คำถามนี้ กู้อวิ๋นซีก็ไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไงดีโชคดีที่จวินเย่เสวียนเองก็ไม่ได้บีบบังคับนางอีกไม่ไกลนักมีลำธารเล็กๆ อยู่สายหนึ่งหลังจากที่กู้อวิ๋นซีหาสมุนไพรมาได้แล้ว ก็จูงจวินเย่เสวียนมานั่งลงที่ข้างลำธารนางฉีกชุดของตัวเองออกส่วนหนึ่ง จุ่มลงไปในลำธารก่อนจะซักให้สะอาด จากนั้นค่อยกลับมานั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขา ทำความสะอาดบาดแผลให้เขาอย่างระมัดระวังจากนั้น ใส่ยา นางดึงผ้าที่กระโปรงตัวเองมาอีกชิ้นเป็นผืนยาวสำหรับพันแผลให้เขา"องค์ชายสี่ บนตัวของท่านมีแผลอยู่เต็มไปหมด""ไม่เป็นไร" แค่เพียงไม่มีเลือดไหล ก็ไม่ทำให้นางตกใจแล้วแผลเล็กน้อย เขาไม่สนใจอยู่แล้วกู้อวิ๋นซีกัดริมฝีปาก มองดูใบหน้าที่ขาวซีดของเขาทั้งๆ ที่สีหน้าแย่มากขนาดนี้แล้วแท้ๆ แต่เขากลับยังดูกระปรี้กระเปร่าอยู่เลย"ไม่เจ็บเหรอ?""เจ้าว่าไงล่ะ?" เขาไม่ใช่คนตายสักหน่อย จะไม่เจ็บจริงๆ ได้ยังไง?ก็แค่ไม่อยากให้นางเป็นห่วง ก็เลยไม่กล้าแม้แต่จะขมวดคิ้วสักนิดก็เท่านั้นจวินเย่เสวียนเงยหน้าขึ้นมามอง ที่นี่ไม่จัดว่าเป็นหุบเหวลึกหรอก เป็นเพียงเชิงเขาของหน้าผาเท่านั้นแต่หน้าผานี้ก็ลึกไม่หยอก ตอนนี้เงยหน้าขึ้นไปมอง ยังม
"นั่งลง ถอดรองเท้าออก ให้ข้าดูหน่อย" จวินเย่เสวียนย่อตัวนั่งลงไม่รอให้กู้อวิ๋นซีพูดอะไร ก็ประคองนางให้นั่งลง จากนั้นก็ถอดรองเท้ายาวของนางออกกู้อวิ๋นซีกำชายเสื้อของเขาเอาไว้แน่น เจ็บจนน้ำตาจะไหลออกมาแล้วจวินเย่เสวียนถอดถุงเท้าของนางออก ใช้ฝ่ามือจับข้อเท้าเปลือยเปล่าของนางไว้"เจ็บ..." กู้อวิ๋นซีขมวดคิ้วมุ่น"อดทนหน่อย" เขาออกแรงที่ฝ่ามือเล็กน้อย พลังงานอุ่นๆ ก็ไหลเข้าสู่ข้อเท้าของนางพลังปราณ อบอุ่นมากความรู้สึกเจ็บปวดก็เบาลงไปมากแล้วแต่ว่า ขาบวมแบบนี้ จะออกไปยังไง?กู้อวิ๋นซีเงยหน้าขึ้นมองไปที่บนยอดหน้าผาสูงมาก!จากนั้นสายตา ก็มองมาที่ใบหน้าของจวินเย่เสวียนโดยไม่รู้ตัว"มีเรื่องลำบากก็เลยเรียกหาข้าเหรอ?" จวินเย่เสวียนสีหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึกกู้อวิ๋นซีกัดริมฝีปาก ส่ายหน้าเมื่อเขาวางเท้าของนางลง นางก็จับไหล่ของเขาเพื่อพยุงตัวให้ลุกขึ้นอย่างช้าๆคิดไม่ถึงว่า เพิ่งก้าวเท้าแค่ก้าวเดียว ก็จะเจ็บมากจนต้องขบฟัน ที่ขมับเริ่มมีเม็ดเหงื่อผุดออกมาดูเหมือนว่าจะเดินไม่ไหวแล้วจริงๆอยากจะหันไปมองเขา แต่ก็ไม่กล้าตอนนี้องค์ชายสี่ คงจะรังเกียจนางมากแล้วกระมัง?คิดไม่ถึงว่
ไม่รู้ว่าเดินมานานเท่าไร กู้อวิ๋นซีเริ่มสะลึมสะลือ รู้สึกง่วงงุนแล้วนางขยี้ตาเบาๆ นอนซบลงไปบนไหล่ของจวินเย่เสวียน น้ำเสียงเริ่มแหบพร่า "องค์ชายสี่...""อืม" จวินเย่เสวียนเงยหน้าขึ้นไปมองเดินขึ้นเขามาได้ครึ่งทางแล้ว ทางที่เหลือ ถ้าขึ้นไปน่าจะต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงหากว่าเป็นเขาคนเดียว คงจะสามารถขึ้นไปได้อย่างง่ายดายแต่ตอนนี้ ยังแบกไว้อีกคนหนึ่ง ตัวเขาเองก็บาดเจ็บพลังปราณเสียหายหากว่าดันทุรังจะขึ้นไป หากว่าเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น ก็จะทำให้เจ้าตัวเล็กบนหลังได้รับบาดเจ็บได้ดังนั้น จวินเย่เสวียนจึงตัดสินใจจะเดินเท้าต่อกู้อวิ๋นซีปิดตา น้ำเสียงเริ่มละสะลึมสะลือ "องค์ชายสี่ เหตุใดท่านจึงคอยรังแกข้าอยู่เรื่อย?""..." ไปเอาเหตุใดมาจากไหนนักหนา? รังแกนางต้องมีเหตุผลด้วยหรือไง?"องค์ชายสี่ เพราะท่านเป็นคู่แฝดกับฉู่หลีเหรอ? จูจี้คนนั้นบอกว่า คู่แฝด...จะสามารถสื่อความรู้สึกถึงกันได้...""ท่านจะรับรู้ความรู้สึก...เช่นเดียวกับที่ฉู่หลีรู้สึกหรือไม่?"ดังนั้นบางครั้งเขา ก็เลยปฏิบัติต่อนางแบบเดียวกับฉู่หลี จึงเกิดความคิดที่ไม่ควรเกิดได้?จวินเย่เสวียนนัยน์ตาเคร่งขรึมไปเอาความคิ
ไม่มีใครพูดอะไรฉันพลัน ทั้งป่าก็เงียบสนิทราวกับคนตายเหลือเพียงเสียงนกเสียงแมลงที่ยังดังอยู่บริเวณรอบๆจวินเย่เสวียนใช้ฝ่ามือใหญ่คว้าเอากระบี่แบบพกพาที่เหน็บเอวอยู่ของทหารองครักษ์คนนั้นที่อยู่ไม่ไกล ถูกเขาคว้ามากลางอากาศเขายกมือชี้ปลายกระบี่ไปยังทหารองครักษ์ที่คุกเข่าอยู่บนพื้น "พูดมา ใครเป็นคนสั่งการให้เจ้าลอบทำร้ายพระชายาหลีอ๋อง"ลอบทำร้ายพระชายาหลีอ๋อง?คนในที่นั้นทุกคนต่างพากันตกตะลึง คิดไม่ถึงเลยทำไมถึงเป็นพระชายาหลีอ๋อง?พระชายาที่ไร้ซึ่งอำนาจใดๆ คนหนึ่ง ขนาดหลีอ๋องซึ่งเป็นสามีของนาง ก็ไม่เคยเข้าร่วมการชิงอำนาจภายในราชสำนัก เนื่องจากสุขภาพไม่ดีตั้งแต่ยังเล็กลอบทำร้ายนางจะมีประโยชน์อะไร?ทหารองครักษ์คนนั้นพูดเสียงค่อยๆ อย่างหวาดกลัว "กระหม่อม กระหม่อมไม่ได้...อ๊า! อ๊ากกก..."ทหารองครักษ์ล้มกลิ้งลงไปบนพื้น ร้องเสียงดังโหยหวน"อ๊า!" ไม่รู้ว่าสาวในจวนของบ้านไหนที่กรีดร้องออกมา ตกใจจนรีบถอยร่นออกไปมือข้างหนึ่งกลิ้งลงมาตกอยู่ข้างขาของนางเลือดสดๆ ไหลริน!สาวในจวนทั้งหลายต่างก็หวาดกลัวกันจนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงๆ ต่อให้ไม่ได้กรีดร้องออกมา แต่ก็ตัวสั่นเทา มองไปที่จวิ
จูจี้ล้มลงไปจวินฉีเจิ้งรีบไปประคองนางขึ้นมาทันที "จูจี้.."ในแววตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่พยายามเก็บซ่อนไว้แต่จูจี้กลับส่ายหัวให้เขา มุมปากเต็มไปด้วยเลือด เจ็บปวดไปทั้งตัว แต่ในใจกลับรู้สึกอบอุ่น"มือของท่านอ๋อง..."จวินฉีเจิ้งมองไปที่มือของตัวเองหนึ่งทีฝ่ามือที่โดนแรงปราณจากลูกธนูที่ถูกยิงออกไปดอกนั้น ทำให้เกิดไปแผลถลอกเลือดออกขึ้นมาในใจของทั้งสองคน เกิดความหวาดหวั่นขึ้นมาพร้อมกันวรยุทธ์ของเสวียนอ๋อง น่ากลัวกว่าที่พวกเขาเคยคิดเอาไว้!จูจี้ยังคงส่ายหัว เจ็บปวดจนไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ ได้เพียงแต่มองไปที่จวินฉีเจิ้งจวินฉีเจิ้งพยายามหลับตาลง เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ในแววตาของเขาก็ไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรออกมาอีกเลย"ในเมื่อจูจี้ทำผิด เช่นนั้นก็ให้น้องสี่ลงโทษได้ตามใจเถอะ" เขาใช้ฝ่ามือผลักจูจี้ออกไปโดยไม่มองเลยจูจี้ล้มลงบนพื้นโชคดีพละกำลังที่เสวียนอ๋องใช้เมื่อครู่แรงพอ จึงทำให้ธนูดอกนั้นทะลุทรวงอกของจูจี้ออกไป ไม่ได้ปักคาร่างเอาไว้ไม่เช่นนั้นการที่จวินฉีเจิ้งผลักออกมาเช่นนี้ คงจะทำให้นางต้องบาดเจ็บเป็นครั้งที่สองอีกแน่กู้อวิ๋นซีกำแขนเสื้อของจวินเย่เสวียนไว้ และมองไป
ทุกคนต่างชะงักฝีเท้ากันในทันที สายตาทุกคู่ต่างหันกลับไปมองกู้อวิ๋นซีโดยพร้อมเพียงเสวียนอ๋องจะแบกพระชายาหลีอ๋องไปเหรอ?จู่ๆ พวกเขาก็คิดขึ้นมาได้ว่า เมื่อครู่ตอนที่เสวียนอ๋องกับพระชายาหลีอ๋องกลับมา พระชายาหลีอ๋องเดินกะเผลกอยู่ด้วยความเร็วนั้น หากว่าค่อยๆ เดินไต่ขึ้นมาจากตีนเขาด้วยอาการขาแพลงจริง เช่นนั้นต่อให้เป็นเช้าวันที่สองก็คงจะกลับมาไม่ถึงที่นี่หรอกมั้ง?หรือว่า ตลอดทางที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ เสวียนอ๋องจะเป็นคนแบกพระชายาหลีอ๋องกลับมา?รู้สึกได้ถึงสายตาที่มองมาอย่างสงสัยใคร่รู้ กู้อวิ๋นซีเกร็งไปทั้งตัว ปล่อยมือจากแขนเสื้อของจวินเย่เสวียน ก่อนจะมองไปที่เขาถึงแม้เมื่อครู่เจิ้งอ๋องจะผลักจูจี้ออกมา แต่ความจริงนางเห็นอย่างชัดเจนว่าเจิ้งอ๋องใส่ใจจูจี้จริงๆแต่เพียงแค่กลัวว่าจุดอ่อนของตัวเองจะถูกเปิดเผยยิ่งแสดงออกว่าไม่ใส่ใจ ความจริงแล้ว ภายในใจก็คือยิ่งใส่ใจแต่ตอนนี้ องค์ชายสี่กลับแสดงออกว่าโปรดปรานนางอย่างออกหน้าออกตาขนาดนี้...คนสารเลวนี่กำลังจะหาเรื่องให้นางอยู่หรือไง?กู้อวิ๋นซีไม่อาจอธิบายได้ว่าตอนนี้ในใจนางรู้สึกยังไง เพียงพูดเสียงเบาออกไปว่า "ไม่จำเป็น ข้าขี่ม้ากลับไปก็ได
แม่เฒ่าชิงมาเชิญกู้อวิ๋นซี บอกว่าพระสนมหรงต้องการพบนางที่อันเซี่ยหวาดกลัวถึงเพียงนั้น เป็นเพราะครั้งก่อน ตอนแม่เฒ่าชิงนำคนมาจับคนร้าย นางไม่เห็นกู้อวิ๋นซีอยู่ในสายตาเลยสักนิดคนของพระสนมหรง สำหรับอันเซี่ยล้ว ล้วนเป็นคนที่ไม่สมควรจะหาเรื่องด้วยอันเซี่ยช่วยประคองกู้อวิ๋นซีไปถึงแม้ข้อเท้าของกู้อวิ๋นซีจะดีขึ้นกว่าเมื่อวานมากแล้ว แต่ก็ยังเจ็บอยู่เวลาเดินก็ยังเดินกะเผลกอยู่"ซีเออร์เจ้าเป็นอะไรไป?" พระสนมหรงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้จ้องมองไปที่เท้าของนางสีหน้าของนางเรียบสงบดุจสายน้ำ ดูไม่เห็นว่าจะมีท่าทีประหลาดใจใดๆคล้ายกับว่ารู้เรื่องอยู่ก่อนแล้วกู้อวิ๋นซีเดินเข้าไปด้วยการประคองของอันเซี่ย ย่อตัวคารวะให้นาง "คารวะเสด็จแม่เพคะ""ไม่ทันระวังก็เลยขาแพลง บาดเจ็บเล็กน้อย ไม่กี่วันก็หายดีแล้วเพคะ"พระสนมหรงพยักหน้า สั่งให้คนเอาเก้าอี้มาให้นางนั่ง"ซีเออร์ ตอนนี้เจ้าก็เป็นนายหญิงของจวนเสวียนอ๋องแล้ว ต่อไปเรื่องในจวน ก็จะต้องให้เจ้ากับพี่สะใภ้สี่ของเจ้ามาร่วมกันดูแล""พี่...สะใภ้สี่?" กู้อวิ๋นซีก็ไม่รู้ว่าทำไมใจของนางถึงได้รู้สึกสั่นไหวในทันทีพระสนมหรงพูดอย่างยิ้มๆ ว่า "ใช่แล้ว ที่
"เสวียนเออร์!" พระสนมหรงจ้องเขาเขม็ง แต่ก็ไม่ได้ดูเหมือนจะตำหนิอะไร"เหตุใดจึงพูดจาเช่นนี้? ซีเออร์หวังดีกับเจ้านะ""ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ขอตัวกลับก่อนแล้ว"กู้อวิ๋นซียืนขึ้น ไม่อยากที่จะเห็นจวินเย่เสวียนอีกผู้ชายคนนี้นิสัยไม่ดีมาแต่ไหนแต่ไร อย่าหาเรื่องจะดีกว่าหลังจากที่คารวะพระสนมหรงแล้ว กู้อวิ๋นซีก็หมุนตัวเดินจากไปไม่มีความอาลัยเลยสักนิดเมื่อกู้อวิ๋นซีเดินจากไปไกลแล้ว พระสนมหรงก็ไม่อาจรักษารอยยิ้มบนใบหน้าได้อีกต่อไปเพล้ง จอกชาที่อยู่ข้างมือของนาง ถูกนางปาลงไปข้างๆ ขาของจวินเย่เสวียนอย่างแรงจวินเย่เสวียนถึงได้เก็บสายตาที่มองไปยังประตูของเขากลับมา "เสด็จแม่หมายความว่ายังไง?""เพื่อนางแล้วเจ้าไม่สนแม้แต่ชีวิตของตัวเอง ในสายตาของเจ้ายังมีเสด็จแม่อย่างข้าคนนี้อยู่ไหม?"เรื่องที่เกิดขึ้นที่สนามล่าสัตว์เมื่อคืนนี้ นางรู้หมดแล้วลูกชายที่นางอบรบมาอย่างดี กระโดดลงจากหน้าผาไปอย่างเต็มใจ เพื่อที่จะช่วยผู้หญิงคนหนึ่งเขาเสียสติไปแล้วเหรอ?"ที่ลูกช่วยคือพระชายาของฉู่หลี" จวินเย่เสวียนพูดอย่างเรียบเฉยแต่พระสนมหรงกลับโมโหจนปลายนิ้วสั่นเทา "ข้าให้กำเนิดและเลี้ยงดูเจ้ามา เจ้าส