หมายความว่ายังไง คำถามนี้ จวินเย่เสวียนไม่อยากจะตอบ"ตอนนี้" เขาจ้องไปที่ใบหน้าของกู้อวิ๋นซีที่ก่อนหน้านี้ยังแดงก่ำเพราะความโกรธ แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นขาวซีด"ข้าต้องการเจ้า ถ้าหากว่าเจ้าอยากให้คนในจวนแม่ทัพปลอดภัย ก็ถอดเสื้อผ้าออกให้หมดแล้วคลานขึ้นเตียงของข้าเองซะ"ความสิ้นหวังในดวงตาของกู้อวิ๋นซีหายไปแล้ว ทันใดนั้น สายตานางก็เปลี่ยนกลายเป็นเย็นชานางหันกลับมา เดินไปหยุดต่อหน้าจวินเย่เสวียนยกมือขึ้นมาแต่ไม่ได้เพื่อที่จะถอดเสื้อผ้าของตัวเอง แต่ยกขึ้นมาเพื่อตบลงไปบนใบหน้าของเขาเพี๊ยะ เสียงดังสนั่นไฟโทสะค่อยๆ ลุกโชนขึ้นในดวงตาของจวินเย่เสวียนกู้อวิ๋นซียังคงบีบฝ่ามือของตัวเองไว้แน่น ไม่กล้ามองเขาอีก หันกลังเดินออกไปทันที"พระชายา" เมื่อเห็นนางเดินออกมา เยียนเป่ยก็กระวนกระวายเป็นอย่างมากทำไมเรื่องราวถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้?"พระชายา ความจริงแล้วท่านอ๋องไม่ได้หมายความเช่นนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ ท่าน..."กู้อวิ๋นซีเดินออกไปแล้ว ไม่ยอมอยู่ฟังแม้แต่คำเดียวจนเมื่อเงาร่างบอบบางแต่เหยียดตรงของนางหายไปจากสายตาของเขา เยียนเป่ยถึงได้เดินเข้าไปในห้องนอนอย่างระมัดระวัง"ท่านอ๋อง ท่านทำเ
"เจ้าหมายความว่ายังไง?" ผู้หญิงคนนั้น กลับจวนแม่ทัพไปแล้วเหรอ?จวินเย่เสวียนสลัดผ้าห่มออก ก่อนจะลงจากเตียงมาเนื่องจากอาการเมาค้างจึงทำให้สมองของเขายังคงมึนๆ งงๆ อยู่จังหวะที่ลงมาจากเตียง ขาเขาก็พลันอ่อน จนเกือบจะต้องคุกเข่าลงไปบนพื้นเยียนเป่ยตกใจจนต้องรีบรุดเข้าไปช่วยพยุงเขา"ท่านอ๋อง พระชายาเขียนจดหมายไว้ฉบับหนึ่ง รับสั่งให้คนนำไปมอบให้กับท่านแม่ทัพกู้ที่จวนแม่ทัพ ส่วนนางออกเดินทางไปตั้งแต่ช่วงกลางดึกแล้วพ่ะย่ะค่ะ""อะไรคือออกเดินทางไปตั้งแต่ช่วงกลางดึก?" จวินเย่เสวียนยืนตัวตรง ผลักเขาออกไป "ไม่ใช่กลับจวนแม่ทัพไปแล้วเหรอ?"เยียนเป่ยมองไปที่เขาด้วยท่าทีหวาดกลัว "มะ ไม่ใช่กลับไปจวนแม่ทัพ พระชายาเขียนบอกในจดหมายว่า นางจะไปเมืองฝานเพื่อตามหากู้หนานฟงพ่ะย่ะค่ะ"ความเมามายในแววตาของจวินเย่เสวียน หายไปแล้วมากกว่าครึ่ง "พาใครไปบ้าง?"เยียนเป่ยพูดตอบอย่างหวาดกลัวและเป็นกังวลว่า "พาไปเพียง เพียงสาวรับใช้ของนาง ที่ชื่อว่าอันเซี่ยพ่ะย่ะค่ะ""นังผู้หญิงโง่!""พระชายา พระชายาไม่โง่เลยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องไม่สู้...ลองอ่านเนื้อหาในจดหมายฉบับนี้ดูก่อนเถิด"พระชายาไม่ได้โง่จริงๆ เพียงแต่ คว
ฝีมือการขี่ม้าของกู้อวิ๋นซีไม่เลวเลยจริงๆจากเมืองหลวงถึงเมืองฝาน ทหารม้าจะต้องใช้เวลาเจ็ดวัน กองทัพทั่วไปต้องใช้เวลาสิบห้าวันแต่นางกลับใช้เวลาเพียงห้าวันแต่ว่า ในห้าวันนี้ นางจะนอนเพียงแค่สองชั่วโมงต่อวันภายในระยะเวลาสั้นๆ แค่ห้าวัน นางก็ซูบผอมลงไปมากแล้วอันเซี่ยมองดูแล้วยังรู้สึกสงสารจับใจ"คะ...คุณชายน้อย ผ่านช่องเขานี้ไปก็จะถึงเมืองฝานแล้ว คืนนี้พวกเรายังจะต้องเร่งเดินทางกันอีกหรือไม่ขอรับ?"อันเซี่ยได้ศึกษาแผนที่มาอย่างดีตั้งนางแล้วนางพูดว่า "คุณชาย ได้ยินว่าระแวกนี้...มีโจรภูเขา""พวกเราแยกกันไปสองทาง""ว่าไงนะ?" อันเซี่ยตกใจ รีบส่ายหัวอย่างรวดเร็ว "ไม่ได้ คุณชาย พวกเราจะต้องไปด้วยกัน ไม่ว่าจะพูดยังไงข้าก็จะไม่แยกจากท่านเด็ดขาด""อันเซี่ย เจ้าฟังข้า ข้าไม่อาจรอได้สักนาที แต่เราก็จะไปเสี่ยงด้วยกันทั้งคู่ไม่ได้ ระหว่างเรา จะต้องมีคนที่สามารถไปถึงเมืองฝานให้ได้"กู้อวิ๋นซียกฝ่ามือของนางขึ้นมา แล้ววาดเครื่องหมายหนึ่งลงไปบนฝ่ามือนาง"เครื่องหมายนี้ เจ้าจงจำไว้ให้ดี ถ้าหากว่าเห็นมัน ก็จะสามารถหาตัวพี่ใหญ่เจอได้ เจ้าต้องจำไว้ให้ดีๆ นะ!"เมื่อหนึ่งปีก่อน ตอนที่พวกเขาถู
กู้อวิ๋นซีถูกจับได้แล้วที่ช่องเขาด้านหน้ามีโจรภูเขาสิบกว่าคนบุกเข้ามา ปิดล้อมนางไว้ในช่องเขาแห่งนี้ด้านหน้าหัวหน้ารองก็นำกำลังคนไล่ตามขึ้นมาเมื่อหัวหน้าสามเห็นรูปลักษณ์ภายนอกของกู้อวิ๋นซี นัยน์ตาพลันเคร่งขรึม จ้องไปที่หัวหน้ารอง "แค่นี้? เจ้าถึงกับขนาดต้องใช้ธนูฝ่าเมฆาเลยเหรอ?"ไม่รู้หรือไงว่าธนูฝ่าเมฆาในค่ายของพวกเขามันเป็นของล้ำค่าขนาดไหน?ของแพงขนาดนั้น ถึงจับเจ้าหนุ่มนี้ต้มกินก็ชดใช้ไม่ไหวหรอก!"นี่..." หัวหน้ารองรู้อยู่แล้วว่าตัวเองวู่วามไปหน่อย แต่ว่ามันโมโหนี่!"ฝีมือการขี่ม้าของเจ้าเด็กนี่ยอดเยี่ยมเกินไป พี่น้องเราสิบกว่าคนก็ตามไม่ทัน""ในช่องเขาก็วางค่ายกลท่อนไม้ไว้แล้วไม่ใช่หรือ?"พูดถึงเรื่องนี้ หัวหน้ารองก็ยิ่งโมโห "ใช้หมดแล้ว หลบได้หมด!""หลบได้หมด?" สายตาของหัวหน้าสามมองไปที่หน้าของกู้อวิ๋นซีอีกครั้งในที่สุดรูปร่างเล็กๆ ถ้าเทียบกับรูปร่างสูงใหญ่กำยำของพวกเขาแล้ว ก็เหมือนกับเป็นคนแคระคนหนึ่งถึงแม้เสื้อผ้าบนตัวจะสมบูรณ์ครบถ้วน แต่ก็เก่ามาก ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนมีเงินอะไรบนใบหน้าก็มีแต่คราบดินโคลน ดูก็ไม่ชัดว่าหน้าตาเป็นยังไงแต่ม้าที่ขี่มานั้น ก็ดูจะมีราคาอ
ใบหน้าของกู้อวิ๋นซีสกปรก เสื้อผ้าบนร่างกายก็เก่าๆแต่ตอนที่นางยื่นสัมภาระมาให้ มือนั้นกลับขาวเนียนละเอียดภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่อง ขาวจนแทบจะเรืองแสงได้!"หัวหน้ารอง หัวหน้าสาม นางเป็นเด็กสาว!" โจรภูเขาคนนั้นร้องขึ้นอย่างตกใจ!หัวหน้ารองกับหัวหน้าสามต่างพากันอึ้งไป หัวหน้าสามโบกดาบใหญ่ในมือหนึ่งทีกู้อวิ๋นซีก็บังคับม้าถอยหลังทันที แต่ก็ไม่ทันดาบเล่มใหญ่นั้นไม่ได้โดนตัวนาง แต่ลมจากดาบก็พัดผ่านที่บริเวณบนหัวนางผ้าคลุมผมบนหัวถูกดาบตวัดลงมาฉับพลันกลุ่มเส้นผมยาวก็ตกลงมาราวกับน้ำตกเป็นเด็กสาวจริงๆ ด้วย!กู้อวิ๋นซีกระทุ้งท้องม้าหนึ่งที ตะโกนเสียงดัง "รีบวิ่ง!""ริอาจหลอกลวงข้า!" หัวหน้าสามยื่นมือวาดดาบออกไป "จะหนีไปไหน?"กู้อวิ๋นซีรู้สึกเพียงว่ามีลมแรงๆ พัดมาที่ตัวนางรู้สึกอึดอัดในอก กลิ่นเลือดคาวๆ พุ่งขึ้นมาจ่อที่ริมฝีปากทันทีนางยกมือขึ้นมาเตรียมจะขัดขืน แต่เนื่องจากเดินทางมาห้าวันห้าคืนแล้ว ตอนนี้นางไม่ได้เหลือแรงมากมายฝ่ามือนั้นกระทบลงบนตัวนางกู้อวิ๋นซีรู้สึกภาพตรงหน้ามืดสนิท ในที่สุดเรี่ยวแรงในร่างกายก็หมดลง จนกลิ้งตกจากหลังม้าลงมาหมดสิ้นสติไป...กู้อวิ๋นซีตื่น
เขา...ทำไมถึงมาปรากฎตัวอยู่ที่นี่ได้?กู้อวิ๋นซีรู้สึกเพียงหัวใจของตัวเองสั่นไหวอย่างรุนแรงไม่รู้ว่าด้วยความตกใจหรือดีใจ ยิ่งไม่รู้ว่าเป็นความซึ้งใจหรือว่าหวาดกลัวกันแน่เขาน่ากลัวยิ่งกว่าโจรภูเขาแต่ตอนนี้เขา บางทีอาจจะเป็นความหวังเดียวของนางแต่เมื่อหลายวันก่อนนางเพิ่งจะตบหน้าเขาไป ด้วยความดูถูกสุดๆด้วยนิสัยของเขา ไม่ฆ่านางก็นับว่าเป็นโชคดีสุดๆ แล้ว แล้วจะช่วยนางได้ยังไงอีก?คนที่เดินเข้ามาพร้อมกับหัวหน้าใหญ่ในเวลานี้ เป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ที่บนใบหน้ามีรอยแผลเป็นจากดาบประทับอยู่ถึงแม้รอยแผลเป็นบนใบหน้าจะดูน่ากลัว แต่ด้วยท่าทีสูงศักดิ์ของเขากลับทำให้คนมองไม่อาจละสายตาได้ตอนที่พวกผู้หญิงได้เห็นเขา ต่างก็ตกตะลึงไปตามกันไม่เพียงไม่ตกใจกับรอยแผลเป็นน่าเกลียดบนใบหน้าของเขา แต่กลับมองด้วยสายตาหลงไหลเหตุใดจึงมีผู้ชายเช่นนี้อยู่ได้ หน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว แต่ทั้งตัวกลับมีเสน่ห์ดึงดูดให้คนหลงใหล?"หัวหน้าใหญ่ คนนี้..." หัวหน้ารองมีสีหน้าประหลาดใจผู้ชายแปลกหน้าคนนี้ ดูแล้วไม่ธรรมดาเลย!"โชคดีที่ได้น้องกู้คนนี้!" หัวหน้าใหญ่ตบไหล่ของชายหนุ่มคนนั้นก่อนพูดอย่างยิ้มแย้มว่า "หา
เมื่อเห็นว่ามือของหัวหน้าใหญ่ ใกล้จะจับโดนหน้าอกของนางแล้วกู้อวิ๋นซีก็ตกใจจนรีบหันตัวหลบทันทีหัวหน้าใหญ่ตาโตเป็นประกาย แต่ก็ไม่ได้โกรธอะไร กลับหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข "เจ้าหนูน้อยฝีมือดีไม่เบาเลยนิ"พูดจบก็ยื่นมือออกมาจับอีกครั้งครั้งนี้เขาจับแขนของกู้อวิ๋นซีเอาไว้ได้ แล้วดึงนางมาอยู่ตรงหน้าเขาหัวหน้าใหญ่สีหน้าเย็นชา จ้องไปที่นางแล้วพูดออกมาอย่างหยาบโลน "ลองหลบอีกครั้งสิ เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะจับเจ้าแก้ผ้าออกเสียตรงนี้ แล้วโชว์หนังสดให้พี่น้องทั้งหลายได้ดูเลยเป็นไง?"กู้อวิ๋นซีตกใจจนแทบจะลืมหายใจ กำหมัดเล็กๆ ไว้แน่นสายตาอดไม่ได้ที่จะมองไปทางจวินเย่เสวียน แต่ก็เห็นจวินเย่เสวียนนั่งลงประจำที่กับผู้หญิงคนนั้นไปแล้วผู้หญิงคนนั้นรินเหล้าให้เขาจอกหนึ่ง เขายังดื่มมันลงไปอีกด้วยยังไม่ทันจะละสายตากลับมา กู้อวิ๋นซีก็รู้สึกร่างกายของนางเบาหวิว ถูกหัวหน้าใหญ่อุ้มขึ้นมาทั้งตัวหัวหน้าใหญ่อุ้มนางกลับไปยังที่นั่งของตัวเอง ทิ้งตัวนางลงบนพื้นตรงระหว่างขาของเขา"มา พี่น้องทั้งหลาย ดื่ม!"ทั้งสุราทั้งเนื้อถูกยกขึ้นมา กู้อวิ๋นซีถึงเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองไม่ได้กินอะไรมาหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็ม
หัวหน้าใหญ่ที่กำลังอุ้มกู้อวิ๋นซีสาวเท้าออกไปอย่างรวดเร็วนั้นคิดไม่ถึงว่า จู่ๆ จะมีมีดเล็กเล่มหนึ่ง ทาบลงมาบนคอของหัวหน้าใหญ่เป็นมีดที่เจ้าเด็กนี่ใช้หั่นเนื้อเมื่อครู่นี้ทุกคนต่างพากันตกตะลึงไม่มีใครเห็นเลยว่า นางได้ซ่อนมีดเล่มนี้เอาไว้หัวหน้าใหญ่เองก็มีสีหน้าตกใจ หลุบสายตาลงไปมองยังมีดที่กดอยู่บนคอของเขา ยังคงไม่รู้ว่าจะจัดการยังไงดีเด็กสาวที่ดูอ่อนแอไม่มีพละกำลังแม้จะฆ่าไก่ได้สักตัว กลับกล้าลงมือกับเขา?"รู้หรือไม่ว่าแค่ข้าออกแรงนิดเดียวก็สามารถหักคอเจ้าได้แล้ว?" สีหน้าของหัวหน้าใหญ่เคร่งขรึมกู้อวิ๋นซีขยับข้อมือนิดเดียว มีดเล่มนั้นก็กดลึกลงไปบนลำคอของหัวหน้าใหญ่จนเกิดเป็นแผลเลือดออก"อย่าทำร้ายหัวหน้าใหญ่นะ!" หัวหน้ารองกับหัวหน้าสามอีกทั้งพวกโจรภูเขากลุ่มหนึ่งพากันลุกขึ้นยืนพวกผู้หญิงก็ยิ่งไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงๆ เด็กนี่ไปเอาความกล้ามาจากไหนกัน?กู้อวิ๋นซีกระโดดลงออกจากอ้อมแขนของหัวหน้าใหญ่ แค่หัวหน้าใหญ่ขยับ มีดของนางก็ยิ่งกดลึกลงเลือดหยดหนึ่งไหลรินออกมาจากบนลำคอของหัวหน้าใหญ่ ถึงแม้ทุกคนจะโกรธ แต่ก็ไม่มีใครกล้าก้าวขึ้นไปข้างหน้าสักคนสีหน้าของหัวหน้าใหญ่เย็นเ
"ท่านอ๋อง ข้าต้องการยาเล็กน้อย อีกทั้งเหล้ากาหนึ่ง" กู้หรูชิวกล่าวจวินเย่เสวียนโบกมือหนึ่งที ความจริงเยียนเป่ยไม่ยินยอม แต่สุดท้ายเขาก็ไปเตรียมของมาให้กู้หรูชิวอย่างรวดเร็วกู้หรูชิวเดินไปอยู่ตรงหน้าของหลานโจว พูดอย่างอ่อนโยนว่า "คุณชายท่านนี้ ขออภัยด้วย"ที่ขมับของหลานโจวมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นมาเยี่ยนอีกำมือแน่น แต่ก็ได้แต่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่ได้พูดอะไรเยียนเป่ยร้อนใจ "ท่านอ๋อง หลานโจวติดตามข้างกายท่านมาสิบกว่า สิบกว่าปี เขา..."จวินเย่เสวียนไม่ได้พูดอะไร ได้แต่มองด้วยสายตาเย็นชากู้หรูชิวบดยาหลายชนิดให้กลายเป็นผงแล้วใส่ลงไปในเหล้าหลานโจวรู้ว่านั่นเป็นยาที่ทำให้เขาขาดสติ โดยส่วนมากไว้ใช้สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ เพื่อลดความเจ็บปวดของร่างกายเขาไม่รู้เลยว่ายาพวกนี้เมื่อเอามาผสมกับเหล้าแรงจะสามารถดึงวิญญาณของคนๆ หนึ่งได้แต่เมื่อทั้งสองชนิดผสมเข้าด้วยกัน ก็สามารถทำให้คนๆ หนึ่งมีสติเลือนลาน ช้าเชือนได้จริงๆ!เมื่อเห็นว่ากู้หรูชิวผสมยากับเหล้าเข้ากันดีแล้ว เดินถือมาอยู่ตรงหน้าของตัวเอง หลานโจวก็ได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดอย่างสงบว่า "ท่านอ๋อง เป็นกระหม่อมที่เอายาพิษรุนแรง
ไม่รอให้หลานโจวได้เอ่ยปาก หมอคนนั้นก็พูดขึ้นว่า "จะไม่มีปัญหาได้อย่างไร? ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นดื่มยาพิษอะไรเข้าไป ซึ่งเป็นการทำร้ายเด็กในท้องตั้งนานแล้ว"เมื่อหมอคิดไปถึงสีหน้าของผู้หญิงคนนั้นในตอนนั้น ก็อดที่จะสงสารไม่ได้"ผู้หญิงคนนั้นจะต้องรักลูกในท้องของนางมากแน่ ข้าน้อยแนะนำให้นางรีบตัดสินใจ อะ เอาเด็กออก..."เมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาของเสวียนอ๋อง ที่จู่ๆ ก็เย็นเยียบขึ้นมา หมอคนนั้นก็หวาดกลัวจนตัวสั่น ฉับพลันไม่รู้ว่าควรจะพูดต่อไปหรือไม่แต่ก็เป็นจวินเย่เสวียนที่พูดออกมาประโยคหนึ่งอย่างเย็นชา "พูดต่อ!"หมอคนนั้นถึงได้พูดต่อไปอย่างกลัวๆ กล้าๆ "ข้าน้อยคิดเพื่อร่างกายของผู้หญิงคนนั้นเองถึงได้แนะนำให้ดื่มยาขับเลือด แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ยินยอม ข้าน้อยรู้ว่านางยังแอบมีความหวังอยู่"สายตาของจวินเย่เสวียนมองไปยังร่างของหลานโจวหลานโจวรู้สึกสิ้นหวังมากเขารู้อยู่แล้วว่าสักวัน วันนี้ก็จะต้องมาถึงแต่แค่คิดไม่ถึงว่ามันจะมาเร็วขนาดนี้"มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?" ในที่สุดเยียนเป่ยก็ทนไม่ไหวเขาเชื่อใจหลานโจวขนาดนั้น แต่ทำไมตอนนี้ หลานโจว...ดูเหมือนว่าหลานโจวกำลังปกปิดอะไรไว้อยู่จริงๆ
"เสวียนเออร์ เจ้า...เจ้าพูดเรื่องเหลวไหลอะไร? ข้าจะไปทำอะไรนางได้? นางอยู่ในการคุ้มครองของเจ้าตลอดเวลานะ!"พระสนมหรงรู้สึกละอายใจ แต่ก็พยายามรักษาจิตใจให้สงบนิ่งนางปล่อยมือที่จับชายเสื้อของจวินเย่เสวียนเอาไว้ แล้วก้าวถอยหลังไปสองก้าวเริ่มรู้สึกหวาดกลัวลูกชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ขึ้นมาอย่างประหลาด"เสวียนเออร์ เจ้าลืมความเจ็บปวดของเจ้าได้เร็วขนาดนี้เชียวเหรอ? นางเป็นคนฆ่า...ของเจ้าเองกับมือเพื่อช่วยหลีเออร์นะ...""ลูก" คำนี้พระสนมหรงไม่กล้าที่จะพูดมันออกไปรอบข้างมีทั้งขันทีและนางกำนัลมากมายแต่นางรู้ดีว่าลูกชายของนางเข้าใจจริงดังนั้น ประโยคนี้ทำให้จวินเย่เสวียนกำหมัดแน่นทีเดียวเขาไม่อาจทำใจยอมรับเรื่องนี้ได้!โชคดีที่หลังจากกลับมา นางได้พบกับมู่อันหนิงแล้ว และได้คุยกับเรื่องคำที่จะพูดแล้วมู่อันหนิงช่างรู้งานจริงๆ!หากว่าไม่มีมู่อันหนิง พระสนมหรงเองคนเดียวคงไม่อาจจัดการเรื่องให้ดีได้เช่นนี้"เสวียนเออร์ แม่ก็แค่สงสารเจ้า หรือว่าเจ้าไม่คิดแค้นนาง...""นางช่วยลูกชายสุดที่รักของท่านไว้ แต่ท่านกลับ แค้นนาง?"จวินเย่เสวียนหรี่ตาลง ฉับพลันก็เดินขึ้นไปข้างหน้าพระสนมหรงตกใจจ
"เจ้า..."พระสนมหรงคิดไม่ถึงเลยว่ากู้อวิ๋นซีจะกล้ายอมรับออกมาจริงๆ!นางทำไปเพื่อแก้แค้นนางจริงๆ!แถมนางยังคิดจะให้ลูกชายทั้งสองคนของนางกลายเป็นศัตรู ฆ่ากันเอง!พระสนมหรงโมโหจนตัวสั่น แต่กู้อวิ๋นซีกลับใช้ดวงตาคู่โตชุ่มชื้นนั้นมองมาที่นางด้วยสายตาที่ไร้เดียงสาอย่างเดิมรอยยิ้มที่มุมปากเหมือนจะอ่อนโยน แต่คำพูดที่ออกมากลับเย็นชาสุดขีด"เสด็จแม่ ข้าเกือบจะถูกท่านฆ่าตายแล้ว หากว่าข้าไม่ทำให้ลูกชายทั้งสองของท่านตายไปบ้าง ข้าจะทำใจเรื่องความแค้นนี้ได้อย่างไร?""นังแพศยา เจ้ากล้า!"พระสนมหรงโมโหจนเสียสติ ยกมือขึ้นมาอย่างเร็ว และกำลังจะตบลงไปบนหน้าของกู้อวิ๋นซีอย่างแรงที่น่าแปลกก็คือ การต้องเผชิญกับฝ่ามือของตัวเอง กู้อวิ๋นซีไม่เพียงไม่คิดหลบ แต่ยังกลับยิ้มออกมาอย่างสะใจพระสนมหรงตกใจ จู่ๆ ก็เข้าใจได้ทันทีว่าตัวเองโดนหลอกแล้ว!แต่แรงตบที่นางอ้างออกไปมันไม่สามารถเก็บกลับได้ทันแล้ว ฝ่ามือนี้ในที่สุดก็จบลงไปบนหน้าของกู้อวิ๋นซีอย่างแรงเพราะว่าแรงมาก กู้อวิ๋นซีถึงได้ล้มลงไปนั่งกองอยู่บนพื้นทันทีตาลายไปหมด ลุกขึ้นมาไม่ได้เลย"ซีเออร์!" เงาของสองร่างปรากฎออกมาในทันทีตอนที่จวินฉู่หลีช่
ความจริงแล้วพระสนมหรงไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากที่กลับมาจะยังเจอหน้าผู้หญิงคนนี้อีกตอนนั้นที่นางจากมา กู้อวิ๋นซีนอนคว่ำหน้าอยู่ข้างเตียง ปากก็กระอักเลือดสีดำ ลมหายใจรวยรินถึงแม้นางจะมีความสงสารอยู่บ้าง แต่เมื่อคิดถึงว่าลูกชายของตัวเองทังสองคนจะต้องผิดใจกันเพราะผู้หญิงคนนี้ นางก็ใจแข็งได้อีกครั้งวันนั้นที่ออกคำสั่งไม่ให้มีใครมา จริงๆ แล้วไม่ใช่ความปรารถนาของมู่อันหนิงแค่คนเดียวแต่เป็นความอนุญาตกลายๆ ของพระสนมหรงอีกด้วยเพียงแค่มู่อันหนิงนับว่ายังดีอยู่บ้างที่รับจบเรื่องนี้เอาไว้เอง ไม่ได้ทำให้ลูกชายทั้งสองของนางเกลียดนางด้วยเรื่องนี้ ทำให้ท่าทีที่พระสนมหรงมีต่อมู่อันหนิงก็ยิ่งดีขึ้นอีกเดิมคิดว่าหลังจากสามเดือนผ่านไป ตอนที่กลับมากู้อวิ๋นซีก็คงจะตายไปนานแล้ว และด้วยระยะเวลาที่ยาวนานนี้ ลูกชายทั้งสองของนางก็คงทำใจเรื่องผู้หญิงคนนี้ไปได้แล้วถึงตอนนั้น หลีเออร์ก็จะมีชีวิตใหม่ ส่วนเสวียนเออร์ นางเองก็ชอบมู่อันหนิงถ้าจะให้มู่อันหนิงมาเป็นพระชายาของเสวียนอ๋อง นางก็พอใจอย่างมากสรุปก็คือมันจะต้องเป็นการจบเรื่องที่สมบูรณ์แบบแต่นางคิดไม่ถึงเลยว่ากู้อวิ๋นซีไม่เพียงไม่ตาย แต่ยังกล้าท
สองวันต่อจากนั้น กู้อวิ๋นซีก็พักอยู่ที่ตำหนักของไทเฮาตลอดสองวันนี้จวินฉู่หลียุ่งมากด้านหนึ่งก็ยุ่งเรื่องการก่อสร้างจวนหลีอ๋อง อีกด้านหนึ่งก็ยุ่งเรื่องการย้ายไปประจำการที่เมืองฝานกู้อวิ๋นซีได้พักผ่อนอยู่สองวัน พอถึงเช้าตรู่วันที่สาม ในที่สุดก็ได้รับข่าวดี"คนในจวนแม่ทัพออกนอกเมืองไปแล้วเหรอ?"ข่าวนี้ทำให้นางอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูกไปทั้งวัน"เจ้ากังวลว่าเสวียนอ๋องจะมาขัดขวางเหรอ?" ขนาดมู่เฟยหย่ายังดูออกเลยว่านางเบาใจไปมากกู้อวิ๋นซีไม่ได้ตอบคำถามนี้ความคิดของจวินเย่เสวียน ใครจะเดาออกกัน?สามวันก่อนหน้านี้เขาถูกนางทำให้โกรธจนกลับออกไป เสวียนอ๋องเป็นคนอารมณ์แปรปรวณ อีกทั้งยังรู้ว่านางตั้งใจจะให้คนในจวนแม่ทัพออกห่างจากความวุ่นวายนี้ดังนั้นการที่เขาจะขวางก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร"เรื่องนี้ข้าได้ปรึกษากับอาหลีแล้ว อาหลีเองก็เคยคิดวิธีรับมือ หากว่าเสวียนอ๋องตั้งใจจะขวาง อาหลีก็จะทำตามที่ข้าบอก"การที่จวินเย่เสวียนเก็บตัวเงียบแบบนี้ เป็นเรื่องที่เหนือการคาดหมายไปเหมือนกัน"วันนี้เจ้าช่วยข้าออกไปตามหาคุณชายมู่อีกครั้งเถอะ" จู่ๆ กู้อวิ๋นซีก็พูดขึ้นมา"หามาตั้งหลายวันแล้วยังไม่ได้ข
"อื้อ!"หมอนใบหนึ่งกระเด็นมาโดนที่หัวของมู่เฟยหย่าพอดิบพอดีมู่เฟยหย่าจึงทำได้เพียงแค่ต้องเงียบปากไปเท่านั้นแต่ในหัวสมองของนางยังคงมีภาพแผ่นหลังที่โดดเดี่ยวอ้างว้าง ราวกับถูกคนทั้งโลกละทิ้งของจวินเย่เสวียนตอนเดินจากไปวนเวียนอยู่ไม่หายนางรู้สึกปวดใจจริงๆ นะ!ก็ไม่รู้ว่าทำไมกู้อวิ๋นซีถึงใจร้ายได้แบบนี้กู้อวิ๋นซีในตอนนี้ นิ่งสงบราวกับผิวน้ำที่ไร้คลื่นความเจ็บปวดของเขา มันเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดของนางแม้เพียงสักหนึ่งส่วน มีอะไรให้น่าสงสารกัน?อีกอย่าง ต่อไปเสวียนอ๋องก็มีโอกาสอีกกว้างไกลในอนาคตแต่ตัวนางกับคนในจวนแม่ทัพกลับต้องตกอยู่ในสภาพที่ลำบากแค่สถานการณ์ของตัวนางเองในตอนนี้ก็ไม่มีสิทธิที่จะไปสงสารคนอื่นแล้ว"เอาล่ะ ข้าไม่พูดแล้ว แต่ว่า เจ้าไม่ใช่ต้องการจะแก้แค้นเหรอ? เหตุใดเจ้าถึงไม่ใช้เสวียนอ๋องกับหลีอ๋องมาต่อกรกับพระสนมหรงโดยตรงล่ะ?"ตอนนี้เป็นไง ทำให้เสวียนอ๋องโกรธจนจากไปแล้ว ต่อไปไม่ใช่ว่าจะมีศัตรูที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอีกคนอย่างนั้นเหรอ?กู้อวิ๋นซีได้แต่มองนางอย่างนิ่งสงบ "แล้วถ้าหากว่าเป็นเจ้า เจ้าจะทำอย่างไร?"มู่เฟยหย่าคิดสักพัก ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้นางแล้วพู
"ข้าชอบอาหลีหรือไม่ ข้าไม่รู้ แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ข้ารู้ได้ชัดเจน"กู้อวิ๋นซีเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา อย่างน้อย ครั้งนี้ก็เต็มไปด้วยความจริงใจ"จวินเย่เสวียน ข้าไม่รักท่านแล้ว""เจ้าคิดว่าข้าจะสนหรือยังไง?" น้ำเสียงของจวินเย่เสวียนที่พูดออกมาแทบจะแค้นมันออกมาจากซอกฟันอยู่แล้วถ้าเป็นในเวลาปกติ กู้อวิ๋นซีจะต้องกลัวแน่แต่ตอนนี้ ไม่รู้ทำไม จู่ๆ นางก็รู้สึกไม่กลัวแล้วจริงๆ"ทางที่ดีท่านอ๋องพูดแล้วก็ทำให้ได้ด้วย ไม่สน ต่อไปก็อย่ามารบกวนชีวิตของพวกเราสองสามีภรรยา"ใบหน้าเขาเรียบเฉย ดูแล้วจิตใจสงบนิ่งราวผิวน้ำแต่มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าคำพูดของกู้อวิ๋นซี เป็นเหมือนมีดเล่มหนึ่งที่ปักเข้าไปในหัวใจเขาอย่างจังลึกและแรงมาก!ประกายแสงเพียงน้อยนิดในดวงตาของเขา หายไปหมดแล้ว"กู้อวิ๋นซี เจ้าอย่าเสียใจทีหลังล่ะ!"...ในที่สุดเขาก็ไปแล้วกู้อวิ๋นซีนั่งลงไปบนพื้นอย่างอ่อนแรง หมดอาลัยตายอยากด้านนอกมีคนวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อนนางจับขอบเตียงเอาไว้เพื่อพยุงตัวเองขึ้นมาอย่างช้าๆเพิ่งจะลุกขึ้นมาได้ ก็เห็นจวินฉู่หลีที่วิ่งเข้ามาในห้องโถงด้วยสีหน้าที่ร้อนรน"ท่านพี่สี่เขา...""ไปแล้ว" กู้
การปรากฎตัวขึ้นของจวินเย่เสวียนเป็นอะไรที่กู้อวิ๋นซีคิดไม่ถึงมาก่อนตอนที่เห็นเงาร่างของเขาเดินเข้ามา นางก็รีบลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ ก่อนจะถอยหลังไปหลายก้าวโดยสัญชาตญาณ"เจ้าคิดเหรอว่ามาหลบอยู่ที่ตำหนักของเสด็จย่าแล้วจะสามารถหลบข้าพ้น?"สายตาเย็นเยียบของจวินเย่เสวียนจับจ้องไปที่ร่างกายของนางตรงๆ"ให้คนของจวนแม่ทัพย้ายไปที่เมืองฝาน เพื่อจะได้รอดพ้นจากขอบเขตอำนาจของข้าก็คิดว่าจะสามารถไปไหนก็ได้แล้วอย่างนั้นเหรอ?""ก็แค่พวกมดแมลงตัวเล็กๆ ที่ต้องการรักษาชีวิตเท่านั้น ท่านอ๋อง ท่านต้องการปกป้องครอบครัวของท่าน ข้าก็ต้องการให้ครอบครัวของข้าได้มีชีวิตต่อไป เหตุใดท่านอ๋องถึงไม่ยอมปล่อยพวกเขาไปล่ะ?"กู้อวิ๋นซียังคงเดินถอยหลังอยู่ ไม่ทันระวังก็เลยเดินถอยไปจนถึงเตียงนอน จนไม่อาจถอยหลังได้อีก"ท่านอ๋อง คนที่ท่านแค้นคือข้า ไม่เกี่ยวกับพวกเขา ท่านอ๋องจะสามารถปล่อยให้พวกเขาได้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือไม่?"ถึงแม้ฝีเท้าของจวินเย่เสวียนจะดูเอื่อยเฉื่อย แต่เพียงไม่นานเขาก็เดินมาอยู่ตรงหน้าของนางแล้ว"ดังนั้น ทั้งๆ ที่เมื่อคืนเจ้ายังพูดว่าต้องการผู้ชายที่แข็งแกร่งยิ่งใหญ่แบบข้าในอ้อมแขนของข้า แต่คืนนี