลายฝันรู้ ส่วนเรื่องตั๋วเครื่องบินเขาก็โทรไปเช็คแล้วปลายฝันกับหนูดีขึ้นลำนี้แต่เขาต้องพยายามที่จะไม่ให้ทั้งสองรู้ว่าเขาตามไป หลังจากลงจากเครื่องบินแล้วปลายฝันก็รอต้นข้าว เพราะต้นข้าวบอกว่าจะมาถึงพร้อมๆกับเธอ"ปลายฝันคิดถึงจังเลยเมื่อตะกี้เห็นพ่อเลี้ยงด้วยไปไหนแล้วล่ะ"ต้นข้าวพูดขึ้นเมื่อมาถึงเพื่อนแล้ว"ตาฝาดแล้วล่ะเราไม่ได้มากับพ
"ต้นข้าวถ้าว่างโทรมานะ"ปลายฝันทิ้งข้อความไว้ให้ต้นข้าว พอรู้ว่าเรื่องนี้ไม่อยากจะพิมพ์ผ่านข้อความเพราะข้อมูลพวกนี้จะมีคนอื่นรู้เห็นต้องโทรคุยกันเท่านั้น"ปลายฝันว่าอย่างไรหรือ"ต้นข้าวถามขึ้นขณะโทรมาหาปลายฝัน"เราได้คอนโดแล้วนะชื่อว่าวรโชติอยู่แถวๆสยามถ้าแกหางานก็น่าจะหาแถวๆนั้นเผื่อจะได้สะดวกต่อการเดินทางสิ้นเดือนนี้ย้ายของเข้ามาได้เลย จะให้เราไปรับแกที่นครพนมหรือว่าแกจะมาหาเราที่เชียงใหม่หรือว่าเราจะนัดเจอกันที่กรุงเทพฯเลย"ปลายฝันรีบพูดเรื่องของตัวเอง เพราะกลัวว่าเพื่อนจะลำบากใจในการพูด"งั้นเรานัดเจอกันที่กรุงเทพฯก็แล้วกันนะ แกว่างวันเสาร์อาทิตย์ใช่ไหมงั้นวันอาทิตย์ที่ 31 เจอกันนะ"ต้นข้าวพูดขึ้น ใจชื้นขึ้นมาบ้างอย่างน้อยก็ยังมีที่อยู่และตอนนี้เขาต้องทำการยื่นสมัครงานไปแถวๆคอนโดที่พักถึงแม้จะสงสัยอยู่ไม่น้อย ว่าทำไมปลายฝันถึงหาคอนโดได้ แต่ในระดับพ่อเลี้ยงแล้วก็คงจะหาได้ไม่ยากแต่ไม่ใช่ว่าปลายฝันจะคุยกับพ่อเลี้ยงแล้วหรือเรื่องของเธอ และเธอเองก็ไม่ได้ถามอะไรมากเพราะไม่สะดวกคุยกันผ่านโทรศัพท์จึงคิดว่าเดี๋ยวไปคุยกันที่นู่นจะดีกว่า"เห็นว่าคุณปลายฝันจะให้คนเข้าพักนะครับ ทางคอนโดก็ไม่ไ