เข้าไป?ดึกดื่นค่อนคืน ชายหญิงอยู่ลำพัง จะไม่ค่อยดีหรือเปล่า?"ไม่มาก็ไสหัวไป ข้าไม่มีความอดทนสักเท่าไรหรอก" น้ำเสียงเย็นๆ ของจวินเย่เสวียนดังขึ้นอีกครั้งกู้อวิ๋นซีสูดหายใจเข้าลึกๆ ถึงค่อยก้าวเท้าเข้าไปถึงอย่างไรก็ไม่มีชื่อให้เสียแล้ว แต่สถานการณ์ของจวนแม่ทัพในตอนนี้ จะรออีกได้ไม่นานจวินเย่เสวียนนั่งลงที่ข้างเตียง ที่ถึงแม้จะถูกกั้นไว้ด้วยฉากบังลม ก็ยังสัมผัสได้ถึงไอเย็นที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของเขากู้อวิ๋นซีกำลังจะเดินเข้าไป กลับได้ยินน้ำเสียงเย็นๆ ของจวินเย่เสวียนดังขึ้นอีกครั้ง "ปิดประตู""องค์ชายสี่...""เช่นนั้นก็ไสหัวไป"ปึง กู้อวิ๋นซีปิดประตูลงอย่างไม่พอใจจวินเย่เสวียนมองเงาร่างของนางที่ยืนอยู่อีกด้านของฉากบังลม ยิ้มเยาะว่า "กล้าหาญไม่เบาหนิ มีเรื่องขอร้องข้า ยังกล้าแสดงอารมณ์ไม่พอใจต่อหน้าข้าอีก""ไม่กล้า!"กู้อวิ๋นซีก้มหัวลง "ในเมื่อองค์ชายสี่รู้ถึงเจตนาที่ข้ามา เช่นนั้นก็คงรู้ถึงความยากลำบากที่จวนแม่ทัพของข้าต้องเผชิญอยู่ในตอนนี้แล้ว องค์ชายสี่ ได้โปรดช่วยทูลขอต่อฝ่าบาทให้สักหน่อย ขอฝ่าบาทโปรดให้เวลาจวนแม่ทัพสักหนึ่งเดือน""พี่ใหญ่ของข้าจงรักภักดีต่อบ้านเม
"เจ้าคิดจะไปปกป้องเมืองฝานแทนพี่ใหญ่ของเจ้า?" ราวกับจวินเย่เสวียนได้ฟังเรื่องที่น่าขบขันที่สุดแห่งปีก็ไม่ปานสีหน้าของเขาไม่เพียงไม่เชื่อ ยังพูดอีกว่า "เจ้าคิดว่าการบัญชาทัพออกรบเป็นเรื่องสนุกเหมือนเล่นขายของหรือยังไง? เจ้ารู้หรือไม่ ในสนามรบทุกเวลาล้วนมีคนต้องเลือดออกหรือตายน่ะ?""ข้ารู้" กู้อวิ๋นซีไม่ใช่เด็กๆ แล้ว แน่นอนย่อมต้องรู้ถึงความโหดร้ายในสนามรบแต่ ตอนนี้จวนแม่ทับกำลังอยู่ในช่วงเวลาคับขัน หากว่าไม่มีคนก้าวออกมา จุดจบของพวกเขามีเพียงอย่างเดียว ก็คือตาย"องค์ชายสี่ข้ารู้ว่าในหนานหลิงมีแม่ทัพหญิงอยู่มากมาย ฝ่าบาทคงไม่ปฏิเสธคุณค่าของข้า เนื่องจากข้าเป็นผู้หญิงหรอก"อย่างลู่หงอวี้ที่มาพบจวินเย่เสวียนในคืนนี้นั่นไงนางเป็นบุตรสาวของแม่ทัพเจิงซี ก่อนที่กู้อวิ๋นซีจะมานางได้สอบถามเกี่ยวกับเรื่องแม่ทัพหญิงในหนานหลิงของพวกเขามาแล้วลู่เฟยหงพี่สาวของลู่หงอวี้ ก็คือหนึ่งในนั้น"องค์ชายสี่ ได้โปรด...""เหตุใดข้าจึงต้องช่วยเจ้า?" จวินเย่เสวียนจ้องนางอย่างเรียบเฉยกู้อวิ๋นซีเงยหน้าขึ้นเพื่อสบตากับเขา "ขะ ข้าเป็นภรรยาของฉู่หลี ขอให้องค์ชายสี่เห็นแก่ฉู่หลี...""หากข้าบอกว่าไม่ได้ล่
หมายความว่ายังไง คำถามนี้ จวินเย่เสวียนไม่อยากจะตอบ"ตอนนี้" เขาจ้องไปที่ใบหน้าของกู้อวิ๋นซีที่ก่อนหน้านี้ยังแดงก่ำเพราะความโกรธ แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นขาวซีด"ข้าต้องการเจ้า ถ้าหากว่าเจ้าอยากให้คนในจวนแม่ทัพปลอดภัย ก็ถอดเสื้อผ้าออกให้หมดแล้วคลานขึ้นเตียงของข้าเองซะ"ความสิ้นหวังในดวงตาของกู้อวิ๋นซีหายไปแล้ว ทันใดนั้น สายตานางก็เปลี่ยนกลายเป็นเย็นชานางหันกลับมา เดินไปหยุดต่อหน้าจวินเย่เสวียนยกมือขึ้นมาแต่ไม่ได้เพื่อที่จะถอดเสื้อผ้าของตัวเอง แต่ยกขึ้นมาเพื่อตบลงไปบนใบหน้าของเขาเพี๊ยะ เสียงดังสนั่นไฟโทสะค่อยๆ ลุกโชนขึ้นในดวงตาของจวินเย่เสวียนกู้อวิ๋นซียังคงบีบฝ่ามือของตัวเองไว้แน่น ไม่กล้ามองเขาอีก หันกลังเดินออกไปทันที"พระชายา" เมื่อเห็นนางเดินออกมา เยียนเป่ยก็กระวนกระวายเป็นอย่างมากทำไมเรื่องราวถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้?"พระชายา ความจริงแล้วท่านอ๋องไม่ได้หมายความเช่นนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ ท่าน..."กู้อวิ๋นซีเดินออกไปแล้ว ไม่ยอมอยู่ฟังแม้แต่คำเดียวจนเมื่อเงาร่างบอบบางแต่เหยียดตรงของนางหายไปจากสายตาของเขา เยียนเป่ยถึงได้เดินเข้าไปในห้องนอนอย่างระมัดระวัง"ท่านอ๋อง ท่านทำเ
"เจ้าหมายความว่ายังไง?" ผู้หญิงคนนั้น กลับจวนแม่ทัพไปแล้วเหรอ?จวินเย่เสวียนสลัดผ้าห่มออก ก่อนจะลงจากเตียงมาเนื่องจากอาการเมาค้างจึงทำให้สมองของเขายังคงมึนๆ งงๆ อยู่จังหวะที่ลงมาจากเตียง ขาเขาก็พลันอ่อน จนเกือบจะต้องคุกเข่าลงไปบนพื้นเยียนเป่ยตกใจจนต้องรีบรุดเข้าไปช่วยพยุงเขา"ท่านอ๋อง พระชายาเขียนจดหมายไว้ฉบับหนึ่ง รับสั่งให้คนนำไปมอบให้กับท่านแม่ทัพกู้ที่จวนแม่ทัพ ส่วนนางออกเดินทางไปตั้งแต่ช่วงกลางดึกแล้วพ่ะย่ะค่ะ""อะไรคือออกเดินทางไปตั้งแต่ช่วงกลางดึก?" จวินเย่เสวียนยืนตัวตรง ผลักเขาออกไป "ไม่ใช่กลับจวนแม่ทัพไปแล้วเหรอ?"เยียนเป่ยมองไปที่เขาด้วยท่าทีหวาดกลัว "มะ ไม่ใช่กลับไปจวนแม่ทัพ พระชายาเขียนบอกในจดหมายว่า นางจะไปเมืองฝานเพื่อตามหากู้หนานฟงพ่ะย่ะค่ะ"ความเมามายในแววตาของจวินเย่เสวียน หายไปแล้วมากกว่าครึ่ง "พาใครไปบ้าง?"เยียนเป่ยพูดตอบอย่างหวาดกลัวและเป็นกังวลว่า "พาไปเพียง เพียงสาวรับใช้ของนาง ที่ชื่อว่าอันเซี่ยพ่ะย่ะค่ะ""นังผู้หญิงโง่!""พระชายา พระชายาไม่โง่เลยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องไม่สู้...ลองอ่านเนื้อหาในจดหมายฉบับนี้ดูก่อนเถิด"พระชายาไม่ได้โง่จริงๆ เพียงแต่ คว
ฝีมือการขี่ม้าของกู้อวิ๋นซีไม่เลวเลยจริงๆจากเมืองหลวงถึงเมืองฝาน ทหารม้าจะต้องใช้เวลาเจ็ดวัน กองทัพทั่วไปต้องใช้เวลาสิบห้าวันแต่นางกลับใช้เวลาเพียงห้าวันแต่ว่า ในห้าวันนี้ นางจะนอนเพียงแค่สองชั่วโมงต่อวันภายในระยะเวลาสั้นๆ แค่ห้าวัน นางก็ซูบผอมลงไปมากแล้วอันเซี่ยมองดูแล้วยังรู้สึกสงสารจับใจ"คะ...คุณชายน้อย ผ่านช่องเขานี้ไปก็จะถึงเมืองฝานแล้ว คืนนี้พวกเรายังจะต้องเร่งเดินทางกันอีกหรือไม่ขอรับ?"อันเซี่ยได้ศึกษาแผนที่มาอย่างดีตั้งนางแล้วนางพูดว่า "คุณชาย ได้ยินว่าระแวกนี้...มีโจรภูเขา""พวกเราแยกกันไปสองทาง""ว่าไงนะ?" อันเซี่ยตกใจ รีบส่ายหัวอย่างรวดเร็ว "ไม่ได้ คุณชาย พวกเราจะต้องไปด้วยกัน ไม่ว่าจะพูดยังไงข้าก็จะไม่แยกจากท่านเด็ดขาด""อันเซี่ย เจ้าฟังข้า ข้าไม่อาจรอได้สักนาที แต่เราก็จะไปเสี่ยงด้วยกันทั้งคู่ไม่ได้ ระหว่างเรา จะต้องมีคนที่สามารถไปถึงเมืองฝานให้ได้"กู้อวิ๋นซียกฝ่ามือของนางขึ้นมา แล้ววาดเครื่องหมายหนึ่งลงไปบนฝ่ามือนาง"เครื่องหมายนี้ เจ้าจงจำไว้ให้ดี ถ้าหากว่าเห็นมัน ก็จะสามารถหาตัวพี่ใหญ่เจอได้ เจ้าต้องจำไว้ให้ดีๆ นะ!"เมื่อหนึ่งปีก่อน ตอนที่พวกเขาถู
กู้อวิ๋นซีถูกจับได้แล้วที่ช่องเขาด้านหน้ามีโจรภูเขาสิบกว่าคนบุกเข้ามา ปิดล้อมนางไว้ในช่องเขาแห่งนี้ด้านหน้าหัวหน้ารองก็นำกำลังคนไล่ตามขึ้นมาเมื่อหัวหน้าสามเห็นรูปลักษณ์ภายนอกของกู้อวิ๋นซี นัยน์ตาพลันเคร่งขรึม จ้องไปที่หัวหน้ารอง "แค่นี้? เจ้าถึงกับขนาดต้องใช้ธนูฝ่าเมฆาเลยเหรอ?"ไม่รู้หรือไงว่าธนูฝ่าเมฆาในค่ายของพวกเขามันเป็นของล้ำค่าขนาดไหน?ของแพงขนาดนั้น ถึงจับเจ้าหนุ่มนี้ต้มกินก็ชดใช้ไม่ไหวหรอก!"นี่..." หัวหน้ารองรู้อยู่แล้วว่าตัวเองวู่วามไปหน่อย แต่ว่ามันโมโหนี่!"ฝีมือการขี่ม้าของเจ้าเด็กนี่ยอดเยี่ยมเกินไป พี่น้องเราสิบกว่าคนก็ตามไม่ทัน""ในช่องเขาก็วางค่ายกลท่อนไม้ไว้แล้วไม่ใช่หรือ?"พูดถึงเรื่องนี้ หัวหน้ารองก็ยิ่งโมโห "ใช้หมดแล้ว หลบได้หมด!""หลบได้หมด?" สายตาของหัวหน้าสามมองไปที่หน้าของกู้อวิ๋นซีอีกครั้งในที่สุดรูปร่างเล็กๆ ถ้าเทียบกับรูปร่างสูงใหญ่กำยำของพวกเขาแล้ว ก็เหมือนกับเป็นคนแคระคนหนึ่งถึงแม้เสื้อผ้าบนตัวจะสมบูรณ์ครบถ้วน แต่ก็เก่ามาก ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนมีเงินอะไรบนใบหน้าก็มีแต่คราบดินโคลน ดูก็ไม่ชัดว่าหน้าตาเป็นยังไงแต่ม้าที่ขี่มานั้น ก็ดูจะมีราคาอ
ใบหน้าของกู้อวิ๋นซีสกปรก เสื้อผ้าบนร่างกายก็เก่าๆแต่ตอนที่นางยื่นสัมภาระมาให้ มือนั้นกลับขาวเนียนละเอียดภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่อง ขาวจนแทบจะเรืองแสงได้!"หัวหน้ารอง หัวหน้าสาม นางเป็นเด็กสาว!" โจรภูเขาคนนั้นร้องขึ้นอย่างตกใจ!หัวหน้ารองกับหัวหน้าสามต่างพากันอึ้งไป หัวหน้าสามโบกดาบใหญ่ในมือหนึ่งทีกู้อวิ๋นซีก็บังคับม้าถอยหลังทันที แต่ก็ไม่ทันดาบเล่มใหญ่นั้นไม่ได้โดนตัวนาง แต่ลมจากดาบก็พัดผ่านที่บริเวณบนหัวนางผ้าคลุมผมบนหัวถูกดาบตวัดลงมาฉับพลันกลุ่มเส้นผมยาวก็ตกลงมาราวกับน้ำตกเป็นเด็กสาวจริงๆ ด้วย!กู้อวิ๋นซีกระทุ้งท้องม้าหนึ่งที ตะโกนเสียงดัง "รีบวิ่ง!""ริอาจหลอกลวงข้า!" หัวหน้าสามยื่นมือวาดดาบออกไป "จะหนีไปไหน?"กู้อวิ๋นซีรู้สึกเพียงว่ามีลมแรงๆ พัดมาที่ตัวนางรู้สึกอึดอัดในอก กลิ่นเลือดคาวๆ พุ่งขึ้นมาจ่อที่ริมฝีปากทันทีนางยกมือขึ้นมาเตรียมจะขัดขืน แต่เนื่องจากเดินทางมาห้าวันห้าคืนแล้ว ตอนนี้นางไม่ได้เหลือแรงมากมายฝ่ามือนั้นกระทบลงบนตัวนางกู้อวิ๋นซีรู้สึกภาพตรงหน้ามืดสนิท ในที่สุดเรี่ยวแรงในร่างกายก็หมดลง จนกลิ้งตกจากหลังม้าลงมาหมดสิ้นสติไป...กู้อวิ๋นซีตื่น
เขา...ทำไมถึงมาปรากฎตัวอยู่ที่นี่ได้?กู้อวิ๋นซีรู้สึกเพียงหัวใจของตัวเองสั่นไหวอย่างรุนแรงไม่รู้ว่าด้วยความตกใจหรือดีใจ ยิ่งไม่รู้ว่าเป็นความซึ้งใจหรือว่าหวาดกลัวกันแน่เขาน่ากลัวยิ่งกว่าโจรภูเขาแต่ตอนนี้เขา บางทีอาจจะเป็นความหวังเดียวของนางแต่เมื่อหลายวันก่อนนางเพิ่งจะตบหน้าเขาไป ด้วยความดูถูกสุดๆด้วยนิสัยของเขา ไม่ฆ่านางก็นับว่าเป็นโชคดีสุดๆ แล้ว แล้วจะช่วยนางได้ยังไงอีก?คนที่เดินเข้ามาพร้อมกับหัวหน้าใหญ่ในเวลานี้ เป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ที่บนใบหน้ามีรอยแผลเป็นจากดาบประทับอยู่ถึงแม้รอยแผลเป็นบนใบหน้าจะดูน่ากลัว แต่ด้วยท่าทีสูงศักดิ์ของเขากลับทำให้คนมองไม่อาจละสายตาได้ตอนที่พวกผู้หญิงได้เห็นเขา ต่างก็ตกตะลึงไปตามกันไม่เพียงไม่ตกใจกับรอยแผลเป็นน่าเกลียดบนใบหน้าของเขา แต่กลับมองด้วยสายตาหลงไหลเหตุใดจึงมีผู้ชายเช่นนี้อยู่ได้ หน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว แต่ทั้งตัวกลับมีเสน่ห์ดึงดูดให้คนหลงใหล?"หัวหน้าใหญ่ คนนี้..." หัวหน้ารองมีสีหน้าประหลาดใจผู้ชายแปลกหน้าคนนี้ ดูแล้วไม่ธรรมดาเลย!"โชคดีที่ได้น้องกู้คนนี้!" หัวหน้าใหญ่ตบไหล่ของชายหนุ่มคนนั้นก่อนพูดอย่างยิ้มแย้มว่า "หา