แชร์

บทที่ 0006

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-04 14:45:39

6 : ฮูหยินเป็นคุณชายน้อยเจ้าค่ะ

จงกุ้ยเดิมทีเคยทำงาน ตำแหน่งพ่อบ้านใหญ่มาก่อน ส่วนหลูเพ่ยเคยเป็นแม่นมภรรยาเอกของเจ้านาย ดังนั้นเรื่องการดูแลสตรีตั้งครรภ์จึงไม่ใช่เรื่องยาก

หลี่เมิ่งเหยาเคยถามถึงลูก ๆ ของทั้งคู่ จึงได้คำตอบว่ามีบุตรสาวเพียงหนึ่งคน แต่งงานออกเรือนไปอยู่กับสามี ที่เมืองติดชายทะเล

ยามอยู่ในเรือนพ่อค้าทาส พวกเขาไม่กล้าเขียนจดหมายไปบอกบุตรสาว เพราะเกรงว่านางจะเป็นห่วง ยามนี้มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งแล้ว จึงสามารถเขียนจดหมาย ไปเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้นางรับรู้ได้

หลี่เมิ่งเหยารู้ว่าจงกุ้ยมีวรยุทธ์ จึงให้เขาชี้แนะเรื่องที่นางไม่ค่อยเข้าใจ ในตำราของเรือนโลกันตร์ ซึ่งเขาก็ช่วยเหลือนางได้เป็นอย่างดี

เฉาซูหลิ่งหอบท้องโตในช่วงแปดเดือน ออกมานั่งมองบุตรสาวฝึกฝนวิชาศิลปะการต่อสู้ ใบหน้าของนางไม่ค่อยพึงพอใจเท่าใดนัก

“ข้าอยากให้นางเก็บเนื้อเก็บตัว เป็นคุณหนูอยู่ในเรือนเหมือนผู้อื่น ท่านดูสินางทำเป็นที่ไหนกัน”

ป้าหลูได้ยินแล้วยิ้มบาง ๆ บนหน้า การได้มาดูแลสองแม่ลูกคู่นี้ นับว่าเป็นบุญวาสนาของนางแล้ว

“ฮูหยินเจ้าคะ ข้าได้ยินคุณหนูเอ่ยว่านางอยากเก่ง วันข้างหน้าจะได้ปกป้องฮูหยิน กับน้องที่กำลังจะเกิดมาได้เจ้าค่ะ”

“นางเอ่ยเช่นนั้นรึ”

เฉาซูหลิ่งคาดไม่ถึงในเรื่องนี้ เดิมทีคิดว่าการมาอยู่ที่นี่ จะลำบากจนทนไม่ได้ แต่ตรงกันข้ามบุตรสาวของนาง สามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ อีกทั้งยังแข็งแกร่งขึ้น จนมารดาอย่างนางต้องละอายใจ

“เจ้าค่ะ ท่านอย่าห่วงไปเลย สามีข้าก่อนหน้าเป็นพ่อบ้านก็จริง แต่อดีตเขาเคยเป็นหัวหน้าโรงฝึกมาก่อน สามารถสั่งสอนคุณหนูได้ นับว่าเป็นความโชคดีของเขาแล้ว”

“ข้าเองก็ต้องขอบคุณป้าหลูมาก หากไม่มีท่านคอยดูแลข้ากับเหยาเอ๋อร์ ป่านนี้ไม่รู้เราสองแม่ลูก สามารถใช้ชีวิตได้เรียบง่ายเช่นนี้หรือไม่”

เฉาซูหลิ่งหันไปมองอีกฝ่ายด้วยสายตาอ่อนโยน ได้สองคนนี้มาอยู่ในเรือน ช่วยเบาแรงพวกนางสองแม่ลูกไปไม่น้อย

“เป็นโชคชะตาและวาสนา ของข้ากับสามีมากกว่าเจ้าค่ะ” หากวันนั้นหลี่เมิ่งเหยาไม่เดินไปชี้ตัวเขาสองคน ชีวิตคงได้แต่นั่งมองผู้อื่น ถูกซื้อออกไปในแต่ละวัน ไหนเลยจะมาถึงคราวของพวกเขา

ด้านลานการฝึกฝน ลุงจงนิ่วหน้าอย่างแปลกใจ หลังเห็นว่าหลี่เมิ่งเหยา มีพลังลมปราณที่แปลกประหลาด เขาไม่เคยเห็นจากที่ไหนมาก่อน

“คุณหนูขอรับ ท่านไปฝึกพลังลมปราณเหล่านี้มาจากไหนหรือ”

“ข้าฝึกในความฝัน”

“อะไรนะขอรับ”

“ความฝันไงเล่าลุงจง”

หลี่เมิ่งเหยาลอบสังเกตสีหน้าปั้นยากของเขา ก่อนหัวเราะออกมาเบา ๆ “ล้อเล่นเจ้าค่ะ ข้าฝึกตามตำรา ที่พบเจอมาก่อน ทำไมหรือ ไม่ดีหรืออย่างไร”

“ไม่ใช่ขอรับ แต่พลังลมปราณแบบนี้ คนส่วนใหญ่ต้องฝึกฝนกัน นับสิบปีเลยนะขอรับ”

โอ๊ะโอ ข้าฝึกเดือนสองเดือน ก็หมุนเวียนพลังได้แล้ว

“ข้ามีแต่พลังลมปราณนี่แหละที่ฝึกฝนได้ดี แต่ฝีมือการต่อสู้ยังอ่อนด้อยนัก ต้องอาศัยลุงจงช่วยสั่งสอนให้อีกเยอะเลย”

นี่เป็นความจริงที่นางต้องการครูสอนวรยุทธ์ ก่อนหน้านางออกหมัดในความฝัน ยังกะต่อยลมต่อยฝนก็ไม่ปาน พอได้ลุงจงช่วยสอนท่วงท่าที่ถูกต้องให้ ฝีมือของนางรุดหน้าอย่างรวดเร็ว

“คุณหนูอายุยังน้อย ค่อย ๆ ฝึกไปขอรับ”

“อืม”

หลังรู้ว่าลุงจงเคยเป็นพ่อบ้าน ดูแลกิจการของตระกูลเจ้านายมาก่อน หลี่เมิ่งเหยาจึงมอบหมายให้เขา ออกไปมองหากิจการร้านค้าในเมืองฉาง ให้เลือกมาสักร้านสองร้านลองทำดูก่อน

ลุงจงได้ยินก็ตกใจ “เกรงว่าคุณหนูจะไม่รู้ ทำร้านค้าต้องมีเงินสำรองอยู่ไม่น้อย”

“ข้ารู้แล้ว ข้ามีสำรองไว้อยู่ อ้อ ท่านอย่าไปบอกท่านแม่ล่ะ นางไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้ เอาไว้กิจการไปได้ดีข้าค่อยบอกนางเอง”

“ได้ขอรับคุณหนู” ลุงจงตอบรับแบบไม่ค่อยมั่นใจเท่าไร คุณหนูของเขาจะมีเงินมากมาย พอทำกิจการค้าขายได้จริงหรือ

แต่พอถึงเวลาเข้าจริง ๆ ร้านค้าที่ลุงจงแนะนำมานั้น หลี่เมิ่งเหยาไม่พอใจเลยสักร้าน นางรู้สึกว่ามันยุ่งยากจนเกินไป

ในที่สุดก็เลือกที่จะซื้อเรือน เพื่อปล่อยให้คนเช่า นางให้ลุงจงกว้านซื้อเรือนที่อยู่ติด ๆ กัน จากนั้นก็ทำการปรับปรุงให้สวยงาม โดยเน้นการออกแบบให้ทันสมัย แลดูแตกต่างทว่ากลมกลืนไปกับเมืองฉางได้ด้วย

ที่เหลือก็แค่รอรับค่าเช่าในแต่ละเดือนไป หากคำนวณไม่ผิดสามสี่ปีนางก็ได้ทุนคืนแล้ว หลังจากนั้นถือว่าเป็นกำไร

เมื่อฝึกฝนวรยุทธ์จนชำนาญแล้ว คราวนี้หลี่เมิ่งเหยาจึงหันมาให้ความสำคัญกับโอสถในเรือน ยามนี้นางสามารถควบคุม การเข้าออกเรือนโลกันตร์ได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องรอให้ฝันเท่านั้น นับเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งนัก

เพียงแค่หมุนเวียนพลังลมปราณให้กลมกลืน เป็นหนึ่งเดียวกับกำไลหยกโลกันตร์ นางก็สามารถเดินทางเข้าออกเรือนโลกันตร์ได้อย่างใจนึก

เมื่อจิตใจเจ้าหลอมรวมเป็นหนึ่ง กับกำไลหยกโลกันตร์ได้ ภายภาคหน้าย่อมสุขสบายอย่างไร้ทุกข์

เป็นเช่นนี้นี่เอง นางเพิ่งเข้าใจ

วันเวลาผ่านไปช่างเร็วนัก เช้าของวันนี้เฉาซูหลิ่งปวดท้องพร้อมคลอดเสียแล้ว ลุงจงรีบนำรถม้าไปรับตัวหมอตำแย ที่เคยตกลงกันไว้

หลี่เมิ่งเหยาไม่ถือเรื่องเด็กหรือสตรี อยู่ในห้องทำคลอดด้วย แม้หมอตำแยจะไล่นางออกจากห้องทำคลอด นางก็ไม่ไป ตั้งใจอยู่เป็นกำลังใจให้มารดา ข้างเตียงทำคลอด

ราวครึ่งชั่วยามทารกตัวจ้ำม่ำ ก็คลอดออกมาพร้อมส่งเสียงร้องไห้ดังลั่นจ้า ตามมาด้วยรอยยิ้มอย่างโล่งอก ของทุกคนในห้องคลอด

“ฮูหยินเป็นคุณชายน้อยเจ้าค่ะ”

หมอตำแยทำความสะอาดทารก นำไปมอบให้ผู้เป็นมารดาได้เห็นใบหน้าอมชมพูของเขา

“ได้ลูกชายจริงด้วย”

เฉาซูหลิ่งคลายรอยยิ้มออก แต่พอคิดว่าตนคลอดบุตรชายทั้งที แต่สามีกลับไม่รับรู้การมีอยู่ของเขา น้ำตาของนางไหลเอ่อนองหน้า

“ส่งน้องมาให้ข้าเถอะ ท่านป้าหมอตำแยทำความสะอาดท่านแม่ไปก่อน ข้าจะพาน้องไปอยู่อีกห้อง”

หลี่เมิ่งเหยาไม่อยากให้มารดาคิดมาก จึงอุ้มน้องชายไปยังห้องด้านข้าง ซึ่งป้าหลูเตรียมไว้สำหรับห้องเด็ก

เดิมทีต้องซื้อแม่นมมาไว้ แต่หลี่เมิ่งเหยาค้านเสียงแข็ง นางให้เหตุผลท่านหมอที่โรงหมอบอกไว้ นมมารดาดีที่สุดทำให้ทารกสุขภาพแข็งแรง พวกเขาจึงไม่พูดถึงเรื่องซื้อแม่นมอีกเลย

“ดูคุณหนูอุ้มเด็กเป็นนะเจ้าคะ”

ป้าหลูมองท่าทางคล่องแคล่วของนางอย่างไม่เข้าใจ ก่อนหน้านางแปลกใจตั้งแต่เปลเด็กเล็ก ที่หลี่เมิ่งเหยาออกแบบได้อย่างแปลกตา การตกแต่งห้องนอนเด็กก็แสนน่ารักน่าชัง ดูไม่เหมือนเด็กสาวในวัยยังไม่ปักปิ่นเลยจริง ๆ

หลี่เมิ่งเหยาไม่ได้ตอบนาง เพื่อนของนางมีลูกตอนเรียนจบมหาลัย นางจึงได้อุ้มหลานตั้งแต่ยามนั้น พออุ้มบ่อยครั้งเข้าก็ชินมือไปเอง เพียงเอ่ยออกไปสั้น ๆ

“ลำบากป้าหลูแล้ว”

“ลำบากอันใดเจ้าคะ ในเรือนมีเด็กเล็กทำให้คนแก่อย่างข้ามีความสุขเสียอีก”

การได้เลี้ยงเด็กสักคนในวัยเช่นนาง เป็นเรื่องที่ไม่เคยคาดฝันมาก่อนจริง ๆ “ว่าแต่ฮูหยินตั้งชื่อ ไว้ให้คุณชายน้อยหรือยังเจ้าคะ”

หลี่เมิ่งเหยาแค่นขำออกมาหนึ่งคำ ก่อนเอ่ย “น่าจะยังไม่ได้ตั้ง”

พูดถึงเรื่องชื่อเฉาซูหลิ่งไม่ได้ตั้งไว้ก่อนหน้าจริง ๆ นางบอกบุตรสาวไปว่าตัวเองไร้ความรู้ ตัวอักษรก็เขียนไม่เป็น จะมีปัญญาไปตั้งชื่อให้บุตรชายได้อย่างไร หลี่เมิ่งเหยาจึงเป็นคนตั้งให้ด้วยตัวเอง

นางใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยออกมา “ให้เขาชื่อหลี่ชงหยวนก็แล้วกัน จะได้ฉลาด ๆ หน่อย” ท้ายคำพูดปรายตามองมารดาเบา ๆ

“หลี่ชงหยวน อืม ไม่เลวจริง ๆ เสี่ยวหยวนน้อยของแม่” เฉาซูหลิ่งค่อนข้างพึงพอใจต่อชื่อนี้

“ท่านแม่ข้าว่าท่านต้องให้นมน้องแล้วล่ะ ดูท่าคงหิวแล้ว”

เฉาซูหลิ่งตกตะลึงเล็กน้อยรีบเอ่ย “ข้าเคยให้นมลูกที่ไหนกัน”

“นี่ท่านเลี้ยงข้ามาด้วยนมผู้อื่นหรอกรึ” แม้จะเข้าใจแต่ว่าหลี่เมิ่งเหยากลับรู้สึกแปลก ๆ อยู่ไม่น้อย

“ตอนเจ้าเกิดท่านย่าของเจ้า ได้ซื้อแม่นมมาเลี้ยงเจ้า พอเจ้าได้สามขวบ นางมาขอไถ่ตัวกลับบ้านเกิดไป ตอนนั้นเจ้ายังเล็กคงจำความไม่ได้”

หลี่เมิ่งเหยาถอนลมหายใจเบา ๆ หันไปทางหมอตำแย

“ท่านป้าหมอตำแย วานท่านช่วยสอนท่านแม่ข้า ให้นมน้องได้หรือไม่”

หมอตำแยยิ้มอย่างเอ็นดูนาง “ย่อมได้อยู่แล้ว” จากนั้นนางก็เข้าไปหาคนบนเตียง พร้อมกับจัดท่าทางการอุ้มเด็ก และสอนวิธีให้นมบุตร

หลี่เมิ่งเหยา “ข้าได้ยินมาว่า หากเด็กไม่ดูดนมให้ใช้นิ้วก้อยเขี่ยมุมปากเขาเบา ๆ”

ผู้ใหญ่ทั้งสามคนภายในห้อง หันไปมองนางเป็นสายตาเดียวกัน

“ข้าพูดสิ่งใดผิดรึ”

หมอตำแยยิ้มเจื่อน ๆ “ไม่ผิดเจ้าค่ะ เป็นอย่างที่คุณหนูเอ่ยมาจริง ๆ”

แต่ที่ผิดคือเด็กสาวเช่นท่านเหตุใดถึงรอบรู้นักนะ หมอตำแยเอ่ยกำชับเรื่องการดูแลร่างกาย และสอนวิธีการอยู่เดือนให้พวกเขาได้รู้ จากนั้นจึงได้ขอตัวกลับ ลุงจงเป็นคนขับรถม้าไปส่งนางถึงเรือน

หลังจากหลี่ชงหยวนเกิดมา ทุกคนภายในบ้านต่างรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เพราะการเลี้ยงดูเด็กทารกคนหนึ่ง ต้องทำให้ร่างกายตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา

และช่วงหลายปีต่อมา กิจการให้เช่าเรือนของหลี่เมิ่งเหยา เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ โดยมีลุงจงเป็นคนดูแลทั้งหมด นางแทบไม่ต้องได้ทำอันใดเลย

ส่วนทางป้าหลูได้ดูแลมารดา กับน้องชายของนางเป็นอย่างดี การซื้อพวกเขามาจากนายหน้า นับว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดแล้ว

ระหว่างนี้หลี่เมิ่งเหยาได้ฝึกฝนความรู้ ที่อยู่ในเรือนโลกันตร์ นางอ่านตำราในเรือนโอสถ แทบหมดทุกเล่มแล้ว ได้ทดลองปรุงยาด้วยตัวเอง และตอนนี้นางสามารถปรุงยาออกมาใช้เองได้ด้วย

ส่วนวรยุทธ์แน่นอนว่าล้ำหน้ากว่าอาจารย์ อย่างลุงจงไปไกลนัก เพราะนางแอบฝึกฝนอยู่ที่เรือนโลกันตร์ตลอดเวลา สถานที่แห่งนั้น เหมือนมีพลังหมุนเวียนล้ำค่า ทำให้ร่างกายซึมซับ พลังงานที่ดีของที่นั่นไปด้วย

เมื่อนางอายุสิบเจ็ดปี ก็บรรลุเกือบทุกความรู้ ที่อยู่ในเรือนโลกันตร์ กลายเป็นเศรษฐีน้อย ๆ ของเมืองฉางไป เพราะกิจการกว้านซื้อเรือนให้เช่า ส่งผลกำไรอย่างมหาศาล

อีกทั้งยังแอบนำทองคำ ไปแลกเปลี่ยนเป็นตั๋วเงินมาอีกด้วย สรุปแล้วนางใช้เท่าไรก็คงไม่มีวันหมด เพียงแต่นางจะร่ำรวยขึ้น โดยไม่มีที่มาที่ไปไม่ได้ จึงทำตัวให้เหมือนเดิมทุกประการ

แต่เรื่องโอสถล้ำค่าที่นางครอบครองอยู่นั้น ล้วนแต่เป็นของหายากทั้งสิ้น เพราะบรรดาสมุนไพรที่ใช้ทำยา ล้วนอยู่ในสถานที่บนกำไลหยกโลกันตร์ นางมาเข้าใจภายหลัง ป่าดงพงไพรรกร้าง ที่อยู่บนกำไลหยก ล้วนแต่เป็นแหล่งของยาสมุนไพรหายากทั้งนั้น

กว่าจะเข้าใจได้ ก็ใช้เวลาไปหลายปีอยู่เหมือนกัน แต่นางไม่อยากเปิดหอโอสถ ยาพวกนี้ไม่สามารถจำหน่ายในราคาถูกได้ เพราะตัวสมุนไพรที่ใช้ทำยานั้นหาได้ยากยิ่งนัก

นางไม่อาจบอกเรื่องโอสถล้ำค่าแก่คนในเรือนได้ เรื่องกำไลหยกโลกันตร์ต้องเป็นความลับ ที่มีเพียงนางคนเดียวที่รู้ ไม่เช่นนั้นความยุ่งยากจะตามมาภายหลัง

จึงแอบนำยาที่ปรุงไว้ออกมาติดต่อซื้อขาย กับเถ้าแก่ของหอโอสถใหญ่ ประจำเมืองฉางอย่างเงียบ ๆ

บทที่เกี่ยวข้อง

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0007

    7 : พี่หญิงใหญ่บ้านข้าง ๆ เรามีคนกลับมาอยู่แล้วนะ ยามนำโอสถล้ำค่าไปขายที่หอโอสถ นางจะสวมหมวกตาข่ายปิดหน้าตาเอาไว้ และตั้งกฎกับเถ้าแก่ของหอโอสถไว้ ห้ามถามไถ่ถึงตัวตนของนางเด็ดขาด มิเช่นนั้นนางจะยุติการซื้อขายนี้ลง ตอนแรกเถ้าแก่หอโอสถไม่เชื่อนาง เกรงว่าจะเป็นพวกมาตุ้มตุ๋นหลอกลว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-04
  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0008

    8 : เจ้าจะเอ่ยออกมาทำไม ขายหน้าชะมัด ทันใดนั้นสายตานางมองไปเห็นบุรุษผู้หนึ่ง สายตาของเขาเหมือนจะมองมาทางนี้ จึงรีบทิ้งตัวลงมาจากต้นไม้ คนผู้นั้นสายตากว้างไกล เกรงว่าวรยุทธ์สูงส่งอยู่ไม่น้อย หน้าตาคุ้น ๆ แต่นางนึกไม่ออก ว่าเคยเจอกันที่ไหนมาก่อน รีบเดินกลับเข้าห้องนอนของตัวเองไป

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-04
  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0009

    9 : ยึดทรัพย์ตระกูลหลี่พอได้อยู่เพียงลำพัง หยวนเหวินเซียวอดนึกถึงเสียงเล็ก ๆ ของเด็กน้อยเสี่ยวหยวนไม่ได้ ทำให้หัวใจอันมืดมนของเขาพลันสดชื่นขึ้นมา ย้อนเหตุการณ์ไปยามที่ได้พูดคุย กับเสี่ยวหยวนตัวน้อยนั่น “พี่ชายเหตุใดมีผ้าคาดตาด้วยเล่า” เขาสัมผัสได้ถึงฝ่ามือน้อย ๆ จับตรงต้นขาข

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-04
  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0010

    10 : อยากตายก็เข้ามาสิ เสี่ยวหยวนน้อยเห็นคนวัยเดียวกันก็ใจชื้นขึ้นมา ยกมือขึ้นมาโบกส่ายเล่นกับเขา เด็กน้อยหลี่ซืออี้ยกมือโบกตอบกลับเขาด้วยความเขินอาย จี้ชิวหรงดึงมือน้อย ๆ ของบุตรชายลงแทบไม่ทัน “เจ้าคือเหยาเอ๋อร์รึ” หลี่หงซวนมองหลานสาวตนเองด้วยความประหลาดใจ เด็กน้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-04
  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0011

    11 : อี้เอ๋อร์นี่เป็นของขวัญพบหน้าจากพี่สาว หลี่เมิ่งเหยาให้มารดาพาน้องชายกับป้าหลู เข้าไปสอบถามเรื่องเช่าเรือนกับหม่าหลิงเฟย ให้ลุงจงทำหน้าที่ขนของขึ้นรถม้าเพียงลำพัง ส่วนตัวนางเดินไปทวงหนังสือปลดปล่อยอนุภรรยากับบิดา “เหลวไหล ! นี่ไม่ใช่เรื่องที่เด็กจะมาพูดกับผู้ใหญ่ได้”

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0012

    12 : สามีที่ดีคือสามีใหม่นะท่านแม่ หลังจัดแจงที่พัก ให้ครอบครัวของเฉาซูหลิ่ง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม่นมหูยกของว่างกับน้ำชา มาให้หม่าหลิงเฟยในห้องนั่งเล่น “ฮูหยินท่านใจอ่อนไปแล้วนะเจ้าคะ” มีความห่วงใยในน้ำเสียงของแม่นมหู หม่าหลิงเฟยอมยิ้มในหน้า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0013

    13 : นางไม่ใช่คนดีเท่าใดนัก ในใจของหลี่ปิงซืออดเสียดายไม่ได้ หากพวกนางยังอยู่ที่นี่ ไม่ใช่ว่าจะช่วยเหลือตระกูลหลี่ได้หรอกหรือ ไม่น่าหุนหันพลันแล่น ขับไล่พวกนางออกไปเลย ครึ่งชั่วยามต่อมา พ่อบ้านหลัวได้กลับมารายงานผู้เป็นนาย หลังจากได้ไปสอบถามกับผู้คนที่อยู่ละแวกนี้แล้ว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0014

    14 : หาที่ปลูกเรือนหลังใหม่ สะใภ้ทั้งสองหันไปมองหน้ากัน แล้วหลุบสายตาลงต่ำ พวกนางไม่เคยคิด ว่าการแต่งงานเข้าตระกูลหลี่ จะต้องมาพบกับจุดจบเช่นนี้ หากพวกนางไม่ได้รักสามีด้วยใจจริง หรือหากก่อนหน้าสามีใจร้ายกับพวกนาง คงตัดสินใจรับหนังสือหย่ากลับบ้านเดิมไปแล้ว แต่เมื่อเลือกติดตามสามีมาเช่นนี้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10

บทล่าสุด

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0282

    ฤดูร้อนปีนี้ไม่ได้ร้อนมากอย่างที่คิด บรรยากาศกำลังเย็นสบาย สายลมพัดเอื่อยสายน้ำไหลฉ่ำ หลี่เมิ่งเหยากำลังอ้าปากรับเนื้อปลาย่าง ที่สามีป้อนให้อย่างมีความสุข นางมองเด็ก ๆ ที่นั่งกินข้าวกันอย่างเพลิดเพลิน ชีวิตแสนเรียบง่ายนั้น ต้องแลกมาด้วยความเหน็ดเหนื่อยเพียงใด นางค่อนข้างหวงแหนพวกเขาทุกคน

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0281

    “เจ้าอยู่นิ่ง ๆ ข้าจะเอาออกให้” เซี่ยโหวหานเฟิงรีบตรงไป ดึงหนามกิ่งไม้ออกจากตัวของเขา “ขอบคุณขอรับพี่เขย” เขาเอ่ยอย่างนอบน้อม ไม่คิดว่าตอนทำธุระเสร็จ เดินกลับออกมานั้น กิ่งไม้หนามดันมาเกี่ยวเสื้อผ้า และบาดนิ้วมือของเขาเข้า บอกว่าไม่เจ็บก็คงไม่ใช่ “พี่หญิงใหญ่ข้าเจ

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0280

    147 : เหมยเอ๋อร์นี่คือเมืองของแม่เจ้า (จบ) เข้าสู่คิมหันตฤดู หลี่เมิ่งเหยาตั้งครรภ์ได้สี่เดือนแล้ว แต่เพราะเป็นครรภ์แรก ท้องของนางจึงไม่ได้ใหญ่เหมือนเช่นผู้อื่น นางเคยให้สัญญากับน้องชาย ว่าจะพาเขาออกไปท่องเที่ยว เมื่อสะสางงานทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว นางจึงจัดตั้งขบวนรถม้า มุ

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0279

    “ท่านรู้จักพี่ชายข้าด้วยหรือ” “รู้จัก วันก่อนข้าเพิ่งพาหลานชายไปสมัครเรียนที่นั่น” “เช่นนี้นี่เอง” สวีฟางจิงยืดอกน้อย ๆ ขึ้น นางรู้สึกเหมือนมีดอกไม้เบ่งบานอยู่ในหัวใจ ทำให้ไม่อาจหุบยิ้มลงได้ เสี่ยวหยวนมองเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า เขารู้ทันทีว่าสตรีนางนี้ หมายปองเสิ่นหร

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0278

    “เสี่ยวหยางโตเร็วมาก ตอนนี้ข้าอุ้มแทบไม่ไหวแล้ว” นางนั่งลงด้านข้างกับมารดา จ้องมองหน้าท้องของนางด้วยความรู้สึกยินดี “เจ้าไม่ต้องมองข้า เรื่องแบบนี้ข้าควบคุมไม่ได้” เฉาซูหลิ่งแอบอายเล็กน้อย นางตั้งครรภ์อีกแล้ว ทั้งยังท้องพร้อมกับบุตรสาวอีกด้วย “ข้าไม่ได้ว่าอะไรเสีย

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0277

    146 : หยางเป่ยจวิ้นจู่ ฮ่องเต้ที่อยู่เมืองหลวงได้รู้ข่าวนี้ กลับรู้สึกพูดไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง ใครจะรู้ว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ ฮ่องเต้ทรงได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจมากมายนัก ราชครูฮู่ผู้เป็นอาจารย์ของพระองค์ มีสายเลือดของราชวงศ์เก่าไหลเวียนอยู่ในกาย และพยายามก่อกบฏอยู่หลายครั้ง

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0276

    ใบหน้าของคนเป็นสามีซีดเผือดหลังได้ยิน “เป็นปีเลยหรือ” “อื้ม” “เช่นนั้นยังไม่ต้องมีก็ได้” เขาเอ่ยด้วยสีหน้าเจื่อน ๆ หลี่เมิ่งเหยาหัวเราะจนตัวงอ เรื่องนี้นางเลือกที่จะคุมกำเนิดด้วยการกินยาไว้ก่อน เกิดนางกับมารดาท้องพร้อมกัน คงเหนื่อยไม่น้อย เอาไว้ให้น้องของนางโตได้ส

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0275

    145 :มาตกลงเรื่องงานแต่งกันเถอะ เมื่อถูหลิวได้มาเยือนที่เรือนของเฉาซูหลิ่งอย่างเป็นทางการ เขาไม่ได้มาตัวคนเดียว กลับพาแม่สื่อมากับเขาด้วย เฉาซูหลิ่งยังไม่ได้บอกเรื่องตั้งครรภ์กับเขา นางกำลังนั่งเหม่อกับคำพูดของแม่สื่อ ราวกับได้ย้อนเวลาไปเป็นบุปผาแรกรุ่น ซ่งฉีโหย่งกับหลิวอี๋เฉ

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0274

    “ว่าอย่างไรได้หรือไม่” อย่าอ้อนข้า หลี่เมิ่งเหยาก้มหน้าลงต่ำ ดันเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นเข้า เขาพร้อมขนาดนี้ หากนางปฏิเสธจะดูใจร้ายใจดำเกินไปไหม “เหยาเอ๋อร์” เสียงแหบพร่าบ่งบอกถึงอารมณ์ของสามี นางจะทำสิ่งใดได้ นอกจากพยักหน้าลงช้า ๆ เอวนางถูกรว

DMCA.com Protection Status