แชร์

บทที่ 0007

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-04 14:46:00

7 : พี่หญิงใหญ่บ้านข้าง ๆ เรามีคนกลับมาอยู่แล้วนะ

ยามนำโอสถล้ำค่าไปขายที่หอโอสถ นางจะสวมหมวกตาข่ายปิดหน้าตาเอาไว้ และตั้งกฎกับเถ้าแก่ของหอโอสถไว้ ห้ามถามไถ่ถึงตัวตนของนางเด็ดขาด มิเช่นนั้นนางจะยุติการซื้อขายนี้ลง

ตอนแรกเถ้าแก่หอโอสถไม่เชื่อนาง เกรงว่าจะเป็นพวกมาตุ้มตุ๋นหลอกลวง แต่พอได้เห็นยาที่นางนำออกมาให้ดู เขาถึงกับหัวใจแทบหยุดเต้น

“นี่มันยาอะไร เหตุใดถึงมีกลิ่นหอมสดชื่นเช่นนี้ สีสันก็สวยงามเหมือนลูกกวาดก็ไม่ปาน”

จางฉวนเปิดหอโอสถแห่งนี้มาร่วมสามสิบปี นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบเจอ เม็ดยาที่กลิ่นหอมละมุนกลมกล่อมเช่นนี้ รีบเก็บใส่ขวดกระเบื้องเคลือบตามเดิม

“นี่เรียกว่ายาลู่เฟิน”

เพราะสีเหมือนหยก รสชาติหอมหวานสดชื่น นางเลยเลือกใช้ชื่อนี้ ในเรือนโลกันตร์ไม่มีชื่อยา เขียนไว้เพียงสรรพคุณเท่านั้น นางจึงต้องลำบากคิดค้นชื่อให้พวกมัน

“ยาเม็ดนี้เอาไว้ยื้อลมหายใจสุดท้ายของคนป่วย หากใครหมดลมไปไม่เกินสองเฟิน(สองนาที) เมื่อป้อนยาเม็ดนี้เข้าไป จะทำให้กลับมาหายใจได้อีกครั้ง ยานี้ทำมาจากสมุนไพรล้ำค่า ราคาของมันจึงค่อนข้างแพง”

หลี่เมิ่งเหยาไม่รู้จะเสนอราคาเท่าใด นางรอให้อีกฝ่ายเป็นคนเอ่ย เพราะเขาอยู่ในแวดวงโอสถ ย่อมรู้ถึงราคาของมันเป็นอย่างดี

“ข้ายังไม่รู้ว่าสรรพคุณของมัน จะดีเช่นเจ้าเอ่ยมาหรือไม่” จางฉวนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

“เช่นนั้นเอาไปใช้ดูก่อนหนึ่งเม็ด เดือนหน้าข้าจะมาใหม่” นางไม่สนใจสายตาสุดแสนเสียดายของอีกฝ่าย

“แม่นางหยุดก่อน”

“ท่านมีอันใดอีก”

“หากยานี่ได้ผล ข้าจะติดต่อแม่นางได้ที่ไหน ขอรู้ชื่อแซ่และที่อยู่ได้หรือไม่ ท่านเรียกข้าว่าเถ้าแก่จางเหมือนผู้อื่นเถอะ”

“เถ้าแก่จางท่านลืมกฎของข้าไปแล้วรึ ห้ามอยากรู้อยากเห็นตัวตนของข้า อีกหนึ่งเดือนข้าจะกลับมาที่นี่อีก เอาตามนี้แหละ”

นางมั่นใจในโอสถของตัวเอง แม้ยังไม่เคยได้ลองใช้จริงจังสักครั้งก็เถอะ

หลี่เมิ่งเหยาเดินออกจากหอโอสถประจำเมืองฉางไป นางตรงไปตรวจตรา ดูกิจการให้เช่าเรือนค้าขาย คนงานทั่วไปไม่รู้จักนาง จึงต้องยื่นป้ายเจ้าของกิจการให้ดู ไม่ช้าผู้ดูแลร้านของแต่ละแห่งก็ออกมาต้อนรับนาง พร้อมกับรายงานสถานการณ์ปัจจุบัน ให้นางรับรู้

เมื่อเสร็จธุระหมดแล้ว นางจึงตรงกลับเรือนไป หลี่เมิ่งเหยายามนี้ใบหน้างดงาม ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ราวตุ๊กตาผิวกระเบื้องเคลือบ นางเดินเข้าไปภายในเรือน มองหาน้องชายตัวน้อยของตนเป็นอันดับแรก

“พี่หญิงใหญ่กลับมาแล้ว” หลี่ชงหยวนในวัยสี่ขวบ ใช้ขาสั้นป้อมวิ่งมาหาพี่สาวของตน

“เสี่ยวหยวนเดี๋ยวหกล้ม !”

ไม่ทันแล้วเจ้าตัวน้อยพุ่งตัว ราวลูกธนูเข้าใส่นาง ทำให้นางต้องเอื้อมแขนออกไป โอบรัดตัวเขาเอาไว้แน่น ๆ

“พี่หญิงใหญ่เหตุใดไม่พาข้าไปด้วยเล่า”

เจ้าของใบหน้ากลมอวบทำแก้มพองใส่พี่สาว

“ข้าไปทำธุระ เจ้าไปด้วยก็ไม่สนุกหรอก เอาไว้วันหลังข้าจะพาไปเที่ยวเล่นข้างนอกดีหรือไม่”

“เย้ ๆ แต่พี่ใหญ่ห้ามผิดคำพูดเชียวนะ ไม่เช่นนั้นข้าจะโกรธท่านจริง ๆ ด้วย”

“ได้ ๆ”

เดิมทีนางต้องการเลี้ยงดูน้องชายอย่างเข้มงวด แต่ไหนเลยจะรู้ว่า เพียงแค่เขาเอ่ยออดอ้อนนิดเดียว หัวใจของนางก็อ่อนยวบลงไปกองอยู่บนพื้น

เจ้าเด็กหน้าเหม็นนี่ น่ารักน่าชังเกินไปแล้ว นางฟัดแก้มซาลาเปาสองก้อนของเขาอย่างมันเขี้ยว

“พี่หญิงใหญ่ ! ท่านแม่สอนว่าบุรุษกับสตรีห้ามถูกเนื้อต้องตัวกัน แต่ท่านชอบหอมแก้มข้าตลอดเลย ใครที่ไหนจะนับถือข้าเป็นบุรุษกันเล่า”

“นี่มันคำพูดของเด็กสี่ขวบหรือไง ไม่อยากให้ข้าหอมรึ นี่แนะ ฟอด ! ฟอด !”

เสี่ยวหยวนหัวเราะจนหน้าแดงก่ำ แม้ปากจะเอ่ยเช่นนั้น แต่ในใจเขารู้สึกมีความสุขทุกครั้ง ที่ถูกพี่สาวหอมแก้ม เขากอดคอนางเอาไว้แน่น ๆ แล้วกระซิบตรงหูนางเบา ๆ

“พี่หญิงใหญ่บ้านข้าง ๆ เรา มีคนกลับมาอยู่แล้วนะ”

“หืม หลังไหน”

“หลังนั้น” เด็กน้อยชี้นิ้วไปเรือนหลังที่อยู่ฝั่งขวามือ

หลี่เมิ่งหยวนหวนระลึกถึงใบหน้า ของคุณชายสามผู้นั้น ผ่านมาห้าปีแล้วนางจำใบหน้าของคนผู้นั้น ไม่ค่อยได้เหมือนกัน

“เสี่ยวหยวนเจ้ารู้ได้อย่างไร” ตัวเขาเล็กเพียงนี้ไม่สามารถมองเห็นคน ที่อยู่ในเรือนด้านข้างได้อย่างแน่นอน

เสี่ยวหยวนยิ้มแก้เขินเล็กน้อย “เอ่อ คือว่า”

ท่าทางเช่นนี้ ไม่พ้นทำความผิดมาอย่างแน่นอน “เจ้ามุดทางหมาลอดอีกแล้วใช่ไหม”

“ขะข้าไม่ได้ตั้งใจ”

เสียงเขาแผ่วเบาเพราะกลัวถูกทำโทษ

“พอดีลูกบอลของข้าลอยข้ามกำแพงไป ข้าก็แค่ไปเก็บกลับคืนมาเท่านั้นเอง” เอ่ยแล้วหลบสายตาพี่สาวไปทางอื่น

“เสี่ยวหยวนเล่ามาให้หมด”

“ก็ได้ ๆ คือเรื่องมันเป็นอย่างนี้ ข้ามุดทางหมาลอดไปเก็บลูกบอล เลยเจอเข้ากับพี่ชายตาบอดคนหนึ่ง เขาถามว่าข้าเป็นใครมาจากไหน ข้าก็บอกไปตามตรง ว่าข้าอยู่บ้านหลังนี้ เป็นลูกชายของท่านแม่ เขาไม่ว่าอะไรให้ขนมข้ามากล่องหนึ่ง ข้าเอาไปให้ท่านแม่แล้ว ตอนนี้ท่านแม่เลยให้ป้าหลู ตุ๋นน้ำแกงไก่ไปมอบให้พวกเขา” หลี่ชงหยวนเล่าจบ ก็หอบหายใจด้วยความเหนื่อย

“นับว่าท่านแม่ทำถูกแล้ว เจ้าจะไปรับของคนแปลกหน้า มาง่าย ๆ เช่นนี้ไม่ได้”

“ข้าก็ปฏิเสธแล้ว แต่พี่ชายตาบอดผู้นั้น ยัดขนมใส่มือข้ามา”

“พี่ชายตาบอดรึ”

“อื้ม สงสัยขาเป๋ด้วย เห็นเอาแต่นั่งอยู่บนรถเข็น”

ได้ยินแล้วหลี่เมิ่งเหยาก็อดแปลกใจไม่ได้ ผ่านไปห้าปีเหตุใดคนเรือนนั้น ถึงตาบอดขาเป๋เสียแล้วล่ะ อดนึกถึงเรือนโอสถไม่ได้ มีวิธีการรักษาอาการตาบอด และยาเชื่อมกระดูกแก้ความพิการอยู่

ไม่ใช่เรื่องของข้าเสียหน่อย

แต่ว่าเขาเคยให้ตะเกียงกับกระโถนฉี่ข้านี่นา

ความคิดแตกแยกเป็นสองฝั่ง นางเก็บพับเรื่องนี้เอาไว้ก่อน อุ้มน้องชายเข้าไปหามารดาในห้องโถง เห็นนางกำลังนั่งปักผ้าอยู่กับป้าหลู

“คุณหนูมาแล้ว” ป้าหลูรีบเข้าไปอุ้มเสี่ยวหยวนมา

“ท่านแม่ข้าได้ข่าวว่าท่าน ให้ป้าหลูตุ๋นน้ำแกงไก่ ไปให้คนเรือนข้าง ๆ หรือเจ้าคะ”

“เจ้ารู้ได้อย่างไร อ้อ เสี่ยวหยวนใช่ไหมที่เล่าให้ฟัง” เฉาซูหลิ่งกลอกตาใส่บุตรชายเบา ๆ

“เพราะเขานั่นแหละไปรับขนมเรือนโน้นมา ข้าเลยต้องให้ป้าหลูตุ๋นน้ำแกงไก่ใส่โสม ให้ลุงจงเอาไปมอบให้แทนคำขอบคุณ เหยาเอ๋อร์เจ้าว่าเราปิดทางหมาลอดนั่นดีไหม ก่ออิฐซ่อมกำแพงตรงนั้นไปเลย”

“ไม่ดีเจ้าค่ะ กำแพงฝั่งนั้นเป็นของเรือนโน้น เราไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งเกี่ยว แต่ว่าเราปลูกต้นไม้ ปิดช่องทางนั้นเอาไว้ได้”

“จริงของคุณหนูนะเจ้าคะฮูหยิน ข้าดูไปแล้วกำแพงอยู่ในพื้นที่เรือนฝั่งโน้นจริง ๆ หากเราไปก่ออิฐทับของพวกเขา เกรงว่าจะเป็นการเสียมารยาท ปลูกต้นไม้บังอย่างที่คุณหนูเอ่ยมาก็พอเจ้าค่ะ”

“เช่นนั้นก็เอาตามนี้ ป้าหลูไปจัดการได้เลย” เฉาซูหลิ่งย่อมรับฟังความเห็นของทุกคน

หลี่เมิ่งเหยาหันไปทางน้องชาย “เสี่ยวหยวนไปคัดตัวอักษรที่ห้องหนังสือต่อให้เสร็จ”

“ขอรับพี่หญิงใหญ่” เสี่ยวหยวนน้อยขานรับเสียงค่อย ทำท่าคอตกในทันที

ป้าหลูเดินจูงมือคุณชายน้อยของเรือน ไปยังห้องหนังสือและนั่งดูแลเขายามคัดลอกตัวอักษร เพราะหากเผลอเมื่อใด เขาจะหลับในทันที

เหลือเพียงสองแม่ลูก ที่นั่งพูดคุยกันอยู่ในห้องโถง เฉาซูหลิ่งมองค้อนบุตรสาวเล็กน้อย

“ท่านแม่มีอะไรก็เอ่ยออกมาตรง ๆ เจ้าค่ะ อย่ามองข้าเช่นนี้”

“เจ้านี่นะ หลอกข้ามาได้ตั้งหลายปี หากป้าหลูไม่หลุดปากออกมาข้าคงไม่รู้ ว่าเจ้าไปทำกิจการใหญ่โต อยู่ด้านนอกกับลุงจง ไหนเจ้าว่าแค่ทำการค้าขายเล็ก ๆ น้อย ๆ เหตุใดถึงเป็นเถ้าแก่ปล่อยเช่าเรือนที่อยู่อาศัยไปได้”

“ปล่อยเช่าเรือนทำร้านค้าต่างหาก จะว่าไปแล้วหากเพิ่มการปล่อยเช่าเรือนอยู่อาศัยก็ดีไม่น้อย”

“ยังไม่สำนึกอีก เจ้ายังเห็นข้าเป็นแม่อยู่หรือไม่”

“ท่านแม่ไม่ใช่ว่าข้าอยากปิดบัง แต่ว่าข้าก็ไม่รู้ว่าทำไปแล้วจะรุ่งหรือจะร่วง ไม่อยากให้ท่านไม่สบายใจตามไปด้วย ตอนนี้กิจการเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว ท่านแม่วางใจได้ลุงจงเก่งมาก หาคนเก่ง ๆ มาดูแลการค้าได้ดีทีเดียว”

เฉาซูหลิ่งมองบุตรสาวที่เติบใหญ่มาเป็นอย่างดี ไม่มีสักวันที่เด็กคนนี้จะรู้สึกท้อแท้ หรือออกปากบ่นชีวิตที่เป็นอยู่ ดูยามนี้สิ แอบไปทำกิจการค้าขายเสียใหญ่โต แม่อย่างนางกลายเป็นคนโง่เง่าเบาปัญญาไปแล้ว แต่นี่ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องที่ดีหรอกหรือ

“เอาเถอะเจ้าไม่ขาดทุนก็ดีแล้ว อย่างน้อยเจ้าก็เลี้ยงดูข้ากับเสี่ยวหยวนได้”

หลี่เมิ่งเหยา “?!”

ท่านคิดจะเกาะข้ากินไปจนตายหรืออย่างไร

นางมองมารดาที่มีอายุเพียงสามสิบหกปี ยังมีความงดงามอยู่ราวสาวแรกรุ่น บางครั้งนางก็เสียดายแทนอะไรหลาย ๆ อย่าง

“มีอะไร” เห็นบุตรสาวมองหน้าตัวเองนิ่ง ๆ เกิดนึกแปลกใจขึ้นมา

“ท่านแม่ท่านเคยคิดจะมีครอบครัวใหม่หรือไม่ ข้าว่าท่านสามารถหาบุรุษมาครองคู่ได้ไม่ยาก”

“เหลวไหลอีกแล้ว ข้าเคยบอกแล้ว ข้ายังเป็นอนุภรรยาของพ่อเจ้า หากข้าไปมีบุรุษอื่น คงถูกพวกเขาจับไปใส่กรงหมู ถ่วงน้ำตายอย่างอนาถแน่”

“ห้าปีมานี้ท่านพ่อไม่เคยสนใจท่านเลย ส่งคนมาถามไถ่ก็ไม่เคย ทั้งที่ก็ไม่ได้อยู่ไกลกันมากนัก เดินทางสองวันก็ถึงแล้ว ท่านแม่ท่านเลิกหวังเถอะ”

“เหยาเอ๋อร์ !”

เฉาซูหลิ่งทำหน้าขัดใจ แต่ก็พูดไม่ออกอยู่เหมือนกัน เพราะสิ่งที่บุตรสาวเอ่ยออกมานั้น เป็นความจริงทุกประการ

“หากหนังสือปลดปล่อยอนุ รั้งท่านแม่เอาไว้ ให้ข้าไปเจรจาขอกับท่านพ่อดีหรือไม่”

“เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้เลย ใจข้ามีเพียงพ่อของเจ้าผู้เดียว ไม่คิดมีสามีใหม่ด้วย ไปเลยกลับห้องเจ้าไปเลย” นางโกรธจนตัวสั่น ลุกขึ้นมาชี้นิ้วไปที่ประตู

โง่เง่าดังเดิมไม่เคยเปลี่ยน

หลี่เมิ่งเหยาหันหลังเดินจากไปในทันที มารดาผู้นี้ไม่เข้าใจความหวังดีของนางเลย พอเดินไปใกล้จะถึงห้องของตนเอง กลับได้ยินเสียงเหมือนคน กำลังซ่อมแซมบางอย่างจากเรือนหลังด้านข้าง นางดีดตัวขึ้นไปบนต้นไม้สูง ใช้กิ่งไม้ใบไม้บังสายตาผู้คนไว้

บ่าวรับใช้ราวห้าหกคน มีทั้งบุรุษสตรีและคนชรา พวกเขากำลังทำความสะอาดเรือนอย่างตั้งใจ แต่สีหน้าแววตาของแต่ละคน ดูไม่มีความสุขเท่าใดนัก แบบนี้คงไม่ได้มาแค่พักผ่อน หรือทำงานเหมือนเมื่อหลายปีก่อน คงมาอาศัยอยู่แบบถาวรเลยมากกว่า

มีเพื่อนบ้านแล้วสินะ

บทที่เกี่ยวข้อง

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0008

    8 : เจ้าจะเอ่ยออกมาทำไม ขายหน้าชะมัด ทันใดนั้นสายตานางมองไปเห็นบุรุษผู้หนึ่ง สายตาของเขาเหมือนจะมองมาทางนี้ จึงรีบทิ้งตัวลงมาจากต้นไม้ คนผู้นั้นสายตากว้างไกล เกรงว่าวรยุทธ์สูงส่งอยู่ไม่น้อย หน้าตาคุ้น ๆ แต่นางนึกไม่ออก ว่าเคยเจอกันที่ไหนมาก่อน รีบเดินกลับเข้าห้องนอนของตัวเองไป

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-04
  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0009

    9 : ยึดทรัพย์ตระกูลหลี่พอได้อยู่เพียงลำพัง หยวนเหวินเซียวอดนึกถึงเสียงเล็ก ๆ ของเด็กน้อยเสี่ยวหยวนไม่ได้ ทำให้หัวใจอันมืดมนของเขาพลันสดชื่นขึ้นมา ย้อนเหตุการณ์ไปยามที่ได้พูดคุย กับเสี่ยวหยวนตัวน้อยนั่น “พี่ชายเหตุใดมีผ้าคาดตาด้วยเล่า” เขาสัมผัสได้ถึงฝ่ามือน้อย ๆ จับตรงต้นขาข

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-04
  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0010

    10 : อยากตายก็เข้ามาสิ เสี่ยวหยวนน้อยเห็นคนวัยเดียวกันก็ใจชื้นขึ้นมา ยกมือขึ้นมาโบกส่ายเล่นกับเขา เด็กน้อยหลี่ซืออี้ยกมือโบกตอบกลับเขาด้วยความเขินอาย จี้ชิวหรงดึงมือน้อย ๆ ของบุตรชายลงแทบไม่ทัน “เจ้าคือเหยาเอ๋อร์รึ” หลี่หงซวนมองหลานสาวตนเองด้วยความประหลาดใจ เด็กน้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-04
  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0011

    11 : อี้เอ๋อร์นี่เป็นของขวัญพบหน้าจากพี่สาว หลี่เมิ่งเหยาให้มารดาพาน้องชายกับป้าหลู เข้าไปสอบถามเรื่องเช่าเรือนกับหม่าหลิงเฟย ให้ลุงจงทำหน้าที่ขนของขึ้นรถม้าเพียงลำพัง ส่วนตัวนางเดินไปทวงหนังสือปลดปล่อยอนุภรรยากับบิดา “เหลวไหล ! นี่ไม่ใช่เรื่องที่เด็กจะมาพูดกับผู้ใหญ่ได้”

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0012

    12 : สามีที่ดีคือสามีใหม่นะท่านแม่ หลังจัดแจงที่พัก ให้ครอบครัวของเฉาซูหลิ่ง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม่นมหูยกของว่างกับน้ำชา มาให้หม่าหลิงเฟยในห้องนั่งเล่น “ฮูหยินท่านใจอ่อนไปแล้วนะเจ้าคะ” มีความห่วงใยในน้ำเสียงของแม่นมหู หม่าหลิงเฟยอมยิ้มในหน้า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0013

    13 : นางไม่ใช่คนดีเท่าใดนัก ในใจของหลี่ปิงซืออดเสียดายไม่ได้ หากพวกนางยังอยู่ที่นี่ ไม่ใช่ว่าจะช่วยเหลือตระกูลหลี่ได้หรอกหรือ ไม่น่าหุนหันพลันแล่น ขับไล่พวกนางออกไปเลย ครึ่งชั่วยามต่อมา พ่อบ้านหลัวได้กลับมารายงานผู้เป็นนาย หลังจากได้ไปสอบถามกับผู้คนที่อยู่ละแวกนี้แล้ว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0014

    14 : หาที่ปลูกเรือนหลังใหม่ สะใภ้ทั้งสองหันไปมองหน้ากัน แล้วหลุบสายตาลงต่ำ พวกนางไม่เคยคิด ว่าการแต่งงานเข้าตระกูลหลี่ จะต้องมาพบกับจุดจบเช่นนี้ หากพวกนางไม่ได้รักสามีด้วยใจจริง หรือหากก่อนหน้าสามีใจร้ายกับพวกนาง คงตัดสินใจรับหนังสือหย่ากลับบ้านเดิมไปแล้ว แต่เมื่อเลือกติดตามสามีมาเช่นนี้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0015

    15 : พี่หญิงใหญ่นางค่อนข้างจะร่ำรวย หลี่เมิ่งเหยามองเห็นความโลภในดวงตาของเขา พวกเถ้าแก่เป็นเช่นนี้ทุกคนหรือไม่ “ใครก็ช่วยหาไม่ได้หรอก มีเพียงข้าเท่านั้นที่เข้าไปสถานที่แห่งนั้นได้” สมุนไพรบางตัวมีอยู่บนยอดภูเขา ในกำไลหยกโลกันตร์เท่านั้น ไหนเลยนางจะรู้ได้ว่า ข้างนอกน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10

บทล่าสุด

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0282

    ฤดูร้อนปีนี้ไม่ได้ร้อนมากอย่างที่คิด บรรยากาศกำลังเย็นสบาย สายลมพัดเอื่อยสายน้ำไหลฉ่ำ หลี่เมิ่งเหยากำลังอ้าปากรับเนื้อปลาย่าง ที่สามีป้อนให้อย่างมีความสุข นางมองเด็ก ๆ ที่นั่งกินข้าวกันอย่างเพลิดเพลิน ชีวิตแสนเรียบง่ายนั้น ต้องแลกมาด้วยความเหน็ดเหนื่อยเพียงใด นางค่อนข้างหวงแหนพวกเขาทุกคน

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0281

    “เจ้าอยู่นิ่ง ๆ ข้าจะเอาออกให้” เซี่ยโหวหานเฟิงรีบตรงไป ดึงหนามกิ่งไม้ออกจากตัวของเขา “ขอบคุณขอรับพี่เขย” เขาเอ่ยอย่างนอบน้อม ไม่คิดว่าตอนทำธุระเสร็จ เดินกลับออกมานั้น กิ่งไม้หนามดันมาเกี่ยวเสื้อผ้า และบาดนิ้วมือของเขาเข้า บอกว่าไม่เจ็บก็คงไม่ใช่ “พี่หญิงใหญ่ข้าเจ

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0280

    147 : เหมยเอ๋อร์นี่คือเมืองของแม่เจ้า (จบ) เข้าสู่คิมหันตฤดู หลี่เมิ่งเหยาตั้งครรภ์ได้สี่เดือนแล้ว แต่เพราะเป็นครรภ์แรก ท้องของนางจึงไม่ได้ใหญ่เหมือนเช่นผู้อื่น นางเคยให้สัญญากับน้องชาย ว่าจะพาเขาออกไปท่องเที่ยว เมื่อสะสางงานทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว นางจึงจัดตั้งขบวนรถม้า มุ

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0279

    “ท่านรู้จักพี่ชายข้าด้วยหรือ” “รู้จัก วันก่อนข้าเพิ่งพาหลานชายไปสมัครเรียนที่นั่น” “เช่นนี้นี่เอง” สวีฟางจิงยืดอกน้อย ๆ ขึ้น นางรู้สึกเหมือนมีดอกไม้เบ่งบานอยู่ในหัวใจ ทำให้ไม่อาจหุบยิ้มลงได้ เสี่ยวหยวนมองเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า เขารู้ทันทีว่าสตรีนางนี้ หมายปองเสิ่นหร

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0278

    “เสี่ยวหยางโตเร็วมาก ตอนนี้ข้าอุ้มแทบไม่ไหวแล้ว” นางนั่งลงด้านข้างกับมารดา จ้องมองหน้าท้องของนางด้วยความรู้สึกยินดี “เจ้าไม่ต้องมองข้า เรื่องแบบนี้ข้าควบคุมไม่ได้” เฉาซูหลิ่งแอบอายเล็กน้อย นางตั้งครรภ์อีกแล้ว ทั้งยังท้องพร้อมกับบุตรสาวอีกด้วย “ข้าไม่ได้ว่าอะไรเสีย

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0277

    146 : หยางเป่ยจวิ้นจู่ ฮ่องเต้ที่อยู่เมืองหลวงได้รู้ข่าวนี้ กลับรู้สึกพูดไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง ใครจะรู้ว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ ฮ่องเต้ทรงได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจมากมายนัก ราชครูฮู่ผู้เป็นอาจารย์ของพระองค์ มีสายเลือดของราชวงศ์เก่าไหลเวียนอยู่ในกาย และพยายามก่อกบฏอยู่หลายครั้ง

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0276

    ใบหน้าของคนเป็นสามีซีดเผือดหลังได้ยิน “เป็นปีเลยหรือ” “อื้ม” “เช่นนั้นยังไม่ต้องมีก็ได้” เขาเอ่ยด้วยสีหน้าเจื่อน ๆ หลี่เมิ่งเหยาหัวเราะจนตัวงอ เรื่องนี้นางเลือกที่จะคุมกำเนิดด้วยการกินยาไว้ก่อน เกิดนางกับมารดาท้องพร้อมกัน คงเหนื่อยไม่น้อย เอาไว้ให้น้องของนางโตได้ส

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0275

    145 :มาตกลงเรื่องงานแต่งกันเถอะ เมื่อถูหลิวได้มาเยือนที่เรือนของเฉาซูหลิ่งอย่างเป็นทางการ เขาไม่ได้มาตัวคนเดียว กลับพาแม่สื่อมากับเขาด้วย เฉาซูหลิ่งยังไม่ได้บอกเรื่องตั้งครรภ์กับเขา นางกำลังนั่งเหม่อกับคำพูดของแม่สื่อ ราวกับได้ย้อนเวลาไปเป็นบุปผาแรกรุ่น ซ่งฉีโหย่งกับหลิวอี๋เฉ

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0274

    “ว่าอย่างไรได้หรือไม่” อย่าอ้อนข้า หลี่เมิ่งเหยาก้มหน้าลงต่ำ ดันเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นเข้า เขาพร้อมขนาดนี้ หากนางปฏิเสธจะดูใจร้ายใจดำเกินไปไหม “เหยาเอ๋อร์” เสียงแหบพร่าบ่งบอกถึงอารมณ์ของสามี นางจะทำสิ่งใดได้ นอกจากพยักหน้าลงช้า ๆ เอวนางถูกรว

DMCA.com Protection Status