แชร์

บทที่ 0013

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-10 17:21:49

13 : นางไม่ใช่คนดีเท่าใดนัก

ในใจของหลี่ปิงซืออดเสียดายไม่ได้ หากพวกนางยังอยู่ที่นี่ ไม่ใช่ว่าจะช่วยเหลือตระกูลหลี่ได้หรอกหรือ ไม่น่าหุนหันพลันแล่น ขับไล่พวกนางออกไปเลย

ครึ่งชั่วยามต่อมา พ่อบ้านหลัวได้กลับมารายงานผู้เป็นนาย หลังจากได้ไปสอบถามกับผู้คนที่อยู่ละแวกนี้แล้ว

“ตระกูลหยวนแห่งเมืองหลวงหรือ” หลี่หวงซวนเคยได้ยินชื่อเสียงพวกเขาอยู่บ้าง

“ขอรับนายท่าน ตรอกหนิงอันแห่งนี้ถูกพวกเขากว้านซื้อเอาไว้ทั้งหมด มีเพียงเรือนของนายท่านที่ไม่ได้ถูกซื้อไปขอรับ”

“แล้วเป็นใครในตระกูลหยวนที่เป็นเจ้าของเรือนด้านข้าง”

“ได้ข่าวว่าเป็นหยวนเหวินเซียว บุตรชายคนที่สามที่เกิดจากฮูหยินรองขอรับ เห็นว่าหม่าหลิงเฟยพาบุตรชาย ย้ายมาอยู่ที่นี่แบบถาวรแล้ว แต่เพราะเหตุผลใดนั้นข้าไม่อาจสืบมาได้ เพราะพวกเขาเพิ่งย้ายมาไม่กี่วันนี้เองขอรับ”

“นี่ไม่น่าแปลกหรือ เพิ่งย้ายมาไม่กี่วัน แต่อนุเฉากลับเข้าไปพึ่งพาอาศัยพวกเขาแล้ว” ฮูหยินผู้เฒ่าไม่เข้าใจ

“เลิกเรียกนางว่าอนุเฉาเถอะ นางได้รับหนังสือปลดปล่อยอนุภรรยาไปแล้ว ต่อไปหากเอ่ยถึงนาง ก็ให้เรียกเฉาซูหลิ่งเป็นพอ” หลี่หงซวนอยากแก้การเรียกขานให้ถูกต้อง

จี้ชิวหรงลอบมองหน้าสามีของตน เห็นเขาคิ้วขมวดยุ่งเหยิงเข้าหากัน ในใจคงสับสนอยู่ไม่น้อย เฉาซูหลิ่งยามนี้ดูเปล่งประกายสดใสกว่าเมื่อก่อน ใบหน้ายังงดงามไม่เสื่อมคลาย ในใจกลับรู้สึกเหมือนมีหนาม ทิ่มแทงอกอยู่ตลอดเวลา

“ท่านพ่อเจ้าคะ ข้าจะเขียนจดหมายขอความช่วยเหลือไปยังบ้านเดิม แต่ข้าไม่รู้ว่าท่านพ่อกับท่านแม่จะเห็นด้วยหรือไม่ จึงอยากถามพวกท่านเสียก่อน” จี้ชิวหรงอยากมีตัวตนในสายตาของทุกคน

“สะใภ้สามนับว่ามีน้ำใจแล้ว”

หลี่หงซวนพยักหน้าให้นาง หากตระกูลจี้ยื่นมือช่วยเหลือคงดีไม่น้อย แต่ว่าพวกเขาจะยอมช่วยเหลือทุกคน ในตระกูลหลี่ด้วยหรือ จึงเอ่ยกำชับไปอีกเรื่อง “เจ้าทำอะไรให้เงียบอย่าส่งเสียงดัง ข้าไม่อยากทำให้ตระกูลจี้ต้องลำบากไปด้วย”

“ลูกสะใภ้จะจดจำไว้เจ้าค่ะ”

เก่อจิวลู่ก้มหน้ากัดริมฝีปากตนเองเอาไว้ บ้านเดิมของนางแทบจะตัดขาดหลังเกิดเรื่อง นางคงไม่มีหน้าไปขอความช่วยเหลือเหมือนน้องสะใภ้สาม นี่เป็นการหักหน้านางชัด ๆ

เก่อจิวลู่ “ท่านแม่เจ้าคะในเมื่อเป็นเพื่อนบ้านกัน เราควรไปทักทายพวกเขาดีหรือไม่”

“ตามมารยาทต้องทำเช่นนั้น” ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้าเห็นด้วย “ไปดูเสียหน่อยว่าเฉาซูหลิ่งไปอยู่ที่นั่นทำไม และบอกให้หม่าหลิงเฟยรู้ไว้หน่อยก็ดี ว่าหากเฉาซูหลิ่งทำอะไรร้ายกาจขึ้นมา ย่อมไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลหลี่อีกต่อไป”

“เจ้าค่ะท่านแม่” เก่อจิวลู่ขานรับ นางเข้าใจเจตนารมณ์ของแม่สามีแล้ว หันไปทางจี้ชิวหรง “น้องสะใภ้สามเจ้าไปเป็นเพื่อนข้าดีหรือไม่”

“ได้เจ้าค่ะ”

จี้ชิวหรงฝากบุตรชายไว้กับสามี เดินตามหลังเก่อจิวลู่ไปยังเรือนด้านข้าง

บ่าวรับใช้เข้ามารายงานหม่าหลิงเฟย มีสตรีสองนางจากเรือนด้านข้าง มาขอพบนางเพื่อทักทายกัน

“ให้พวกนางเข้ามา”

หม่าหลิงเฟยเอ่ยแล้วหันไปทางแม่นมหู อีกฝ่ายพลันเข้าใจความหมาย สั่งสาวใช้ให้ไปเตรียมน้ำชามาต้อนรับแขก

ทันทีที่ก้าวเข้ามาภายในเรือนของหม่าหลิงเฟย เก่อจิวลู่กับจี้ชิวหรงรู้สึกประหม่าทันที เรือนแห่งนี้เพียบพร้อมไปด้วยเครื่องเรือนราคาแพง บรรยากาศของเรือนก็เงียบสงบ บ่าวรับใช้ท่าทางเหมือนถูกอบรมมาเป็นอย่างดี

“ข้าเก่อจิวลู่เป็นสะใภ้รองตระกูลหลี่เรือนด้านข้าง นี่น้องสะใภ้สามจี้ชิวหรง มาน้อมทักทายหม่าฮูหยินเจ้าค่ะ”

“เชิญพวกท่านทั้งสองนั่งลงก่อนเถอะ” หม่าหลินเฟยอมยิ้มเล็กน้อย คงสืบเรื่องของนางมาแล้วกระมัง ถึงได้รู้จักว่านางแซ่หม่า

สาวใช้ยกถาดน้ำชามาต้อนรับแขกตามมารยาท มีขนมกินเล่นยกตามมาด้วย

“เดิมทีข้าเองก็เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในเรือนหลังนี้ เลยไม่ได้ออกไปทักทายเพื่อนบ้านที่ไหน นับเป็นโอกาสดีที่ได้รู้จักกัน” หม่าหลิงเฟยเอ่ยอย่างเกรงใจ

เก่อจิวลู่เอ่ย “หม่าฮูหยินเจ้าคะ ข้าควรจะมีของติดไม้ติดมือมาเยี่ยมท่าน แต่ว่าเกิดเรื่องที่ตระกูลหลี่ขึ้นเสียก่อน จึงไม่ได้มีทรัพย์สินอันใดติดมือมา ต้องขออภัยหม่าฮูหยินด้วย” เมื่อมาถึงแล้วถึงรู้ว่าตนเองเสียมารยาทเกินไป

“ไม่เป็นไรข้าไม่ถือสาเรื่องนั้นหรอก แค่มาทักทายกันก็พอแล้ว” หม่าฮูหยินยื่นมือไปยกถ้วยชาขึ้นจิบ

จี้ชิวหรงเห็นนางไม่สนใจตนเองกับพี่สะใภ้ เหมือนถามมาตอบไปตามมารยาท จึงมองไปรอบ ๆ บริเวณห้องโถงรับแขก กลับไม่พบเห็นเฉาซูหลิ่งกับลูก ๆ ของนางเลย

“จี้ฮูหยินมองหาใครหรือ” ไม่ได้รอดพ้นสายตาของเจ้าของเรือนไปได้

จี้ชิวหรงถูกถามตรง ๆ ก็สะดุ้งเล็กน้อย

“ไม่ปิดบังหม่าฮูหยิน ข้าได้ยินมาว่าเฉาซูหลิ่งกับลูก ๆ ของนาง มาอยู่ที่เรือนของท่าน เป็นเรื่องจริงหรือเจ้าคะ”

“เป็นเรื่องจริง”

“เหตุใดท่านถึงให้นางมาอยู่ในเรือนได้เล่า” เก่อจิวลู่รีบเอ่ยถาม ท่าทางนางเหมือนมีความลับบางอย่างอยากบอก

“ทำไมรึ” หม่าหลินเฟยทำหน้า เหมือนคนไม่เคยรู้เรื่องมาก่อน

เก่อจิวลู่รีบมองซ้ายมองขวา “นางไม่ใช่คนดีเท่าใดนัก”

จี้ชิวหรงเอ่ย “พี่สะใภ้รอง”

“เจ้าก็อย่าห้ามข้า เกือบตายก็เพราะนางมาแล้วไม่ใช่รึ”

เก่อจิวลู่ส่งสายตาให้อีกฝ่ายหยุดพูด แล้วหันกลับมาทางหม่าหลินเฟย

“เมื่อห้าปีก่อนสะใภ้สามตั้งครรภ์ ยามนั้นเฉาซูหลิ่งยังเป็นอนุของน้องสามอยู่ นางเกิดริษยาจึงได้วางยาขับเลือด ในน้ำแกงบำรุงครรภ์ สะใภ้สามไม่ได้ระแคะระคายสงสัยนางเลย จนเกิดเรื่องร้ายขึ้น ทำให้ต้องสูญเสียเด็กในท้องไป ช่างน่าสงสารนัก”

หม่าหลินเฟยทำหน้าเคร่งขรึม ทว่าไม่ได้เอ่ยคำพูดใดออกมา

“ที่นางมาอยู่ที่นี่เพราะถูกขับไล่ ออกจากตระกูลหลี่เจ้าค่ะ ข้าหวังดีไม่อยากให้ท่าน ต้องรับคนนิสัยใจคอโหดร้ายแบบนั้นไว้ในเรือน”

“ความจริงแล้วเฉาซูหลิ่ง มาขอเช่าเรือนหลังอื่นในตรอกหนิงอันอยู่อาศัย แต่ข้าเห็นว่าบ้านนางมีแต่เด็กกับสตรี หากให้ไปอยู่เรือนหลังอื่น ที่ยังไม่ได้ทำความสะอาด คงลำบากอยู่ไม่น้อย เลยให้อยู่ที่นี่ไปก่อนชั่วคราว หากได้เรือนอยู่อาศัย พวกนางก็จะออกไปเอง” หม่าหลินเฟยเอ่ยเสียงราบเรียบ

“เช่นนี้เองรึ” เก่อจิวลู่มีสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย คิดว่าอีกฝ่ายจะรีบไล่เฉาซูหลิ่ง ออกจากเรือนไปเสียอีก

หม่าหลินเฟยหันไปมอง สองสะใภ้จากตระกูลหลี่ ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย

“ตระกูลหลี่ไล่พวกนางสามแม่ลูก ออกมาอย่างกะทันหัน เลยทำให้ไม่มีเวลาหาเรือนอยู่อาศัย ข้าทำเช่นนี้ถือว่าเป็นน้ำใจต่อเพื่อนบ้านเท่านั้น”

จี้ชิวหรงถึงกับสะอึกอยู่ในอก เหตุใดจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังกล่าวหา ว่าตระกูลหลี่แล้งน้ำใจต่อสามแม่ลูกนั้นก่อน

“พี่สะใภ้รองข้าว่าเรารีบกลับกันเถอะ ข้าเป็นห่วงอี้เอ๋อร์”

“จริงด้วย เช่นนั้นพวกข้าขอลานะเจ้าคะ” เก่อจิวลู่เองก็รู้สึกได้เหมือนกัน

หม่าหลินเฟยทำเพียงพยักหน้าลง หันไปทางคนของตนเอง “แม่นมส่งแขกด้วย”

“เชิญฮูหยินทั้งสองเจ้าค่ะ” แม่นมหูผายมือเชิญพวกนาง

หลังส่งแขกกลับเรือนไปแล้ว แม่นมหูได้เข้ามาพูดคุยกับฮูหยินของตน

“ฮูหยินท่านคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้”

หม่าหลินเฟยแค่นขำออกมาคำหนึ่ง “พวกนางจงใจไม่เอ่ยถึงฮูหยินรองตัวต้นเหตุผู้นั้น กลับโยนความผิดมาที่เฉาซูหลิ่งผู้เดียว แม่นมหูท่านคิดว่าพวกนางมีเจตนาเช่นไรรึ”

“สร้างความบาดหมาง และไม่ต้องการให้เฉาซูหลิ่งกับลูก ๆ ของนาง ได้รับการช่วยเหลือจากท่านเจ้าค่ะ”

“ยังคงเป็นท่านที่มองออก”

“วันนี้เสี่ยวหยวนน้อยผู้นั้น ไปเล่นที่เรือนของคุณชายเจ้าค่ะ มีจงกุ้ยตามไปดูแลเขาด้วย” แม่นมหูเอ่ยต่อ

“เด็กน้อยไร้เดียงสาช่างเจรจาคนนั้น ใครได้พูดคุยด้วยย่อมสบายใจ เฮ้อ เมื่อไหร่ข้าจะมีหลานกับเขาเสียที”

แม่นมหูเอ่ยไม่ออกอีกต่อไป ก่อนหน้าเป็นเรื่องที่จัดการได้ง่ายที่สุด ยามนี้เห็นทีจะยากเสียแล้ว

“แล้วพี่สาวของนางเล่า”

“อยู่กับมารดาในเรือน ไม่ได้ออกไปไหนเจ้าค่ะ อายุไม่น้อยแล้ว อีกหน่อยคงได้กลายเป็นสาวแก่ทึนทึก”

“มารดานางไม่ค่อยฉลาด น้องชายก็ยังเด็ก หากเป็นข้าคงไม่กล้าออกเรือนเหมือนกัน นับว่านางยังเป็นคนกตัญญูรู้คุณ อีกอย่างฐานะแบบพวกนาง คงหาคู่ครองได้ยากอยู่เหมือนกัน”

“นั่นสิเจ้าคะ ถูกตระกูลหลี่ขับไล่ออกมา ถึงสองครั้งสองคราด้วยกัน เป็นใครคงคิดหนักเรื่องนี้ ยิ่งตอนนี้พวกเขาให้หนังสือปลดปล่อยอนุภรรยามาด้วยแล้ว ยิ่งไร้ตระกูลหนุนหลังอย่างแท้จริง”

หม่าหลินเฟยเคาะนิ้วลงบนโต๊ะเบา ๆ

“หนังสือนั่นเมิ่งเหยาเป็นคนบังคับเอามา ส่วนตระกูลหนุนหลังนั้น ข้าคิดว่าพวกนางไม่สนใจด้วยซ้ำ แม่นมหูท่านไม่คิดว่าชีวิตเฉาซูหลิ่ง ไม่คล้ายกับข้าหรอกหรือ ข้าก็ได้หนังสือปลดปล่อยภรรยามาเหมือนกัน”

“จะเหมือนกันได้อย่างไร ฮูหยินเต็มใจออกมาเองนี่เจ้าคะ”

“ทำไมจะไม่เหมือนกันเล่า ท่านพี่ไม่สนใจเหวินเซียว ก็คงเหมือนบิดาของเมิ่งเหยา ที่ไม่สนใจนางเหมือนกัน”

พอเอ่ยถึงเรื่องนี้ แววตาของหม่าหลินเฟยพลันหม่นแสงลง เหตุใดคนเป็นพ่อถึงได้ไร้หัวใจถึงเพียงนี้

“ท่านไปทำงานของท่านเถอะ ข้าขอคิดอะไรเงียบ ๆ คนเดียวก่อน”

“เจ้าค่ะฮูหยิน” แม่นมหูเอ่ยแล้วหันหลัง เดินออกจากห้องโถงรับแขกไป

เรือนตระกูลหลี่

สองสะใภ้รีบเข้าไปพบแม่สามีที่เรือนของนาง และเล่าเรื่องราวที่พูดคุยกับหม่าหลินเฟย ให้อีกฝ่ายได้รับรู้

“หม่าหลินเฟยผู้นี้ไม่รู้ว่าอยู่เมืองหลวงดี ๆ เหตุใดถึงออกมาอยู่กับลูกชายที่นี่ พวกเจ้าไม่ได้เห็นลูกชายของนางรึ” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยถามเพราะความสงสัย

“ไม่เห็นเจ้าค่ะ เฉาซูหลิ่งกับลูก ๆ ของนางก็ไม่เห็น ไม่รู้ไปหลบอยู่มุมไหนของเรือน” เก่อจิวลู่เอ่ย

“ท่านแม่สงสัยเรื่องใดหรือเจ้าคะ” จี้ชิวหรงเห็นท่านคิ้วขมวดเหมือนมีเรื่องราวในใจจึงเอ่ยถาม

“ข้าแค่แปลกใจ ตระกูลหยวนที่เมืองหลวง ข้ารู้มาว่าลูกสะใภ้ใหญ่ไม่ได้แซ่หม่า”

ฮูหยินผู้เฒ่าเคยพบปะสหายที่มาจากเมืองหลวงอยู่บ้าง จึงพอรู้เรื่องราวของตระกูลใหญ่ ๆ ของที่นั่น มีครั้งหนึ่งที่สหายของนางเอ่ยถึงลูกสะใภ้ของตระกูลหยวน ว่างดงามเพียบพร้อมยิ่งนัก อีกทั้งยังเป็นบุตรีเอกของเสนาบดีลู่อีกด้วย

“ฮูหยินเอกน่าจะแซ่ลู่” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยต่อ

“หรือว่านางจะเป็นเพียงอนุภรรยา” เก่อจิวลู่คาดเดา

“ข้าว่าไม่น่าใช่เจ้าค่ะพี่สะใภ้รอง ดูไปแล้วน่าจะเป็นฮูหยินรองมากกว่า” จี้ชิวหรงรีบเอ่ย นางมองอย่างไร หม่าหลินเฟยก็มาจากตระกูลใหญ่โต ไม่ใช่อนุภรรยาทั่วไปอย่างแน่นอน

“เอาเถอะ อยู่เรือนติดกันเช่นนี้ วันนี้ไม่รู้วันหน้าก็ได้รู้อยู่ดี ไม่ต้องรีบร้อนไปหรอก เมื่อพวกเจ้าบอกนางเรื่องเฉาซูหลิ่งแล้ว วันข้างหน้าหากเกิดอะไรขึ้น ก็ไม่เกี่ยวกับพวกเราแล้วล่ะ”

“เจ้าค่ะท่านแม่ แล้วท่านพ่อไม่อยู่หรือเจ้าคะ” เก่อจิวลู่พยักหน้าขานรับ

“เขาพาปิงซือไปโอนโฉนดเป็นชื่อผู้อื่นอยู่ คงเดินดูรอบ ๆ เมืองฉางไปด้วย เผื่อจะได้หาลู่ทางทำมาหากิน พวกเจ้าก็รู้ตระกูลหลี่ถูกขึ้นบัญชีดำ ห้ามรับราชการไปอีกสามรุ่น วันข้างหน้าต้องพึ่งพาตัวเองแล้วล่ะ ลำบากพวกเจ้าแล้ว”

บทที่เกี่ยวข้อง

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0014

    14 : หาที่ปลูกเรือนหลังใหม่ สะใภ้ทั้งสองหันไปมองหน้ากัน แล้วหลุบสายตาลงต่ำ พวกนางไม่เคยคิด ว่าการแต่งงานเข้าตระกูลหลี่ จะต้องมาพบกับจุดจบเช่นนี้ หากพวกนางไม่ได้รักสามีด้วยใจจริง หรือหากก่อนหน้าสามีใจร้ายกับพวกนาง คงตัดสินใจรับหนังสือหย่ากลับบ้านเดิมไปแล้ว แต่เมื่อเลือกติดตามสามีมาเช่นนี้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0015

    15 : พี่หญิงใหญ่นางค่อนข้างจะร่ำรวย หลี่เมิ่งเหยามองเห็นความโลภในดวงตาของเขา พวกเถ้าแก่เป็นเช่นนี้ทุกคนหรือไม่ “ใครก็ช่วยหาไม่ได้หรอก มีเพียงข้าเท่านั้นที่เข้าไปสถานที่แห่งนั้นได้” สมุนไพรบางตัวมีอยู่บนยอดภูเขา ในกำไลหยกโลกันตร์เท่านั้น ไหนเลยนางจะรู้ได้ว่า ข้างนอกน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0016

    16 : ท่านอยากเป็นหนูลองยาของข้าหรือไม่ หลี่เมิ่งเหยาเดินเข้าไปใกล้ ๆ กับน้องชาย ยกนิ้วขึ้นไล้แก้มนุ่มนิ่มของเขาอย่างแผ่วเบา “ข้าไม่ได้ซื้อมาให้น้องชายอีกคนหรอก เอามาเผื่อยามเจ้าไม่อิ่มต่างหาก” “เช่นนั้นรึ” เขาแลบลิ้นเลียผลชานจาสด ที่ถูกเคลือบด้วยน้ำตาลกรวดอย่างเอร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0017

    17 : ไม่รู้ตระกูลจี้มอบความช่วยเหลือมาหรือไม่ “ข้าถึงได้มาคุยกับท่านด้วยตัวเองนี่อย่างไร ข้ารับรองยาของข้าไม่มีทางเป็นอันตราย ต่อร่างกายของท่านอย่างแน่นอน” หลี่เมิ่งเหยามองเห็นความสิ้นหวังในท่าทางของเขา “ข้าขอดูดวงตาของท่านได้หรือไม่” “มีอะไรให้น่าดูกัน” “ข้าจะได้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0018

    18 : ท่านแม่ข้าคิดว่าน้องสะใภ้สามไม่จริงใจกับพวกเราตระกูลหลี่ ตระกูลจี้เป็นตระกูลใหญ่ นายท่านจี้เองมีสามภรรยาสี่อนุ และบุตรหลานอีกมากมาย ยามนี้บุตรีจากภรรยาเอก ออกเรือนมาแล้วพบเจอกับปัญหาเข้า พวกนางต่างจ้องจับผิดเรื่องนี้กันอยู่ ทำให้ฮูหยินใหญ่ ไม่สามารถช่วยเหลือบุตรสาวได้อย่างเต็มที่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0019

    “ข้าก็หวังเช่นนั้น” ฮูหยินผู้เฒ่าได้แต่ผ่อนลมหายใจออกมา มองไปยังท้องฟ้าด้วยความรู้สึกเศร้าเสียใจ กับเรื่องราวที่ผ่านมา ไม่รู้ด้วยซ้ำตนเองเลี้ยงดูบุตรชายคนโต ผิดพลาดตรงไหนกัน เขาถึงได้ก้าวเดินทางผิด อย่างไร้หนทางให้กลับตัวเช่นนี้ หลายวันมานี้หลี่เมิ่งเหยา หมกตัวอยู่ก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0020

    19 : เห็นว่าพี่เหวินเซียวของเจ้าพิการ เลยส่งคนมาถอนหมั้น ในเรือนของหยวนเหวินเซียว ฉีห้าวตงได้มารายงานเรื่องของตระกูลโจวแล้ว หลังได้ยินว่าพวกเขาส่งคนมาถอนหมั้น หยวนเหวินเซียวไม่ได้แสดงออกว่าแปลกใจแต่อย่างใด เพียงแค่ถอนหายใจหนัก ๆ ออกมา “คุณหนูใหญ่ไม่น่าเป็นคน อยากถอนหมั้นหรอกข

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0021

    “ต้องขอบคุณเจ้ามากเมิ่งเหยา ที่ช่วยข้าตอกหน้าคนตระกูลโจว อย่างน้อยคนพวกนั้นจะได้รู้ ว่าลูกชายของข้ายังมีสตรีดี ๆ ต้องการอยู่ ไม่ใช่คนที่พวกเขาจะมาโยนทิ้งได้ง่าย ๆ” น้ำเสียงเศร้า ๆ ของหม่าหลินเฟย แสดงออกว่านางผิดหวังกับเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย “ข้าช่วยท่านป้าได้ นับว่าเป็นเรื่องสม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10

บทล่าสุด

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0282

    ฤดูร้อนปีนี้ไม่ได้ร้อนมากอย่างที่คิด บรรยากาศกำลังเย็นสบาย สายลมพัดเอื่อยสายน้ำไหลฉ่ำ หลี่เมิ่งเหยากำลังอ้าปากรับเนื้อปลาย่าง ที่สามีป้อนให้อย่างมีความสุข นางมองเด็ก ๆ ที่นั่งกินข้าวกันอย่างเพลิดเพลิน ชีวิตแสนเรียบง่ายนั้น ต้องแลกมาด้วยความเหน็ดเหนื่อยเพียงใด นางค่อนข้างหวงแหนพวกเขาทุกคน

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0281

    “เจ้าอยู่นิ่ง ๆ ข้าจะเอาออกให้” เซี่ยโหวหานเฟิงรีบตรงไป ดึงหนามกิ่งไม้ออกจากตัวของเขา “ขอบคุณขอรับพี่เขย” เขาเอ่ยอย่างนอบน้อม ไม่คิดว่าตอนทำธุระเสร็จ เดินกลับออกมานั้น กิ่งไม้หนามดันมาเกี่ยวเสื้อผ้า และบาดนิ้วมือของเขาเข้า บอกว่าไม่เจ็บก็คงไม่ใช่ “พี่หญิงใหญ่ข้าเจ

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0280

    147 : เหมยเอ๋อร์นี่คือเมืองของแม่เจ้า (จบ) เข้าสู่คิมหันตฤดู หลี่เมิ่งเหยาตั้งครรภ์ได้สี่เดือนแล้ว แต่เพราะเป็นครรภ์แรก ท้องของนางจึงไม่ได้ใหญ่เหมือนเช่นผู้อื่น นางเคยให้สัญญากับน้องชาย ว่าจะพาเขาออกไปท่องเที่ยว เมื่อสะสางงานทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว นางจึงจัดตั้งขบวนรถม้า มุ

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0279

    “ท่านรู้จักพี่ชายข้าด้วยหรือ” “รู้จัก วันก่อนข้าเพิ่งพาหลานชายไปสมัครเรียนที่นั่น” “เช่นนี้นี่เอง” สวีฟางจิงยืดอกน้อย ๆ ขึ้น นางรู้สึกเหมือนมีดอกไม้เบ่งบานอยู่ในหัวใจ ทำให้ไม่อาจหุบยิ้มลงได้ เสี่ยวหยวนมองเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า เขารู้ทันทีว่าสตรีนางนี้ หมายปองเสิ่นหร

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0278

    “เสี่ยวหยางโตเร็วมาก ตอนนี้ข้าอุ้มแทบไม่ไหวแล้ว” นางนั่งลงด้านข้างกับมารดา จ้องมองหน้าท้องของนางด้วยความรู้สึกยินดี “เจ้าไม่ต้องมองข้า เรื่องแบบนี้ข้าควบคุมไม่ได้” เฉาซูหลิ่งแอบอายเล็กน้อย นางตั้งครรภ์อีกแล้ว ทั้งยังท้องพร้อมกับบุตรสาวอีกด้วย “ข้าไม่ได้ว่าอะไรเสีย

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0277

    146 : หยางเป่ยจวิ้นจู่ ฮ่องเต้ที่อยู่เมืองหลวงได้รู้ข่าวนี้ กลับรู้สึกพูดไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง ใครจะรู้ว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ ฮ่องเต้ทรงได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจมากมายนัก ราชครูฮู่ผู้เป็นอาจารย์ของพระองค์ มีสายเลือดของราชวงศ์เก่าไหลเวียนอยู่ในกาย และพยายามก่อกบฏอยู่หลายครั้ง

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0276

    ใบหน้าของคนเป็นสามีซีดเผือดหลังได้ยิน “เป็นปีเลยหรือ” “อื้ม” “เช่นนั้นยังไม่ต้องมีก็ได้” เขาเอ่ยด้วยสีหน้าเจื่อน ๆ หลี่เมิ่งเหยาหัวเราะจนตัวงอ เรื่องนี้นางเลือกที่จะคุมกำเนิดด้วยการกินยาไว้ก่อน เกิดนางกับมารดาท้องพร้อมกัน คงเหนื่อยไม่น้อย เอาไว้ให้น้องของนางโตได้ส

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0275

    145 :มาตกลงเรื่องงานแต่งกันเถอะ เมื่อถูหลิวได้มาเยือนที่เรือนของเฉาซูหลิ่งอย่างเป็นทางการ เขาไม่ได้มาตัวคนเดียว กลับพาแม่สื่อมากับเขาด้วย เฉาซูหลิ่งยังไม่ได้บอกเรื่องตั้งครรภ์กับเขา นางกำลังนั่งเหม่อกับคำพูดของแม่สื่อ ราวกับได้ย้อนเวลาไปเป็นบุปผาแรกรุ่น ซ่งฉีโหย่งกับหลิวอี๋เฉ

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0274

    “ว่าอย่างไรได้หรือไม่” อย่าอ้อนข้า หลี่เมิ่งเหยาก้มหน้าลงต่ำ ดันเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นเข้า เขาพร้อมขนาดนี้ หากนางปฏิเสธจะดูใจร้ายใจดำเกินไปไหม “เหยาเอ๋อร์” เสียงแหบพร่าบ่งบอกถึงอารมณ์ของสามี นางจะทำสิ่งใดได้ นอกจากพยักหน้าลงช้า ๆ เอวนางถูกรว

DMCA.com Protection Status