แม่เฒ่าชิงมาเชิญกู้อวิ๋นซี บอกว่าพระสนมหรงต้องการพบนางที่อันเซี่ยหวาดกลัวถึงเพียงนั้น เป็นเพราะครั้งก่อน ตอนแม่เฒ่าชิงนำคนมาจับคนร้าย นางไม่เห็นกู้อวิ๋นซีอยู่ในสายตาเลยสักนิดคนของพระสนมหรง สำหรับอันเซี่ยล้ว ล้วนเป็นคนที่ไม่สมควรจะหาเรื่องด้วยอันเซี่ยช่วยประคองกู้อวิ๋นซีไปถึงแม้ข้อเท้าของกู้อวิ๋นซีจะดีขึ้นกว่าเมื่อวานมากแล้ว แต่ก็ยังเจ็บอยู่เวลาเดินก็ยังเดินกะเผลกอยู่"ซีเออร์เจ้าเป็นอะไรไป?" พระสนมหรงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้จ้องมองไปที่เท้าของนางสีหน้าของนางเรียบสงบดุจสายน้ำ ดูไม่เห็นว่าจะมีท่าทีประหลาดใจใดๆคล้ายกับว่ารู้เรื่องอยู่ก่อนแล้วกู้อวิ๋นซีเดินเข้าไปด้วยการประคองของอันเซี่ย ย่อตัวคารวะให้นาง "คารวะเสด็จแม่เพคะ""ไม่ทันระวังก็เลยขาแพลง บาดเจ็บเล็กน้อย ไม่กี่วันก็หายดีแล้วเพคะ"พระสนมหรงพยักหน้า สั่งให้คนเอาเก้าอี้มาให้นางนั่ง"ซีเออร์ ตอนนี้เจ้าก็เป็นนายหญิงของจวนเสวียนอ๋องแล้ว ต่อไปเรื่องในจวน ก็จะต้องให้เจ้ากับพี่สะใภ้สี่ของเจ้ามาร่วมกันดูแล""พี่...สะใภ้สี่?" กู้อวิ๋นซีก็ไม่รู้ว่าทำไมใจของนางถึงได้รู้สึกสั่นไหวในทันทีพระสนมหรงพูดอย่างยิ้มๆ ว่า "ใช่แล้ว ที่
"เสวียนเออร์!" พระสนมหรงจ้องเขาเขม็ง แต่ก็ไม่ได้ดูเหมือนจะตำหนิอะไร"เหตุใดจึงพูดจาเช่นนี้? ซีเออร์หวังดีกับเจ้านะ""ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ขอตัวกลับก่อนแล้ว"กู้อวิ๋นซียืนขึ้น ไม่อยากที่จะเห็นจวินเย่เสวียนอีกผู้ชายคนนี้นิสัยไม่ดีมาแต่ไหนแต่ไร อย่าหาเรื่องจะดีกว่าหลังจากที่คารวะพระสนมหรงแล้ว กู้อวิ๋นซีก็หมุนตัวเดินจากไปไม่มีความอาลัยเลยสักนิดเมื่อกู้อวิ๋นซีเดินจากไปไกลแล้ว พระสนมหรงก็ไม่อาจรักษารอยยิ้มบนใบหน้าได้อีกต่อไปเพล้ง จอกชาที่อยู่ข้างมือของนาง ถูกนางปาลงไปข้างๆ ขาของจวินเย่เสวียนอย่างแรงจวินเย่เสวียนถึงได้เก็บสายตาที่มองไปยังประตูของเขากลับมา "เสด็จแม่หมายความว่ายังไง?""เพื่อนางแล้วเจ้าไม่สนแม้แต่ชีวิตของตัวเอง ในสายตาของเจ้ายังมีเสด็จแม่อย่างข้าคนนี้อยู่ไหม?"เรื่องที่เกิดขึ้นที่สนามล่าสัตว์เมื่อคืนนี้ นางรู้หมดแล้วลูกชายที่นางอบรบมาอย่างดี กระโดดลงจากหน้าผาไปอย่างเต็มใจ เพื่อที่จะช่วยผู้หญิงคนหนึ่งเขาเสียสติไปแล้วเหรอ?"ที่ลูกช่วยคือพระชายาของฉู่หลี" จวินเย่เสวียนพูดอย่างเรียบเฉยแต่พระสนมหรงกลับโมโหจนปลายนิ้วสั่นเทา "ข้าให้กำเนิดและเลี้ยงดูเจ้ามา เจ้าส
หอชมจันทร์ในคืนนี้คล้ายว่าจะมีแขกเยียนเป่ยขวางกู้อวิ๋นซีไว้ด้านนอก "พระชายา ดึกดื่นป่านนี้แล้ว มาหาท่านอ๋องมีเรื่องอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ? กระหม่อมจะไปรายงานให้เอง""ข้ามีเรื่องสำคัญที่จะต้องปรึกษากับองค์ชายสี่"เรื่องนี้จะต้องคุยกับองค์ชายสี่ด้วยตัวเอง ถ้าให้เยียนเป่ยไปบอก บอกไปบอกมา นางก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้ฟังเรื่องจริงจากปากของเขาแต่เยียนเป่ยที่ปกติจะเป็นมิตรกับนางมาก แต่วันนี้กลับตีมึนขวางนางไม่ให้เข้าไป"ขออภัย พระชายา ตอนนี้ท่านอ๋องของข้ากำลังต้อนรับแขกอยู่ ยังไม่ว่าง...""เช่นนั้นข้าก็จะรอจนกว่าแขกจะกลับแล้วค่อยไปหาเขา"กู้อวิ๋นซีเดินไปทางศาลาริมน้ำที่อยู่ไม่ไกล คล้ายกับตั้งใจว่าจะนั่งรออยู่ตรงนี้ยาวๆเยียนเป่ยสังเกตเห็นว่า ขาของนางน่าจะอาการดีขึ้นมากแล้ว ถึงแม้ยังเดินค่อนข้างช้า แต่ว่าท่าเดินก็ไม่มีปัญหาแล้วเขาวิ่งตามไป "พระชายา ฤดูใบไม้ร่วงน้ำค้างแรง ท่านนั่งอยู่ตรงนี้จะไม่สบายได้นะพ่ะย่ะค่ะ""ไม่เป็นไร ข้าไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น" กู้อวิ๋นซีส่ายหน้าให้กับเขาเนื่องจากมีความหนักใจ จึงทำให้ยิ้มไม่ค่อยออกเพียงแค่อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าที่มืดครึ้มอากาศคืนน
กู้อวิ๋นซีตกใจสะดุ้งตัวโยนที่นี่คือศาลาริมน้ำนะ!ห่างจากเรือนรับรองตั้งไกล เสียงพูดคุยสนทนาของพวกเขาก็ไม่ได้ดัง แต่องค์ชายสี่ก็ยังสามารถได้ยินอย่างชัดเจนกู้อวิ๋นซีเก็บหนังสือลงทันที ก่อนจะรีบเดินเข้าไปหาเขา "องค์ชายสี่ ข้ากำลัง...""ท่านพี่เย่เสวียน ใครกันที่มาหาท่านดึกดื่นป่านนี้?"เงาร่างของหญิงสาวรูปร่างดี เดินออกมาจากห้องรับรอง มายืนอยู่ข้างกายของจวินเย่เสวียนเมื่อเห็นกู้อวิ๋นซีที่กำลังเดินมาทางพวกเขา แววตาของหนานกงหลันเออร์ก็เข้มขึ้นเล็กน้อย สีหน้าแสดงออกชัดถึงความไม่เป็นมิตร"พระชายาเป็นหญิงที่มีสามีแล้ว มาหาท่านพี่เย่เสวียนดึกดื่นป่านนี้ ไม่คิดว่าผิดธรรมเนียมไปหน่อยหรือ?"กู้อวิ๋นซีพูดเสียงเรียบเฉย "แค่เพียงมีธุระบางอย่าง ที่จะมาหารือกับท่านพี่สี่ ท่านพี่สี่เป็นพี่ชาย ข้าก็ไม่คิดว่ามันเป็นการผิดธรรมเนียมอะไร"สีหน้าของหนานกงหลันเออร์ยิ่งบึ้งตึงขึ้น "อีกไม่นานท่านพี่เย่เสวียนก็จะต้องคัดเลือกพระชายาแล้ว หากว่าพระชายาในอนาคตของเขารู้ว่าสามีของตัวเองไปมาหาสู่กับผู้หญิงยามค่ำคืน...""ในเมื่อคุณหนูหนันกงก็ทราบดี เหตุใดดึกดื่นป่านนี้ถึงยังมาหาท่านพี่สี่เล่า? หากว่าถูกพี่สะ
ในเรือนรับรองมีผู้หญิงสองนางนั่งอยู่คนหนึ่งสวมชุดกระโปรงลายเรียบสีขาว ดูสง่ามีราศีส่วนอีกคน สวมชุดกระโปรงสีเขียวอ่อน ดูกระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวาเมื่อสาวเสื้อเขียวเห็นนางเข้ามา ก็รีบลุกขึ้นก่อนจะยิ้มทักทาย "ข้าคือลู่หงอวี้แห่งจวนแม่ทัพเจิงซี ยินดีที่ได้พบพระชายาหลีอ๋อง"หญิงสาวชุดขาวอีกคนก็ลุกขึ้น ก่อนจะย่อตัวทำความเคารพ "ข้าคือฉินโหรวคุณหนูสามจากจวนเสนา ยินดีที่ได้พบพระชายาหลีอ๋อง"ที่แท้แขกในค่ำคืนนี้ ไม่ใช่แค่เพียงหนานกงหลันเออร์คนเดียวสองคนนี้ กู้อวิ๋นซีพอจะจำได้ เป็นสองคนที่พระสนมหรงชี้ให้ดูในวันนั้น ภาพวาดนางก็เคยเห็นแล้ว"ขอโทษด้วย เมื่อครู่..." กู้อวิ๋นซีรู้สึกละอายใจ "เมื่อครู่ข้าเพียงต้องการยั่วโมโหคุณหนูตระกูลหนานกงเท่านั้น ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับทั้งสองท่านเลย จริงๆ นะ"นางจะรู้ได้ไงว่าคนที่มาหาองค์ชายสี่ดึกดื่นป่านนี้ไม่ได้มีหนานกงหลันเออร์แค่คนเดียว?ลู่หงอวี้พูดขึ้นอย่างยิ้มแย้มทันที "ไม่เป็นไร นิสัยของแม่นางจากจวนกั๋วกงคนนั้นก็ขี้โมโหจริงๆ พระชายาหลีอ๋องสั่งสอนได้ถูกต้องแล้ว ครั้งหน้าข้าจะเลือกมาหาท่านอ๋องในเวลากลางวันแทน"นางเปิดเผยจริงใจ กู้อวิ๋นซีมองดูแล้ว ก็
เข้าไป?ดึกดื่นค่อนคืน ชายหญิงอยู่ลำพัง จะไม่ค่อยดีหรือเปล่า?"ไม่มาก็ไสหัวไป ข้าไม่มีความอดทนสักเท่าไรหรอก" น้ำเสียงเย็นๆ ของจวินเย่เสวียนดังขึ้นอีกครั้งกู้อวิ๋นซีสูดหายใจเข้าลึกๆ ถึงค่อยก้าวเท้าเข้าไปถึงอย่างไรก็ไม่มีชื่อให้เสียแล้ว แต่สถานการณ์ของจวนแม่ทัพในตอนนี้ จะรออีกได้ไม่นานจวินเย่เสวียนนั่งลงที่ข้างเตียง ที่ถึงแม้จะถูกกั้นไว้ด้วยฉากบังลม ก็ยังสัมผัสได้ถึงไอเย็นที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของเขากู้อวิ๋นซีกำลังจะเดินเข้าไป กลับได้ยินน้ำเสียงเย็นๆ ของจวินเย่เสวียนดังขึ้นอีกครั้ง "ปิดประตู""องค์ชายสี่...""เช่นนั้นก็ไสหัวไป"ปึง กู้อวิ๋นซีปิดประตูลงอย่างไม่พอใจจวินเย่เสวียนมองเงาร่างของนางที่ยืนอยู่อีกด้านของฉากบังลม ยิ้มเยาะว่า "กล้าหาญไม่เบาหนิ มีเรื่องขอร้องข้า ยังกล้าแสดงอารมณ์ไม่พอใจต่อหน้าข้าอีก""ไม่กล้า!"กู้อวิ๋นซีก้มหัวลง "ในเมื่อองค์ชายสี่รู้ถึงเจตนาที่ข้ามา เช่นนั้นก็คงรู้ถึงความยากลำบากที่จวนแม่ทัพของข้าต้องเผชิญอยู่ในตอนนี้แล้ว องค์ชายสี่ ได้โปรดช่วยทูลขอต่อฝ่าบาทให้สักหน่อย ขอฝ่าบาทโปรดให้เวลาจวนแม่ทัพสักหนึ่งเดือน""พี่ใหญ่ของข้าจงรักภักดีต่อบ้านเม
"เจ้าคิดจะไปปกป้องเมืองฝานแทนพี่ใหญ่ของเจ้า?" ราวกับจวินเย่เสวียนได้ฟังเรื่องที่น่าขบขันที่สุดแห่งปีก็ไม่ปานสีหน้าของเขาไม่เพียงไม่เชื่อ ยังพูดอีกว่า "เจ้าคิดว่าการบัญชาทัพออกรบเป็นเรื่องสนุกเหมือนเล่นขายของหรือยังไง? เจ้ารู้หรือไม่ ในสนามรบทุกเวลาล้วนมีคนต้องเลือดออกหรือตายน่ะ?""ข้ารู้" กู้อวิ๋นซีไม่ใช่เด็กๆ แล้ว แน่นอนย่อมต้องรู้ถึงความโหดร้ายในสนามรบแต่ ตอนนี้จวนแม่ทับกำลังอยู่ในช่วงเวลาคับขัน หากว่าไม่มีคนก้าวออกมา จุดจบของพวกเขามีเพียงอย่างเดียว ก็คือตาย"องค์ชายสี่ข้ารู้ว่าในหนานหลิงมีแม่ทัพหญิงอยู่มากมาย ฝ่าบาทคงไม่ปฏิเสธคุณค่าของข้า เนื่องจากข้าเป็นผู้หญิงหรอก"อย่างลู่หงอวี้ที่มาพบจวินเย่เสวียนในคืนนี้นั่นไงนางเป็นบุตรสาวของแม่ทัพเจิงซี ก่อนที่กู้อวิ๋นซีจะมานางได้สอบถามเกี่ยวกับเรื่องแม่ทัพหญิงในหนานหลิงของพวกเขามาแล้วลู่เฟยหงพี่สาวของลู่หงอวี้ ก็คือหนึ่งในนั้น"องค์ชายสี่ ได้โปรด...""เหตุใดข้าจึงต้องช่วยเจ้า?" จวินเย่เสวียนจ้องนางอย่างเรียบเฉยกู้อวิ๋นซีเงยหน้าขึ้นเพื่อสบตากับเขา "ขะ ข้าเป็นภรรยาของฉู่หลี ขอให้องค์ชายสี่เห็นแก่ฉู่หลี...""หากข้าบอกว่าไม่ได้ล่
หมายความว่ายังไง คำถามนี้ จวินเย่เสวียนไม่อยากจะตอบ"ตอนนี้" เขาจ้องไปที่ใบหน้าของกู้อวิ๋นซีที่ก่อนหน้านี้ยังแดงก่ำเพราะความโกรธ แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นขาวซีด"ข้าต้องการเจ้า ถ้าหากว่าเจ้าอยากให้คนในจวนแม่ทัพปลอดภัย ก็ถอดเสื้อผ้าออกให้หมดแล้วคลานขึ้นเตียงของข้าเองซะ"ความสิ้นหวังในดวงตาของกู้อวิ๋นซีหายไปแล้ว ทันใดนั้น สายตานางก็เปลี่ยนกลายเป็นเย็นชานางหันกลับมา เดินไปหยุดต่อหน้าจวินเย่เสวียนยกมือขึ้นมาแต่ไม่ได้เพื่อที่จะถอดเสื้อผ้าของตัวเอง แต่ยกขึ้นมาเพื่อตบลงไปบนใบหน้าของเขาเพี๊ยะ เสียงดังสนั่นไฟโทสะค่อยๆ ลุกโชนขึ้นในดวงตาของจวินเย่เสวียนกู้อวิ๋นซียังคงบีบฝ่ามือของตัวเองไว้แน่น ไม่กล้ามองเขาอีก หันกลังเดินออกไปทันที"พระชายา" เมื่อเห็นนางเดินออกมา เยียนเป่ยก็กระวนกระวายเป็นอย่างมากทำไมเรื่องราวถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้?"พระชายา ความจริงแล้วท่านอ๋องไม่ได้หมายความเช่นนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ ท่าน..."กู้อวิ๋นซีเดินออกไปแล้ว ไม่ยอมอยู่ฟังแม้แต่คำเดียวจนเมื่อเงาร่างบอบบางแต่เหยียดตรงของนางหายไปจากสายตาของเขา เยียนเป่ยถึงได้เดินเข้าไปในห้องนอนอย่างระมัดระวัง"ท่านอ๋อง ท่านทำเ