Share

บทที่ 0008

last update Last Updated: 2024-12-04 14:46:21

8 : เจ้าจะเอ่ยออกมาทำไม ขายหน้าชะมัด

ทันใดนั้นสายตานางมองไปเห็นบุรุษผู้หนึ่ง สายตาของเขาเหมือนจะมองมาทางนี้ จึงรีบทิ้งตัวลงมาจากต้นไม้ คนผู้นั้นสายตากว้างไกล เกรงว่าวรยุทธ์สูงส่งอยู่ไม่น้อย หน้าตาคุ้น ๆ แต่นางนึกไม่ออก ว่าเคยเจอกันที่ไหนมาก่อน รีบเดินกลับเข้าห้องนอนของตัวเองไป

ซ่งหลินต๋ารู้สึกเหมือนมีสายตา ของใครบางคนจ้องมองอยู่ ครั้นมองกลับไปก็ไม่เห็นแม้แต่เงา ผู้ใดมาสอดส่องเรือนคุณชายของเขา

ก่อนฉุกคิดขึ้นมาได้ ที่ดินตรอกหนิงอัน เป็นของหยวนเหวินเซียวทั้งหมด ยกเว้นเรือนที่อยู่ด้านข้าง คงคิดมากไปเอง เรือนนั้นน่าจะมีเพียง เด็กและสตรีอาศัยอยู่

ภายในห้องนอนของหยวนเหวินเซียว ยามนี้เขามีผ้าสีขาวผูกปิดดวงตาเอาไว้ เนื่องจากได้รับพิษร้าย จนทำให้ดวงตาทั้งสองข้างบอดสนิท หม่าหลิงเฟยมารดาของเขา กำลังจัดแจงให้บุตรชายขึ้นนอนพักผ่อนบนเตียง

“เป็นเพราะข้าทำให้ท่านแม่ต้องพลอยลำบากไปด้วย”

เพราะดวงตามองไม่เห็น ทำให้คนในตระกูลนึกรังเกียจ อีกทั้งเขายังเป็นเพียงบุตรชายของฮูหยินรอง ซึ่งบิดาไม่ได้โปรดปรานแม้แต่น้อย

“ลำบากอันใดกัน ได้อยู่กับเจ้าข้าย่อมไม่ต้องการสิ่งใดอีกแล้ว” หม่าหลิงเฟยเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม นางไม่รู้สึกอาลัยอาวรณ์แม้แต่น้อย ขอเพียงได้อยู่ดูแลบุตรชายเป็นพอ

เมื่อคนในตระกูลหยวน แสดงออกอย่างชัดเจน ว่ารังเกียจบุตรชายตาบอดขาพิการของนาง และต้องการให้เขาย้ายออกมาจากตระกูลหยวน หม่าหลิงเฟยจึงยื่นคำขาด ขอให้สามีเขียนจดหมายปลดปล่อยภรรยา เพื่อที่จะได้ตามมาดูแลเขาที่นี่

“ท่านแม่ลูกอกตัญญูแล้ว”

“อย่าได้เอ่ยเช่นนั้น ตอนเจ้ายังดี ๆ อยู่ ทำงานให้คนพวกนั้นมีกินมีใช้กันตั้งเท่าไร ยามลำบากกลับขับไล่ไสส่ง ดีแค่ไหนที่เจ้ามีที่ทาง และร้านค้าบางส่วนเป็นของตนเอง ไม่เช่นนั้นคงถูกพวกเขายึดไปจนหมด”

นางเอ่ยด้วยความแค้นใจ เป็นเพราะตระกูลเดิมของนางตกต่ำ เลยทำให้บ้านสามีนึกรังเกียจ ยิ่งบุตรชายถูกลอบวางยาจนเป็นเช่นนี้ ยิ่งทำให้พวกเขาเผยตัวตนออกมาอย่างชัดเจน

“อย่าให้ข้ารู้นะว่าเป็นฝีมือของใคร” นางเข่นเขี้ยวด้วยความโกรธ

เรื่องนี้สะเทือนใจของหยวนเหวินเซียวเป็นอย่างมาก เมื่อสองปีก่อนเขาไปงานเลี้ยง ที่จวนเสนาบดีการคลังแทนผู้เป็นบิดา แต่กลับถูกวางยาในน้ำชาจนตาบอด ทำให้พลัดตกลงมาจากบันไดหิน จนขาพิการข้างหนึ่ง

เหตุการณ์วันนั้นไม่สามารถเอาผิดผู้ใดได้ ตระกูลหยวนไม่อยากมากความกับจวนเสนาบดี จึงยอมปล่อยให้เรื่องนี้ เงียบหายไปอย่างเงียบ ๆ

หยวนเหวินเซียวต้องทนทุกข์ทรมาน กับการมองไม่เห็น มารดาของเขาเฝ้าตามหาหมอ มารักษาอาการให้ ทว่าสองปีผ่านมานี้ หมอคนแล้วคนเล่า ก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน ว่าไร้หนทางรักษาแล้วจริง ๆ

“ท่านแม่กลับห้องไปเถอะขอรับ ข้าจะนอนพักเสียหน่อย”

“ได้ ๆ เจ้านอนเถอะเดินทางมาเหนื่อย ๆ ข้าก็จะเข้านอนแล้วเหมือนกัน” นางดึงผ้าห่มคลุมตัวให้บุตรชาย ก่อนเดินออกจากห้องนอนของเขาไป

วันต่อมาหม่าหลิงเฟยถือของขวัญกล่องหนึ่ง ไปทักทายเพื่อนบ้านที่อยู่เรือนด้านข้าง จึงได้ทำความรู้จักกับเฉาซูหลิ่ง

“ข้าพาลูกชายย้ายมาอยู่ที่เรือนด้านข้างนี้แบบถาวร ต่อไปพวกเราก็กลายเป็นเพื่อนบ้านกันแล้ว นี่คือของขวัญที่ข้านำมาให้ โปรดฮูหยินรับไว้ด้วย” หม่าหลิงเฟยยื่นกล่องของขวัญ ไปตรงหน้าของนาง

“ขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะ” เฉาซูหลิ่งรับของขวัญมา แล้วส่งยื่นให้ป้าหลูนำไปเก็บ

“หม่าฮูหยินเดิมทีข้าแซ่เฉาเจ้าค่ะ”

เฉาซูหลิ่งไม่รู้จะแนะนำตัวเองอย่างไร ได้ข่าวว่าพวกเขามาจากตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง ขณะที่ตัวนางนั้น แทบไม่อาจเอ่ยถึงฐานะของตนเองได้เลย

“เช่นนั้นต้องเรียกเฉาฮูหยินสินะ”

“เอ่อ เช่นนั้นก็ได้”

เฉาซูหลิ่งไม่กล้าบอก ว่าตอนเองเป็นเพียงอนุภรรยา ที่ถูกตระกูลหลี่ขับไล่ออกมาอยู่ที่นี่

“พวกท่านมาอยู่ที่นี่ก็ดีแล้ว ข้ากับลูก ๆ อยู่ที่นี่มาห้าปี ค่อนข้างเงียบเหงามากเลยทีเดียว เสี่ยวหยวนท่านคงเคยเห็นแล้ว เมื่อวานเห็นมุดทางหมาลอด ไปเอาลูกบอลที่เรือนท่าน ข้าต้องขออภัยด้วย ที่สั่งสอนบุตรชายได้ไม่ดี”

“ไม่เป็นไร ๆ เขาน่ารักดี ว่าง ๆ ก็ให้ไปวิ่งเล่นที่เรือนของข้าได้ ข้าจะให้คนเตรียมขนมไว้เลี้ยงเขาเอง”

“เกรงใจท่านแล้วเจ้าค่ะ นั่นเหยาเอ๋อร์กลับมาแล้ว รีบมาทักทายกับหม่าฮูหยินเร็วเข้า”

หลี่เมิ่งเหยาเลิกคิ้วแปลกใจ หม่าฮูหยินที่ใดกันอีก พอเดินเข้าไปในห้องโถงกลับเห็นสตรีใบหน้างดงาม ท่าทางเหมือนคนเติบโตมาในตระกูลใหญ่โต ดูไปแล้วอายุคงมากกว่ามารดานางราวห้าหกปีเห็นจะได้

“นี่หลี่เมิ่งเหยาบุตรสาวคนโตของข้าเองเจ้าค่ะ เหยาเอ๋อร์หม่าฮูหยินเพิ่งย้ายมาอยู่ที่เรือนด้านข้างนี่เอง”

“เมิ่งเหยาคำนับหม่าฮูหยินเจ้าค่ะ” หลี่เมิ่งเหยาประสานมือย่อตัวลง

“หน้าตางดงามยิ่งนัก อายุเท่าใดแล้วรึ”

“สิบเจ็ดปีเจ้าค่ะ”

“โอ้” หม่าหลิงเฟยทำหน้าตกใจเล็กน้อย อายุเท่านี้เหตุใดยังไม่ออกเรือนอีก ได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้

“ว่าแต่ท่านเป็นใครหรือเจ้าคะ”

หลี่เมิ่งเหยาเห็นมารดาไม่ยอมบอก ความเป็นมาของอีกฝ่าย จึงเอ่ยถามออกไปตรง ๆ

“เจ้าเด็กนี่ เสียมารยาทจริง ๆ” เฉาซูหลิ่งตำหนิบุตรสาวซึ่ง ๆ หน้า หันไปทางหม่าหลิงเฟย “ขายหน้าท่านแล้ว”

“ที่ไหนกันนางตรงไปตรงมาเช่นนี้ ข้าว่าดีออก ข้าชื่อหม่าหลิงเฟย เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ที่เรือนข้าง ๆ นี้เอง วันนี้เลยนำของขวัญมาทักทายเพื่อนบ้านเสียหน่อย”

หลี่เมิ่งเหยาพยักหน้าลงเบา ๆ “ท่านเป็นอะไรกับคุณชายสามเรือนนั้นหรือเจ้าคะ”

“นี่เจ้า รู้จักบุตรชายของข้าด้วยรึ”

นางทำหน้าตกใจ หันไปทางแม่นมของตนที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีกฝ่ายส่ายหน้าเบา ๆ ไม่รู้เรื่องเช่นกัน

หลี่เมิ่งเหยาแอบอายเล็กน้อย

“ไม่ถือว่ารู้จักกันหรอกเจ้าค่ะ เพียงแต่เมื่อห้าปีก่อน ตอนที่ข้ากับท่านแม่ ย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ ค่อนข้างกะทันหันไปหน่อย เลยได้ไปหยิบยืมตะเกียงน้ำมัน กับกระโถนฉี่ที่เรือนของท่านมาใช้เจ้าค่ะ”

เฉาซูหลิ่งแทบลมจับ เจ้าจะเอ่ยออกมาทำไม ขายหน้าชะมัด

“กระโถนฉี่ ?”

หม่าหลิงเฟยตกใจจนกำมือใต้แขนเสื้อแน่น แต่พอคิดว่าห้าปีก่อน นางคงอายุสิบสองปีเท่านั้น ยังคงเป็นเด็กสาวอยู่ คงไม่รู้ความเท่าใดนัก แต่การย้ายมาอยู่อย่างกะทันหันย่อมมีสาเหตุ หม่าหลิงเฟยไม่ได้อยากรู้อยากเห็นถึงเพียงนั้น

“ฝากขอบคุณคุณชายสามด้วยนะเจ้าคะ หากไม่ได้เขาให้ยืมของ ยามนั้นข้ากับท่านแม่คงลำบากไม่น้อย” หลี่เมิ่งเหยาเอ่ยต่อ

“ได้ข้าจะบอกเขาให้”

หม่าหลิงเฟยรู้สึกแปลก ๆ กับหลี่เมิ่งเหยา ดูนางแตกต่างจากสตรีทั่วไป ดูมั่นใจกล้าพูด ไม่มีความเหนียมอายแม้แต่น้อย “ข้ามานานแล้วคงต้องขอตัวกลับก่อน”

“ข้าไปส่งท่านเองเจ้าค่ะ” เฉาซูหลิ่งลุกขึ้นเดินออกไปส่งแขก

หลี่เมิ่งเหยาทำเพียงย่อตัวให้เล็กน้อย นางสังเกตเห็นแววตาของหม่าหลิงเฟย ไม่ได้สดใสเลยแม้แต่น้อย มีความโศกเศร้าเสียใจอยู่ตลอดเวลา จึงไม่กล้าเอ่ยถาม ว่าเหตุใดคุณชายสามผู้นั้น ถึงได้ตาบอดขาพิการ จนต้องนั่งรถเข็น

หากยังอยู่ที่นี่ คงได้พบเจอและพูดคุยกันอีก นางรอดูสถานการณ์ไปก่อน หากเป็นคนดีมีน้ำใจต่อกัน อาจพิจารณาให้เป็นหนูลองตัวยา ในเรือนโอสถก็เป็นได้ มุมปากนางยกขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ทำไงได้ยานั่นยังไม่เคยลองใช้มาก่อนจริง ๆ

ฝ่ายหม่าหลิงเฟยหลังกลับไปที่เรือน ได้แวะไปหาบุตรชายที่ห้องหนังสือของเขา แม้ดวงตามองไม่เห็น แต่เขาสามารถให้ซ่งหลินต๋า อ่านหนังสือให้ฟังได้

“ฮูหยินมาขอรับ” ซ่งหลินต๋าเอ่ยบอกผู้เป็นนาย

“เจ้าออกไปก่อน ท่านแม่คงมีเรื่องคุยกับข้า”

“ขอรับคุณชาย” ซ่งหลินต๋าเก็บหนังสือเข้าชั้น โค้งคำนับให้หม่าหลิงเฟยหนึ่งที ก่อนเดินออกจากห้องหนังสือไป

“ท่านแม่เชิญนั่งก่อนขอรับ”

หยวนเหวินเซียวผายมือไปตรงเก้าอี้ ด้านหน้าของตนเอง เขามีประสาทสัมผัสดีอยู่แล้ว จึงรู้ว่ามารดาเดินเข้ามาในห้องหนังสือเพียงลำพัง

“แม่นมหูล่ะขอรับ”

“ข้าให้นางเข้าไปดูในห้องครัวอยู่” หม่าหลินเฟยตอบก่อนทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้

“ไปเรือนโน้นมาแล้วเป็นอย่างไรบ้างขอรับ” เขาถามขณะคลำมือไปที่ถ้วยชา แล้วยกขึ้นจิบอย่างช้า ๆ

“เจ้าไม่เคยบอกว่าบุตรสาวบ้านโน้น เคยมายืมกระโถนฉี่”

หยวนเหวินเซียวถึงขั้นสำลักน้ำชา ผู้เป็นมารดารีบดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดให้

“เจ้านี่นาเหตุใดไม่ระวังเลย ตกใจอะไรนักหนา นางเป็นสตรียังกล้าเอ่ยออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ ไม่มีเหนียมอายแม้แต่น้อย ไม่รู้ถูกเลี้ยงดูมาอย่างไรกันแน่”

“ตอนนั้นนางยังเด็กขอรับ อีกอย่างมาอยู่ที่นี่อย่างกะทันหันบ่าวไพร่ก็ไม่มี”

“ไม่มีบ่าวไพร่ตามมารึ แต่เมื่อครู่ข้าเห็นมีบ่าวรับใช้อยู่ด้วยนะ”

“พวกนางคงเพิ่งหาคนมาเพิ่มทีหลังขอรับ”

คิดแล้วนึกเสียดายเล็กน้อย อยากเห็นหน้าเด็กสาวผู้นั้นยามโตอยู่เหมือนกัน “นางหน้าตาเป็นอย่างไรบ้างขอรับ”

หม่าหลิงเฟยลอบพรูลมหายใจออกเบา ๆ

“หน้าตางดงาม แต่กิริยาไม่ได้อ่อนหวานเหมือนสตรีทั่วไป ค่อนข้างเป็นคนพูดจาตรงไปตรงมา แต่น่าแปลกนางอายุสิบเจ็ดปีแล้ว เหตุใดยังไม่ออกเรือนอีกก็ไม่รู้ ข้าไม่กล้าถาม เกรงว่าจะเป็นการเสียมารยาท”

มุมปากของหยวนเหวินเซียนโค้งขึ้นเล็กน้อย ไม่รู้เหตุใดถึงได้รู้สึกเหมือนมีดอกไม้บานเล็ก ๆ ในหัวใจ ก้มหน้าลงขำเบา ๆ ออกมา

“มีอันใดให้น่าขำกัน” คนเป็นมารดานึกสงสัย ในปฏิกิริยาของบุตรชาย

“ข้าเพียงคิดว่า นางถึงขั้นกล้ามาขอยืมกระโถนฉี่เรือนผู้อื่น คงหาบุรุษคบหาได้ยากขอรับ”

“ดูปากเจ้าสิ ขืนนางมาได้ยินคงได้โกรธเจ้าเป็นแน่ แล้วเหตุใดนางถึงเรียกเจ้าว่าคุณชายสาม ไม่ได้บอกชื่อแซ่นางหรอกรึ”

“ไม่ได้บอกขอรับ เดิมทีนางจะเรียกพี่ชายแต่ข้าไม่ชอบ นางเลยถามชื่อต่อแต่ข้าไม่บอก เลยให้เรียกว่าคุณชายสามแทน” เขาเอ่ยพร้อมรอยยิ้มบางเบา เหมือนได้หวนกลับไปอยู่ในวันวาน

“นิสัยไม่ดีไปแกล้งนางได้อย่างไร อีกเรื่องน้องชายของนางผู้นั้น หน้าตาน่ารักน่าชังน่าเอ็นดูมาก ข้าบอกพวกเขาแล้ว ให้เขามาวิ่งเล่นในเรือนของเราได้ หากเจอเขามาก็ต้อนรับดี ๆ ด้วยล่ะ”

“ขอรับท่านแม่ ข้าเองก็ไม่ได้ให้คนปิดทางหมาลอดนั่นเหมือนกัน”

“เอาไว้แบบนั้นแหละ เรือนนั้นดูไม่มีพิษภัยอะไร มีแค่เด็กกับสตรีแล้วก็คนแก่สองคน ไม่น่ามีปัญหากันในวันข้างหน้า ขืนพวกเราไปปิดรูนั่น ทางนั้นจะหาว่าเรารังเกียจเอาได้”

“ทำตามที่ท่านแม่เห็นชอบเถอะขอรับ”

หม่าหลิงเฟยเอ่ยต่ออีกไม่กี่คำ ก็ขอตัวกลับไปที่เรือนของตนเอง

Related chapters

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0009

    9 : ยึดทรัพย์ตระกูลหลี่พอได้อยู่เพียงลำพัง หยวนเหวินเซียวอดนึกถึงเสียงเล็ก ๆ ของเด็กน้อยเสี่ยวหยวนไม่ได้ ทำให้หัวใจอันมืดมนของเขาพลันสดชื่นขึ้นมา ย้อนเหตุการณ์ไปยามที่ได้พูดคุย กับเสี่ยวหยวนตัวน้อยนั่น “พี่ชายเหตุใดมีผ้าคาดตาด้วยเล่า” เขาสัมผัสได้ถึงฝ่ามือน้อย ๆ จับตรงต้นขาข

    Last Updated : 2024-12-04
  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0010

    10 : อยากตายก็เข้ามาสิ เสี่ยวหยวนน้อยเห็นคนวัยเดียวกันก็ใจชื้นขึ้นมา ยกมือขึ้นมาโบกส่ายเล่นกับเขา เด็กน้อยหลี่ซืออี้ยกมือโบกตอบกลับเขาด้วยความเขินอาย จี้ชิวหรงดึงมือน้อย ๆ ของบุตรชายลงแทบไม่ทัน “เจ้าคือเหยาเอ๋อร์รึ” หลี่หงซวนมองหลานสาวตนเองด้วยความประหลาดใจ เด็กน้

    Last Updated : 2024-12-04
  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0011

    11 : อี้เอ๋อร์นี่เป็นของขวัญพบหน้าจากพี่สาว หลี่เมิ่งเหยาให้มารดาพาน้องชายกับป้าหลู เข้าไปสอบถามเรื่องเช่าเรือนกับหม่าหลิงเฟย ให้ลุงจงทำหน้าที่ขนของขึ้นรถม้าเพียงลำพัง ส่วนตัวนางเดินไปทวงหนังสือปลดปล่อยอนุภรรยากับบิดา “เหลวไหล ! นี่ไม่ใช่เรื่องที่เด็กจะมาพูดกับผู้ใหญ่ได้”

    Last Updated : 2024-12-10
  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0012

    12 : สามีที่ดีคือสามีใหม่นะท่านแม่ หลังจัดแจงที่พัก ให้ครอบครัวของเฉาซูหลิ่ง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม่นมหูยกของว่างกับน้ำชา มาให้หม่าหลิงเฟยในห้องนั่งเล่น “ฮูหยินท่านใจอ่อนไปแล้วนะเจ้าคะ” มีความห่วงใยในน้ำเสียงของแม่นมหู หม่าหลิงเฟยอมยิ้มในหน้า

    Last Updated : 2024-12-10
  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0013

    13 : นางไม่ใช่คนดีเท่าใดนัก ในใจของหลี่ปิงซืออดเสียดายไม่ได้ หากพวกนางยังอยู่ที่นี่ ไม่ใช่ว่าจะช่วยเหลือตระกูลหลี่ได้หรอกหรือ ไม่น่าหุนหันพลันแล่น ขับไล่พวกนางออกไปเลย ครึ่งชั่วยามต่อมา พ่อบ้านหลัวได้กลับมารายงานผู้เป็นนาย หลังจากได้ไปสอบถามกับผู้คนที่อยู่ละแวกนี้แล้ว

    Last Updated : 2024-12-10
  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0014

    14 : หาที่ปลูกเรือนหลังใหม่ สะใภ้ทั้งสองหันไปมองหน้ากัน แล้วหลุบสายตาลงต่ำ พวกนางไม่เคยคิด ว่าการแต่งงานเข้าตระกูลหลี่ จะต้องมาพบกับจุดจบเช่นนี้ หากพวกนางไม่ได้รักสามีด้วยใจจริง หรือหากก่อนหน้าสามีใจร้ายกับพวกนาง คงตัดสินใจรับหนังสือหย่ากลับบ้านเดิมไปแล้ว แต่เมื่อเลือกติดตามสามีมาเช่นนี้

    Last Updated : 2024-12-10
  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0015

    15 : พี่หญิงใหญ่นางค่อนข้างจะร่ำรวย หลี่เมิ่งเหยามองเห็นความโลภในดวงตาของเขา พวกเถ้าแก่เป็นเช่นนี้ทุกคนหรือไม่ “ใครก็ช่วยหาไม่ได้หรอก มีเพียงข้าเท่านั้นที่เข้าไปสถานที่แห่งนั้นได้” สมุนไพรบางตัวมีอยู่บนยอดภูเขา ในกำไลหยกโลกันตร์เท่านั้น ไหนเลยนางจะรู้ได้ว่า ข้างนอกน

    Last Updated : 2024-12-10
  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0016

    16 : ท่านอยากเป็นหนูลองยาของข้าหรือไม่ หลี่เมิ่งเหยาเดินเข้าไปใกล้ ๆ กับน้องชาย ยกนิ้วขึ้นไล้แก้มนุ่มนิ่มของเขาอย่างแผ่วเบา “ข้าไม่ได้ซื้อมาให้น้องชายอีกคนหรอก เอามาเผื่อยามเจ้าไม่อิ่มต่างหาก” “เช่นนั้นรึ” เขาแลบลิ้นเลียผลชานจาสด ที่ถูกเคลือบด้วยน้ำตาลกรวดอย่างเอร

    Last Updated : 2024-12-10

Latest chapter

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0282

    ฤดูร้อนปีนี้ไม่ได้ร้อนมากอย่างที่คิด บรรยากาศกำลังเย็นสบาย สายลมพัดเอื่อยสายน้ำไหลฉ่ำ หลี่เมิ่งเหยากำลังอ้าปากรับเนื้อปลาย่าง ที่สามีป้อนให้อย่างมีความสุข นางมองเด็ก ๆ ที่นั่งกินข้าวกันอย่างเพลิดเพลิน ชีวิตแสนเรียบง่ายนั้น ต้องแลกมาด้วยความเหน็ดเหนื่อยเพียงใด นางค่อนข้างหวงแหนพวกเขาทุกคน

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0281

    “เจ้าอยู่นิ่ง ๆ ข้าจะเอาออกให้” เซี่ยโหวหานเฟิงรีบตรงไป ดึงหนามกิ่งไม้ออกจากตัวของเขา “ขอบคุณขอรับพี่เขย” เขาเอ่ยอย่างนอบน้อม ไม่คิดว่าตอนทำธุระเสร็จ เดินกลับออกมานั้น กิ่งไม้หนามดันมาเกี่ยวเสื้อผ้า และบาดนิ้วมือของเขาเข้า บอกว่าไม่เจ็บก็คงไม่ใช่ “พี่หญิงใหญ่ข้าเจ

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0280

    147 : เหมยเอ๋อร์นี่คือเมืองของแม่เจ้า (จบ) เข้าสู่คิมหันตฤดู หลี่เมิ่งเหยาตั้งครรภ์ได้สี่เดือนแล้ว แต่เพราะเป็นครรภ์แรก ท้องของนางจึงไม่ได้ใหญ่เหมือนเช่นผู้อื่น นางเคยให้สัญญากับน้องชาย ว่าจะพาเขาออกไปท่องเที่ยว เมื่อสะสางงานทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว นางจึงจัดตั้งขบวนรถม้า มุ

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0279

    “ท่านรู้จักพี่ชายข้าด้วยหรือ” “รู้จัก วันก่อนข้าเพิ่งพาหลานชายไปสมัครเรียนที่นั่น” “เช่นนี้นี่เอง” สวีฟางจิงยืดอกน้อย ๆ ขึ้น นางรู้สึกเหมือนมีดอกไม้เบ่งบานอยู่ในหัวใจ ทำให้ไม่อาจหุบยิ้มลงได้ เสี่ยวหยวนมองเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า เขารู้ทันทีว่าสตรีนางนี้ หมายปองเสิ่นหร

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0278

    “เสี่ยวหยางโตเร็วมาก ตอนนี้ข้าอุ้มแทบไม่ไหวแล้ว” นางนั่งลงด้านข้างกับมารดา จ้องมองหน้าท้องของนางด้วยความรู้สึกยินดี “เจ้าไม่ต้องมองข้า เรื่องแบบนี้ข้าควบคุมไม่ได้” เฉาซูหลิ่งแอบอายเล็กน้อย นางตั้งครรภ์อีกแล้ว ทั้งยังท้องพร้อมกับบุตรสาวอีกด้วย “ข้าไม่ได้ว่าอะไรเสีย

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0277

    146 : หยางเป่ยจวิ้นจู่ ฮ่องเต้ที่อยู่เมืองหลวงได้รู้ข่าวนี้ กลับรู้สึกพูดไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง ใครจะรู้ว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ ฮ่องเต้ทรงได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจมากมายนัก ราชครูฮู่ผู้เป็นอาจารย์ของพระองค์ มีสายเลือดของราชวงศ์เก่าไหลเวียนอยู่ในกาย และพยายามก่อกบฏอยู่หลายครั้ง

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0276

    ใบหน้าของคนเป็นสามีซีดเผือดหลังได้ยิน “เป็นปีเลยหรือ” “อื้ม” “เช่นนั้นยังไม่ต้องมีก็ได้” เขาเอ่ยด้วยสีหน้าเจื่อน ๆ หลี่เมิ่งเหยาหัวเราะจนตัวงอ เรื่องนี้นางเลือกที่จะคุมกำเนิดด้วยการกินยาไว้ก่อน เกิดนางกับมารดาท้องพร้อมกัน คงเหนื่อยไม่น้อย เอาไว้ให้น้องของนางโตได้ส

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0275

    145 :มาตกลงเรื่องงานแต่งกันเถอะ เมื่อถูหลิวได้มาเยือนที่เรือนของเฉาซูหลิ่งอย่างเป็นทางการ เขาไม่ได้มาตัวคนเดียว กลับพาแม่สื่อมากับเขาด้วย เฉาซูหลิ่งยังไม่ได้บอกเรื่องตั้งครรภ์กับเขา นางกำลังนั่งเหม่อกับคำพูดของแม่สื่อ ราวกับได้ย้อนเวลาไปเป็นบุปผาแรกรุ่น ซ่งฉีโหย่งกับหลิวอี๋เฉ

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0274

    “ว่าอย่างไรได้หรือไม่” อย่าอ้อนข้า หลี่เมิ่งเหยาก้มหน้าลงต่ำ ดันเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นเข้า เขาพร้อมขนาดนี้ หากนางปฏิเสธจะดูใจร้ายใจดำเกินไปไหม “เหยาเอ๋อร์” เสียงแหบพร่าบ่งบอกถึงอารมณ์ของสามี นางจะทำสิ่งใดได้ นอกจากพยักหน้าลงช้า ๆ เอวนางถูกรว

DMCA.com Protection Status