เช้าวันต่อมาเป็นวันที่ทุกคนตื่นเช้าเพราะต้องไปเตรียมของที่วัดปลายฝันกับต้นข้าวรีบเดินทางไปวัดตั้งแต่ยังไม่ 6 โมงเพราะแม่บอกว่าให้ปลายฝันไปดูเรื่องอาหาร เตรียมของในครัวสำหรับพระทั้งหมด 9 ชุด และของแขกแขกที่มาอีก วันนี้น่าจะมีผู้มาเยอะอยู่ ส่วนต้นข้าวแม่ก็ให้ไปช่วยตรวจนับของที่ระลึก เพราะหลานของย่าลูกของป้ากับอานั้นเป็นผู้ชายจึงไม่ได้เข้ามาช่วยกันทำส่วนนี้ เพราะต้องไปเตรียมโกนผมแต่เช้าเพื่อที่จะบวชจูงย่า หน้าที่นี้เลยเป็นของลูกหลานที่เป็นฝ่ายหญิงซึ่งมีปลายฝันคนเดียวดีหน่อยที่ปลายฝันพาเพื่อนมา แม่จึงถือว่าต้นข้าวเป็นลูกอีกคน พ่อของปลายฝันไม่มีลูกชายตัวเองจึงต้องบวชเพื่อจูงแม่ พ่อของปลายฝันก็ไม่ได้เขามาช่วยส่วนนี้อีกแล้ว เรื่องรถก็ให้อาพจน์ทำต่อ ในเช้าวันนี้เสียงเปิดเครื่องเสียงแต่เช้าเป็นการเตือนให้หลายบ้านที่อยู่ใกล้เคียงรู้ว่าจะมีงานฌาปนกิจในวันนี้ ผู้ที่สนิทสนมกับผู้วายชนม์ก็จะมาช่วยกันจัดเตรียมของแต่เช้าส่วนผู้ที่ไม่ค่อยสนิทมากนักก็จะมารับประทานอาหารในเวลาสายๆ ย่าของปลายฝันน่าจะมีคนที่สนิทพอสมควรเพราะตอนที่จัดเตรียมอาหารในครัวก็มีคนมาช่วยอยู่มากโข และจุดนับของชำร่วยเองก็มีคนอยู่เยอะเช่นกันต้นข้าวจึงวางมือจากจุดนั้นเพื่อมาหาปลายฝัน เพราะสายหน่อยๆไม่ค่อยมีอะไรให้ทำแล้วแม่จึงให้ปลายฝันกับต้นข้าวกลับบ้านไปอาบน้ำเพื่อมาใหม่ เมื่อมาถึงก็เพลพอดี จึงนั่งรอถวายเพลพระเสร็จก็กินข้าวกันและจัดแจงยกของชำร่วยมาวางกลางศาลา และถาดดอกไม้จันทน์มาวางเรียงกัน เมื่อจัดแจงของเสร็จต้นข้าวกับปลายฝันก็รีบเข้าครัวเพื่อที่จะไปช่วยล้างจาน
"มาแล้วถามเลย ป้าถามสิ"
เมื่อเข้ามาในครัวทั้งสองก็ได้ยินเสียงคุยกันและมีคนเร่งให้ป้าคนเดิมที่ชอบถามให้ปลายฝันอึดอัดอยู่บ่อยๆสอบถามพวกเขาขึ้น ต้นข้าวจึงสะกิดแขนปลายฝัน
"พี่ปลายฝันแม่พี่ให้มาบอกว่า ให้พี่ไปฟังมัคทายกเพื่อพี่จะได้ถือพานผ้าไตร มอบให้แขกที่มาถวายผ้าไตรให้พระ มัคทายกกำลังจัดแจงเรื่องที่วางผ้าไตรอยู่พี่ปลายฝันไปหาเขาหน่อยนะ"
เสียงเด็กผู้ชายดังขึ้นทำให้ปลายฝันมองไปหาเด็กผู้ชายคนนั้น และก็จูงมือต้นข้าวเดินออกไป ทุกคนที่รอให้ปลายฝันเข้าไปก็นึกเสียดายแทนที่จะได้ถามสักหน่อยว่าสองคนนั้นเป็นใครแล้วเมื่อวานคุยอะไรกันทำไมปลายฝันถึงตกใจขนาดนั้น
"คนเหล่านั้นน่าจะเสียดายน่าดูนะที่ไม่ได้ถามเรื่องเมื่อวานกับแกนะ คนบ้านแกก็อยากรู้อยากเห็นไปเสียทุกอย่างนะ แล้วถ้าอยู่ๆแกจะแต่งงานกับคนๆนั้นขึ้นมา แล้วเพื่อนรวมหมู่บ้านพวกนี้จะเอาอะไรไปพูดอีกเนาะ ยิ่งคิดยิ่งสนุกเนาะ"
ต้นข้าวกล่าวพลางหัวเราะเพื่อน
"หรือว่าแกจะเข้าไปตอบคำถามชาวบ้านเหล่างั้นล่ะจะได้ไม่ต้องมากับเรา"
ปลายฝันกล่าวขึ้น
"ใครอยากอยู่ที่นั้นล่ะอึดอัดก็อึดอัดพูดกันเรื่องคนนู้นทีคนดีทีเอาคนนั้นมาพูดเอาคนนี้มาพูด"
ต้นข้าวกล่าวขึ้น เมื่อทั้งสองมาถึงมัคทายก มัคทายกก็ให้ทั้งสองช่วยกันถือพานหนึ่ง คนและอยู่หลังโต๊ะผ้าไตรอีกหนึ่งคน เมื่อคนเป็นแม่ให้ปลายฝันถือพาน ปลายฝันก็ถือพานและจะมีต้นข้าวยื่นผ้าไตรใส่พานให้ แล้วปลายฝันก็จะเดินไปหน้าพระพุทธรูปแล้วย่อลงหนึ่งครั้ง แล้วก็หันหน้ามาก็จะมีแขกผู้ที่ต้องถวายผ้าไตรเดินมาหยิบผ้าไตรไปจากพานแล้วก็เข้าไปถวายพระอีกรอบ ปลายฝันก็ต้องเดินมาหยุดอยู่ตรงโต๊ะผ้าไตรข้างๆกับต้นข้าว เมื่อมัคทายกเห็นทั้งสองคนเข้าใจที่ตนบอก ก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรจึงไปจัดผ้าไตรให้ครบชุด ปลายฝันกับต้นข้าวจึงไม่คิดที่จะเดินเข้าไปช่วยในครัวแล้วเพราะขืนเข้าไปก็คงจะอึดอัดกับคำถามของป้าผู้นั้น แต่เอาเข้าจริงๆคนอื่นมากมายที่อยากรู้แต่จะเป็นป้าคนนั้นที่ถาม ทั้งสองจึงเลือกเดินไปที่ของชำร่วยและก็เดินตรวจดูของเหมือนคนมีงานทำ พอเสร็จแล้วก็เดินไปที่ลานวัดไปดูรถที่จอดกันอย่างเป็นระเบียบ
"หนูปลายฝันจะมาทำไมกันตรงนี้ล่ะ พาเพื่อนเข้าไปอยู่ในวัดเถอะมันร้อนเดียวก็เหม็นกันก่อนพอดี ไปช่วยเตรียมอะไรในวัดเถอะลูก ไม่ต้องมาดูรถหรอกอาดูคนเดียวได้"
อาพจน์กล่าวขึ้น ทั้งสองคนจึงเดินกลับมาอยู่ในศาลาวัดเช่นเดิม สักพักใหญ่ๆแม่เลี้ยงกับลูกชายก็ลงจากรถมา
"ปลายฝันเดินเข้าไปต้อนรับแม่เลี้ยงแทนพ่อหน่อย พ่อหนูบวชเณรจึงไม่สามารถออกมาต้อนรับแม่เลี้ยงได้พาแม่เลี้ยงไปนั่งโต๊ะด้านในได้เลยตรงโต๊ะไม้โน้น"
แม่ปลายฝันเดินมาบอกลูกสาว และชี้มือไปทางโต๊ะที่อยู่หน้าสุด ปลายฝันจึงเดินเข้าไปหาแม่เลี้ยง วันนี้แม่เลี้ยงมาในชุดผ้าไหมสีดำกระโปรงจะเป็นลายตะขอส่วนด้านบนจะเป็นผ้าไหมทรงเงียบยาวไปจนถึงแขนและคอก็จะเป็นคอยาวปิดไปถึงคางและข้างหน้าจะมีโบขนาดเล็กติดอยู่ และลูกชายของแม่เลี้ยงเองใส่ชุดสูทสีดำแต่วันนี้ช่างดูแปลกเพราะเขาใส่แว่นตาดำมาด้วยอาจจะเป็นเพราะวันนี้ได้ออกมาตอนกลางวันสายตาน่าจะสู้แดดไม่ได้จึงใส่แว่นตาดำมา ปลายฝันได้แต่คิด
"สวัสดีค่ะแม่เลี้ยง เชิญค่ะเชิญทางนี้"
ปลายฝันชวนให้แม่เลี้ยงเดินตาม แต่แม่เลี้ยงก็คว้าเอามือของปลายฝันแล้วก็ชวนปลายฝันเดินไปยังโต๊ะด้านหน้า หลายๆคนก็มองเห็นภาพนั้นก็เกิดความสนใจมากกว่าเดิมเพราะวันนี้ผู้ชายที่เดินตามหลังของทั้งสองสวมแว่นตาดำจึงทำให้ดึงดูดสายตายิ่งขึ้น เมื่อต้นข้าวเห็นแบบนั้นจึงไปจัดน้ำมาเพื่อที่จะไปเสิร์ฟให้ทั้งสอง เมื่อทั้ง 3 มานั่งที่โต๊ะแล้วต้นข้าวก็นำน้ำมาเสิร์ฟถึงพอดี
"น้ำค่ะ"
ต้นข้าวพูดขึ้น ปลายฝันจึงหยิบน้ำเปล่าให้แม่เลี้ยงหนึ่งแก้ว แล้วก็หยิบน้ำเปล่าให้ตะวันอีกหนึ่งแก้ว ความจริงตะวันไม่อยากหยิบน้ำในมือของปลายฝันเลย แต่พอมองหน้าของแม่ที่กำลังมองตนจึงต้องหยิบน้ำในมือนั้น
"เชิญนั่งกันตรงนี้ก่อนนะคะเดี๋ยวหนูไปช่วยงานตรงนั้นก่อน"
ปลายฝันกล่าวขึ้นแล้วก็ลุกไปพร้อมกับต้นข้าว
"ทำไมวันนี้ว่าที่สามีแกถึงใส่แว่นดำล่ะ"
ต้นข้าวถามขึ้นอย่างหยอกๆ ทำให้ปลายฝันไม่ได้ตอบอะไรแต่กลับตีไปที่แขนเพื่อนเบาๆทุกการกระทำของปลายฝันอยู่ในสายตาของตะวัน ในใจตะวันก็คิดมากปลายฝันคงจะดีใจที่จะได้แต่งงานกับเขามากเพราะดูจากท่าทีของวันนี้แล้วเธอไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใดสงสัยจะคิดว่าตนร่ำรวยจึงอยากจะเกาะตนเป็นแน่
หลังจากเสร็จงานฌาปนกิจคุณย่าเสร็จ ต้นข้าวก็ขอตัวกลับบ้านพร้อมกับพ่อที่มาร่วมงานวันสุดท้าย และแม่เลี้ยงกับลูกชายก็กลับบ้านไป
เมื่องานฌาปนกิจของคุณย่าเสร็จสิ้นแล้ว พ่อของปลายฝันก็หยิบจดหมายของคุณย่าที่ฝากถึงพ่อไว้มาให้ปลายฝันและคุณแม่อ่าน เนื้อความในจดหมายเขียนไว้ว่า"แม่เป็นหนี้แม่เลี้ยงเป็นจำนวนเงินทั้งหมดเกือบจะสามล้านแล้ว แม่เลี้ยงใจดีที่ยื่นมือเข้ามาช่วยในการรักษาของแม่ให้แม่ดีขึ้น ณ วันนี้ แม่เลี้ยงเขาไม่ได้คิดว่ามันเป็นเงินที่แม่ไปติดหนี้เขา เพราะแม่เคยช่วยชีวิตพ่อของเขาไว้ แต่ที่แม่ช่วยชีวิตพ่อของเขานั้นแม่ไม่ได้เสียเงินสักบาท แถมตอนที่จากมาแม่ของแม่เลี้ยงเองก็ให้เงินแม่มาก้อนนึงแล้ว แต่แม่เลี้ยงนวลจันทร์ผู้นี้ก็ยินดีที่เข้ามาช่วยแม่ จึงถือว่าเขามีบุญคุณต่อแม่ถ้าพวกแกทั้งสาม หาเงินคืนเขาได้แม่ก็จะไม่ว่า แต่ถ้าถึงเวลาที่ไม่มีแม่จริงๆแล้วพวกแกยังหาเงินคืนแม่เลี้ยงไม่ได้แม่อยากจะขอร้องแกสักหน่อยนะพงษ์ ยกลูกสาวแกให้แต่งงานกับลูกของแม่เลี้ยงได้ไหม แม่เลี้ยงเขาเอ็นดูและชอบลูกสาวแกมาก ครั้งที่แม่เขียนจดหมายฉบับนี้ขึ้นมาเขาก็ยังเล่าสารพัดสารเพเขาชอบปลายฝัน ถ้ามันไม่เหนือบ่ากว่าแรงจริงๆแม่อยากจะขอร้องแกนะพงษ์"จดหมายของคุณย่ามีแค่นี้ซึ่งก็เป็นตามที่ต้นข้าวเคยเกริ่นเอาไว้ว่าน่าจะเป็นเรื่องเงินซึ่งบ้านเราไม่มีเ
"ตะวันค่ะพอดีว่าอีกสองวันของขวัญจะกลับไทย ตะวันมารับขวัญที่สนามบินด้วยนะค่ะ "เสียงใสปลายสายเอ่ยขึ้น ทำให้หัวใจของตะวันพองโต ของขวัญผู้หญิงที่หน้าตาสวยอ่อนหวาน เขาปฏิเสธไม่ได้ว่าเขารักตะวันมาก แต่ด้วยที่บ้านของเขาฐะนะร่ำรวยและต้องขยายกิจการอยู่บ่อยๆ จึงต้องอาศัยกำลังทรัพย์มหาศาลเช่นกัน แม้ที่บ้านของตะวันจะเป็นเจ้าของไร่ที่ร่ำรวยกว่าเธอมาก แต่เรื่องการเงินของตะวันนั้นทุกอย่างต้องให้ผู้เป็นแม่จัดการ ตะวันจะซื้อคอนโดที่กรุงเทพฯยังต้องถามผู้เป็นแม่ ซึ่งทางบ้านของเธอเองไม่โอเครเพราะครอบครัวของตะวันไม่ชอบในตัวของเธอด้วย และเรื่องที่ตะวันต้องให้แม่จัดการให้ทุกอย่าง ตะวันเหมือนผู้ชายที่ยังไม่โตทั้งที่อายุก็สามสิบกว่าแล้ว คอนโดที่กรุงเทพฯของตะวันเองของขวัญไม่สามารถเข้าไปได้ ถ้าแม่เลี้ยงไม่ให้เข้า ของขวัญจะได้อยู่เฉพาะตะวันอยู่กรุงเทพฯเท่านั้น ทั้งที่คอนโดนั้นของขวัญต้องการที่จะให้ตะวันซื้อให้ของขวัญ แต่สรุปแม่เลี้ยงเข้ามาวุ่นวายจนทำให้ของขวัญเสียคอนโดนั้นไป การที่ของขวัญเองต้องแต่งานกับธาวินนั้นมันเป็นความผิดของตะวัน เพราะตะวันอ่อนแอเกินไป ของขวัญไม่เคยที่จะสำนึกผิดเลยสักนิดที่เรื่องเป็นแบบนี้
"ตะวันค่ะ พอดีว่าขวัญได้ข่าวว่าคุณจะแต่งงานหรือค่ะ ถึงว่าเหมือนคุณจะพลักไล่ขวัญยังไงยังงั้น ขออยู่คอนโดก็ไม่ได้ ขอไปอยู่ไร่ก็ไม่ได้ ที่แท้ก็เพราะว่าคุณจะทิ้งขวัญนี้เอง"เสียงปลายสายถามขึ้น เมื่อตะวันรับโทรศัพท์แล้ว เพื่อความแน่ใจขวัญจึงต้องการที่จะสอบถามให้หายสงสัย ตะวันก็ตกใจเล็กน้อยทั้งที่ขวัญอยู่ที่เมืองนอกแล้วจะรู้เรื่องของเขาที่พึ่งตัดสินใจลงไปเมื่อไม่กี่วันได้อย่างไรกัน หรืออาจจะเป็นแม่เลี้ยงที่ต้องการให้ขวัญรับรู้กันแน่"แต่งงานหรือครับ ขวัญเอาเรื่องนี้มาจากที่ไหนหรือครับทั้งที่ครอบครัวของขวัญเองก็ไม่ได้กลับไทยเลย อยู่ที่เมืองนอกตลอด"ตะวันถามขึ้นด้วยความสงสัยก่อน"ก็เพื่อนของแม่ขวัญที่อยู่เชียงใหม่สิคะเล่าให้คุณแม่ฟังคุณแม่ก็เลยถามขวัญดู ขวัญก็เลยถามตะวันดูค่ะ แล้วขวัญก็คิดว่าข่าวนั้นคงเป็นข่าวโคมลอย ขวัญก็ไม่ได้เอามาใส่ใจหรอกค่ะถ้ามันไม่ใช่เรื่องจริง"ของขวัญกล่าวขึ้นพลางใจชื่นขึ้นมาทัั้งที่ยังไม่ได้คำตอบด้วยซ้ำ ก็คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง"ครับ คุณแม่ให้ผมแต่งงานกับคนที่คุณแม่หาให้ครับ ผมต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้บอกขวัญ เพราะผมเองก็ไม่รู้จะบอกกับขวัญว่าอย่างไร"ตะวันกล่าวขึ้นอย
หลังจากเสร็จสิ้นงานทำบุญร้อยวันของคุณย่าแล้ว ทางครอบครัวของปลายฝันก็เริ่มที่จะจัดงานมงคลต่อเลย"ปลายฝันเราดีใจกับแกด้วยนะที่แกจะได้เป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว"ต้นข้าวกล่าวขึ้นขณะที่กำลังลองชุดให้ปลายฝัน แม่เลี้ยงจัดการส่งชุดมาให้ปลายฝันลองประมาณ 7 ชุดให้ปลายฝันเลือกเอง ชุดแรกเป็นชุดไทยสีเทา ซึ่งชุดนี้ปลายฝันสนใจเป็นพิเศษ ส่วนชุดกลางคืนปลายฝันใช้เป็นชุดขาวเกาะอกที่ข้างหน้าสั้นแล้วข้างหลังยาวชุดนี้ต้นข้าวเป็นคนเลือกให้"ต้นข้าวแกเองก็รู้นี่ว่าเราต้องแต่งงานเพราะอะไรแล้วเรายังคิดไม่ออกว่ามันจะใช่ความสุขหรือเปล่า ในเมื่อทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ และเหมือนว่าพี่ตะวันเขาก็ไม่ได้ชอบเราสักเท่าไหร่ แต่เขาก็เหมือนต้องยอมแต่งงานกับเรา"ปลายฝันกล่าวขึ้น ในใจก็คิดหวั่นๆกับการตัดสินใจของตัวเอง ไม่รู้อนาคตของตัวเองจะเป็นอย่างไร แต่เขาเองก็ตัดสินใจแล้ว และจะไม่เสียใจภายหลังเด็ดขาด ทางด้านตะวันไม่ได้เลือกอะไรมากมาย เขาให้แม่จัดการให้ทุกอย่าง แม่เลี้ยงหาชุดช่วงเช้าสีใกล้เคียงกับเจ้าสาวและ ตอนกลางคืนเป็นชุดสูท เพราะแม่เลี้ยงคิดว่าลูกตัวเองดูดีอยู่แล้วชุดไหนก็เหมือนๆกันนั้นแหละ"ตะวันค่ะพรุ่งนี้คุณจะแต่งงาน ขวัญ
"ของขวัญแกไม่มางานแต่งไอ้ตะวันหรือ คนน่าจะมางานกันเยอะอยู่ พวกเจ้าของกิจการต่างๆนะ ได้ข่าวว่าพิภพเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์รายใหม่ก็จะมานะ แถมโรงแรมที่จัดนั้นก็ปิดโรงแรมเลยนะ เห็นเขาวางแผนกันมาหลายเดือนแล้วด้วย โรงแรมของคุณพิภพนะ แกน่าจะถือโอกาสนี้มาพบปะกับคนระดับนี้ด้วย แต่ถ้าจะมาไม่ต้องชวนผัวแกมานะ"เสียงแม่ถามขึ้นเมื่อโทรหาลูกสาวติด"โถแม่พวกที่เป็นเจ้าของกิจการต่างๆเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ที่แม่ว่าตอนที่หนูแต่งงานเขาก็มาทำไมเขาจะไม่รู้ล่ะว่าหนูมีผัวแล้ว และอีกอย่างคุณพิภพนั่นก็มีเมียและลูกแล้วไม่ใช่หรือแม่จะอยากให้หนูไปทำไมกัน"ของขวัญกล่าวตอบผู้เป็นแม่"มีลูกมีเมียแล้วยังไงเรา ถ้าแกมีอะไรดีสักอย่างลูกกับเมียเขาก็เทียบไม่ได้หรอกนะ ไอ้ธาวินมันคงหมดรักแกแล้วล่ะ ดูสิขนาดครอบครัวเรามีปัญหามันไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหมือนแต่ก่อนแล้ว แกหาคนใหม่เถอะ"ผู้เป็นแม่กล่าวขึ้น จนของขวัญไม่มีอะไรจะคุยกับแม่อีกแล้ว แต่ก่อนธาวินช่วยครอบครัวเธอทุกอย่าง พ่อกับแม่ก็ดีกับเขาแต่พอมาตอนนี้เขาไม่สามารถที่จะช่วยครอบครัวเธอได้แม่ก็อยากให้เขาเลิกกับเธอ ทั้งที่เมื่อก่อนเขารักอยู่กับตะวันแต่แม่ก็บอกว่าตะวันไม่มีอนาคตให
"ผมนาย พิภพ โรจนวรโชติ รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของงานเฉลิมฉลองความรักของ ตะวัน อัครเมธา และ ปลายฝัน ไกลอักษร วันนี้ผมขอมาพูดในฐานะคนรู้จัก และสัมผัสตัวตนของพวกเขาทั้งคู่ ซึ่งผมก็ได้ขอให้คำแนะนำและเอ็นดู พวกเขาทั้งคู่มาตลอด ตะวัน อัครเมธา เขาเป็นคนเก่งและขยันมากส่วน ปลายฝัน ไกลอักษร ก็เป็นเด็กดีมีน้ำใจทั้งสองเป็นคู่ที่น่ารัก คอยสนับสนุนกันและกันตลอด จนเดินทางมาถึงวันนี้ผมจึงอยากขออวยพรให้น้องๆของผม มีชีวิตคู่ที่มั่นคงยืนยาว ใช้ความรักและความเข้าใจในความสัมพันธ์ถนอมน้ำใจเอาใจใส่กันและกัน ไม่ว่าจะผ่านไปอีกกี่ปีก็ตาม ผมเชื่อว่าพวกเขาทั้งสองจะต้องเป็นเหมือนกิ่งทองใบหยก ที่ช่วยเกื้อหนุนกันให้ชีวิตของพวกเขามีความสุขความเจริญขึ้นไป มีครอบครัวที่สุขสันต์ และจะดูแลกันจนกว่าจะถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรแน่นอน"เสียงพี่ชายคนเดียวของตะวันอวยพร ในฐานนะแขกกิตติมศักดิ์ ทุกคนในงานร่วมกันปรบมือก้อง เสียงของพิภพ นั้นเสนาะหูน่าฟังยิ่งนักแต่หลายๆคนก็เสียดายที่เขานั้นมีภรรยาและลูกๆแล้ว ในงานเลี้ยงตอนกลางคืนออกรายการโทรทัศน์แทบตลอดพอ พิภพอวยพรเสร็จสิ้นผู้คนที่รู้ที่มาที่ไปของเรื่องท
หลังจากที่ส่งผู้ที่มาร่วมงานออกจากโรงแรมเสร็จแล้ว ก็เหลือแต่คนในครอบครัวที่ไปส่งบ่าวสาวเข้าหอ ความจริงพิภพต้องการปิดโรงแรมสามวันสามคืนด้วยซ้ำ แต่ผู้เป็นแม่ไม่ต้องการให้ลูกปิดนานขนาดนั้น ปิดแค่วันเดียวกับอีกสองคืน คือคืนจัดงานกับคืนเข้าหอ ตอนเช้าก็ให้รับลูกค้าเหมือนเดิม เพราะทั้งสองต้องไปไร่กันในตอนเช้า "แม่ขอให้ลูกทั้งสองครองรักกันจนถึงไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรนะ มีปัญหาอะไรก็ค่อยๆพูดค่อยๆจากัน ค่อยๆประครองรักกันให้ยาวนาน ให้เหมือนพี่ชายของแกนะตะวัน"แม่เลี้ยงนวลจันทร์อวยพรให้ลูกชาย ทำให้ขัดใจตะวันไม่น้อย ปลายฝันจึงก้มลงกราบเท้าแม่เลี้ยงจึงทำให้ตะวันต้องทำตาม"เป็นฝั่งเป็นฝาแล้วนะน้องชาย คนเราใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันต้องถนอมน้ำใจกันนะ มีอะไรไม่เข้าใจกันต้องพูดคุยกันให้เข้าใจ ขอให้น้องทั้งสองครองรักกันให้นานนะ"พิภพกล่าวขึ้น ปลายฝันจึงก้มลงกราบพี่พิภพ ตะวันก็ทำตาม พ่อกับแม่ของปลายฝันก็มาอวยพรให้ทั้งสอง หลังจากทั้งหมดออกไปปล่อยให้บ่าวสาวอยู่ด้วยกันสองคน ตะวันจึงเข้าไปอานน้ำ ในโรงแรงที่พวกเขาเข้าหอจะตกแต่งไปด้วยม้านสีแดงปูเตียงสีขาวและมีกลีบกุหลาบสีแดงปูเป็นรูหัวใจอยู่ตรงกลางเตียง และมีโปร
หลังจากลงมาจากห้องด้านบนแล้วปลายฝันก็ก้าวขาออกมาจากลิฟท์ก็พบคนประปลายที่เข้ามาพัก เนื่องจากเมื่อคืนไม่มีคนเข้ามาพักพอเธอลงมาจากลิฟท์จึงทำให้พนักงานรู้ทันทีว่าเป็นลูกสะใภ้ของแม่เลี้ยงนวลจันทร์ พนักงานที่อยู่ด้านหน้าลิฟท์ก็เข้ามาสอบถาม"พอดีว่าจะไปห้องอาหารค่ะ"ปลายฝันกล่าวขึ้น"ได้ครับคุณผู้หญิง แต่วันนี้ที่ห้องอาหารไม่มีอาหารเช้าแบบปกติ คุณผู้หญิงต้องสั่งให้พ่อครัวทำนะครับ พอดีเมื่อวานไม่ได้มีลูกค้ามาพักจึงไม่ได้ทำอาหารบุฟเฟ่ต์ไว้"พนักงานหน้าลิฟท์เดินไปส่งปลายฝันที่ห้องอาหารกล่าวขึ้น ความจริงปลายฝันอยากลิ้มลองอาหารบุฟเฟ่ต์ของโรงแรมนี้ต่างหาก เพราะเธอเคยได้ยินว่าอาหารที่นี่ขึ้นชื่อมากและเธอก็คิดว่าน่าจะเป็นอาหารบุฟเฟ่ต์ตอนเช้าหลังจากที่เข้าห้องอาหารไปก็มีพนักงาน 1 คนเดินออกมา"พอดีว่าวันนี้เราไม่ได้เตรียมอาหารเช้านะคะและอาหารก็จะเป็นแยกจ่ายของค่าห้องด้วยค่ะเนื่องจากว่าเมื่อคืนไม่ได้มีลูกค้ามาค้างคืน ก็เลยไม่ได้รวมค่าอาหารเช้าของวันนี้ต้องขอโทษด้วยนะคะ"พนักงานผู้หญิงคนหนึ่งออกมาพูดขึ้น ปลายฝันจึงคิดว่าถ้าไม่ได้กินฟรี เธอก็จะเดินออกไปแต่พนักงานผู้ชายที่มาส่งเธอจึงเดินเข้าไปพูดกับผู้หญิ
เมื่อคนของแม่เลี้ยงลากปลายฝันเข้าห้อง ก็ทิ้งปลายฝันไว้ตรงประตูห้องโดยที่พวกเขาไม่ได้เข้าห้องเลยแม้แต่นิดเดียวเขาทิ้งปลายฝันไว้อย่างนั้น โดยที่ไม่ได้ลากปลายฝันขึ้นเตียงพวกเขาจึงไม่รู้ว่าในห้องนั้นมีคนอยู่แล้ว พวกเขาก็ล็อคห้องไป หลังจากที่ปลายฝันรู้สึกตัวก็รู้สึกร้อนๆเขาจึงพยายามดึงเสื้อของตัวเองออกแล้วก็แนบกับพื้นห้องที่เย็นๆรู้สึกดีขึ้นไม่น้อย ปลายฝันต้องการน้ำเขาต้องการเข้าไปในห้องน้ำเพื่อแช่น้ำให้ตัวเย็นขึ้นปลายฝันถึงเดินสะเปะสะปะแต่ก็ไปสะดุดอยู่ที่เตียงจึงลมลงและก็ทับไปบนตัวของตะวันที่ตัวเย็นจากการตากแอร์อยู่ ตะวันเองไม่ชอบใส่เสื้อนอนอยู่แล้วพอร่างที่ร้อนของปลายฝันถูกกับความเย็นของตะวันเธอก็ได้ใจ ความแนบชิดของทั้งสองที่ไม่รู้ตัว ฤทธิ์ยาในตัวของปลายฝันก็รุนแรงมากขึ้นทำให้เธอร้อนรนไปหมด ประจวบด้วยที่เธอต้องการความเย็นในตัวตะวัน ทางด้านตะวันก็สลึมสลือด้วยความเมาเมื่อร่างอุ่นๆเข้ามาปะทะก็เกิดความรู้สึกดี หญิงสาวที่อยู่ไม่สุขถูไถไปบนร่างชายหนุ่ม ทำให้ชายหนุ่มที่หลับอยู่ดีๆก็ฟุ้มซานขึ้น ขนาดนอนอยู่ยังฝันดีขนาดนี้ ปากของทั้งคู่ประกบกันทำให้ตะวันตื่นเต็มตาพร้อมด้วยแรงปรารถนาในกายก็ตื่นขึ้น
"เมื่อกี่เห็นพ่อเลี้ยงนั่งอยู่ข้างบนนั้นมองมาที่พวกเราด้วย พอเขาเห็นเราเขาก็หันหน้าหนีไป เขาไม่ต้องการให้เราเห็นหรือว่าอะไรอะต้นข้าว"ปลายฝันถามเพื่อนอย่างไม่ค่อยเข้าใจ"คนข้างบนคือพ่อเลี้ยงตะวันหรือที่นั่งกับบอสมานพอะนะ เข้ารู้จักกันหรือ"ต้นข้าวถามขึ้นอย่างอยากรู้ แต่คนที่นั่งกับบอสนั้นก็มองปลายฝันเหมือนสนใจอยู่นะ ใช่พ่อเลี้ยงของปลายฝันจริงๆหรือ"แกรู้จักคนนั้นด้วยหรือ สงสัยจะมาปรึกษากันเรื่องไร่แน่เพราะว่าเดือนหน้าพ่อเลี้ยงก็ต้องจ่ายเงินคนงานที่ไร่เองแล้วเขามีที่ปรึกษาดีก็ดีแล้วแหละ"ปลายฝันพูดขึ้น"ทั้งสองจะมีเรื่องปรึกษาอะไรกันล่ะในเมื่อบอสมานพก็ทำงานอยู่ที่นครพนมส่วนพ่อเลี้ยงก็ทำงานอยู่เชียงใหม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกันหรือ"ต้นข้าวถามขึ้น"เราว่าเหมือนท่าทางเขาจะเป็นเพื่อนกันนะ เหมือนจะสนิทสนมกันยังไงก็ไม่รู้ที่เราแอบมองอะนะ แต่ช่างเถอะยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับเราหรอกเนาะ"ปลายฝันพูดขึ้น"ออกไปจากนี้แล้วก็กลับกันเถอะนี่มันก็ดึกมากแล้วแหละเกือบจะตีสองแล้วผับปิดกี่โมงนะ ไม่รู้ว่าพี่ชาติจะขับรถเข้าไร่ได้หรือเปล่าเดี๋ยวพ่อเลี้ยงนั่นแหละเขาจะกลับไร่พร้อมแกไหม"ต้นข้าวพูดขึ้น"ไม่หรอกพ่อเ
ตอนเช้าปลายฝันกับต้นข้าวตื่นขึ้นก็ต้องรีบไปทำกับข้าวให้พ่อเลี้ยงและก็พากันนำกับข้าวไปใส่บาตที่วัดใกล้ๆก่อนที่จะไปเที่ยวกันต่อ ทั้งสี่ไปเที่ยววัดกันสักพักก็เตรียมตัวไปที่ผับเพราะการเดินทางจากทางไร่ไปหาตัวเมืองเชียงใหม่ใช้เวลาพอสมควร พวกเขาพากันแวะนมัสพระที่วัดโมฬีกับวัดป่าดาราภิรมย์เท่านั้น และก็ไปยังตัวเมืองเชียงใหม่เลยแต่ก็เป็นเวลาเย็นแล้ว ทีแรกทั้งสี่จะเข้าไปในผับทั้งสี่คนเลย แต่พอจะเข้าผับพี่พลอยก็เห็นรถของพ่อเลี้ยงตะวันจึงขอตัวไปหาโรงแรมพักรอทั้งสองคน พอทั้งสองเข้าไปก็เห็นเพื่อนๆหลายๆคนอยู่ที่นั้นแล้ว น้ำมนต์มากับพี่กายและเพื่อนพี่กายอีกคน และพี่ท๊อป ส่วนเมษากับนฤมลน่าจะมากับแฟน"มาเร็วปลายฝัน ต้นข้าว ทางนี้พวกเรารออยู่"นฤมลเรียกทั้งสอง"อ้าวปลายฝันเห็นแต่งงานแล้วนิ ไม่พาสามีเธอมาด้วยล่ะ แต่งกับใครนะเราก็จำไม่ได้แต่เห็นจัดงานใหญ่โตเลย แถมไม่ชวนพวกเราด้วยนิ"น้ำมนต์พูดขึ้น ทำให้คนทั้งสองที่พึ่งเดินเขามาอึดอัด ความจริงทั้งสองไม่คิดว่าทุกคนจะพาแฟนมาด้วย"ก็แต่งงานแล้วนั่นแหละแต่ไม่คิดว่าทุกคนจะพาคนอื่นมาด้วยนี่นึกว่าจะมาแค่เพื่อนเราเท่านั้น"ต้นข้าวพูดขึ้น"ต้นข้าวแกว่าใครคนอื่นนี่ก
พอถึงวันหยุดยาวของปีใหม่จริงๆตะวันก็เกิดความเครียดด้วยเรื่องของเงินที่ไม่มีจ่ายให้คนงานในเดือนหน้า ดีหน่อยที่ปลายปีนี้แม่ของเขาได้จ่ายเงินเดือนพร้อมกับโบนัสให้คนงาน ทุกคนรวมกับเขาแล้ว ตอนนี้ถึงแม้ผับกำลังจะไปได้สวยแต่การลงทุนมันยังต้องการเพิ่มอยู่มาก เขาไม่สามารถเอาเงินส่วนนี้ออกไปจ่ายค่าคนงานในไรได้เลย เขาต้องการปรึกษาสักคนที่ไว้ใจได้ เขามีเพื่อนแค่คนเดียวคือมานพซึ่งมานพนั้นก็ไม่ต่างจากเขาสักเท่าไรต่างกันตรงที่มานพเคยบริหารตัวเองแล้วล้มเหลวจนต้องให้ผู้เป็นแม่คอยชักจูงตลอดซึ่งตอนนี้มานพมีบริษัทเป็นของตัวเองซึ่งอยู่ที่นครพนมถึงแม้จะเป็นเจ้าของบริษัทแต่เขาก็ทำงานไม่ต่างจากตนเลยสักนิด เขาจึงนัดมานพมาคุยกับเขาในผับตอนสิ้นปี"ว่ายังไงร้อยวันพันปีไม่เคยจะคิดโทรมาหากูวันนี้มีเรื่องอะไรหรือ"มานพถามเพื่อนรักขึ้น"กูมีปัญหานิดหน่อยว่ะตอนนี้กูกำลังทำผับเองที่เมืองเชียงใหม่ แต่กูมีปัญหาเรื่องการเงินซึ่งกูไม่ใช่ว่าจะทำผับอย่างเดียว ต้องทำไร่ส้มด้วยและแม่เลี้ยงก็ให้เงินมาก้อนหนึ่งแล้วกูก็ไปลงผับหมดเลย แล้วซึ่งกูคิดว่ามันจะได้กำไรมาจ่ายค่าแรงของคนงานในไร่ แต่พอเอาเข้าจริงๆแล้วกูได้แค่ทำงานในผับวนอย
เมื่อของขวัญรับรู้เรื่องสิตาทำงานพลาดก็โกรธ สิตาไม่ได้ทำงานพลาดธรรมดา แต่เขาโง่เองที่ไม่รู้ว่าปลายฝันไม่เคยไปยุ่มย่ามในห้องของตะวันเลย ส่วนสิตาน่าจะคิดไม่ทันเพราะเขาสั่งไปแบบนั้น แต่ยังไงก็โทษสิตานั้นแหละที่โง่"ตะวันค่ะสิ้นปีนี้ขวัญจะกลับไปอยู่ที่ไทยแล้วนะค่ะ แล้วคุณกับเด็กนั้นจะหย่ากันตอนไหนห รือค่ะ ถ้าขวัญกลับไปจะได้อยู่กับคุณหรือป่าวค่ะ"ของขวัญกล่าวขึ้นเมื่อโทรหาตะวัน"คุณจะกลับมาทั้งครอบครัวเลยหรือป่าวครับ"ตะวันถามขึ้น"ค่ะ ขวัญจะกลับไปทั้งครอบครัวเลย"ของขวัญตอบ เขาเองก็ไม่อยากจะหลอกตะวันแล้วว่าเขาไปอยู่ต่างประเทศกับพ่อแม่ ทั้งที่พ่อแม่เขาอยู่ที่ไทย"ครับงั้นคุณกลับมาก็อยู่กับพ่อกับแม่คุณสิครับ คุณก็รู้นิเรื่องแม่เลี้ยงไม่ให้คุณเข้าไร่"ตะวันพูดขึ้นอย่างไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ เพราะตัวเขาเองรู้ดีว่าเรื่องที่สิตาทำนั้น เป็นสิ่งที่ของขวัญเองให้สิตาทำเอาจริง ๆ สิตาไม่ได้มีปัญหาอะไรกับปลายฝันเลยแม้แต่น้อย และถ้าให้สิตาทำเอง สิตาคงจะคิดให้ดีกว่านี้เพราะเขาเองก็รู้ว่าปลายฝันไม่เคยเข้าห้องตะวันเลย ทำแบบนี้มันก็จะจับได้อยู่ดี"ตะวันค่ะ เหมือนคุณจะไม่รักขวัญแล้วนะคะ ไหนคุณว่าจะทำอะไรเพื
ตั้งแต่เหตุการณ์ในครั้งนั้นเกิดขึ้นปลายฝันก็ไม่ได้เข้าออฟฟิตอีกเลย เหมือนเขาจะพยามยามหลบหน้าพ่อเลี้ยงอีกด้วย กิจวัตประจำวันของเขาคือทำกับข้าวเช้าเย็น และตอนกลางวันทำงานในไร่ ปลายฝันไม่เคยกินข้าวเที่ยงที่ทางไร่ทำขึ้นให้เลย เธอจะห่อข้าวไปกินใต้ต้นส้มคนเดียวทุกวัน คนงานทุกคนในไร่ปฎิบัติกับเขาดีขึ้นทุกคน ปลายฝันตั้งใจทำงานของตัวเองจึงทำให้ทุกคนใจไร่เห็นใจกว่าเดิมอีก พ่อเลี้ยงตะวันพยายามที่จะขอโทษปลายฝันอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล อาจเป็นเพราะพ่อเลี้ยงไม่เข้าหาปลายฝันเองด้วย และปลายฝันก็หลบหน้าพ่อเลี้ยง เมื่อตำแหน่งบัญชีของไร่ว่างและรอปลายฝันเข้ามาทำ แต่ปลายฝันก็ปฏิเสธที่จะทำเพราะเมื่อเดือนที่แล้วมีปัญญากับพ่อเลี้ยง แม่เลี้ยงจึงสั่งให้พนักงานบัญชีจากไร่ใหญ่เข้ามาทำให้ โดยไม่ให้คนงานต้องรอเงินเดือนเพียงเพราะเจ้าของไร่ทั้งสองทะเลาะกัน ทำให้พ่อเลี้ยงไม่พอใจอย่างมากแทนที่แม่เลี้ยงจะสั่งให้ปลายฝันเข้ามาทำบัญชีแต่กลับให้คนของตัวเองมาทำ เหมือนแม่เลี้ยงไม่ปล่อยโอกาสให้ทั้งสองอยู่ด้วยกันเลย ปลายฝันก็พลอยหลบหน้าพ่อเลี้ยงตะวันตลอด ถึงงานจะทำได้ดีแต่ไม่ปล่อยโอกาสให้พ่อเลี้ยงเข้าใกล้เพื่อขอโทษจนหนึ่ง
"แม่จะพูดอะไรของแม่ครับ แม่รับไม่ได้หรือที่ลูกสะใภ้สุดที่รักของแม่คิดจะโกงไร่ ซึ่งเป็นเงินของแม่เลี้ยงเองด้วย"ตะวันพูดด้วยความโมโห ตอนนี้มินร้องไห้หนักมาก"วันก่อนตอนกลางคืนปลายฝันได้โทรมาคุยกับแม่เลี้ยงเพื่อที่จะขอร้องให้แม่เลี้ยงจ่ายเงินคนงานทั้งไร่ เพราะแม่ได้โอนให้พ่อเลี้ยงตะวันมาบริหารไร่เองแล้ว แต่พ่อเลี้ยงกลับใช้จ่ายเงินหมด ปลายฝันเองจึงให้แม่เลี้ยงช่วยจ่ายให้ไร่ก่อน และได้ส่งข้อมูลการใช้จ่ายเงินเดือนให้แม่เลี้ยงตอนสองทุ่มครึ่ง แม่เลียงเลยส่งให้ฝ่ายบัญชีไร่ใหญ่เลยตอนสองทุ่มสามสิบห้า แม่เลี้ยงและฝ่ายบัญชีของไร่ใหญ่เช็คตอนแปดโมงจนจะอนุมัติเงินอยู่แล้ว ก็มีอีเมลของไร่ตะวันรายงานรายจ่ายเข้าไปอีกตอนแปดโมงครึ่งทำให้ฝ่ายบัญชีเกิดกการสับสน แม่เองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจึงได้โทรมาถามพ่อเลี้ยงตะวัน เพราะแม่เลี้ยงคิดว่า พ่อเลี้ยงตะวันต้องใช้เงินส่วนนี้ทำอะไรโดยที่ปลายฝันไม่รู้หรือป่าว เพราะปลายฝันรายงานจำนวนเงินก่อนหน้านี้แล้ว และอีกห้าหมื่นนั่นต้องอนุมัติภายหลังแม่เลี้ยงแค่โทรมาถาม แม่เลี้ยงไม่คิดเลยว่าเหตุการจะเลยเถิดขนาดนี้ ถ้าแม่เลี้ยงไม่จัดการอะไรเลยทุกคนก็จะคิดว่าเป็นความผิดของปลาย
แม่เลี้ยงแค่ตรวจสอบก็พบว่าเมล์ที่ส่งมาตอนแปดโมงครึ่งนั้นถูกทำใหม่และส่งมาที่ไร่ใหญ่ และปลายฝันเองไม่มีเมล์ของไร่ซึ่งอันนี้ต้องเป็นพนักงานบัญชีของไร่ตะวันที่ทำมาส่ง แต่ที่ปลายฝันส่งให้ตอนกลางคืนที่คุยกันเสร็จมันอันที่ไร่ตะวันส่งมาให้ไร่ใหญ่ตอนบ่ายๆ และวันนี้ปลายฝันไม่ได้เข้าไร่เพราะตะวันให้พักผ่อนอยู่ที่บ้าน ต้องเป็นคนที่อยู่ในออฟฟิตที่ส่งมาให้ไร่ใหญ่เป็นแน่ เรื่องนี้ต้องมีอะไรสักอย่างเป็นแน่ แม่เลี้ยงเลยตรวจดูบัญชีเก่าๆก็ไม่พบสิ่งที่ผิดพลาดใดๆ ไม่มีการรายงานเงินเกิน จึงคิดที่จะสืบดูข้อมูลส่วนตัวของผู้ที่ทำบัญชีของไร่ตะวัน คนนี้ก็เคยทำงานมาสักพักใหญ่แล้วนิ แม่เลี้ยงจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและพิมข้อความอะไรสักอย่าง และวางโทรศัพท์ลง"ครับแม่เลี้ยง"เสียงตนสายเอ่ยขึ้น"ใครทำบัญชีให้ไร่ตะวัน ทำไม่เดือนนี้เกิดผิดพลาดขึ้นได้"แม่เลี้ยงถามขึ้น"ทุกที่จะเป็นคุณมินครับแต่เห็นเมื่อวานคุณปลายฝันมาทำให้ และคุณมินก็หยุดงานไปครับ ผมก็รู้แค่นี้ครับ"เสียงคนรายงานให้แม่เลี้ยงรู้"วันนี้ปลายฝันไม่ได้เข้าไร่หรอ"เสียงแม่เลี้ยงถามขึ้น"ไม่เห็นคุณปลายฝันเข้ามานะครับ และช่วงเกือบเที่ยงเห็นพ่อเลี้ยงรีบๆขับร
เช้าวันต่อมาปลายฝันก็ทำอาหารแต่เช้าพอเสร็จสิ้นก็ตั้งใจจะออกไปไร่เลย วันนี้เธอรู้สึกแปลกๆ ตาขวากระตุกแปลกๆ พอเธอจะอาศัยรถกระบะคนงานรอบเช้าไปด้วย คนงานก็บอกว่าให้ปลายฝันรอพ่อเลี้ยง เพราะพ่อเลี้ยงต้องการคุยด้วย พอปลายฝันพบกับพ่อเลี้ยงแล้วพ่อเลี้ยงก็บอกข่าวดี เรื่องที่แม่เลี้ยงจะจัดการเรื่องการเงินให้และวันนี้ให้ปลายฝันหยุดพักผ่อน พรุ่งนี้ค่อยไปทำงาน พอพ่อเลี้ยงออกไปไร่ก็พบว่าวันนี้มินกลับมาทำงานแล้ว มินมองซ้ายมองขวาไม่เห็นปลายฝันก็อดเสียใจเล็กน้อย เขาต้องการเห็นปลายฝันที่เมื่อวานทำบัญชีไปแล้วเป็นอย่างไรบ้าง เขาไม่ได้ให้อีเมลไร่ใหญ่ไปปลายฝันไม่น่าจะส่งข้อมูลให้แม่เลี้ยงได้ เขาเลยแปลงข้อมูลนิดหน่อยและส่งให้แทน ปกติต้องส่งรายจ่ายตั้งแต่เมื่อวานเพราะว่าวันนี้แม่เลี้ยงต้องจัดการ และวันสิ้นเดือนเงินก็เข้าบัญชีพนักงานทุกคน"วันนี้พนักงานบัญชีคนใหม่ไม่มากหรือค่ะพอดีว่ามินไม่ได้สอนงานน้อง น้องน่าจะยังไม่ได้ส่งเมลให้แม่เลี้ยงตั้งแต่เมื่อวานแน่เลยคะ ครั้งนี้เงินอาจจะออกล่าช้า พ่อเลี้ยงต้องแจ้งพนักงานล่วงหน้าหรือป่าวคะ"มินพนักงานบัญชีภายในไร่ถามขึ้น"คงส่งไปแล้วล่ะ วันนี้ปลายฝันไม่ได้เข้าไร่หรอก เด