กู้อวิ๋นซีตกใจสะดุ้งตัวโยนที่นี่คือศาลาริมน้ำนะ!ห่างจากเรือนรับรองตั้งไกล เสียงพูดคุยสนทนาของพวกเขาก็ไม่ได้ดัง แต่องค์ชายสี่ก็ยังสามารถได้ยินอย่างชัดเจนกู้อวิ๋นซีเก็บหนังสือลงทันที ก่อนจะรีบเดินเข้าไปหาเขา "องค์ชายสี่ ข้ากำลัง...""ท่านพี่เย่เสวียน ใครกันที่มาหาท่านดึกดื่นป่านนี้?"เงาร่างของหญิงสาวรูปร่างดี เดินออกมาจากห้องรับรอง มายืนอยู่ข้างกายของจวินเย่เสวียนเมื่อเห็นกู้อวิ๋นซีที่กำลังเดินมาทางพวกเขา แววตาของหนานกงหลันเออร์ก็เข้มขึ้นเล็กน้อย สีหน้าแสดงออกชัดถึงความไม่เป็นมิตร"พระชายาเป็นหญิงที่มีสามีแล้ว มาหาท่านพี่เย่เสวียนดึกดื่นป่านนี้ ไม่คิดว่าผิดธรรมเนียมไปหน่อยหรือ?"กู้อวิ๋นซีพูดเสียงเรียบเฉย "แค่เพียงมีธุระบางอย่าง ที่จะมาหารือกับท่านพี่สี่ ท่านพี่สี่เป็นพี่ชาย ข้าก็ไม่คิดว่ามันเป็นการผิดธรรมเนียมอะไร"สีหน้าของหนานกงหลันเออร์ยิ่งบึ้งตึงขึ้น "อีกไม่นานท่านพี่เย่เสวียนก็จะต้องคัดเลือกพระชายาแล้ว หากว่าพระชายาในอนาคตของเขารู้ว่าสามีของตัวเองไปมาหาสู่กับผู้หญิงยามค่ำคืน...""ในเมื่อคุณหนูหนันกงก็ทราบดี เหตุใดดึกดื่นป่านนี้ถึงยังมาหาท่านพี่สี่เล่า? หากว่าถูกพี่สะ
ในเรือนรับรองมีผู้หญิงสองนางนั่งอยู่คนหนึ่งสวมชุดกระโปรงลายเรียบสีขาว ดูสง่ามีราศีส่วนอีกคน สวมชุดกระโปรงสีเขียวอ่อน ดูกระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวาเมื่อสาวเสื้อเขียวเห็นนางเข้ามา ก็รีบลุกขึ้นก่อนจะยิ้มทักทาย "ข้าคือลู่หงอวี้แห่งจวนแม่ทัพเจิงซี ยินดีที่ได้พบพระชายาหลีอ๋อง"หญิงสาวชุดขาวอีกคนก็ลุกขึ้น ก่อนจะย่อตัวทำความเคารพ "ข้าคือฉินโหรวคุณหนูสามจากจวนเสนา ยินดีที่ได้พบพระชายาหลีอ๋อง"ที่แท้แขกในค่ำคืนนี้ ไม่ใช่แค่เพียงหนานกงหลันเออร์คนเดียวสองคนนี้ กู้อวิ๋นซีพอจะจำได้ เป็นสองคนที่พระสนมหรงชี้ให้ดูในวันนั้น ภาพวาดนางก็เคยเห็นแล้ว"ขอโทษด้วย เมื่อครู่..." กู้อวิ๋นซีรู้สึกละอายใจ "เมื่อครู่ข้าเพียงต้องการยั่วโมโหคุณหนูตระกูลหนานกงเท่านั้น ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับทั้งสองท่านเลย จริงๆ นะ"นางจะรู้ได้ไงว่าคนที่มาหาองค์ชายสี่ดึกดื่นป่านนี้ไม่ได้มีหนานกงหลันเออร์แค่คนเดียว?ลู่หงอวี้พูดขึ้นอย่างยิ้มแย้มทันที "ไม่เป็นไร นิสัยของแม่นางจากจวนกั๋วกงคนนั้นก็ขี้โมโหจริงๆ พระชายาหลีอ๋องสั่งสอนได้ถูกต้องแล้ว ครั้งหน้าข้าจะเลือกมาหาท่านอ๋องในเวลากลางวันแทน"นางเปิดเผยจริงใจ กู้อวิ๋นซีมองดูแล้ว ก็
เข้าไป?ดึกดื่นค่อนคืน ชายหญิงอยู่ลำพัง จะไม่ค่อยดีหรือเปล่า?"ไม่มาก็ไสหัวไป ข้าไม่มีความอดทนสักเท่าไรหรอก" น้ำเสียงเย็นๆ ของจวินเย่เสวียนดังขึ้นอีกครั้งกู้อวิ๋นซีสูดหายใจเข้าลึกๆ ถึงค่อยก้าวเท้าเข้าไปถึงอย่างไรก็ไม่มีชื่อให้เสียแล้ว แต่สถานการณ์ของจวนแม่ทัพในตอนนี้ จะรออีกได้ไม่นานจวินเย่เสวียนนั่งลงที่ข้างเตียง ที่ถึงแม้จะถูกกั้นไว้ด้วยฉากบังลม ก็ยังสัมผัสได้ถึงไอเย็นที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของเขากู้อวิ๋นซีกำลังจะเดินเข้าไป กลับได้ยินน้ำเสียงเย็นๆ ของจวินเย่เสวียนดังขึ้นอีกครั้ง "ปิดประตู""องค์ชายสี่...""เช่นนั้นก็ไสหัวไป"ปึง กู้อวิ๋นซีปิดประตูลงอย่างไม่พอใจจวินเย่เสวียนมองเงาร่างของนางที่ยืนอยู่อีกด้านของฉากบังลม ยิ้มเยาะว่า "กล้าหาญไม่เบาหนิ มีเรื่องขอร้องข้า ยังกล้าแสดงอารมณ์ไม่พอใจต่อหน้าข้าอีก""ไม่กล้า!"กู้อวิ๋นซีก้มหัวลง "ในเมื่อองค์ชายสี่รู้ถึงเจตนาที่ข้ามา เช่นนั้นก็คงรู้ถึงความยากลำบากที่จวนแม่ทัพของข้าต้องเผชิญอยู่ในตอนนี้แล้ว องค์ชายสี่ ได้โปรดช่วยทูลขอต่อฝ่าบาทให้สักหน่อย ขอฝ่าบาทโปรดให้เวลาจวนแม่ทัพสักหนึ่งเดือน""พี่ใหญ่ของข้าจงรักภักดีต่อบ้านเม
"เจ้าคิดจะไปปกป้องเมืองฝานแทนพี่ใหญ่ของเจ้า?" ราวกับจวินเย่เสวียนได้ฟังเรื่องที่น่าขบขันที่สุดแห่งปีก็ไม่ปานสีหน้าของเขาไม่เพียงไม่เชื่อ ยังพูดอีกว่า "เจ้าคิดว่าการบัญชาทัพออกรบเป็นเรื่องสนุกเหมือนเล่นขายของหรือยังไง? เจ้ารู้หรือไม่ ในสนามรบทุกเวลาล้วนมีคนต้องเลือดออกหรือตายน่ะ?""ข้ารู้" กู้อวิ๋นซีไม่ใช่เด็กๆ แล้ว แน่นอนย่อมต้องรู้ถึงความโหดร้ายในสนามรบแต่ ตอนนี้จวนแม่ทับกำลังอยู่ในช่วงเวลาคับขัน หากว่าไม่มีคนก้าวออกมา จุดจบของพวกเขามีเพียงอย่างเดียว ก็คือตาย"องค์ชายสี่ข้ารู้ว่าในหนานหลิงมีแม่ทัพหญิงอยู่มากมาย ฝ่าบาทคงไม่ปฏิเสธคุณค่าของข้า เนื่องจากข้าเป็นผู้หญิงหรอก"อย่างลู่หงอวี้ที่มาพบจวินเย่เสวียนในคืนนี้นั่นไงนางเป็นบุตรสาวของแม่ทัพเจิงซี ก่อนที่กู้อวิ๋นซีจะมานางได้สอบถามเกี่ยวกับเรื่องแม่ทัพหญิงในหนานหลิงของพวกเขามาแล้วลู่เฟยหงพี่สาวของลู่หงอวี้ ก็คือหนึ่งในนั้น"องค์ชายสี่ ได้โปรด...""เหตุใดข้าจึงต้องช่วยเจ้า?" จวินเย่เสวียนจ้องนางอย่างเรียบเฉยกู้อวิ๋นซีเงยหน้าขึ้นเพื่อสบตากับเขา "ขะ ข้าเป็นภรรยาของฉู่หลี ขอให้องค์ชายสี่เห็นแก่ฉู่หลี...""หากข้าบอกว่าไม่ได้ล่
หมายความว่ายังไง คำถามนี้ จวินเย่เสวียนไม่อยากจะตอบ"ตอนนี้" เขาจ้องไปที่ใบหน้าของกู้อวิ๋นซีที่ก่อนหน้านี้ยังแดงก่ำเพราะความโกรธ แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นขาวซีด"ข้าต้องการเจ้า ถ้าหากว่าเจ้าอยากให้คนในจวนแม่ทัพปลอดภัย ก็ถอดเสื้อผ้าออกให้หมดแล้วคลานขึ้นเตียงของข้าเองซะ"ความสิ้นหวังในดวงตาของกู้อวิ๋นซีหายไปแล้ว ทันใดนั้น สายตานางก็เปลี่ยนกลายเป็นเย็นชานางหันกลับมา เดินไปหยุดต่อหน้าจวินเย่เสวียนยกมือขึ้นมาแต่ไม่ได้เพื่อที่จะถอดเสื้อผ้าของตัวเอง แต่ยกขึ้นมาเพื่อตบลงไปบนใบหน้าของเขาเพี๊ยะ เสียงดังสนั่นไฟโทสะค่อยๆ ลุกโชนขึ้นในดวงตาของจวินเย่เสวียนกู้อวิ๋นซียังคงบีบฝ่ามือของตัวเองไว้แน่น ไม่กล้ามองเขาอีก หันกลังเดินออกไปทันที"พระชายา" เมื่อเห็นนางเดินออกมา เยียนเป่ยก็กระวนกระวายเป็นอย่างมากทำไมเรื่องราวถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้?"พระชายา ความจริงแล้วท่านอ๋องไม่ได้หมายความเช่นนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ ท่าน..."กู้อวิ๋นซีเดินออกไปแล้ว ไม่ยอมอยู่ฟังแม้แต่คำเดียวจนเมื่อเงาร่างบอบบางแต่เหยียดตรงของนางหายไปจากสายตาของเขา เยียนเป่ยถึงได้เดินเข้าไปในห้องนอนอย่างระมัดระวัง"ท่านอ๋อง ท่านทำเ
"เจ้าหมายความว่ายังไง?" ผู้หญิงคนนั้น กลับจวนแม่ทัพไปแล้วเหรอ?จวินเย่เสวียนสลัดผ้าห่มออก ก่อนจะลงจากเตียงมาเนื่องจากอาการเมาค้างจึงทำให้สมองของเขายังคงมึนๆ งงๆ อยู่จังหวะที่ลงมาจากเตียง ขาเขาก็พลันอ่อน จนเกือบจะต้องคุกเข่าลงไปบนพื้นเยียนเป่ยตกใจจนต้องรีบรุดเข้าไปช่วยพยุงเขา"ท่านอ๋อง พระชายาเขียนจดหมายไว้ฉบับหนึ่ง รับสั่งให้คนนำไปมอบให้กับท่านแม่ทัพกู้ที่จวนแม่ทัพ ส่วนนางออกเดินทางไปตั้งแต่ช่วงกลางดึกแล้วพ่ะย่ะค่ะ""อะไรคือออกเดินทางไปตั้งแต่ช่วงกลางดึก?" จวินเย่เสวียนยืนตัวตรง ผลักเขาออกไป "ไม่ใช่กลับจวนแม่ทัพไปแล้วเหรอ?"เยียนเป่ยมองไปที่เขาด้วยท่าทีหวาดกลัว "มะ ไม่ใช่กลับไปจวนแม่ทัพ พระชายาเขียนบอกในจดหมายว่า นางจะไปเมืองฝานเพื่อตามหากู้หนานฟงพ่ะย่ะค่ะ"ความเมามายในแววตาของจวินเย่เสวียน หายไปแล้วมากกว่าครึ่ง "พาใครไปบ้าง?"เยียนเป่ยพูดตอบอย่างหวาดกลัวและเป็นกังวลว่า "พาไปเพียง เพียงสาวรับใช้ของนาง ที่ชื่อว่าอันเซี่ยพ่ะย่ะค่ะ""นังผู้หญิงโง่!""พระชายา พระชายาไม่โง่เลยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องไม่สู้...ลองอ่านเนื้อหาในจดหมายฉบับนี้ดูก่อนเถิด"พระชายาไม่ได้โง่จริงๆ เพียงแต่ คว
ฝีมือการขี่ม้าของกู้อวิ๋นซีไม่เลวเลยจริงๆจากเมืองหลวงถึงเมืองฝาน ทหารม้าจะต้องใช้เวลาเจ็ดวัน กองทัพทั่วไปต้องใช้เวลาสิบห้าวันแต่นางกลับใช้เวลาเพียงห้าวันแต่ว่า ในห้าวันนี้ นางจะนอนเพียงแค่สองชั่วโมงต่อวันภายในระยะเวลาสั้นๆ แค่ห้าวัน นางก็ซูบผอมลงไปมากแล้วอันเซี่ยมองดูแล้วยังรู้สึกสงสารจับใจ"คะ...คุณชายน้อย ผ่านช่องเขานี้ไปก็จะถึงเมืองฝานแล้ว คืนนี้พวกเรายังจะต้องเร่งเดินทางกันอีกหรือไม่ขอรับ?"อันเซี่ยได้ศึกษาแผนที่มาอย่างดีตั้งนางแล้วนางพูดว่า "คุณชาย ได้ยินว่าระแวกนี้...มีโจรภูเขา""พวกเราแยกกันไปสองทาง""ว่าไงนะ?" อันเซี่ยตกใจ รีบส่ายหัวอย่างรวดเร็ว "ไม่ได้ คุณชาย พวกเราจะต้องไปด้วยกัน ไม่ว่าจะพูดยังไงข้าก็จะไม่แยกจากท่านเด็ดขาด""อันเซี่ย เจ้าฟังข้า ข้าไม่อาจรอได้สักนาที แต่เราก็จะไปเสี่ยงด้วยกันทั้งคู่ไม่ได้ ระหว่างเรา จะต้องมีคนที่สามารถไปถึงเมืองฝานให้ได้"กู้อวิ๋นซียกฝ่ามือของนางขึ้นมา แล้ววาดเครื่องหมายหนึ่งลงไปบนฝ่ามือนาง"เครื่องหมายนี้ เจ้าจงจำไว้ให้ดี ถ้าหากว่าเห็นมัน ก็จะสามารถหาตัวพี่ใหญ่เจอได้ เจ้าต้องจำไว้ให้ดีๆ นะ!"เมื่อหนึ่งปีก่อน ตอนที่พวกเขาถู
กู้อวิ๋นซีถูกจับได้แล้วที่ช่องเขาด้านหน้ามีโจรภูเขาสิบกว่าคนบุกเข้ามา ปิดล้อมนางไว้ในช่องเขาแห่งนี้ด้านหน้าหัวหน้ารองก็นำกำลังคนไล่ตามขึ้นมาเมื่อหัวหน้าสามเห็นรูปลักษณ์ภายนอกของกู้อวิ๋นซี นัยน์ตาพลันเคร่งขรึม จ้องไปที่หัวหน้ารอง "แค่นี้? เจ้าถึงกับขนาดต้องใช้ธนูฝ่าเมฆาเลยเหรอ?"ไม่รู้หรือไงว่าธนูฝ่าเมฆาในค่ายของพวกเขามันเป็นของล้ำค่าขนาดไหน?ของแพงขนาดนั้น ถึงจับเจ้าหนุ่มนี้ต้มกินก็ชดใช้ไม่ไหวหรอก!"นี่..." หัวหน้ารองรู้อยู่แล้วว่าตัวเองวู่วามไปหน่อย แต่ว่ามันโมโหนี่!"ฝีมือการขี่ม้าของเจ้าเด็กนี่ยอดเยี่ยมเกินไป พี่น้องเราสิบกว่าคนก็ตามไม่ทัน""ในช่องเขาก็วางค่ายกลท่อนไม้ไว้แล้วไม่ใช่หรือ?"พูดถึงเรื่องนี้ หัวหน้ารองก็ยิ่งโมโห "ใช้หมดแล้ว หลบได้หมด!""หลบได้หมด?" สายตาของหัวหน้าสามมองไปที่หน้าของกู้อวิ๋นซีอีกครั้งในที่สุดรูปร่างเล็กๆ ถ้าเทียบกับรูปร่างสูงใหญ่กำยำของพวกเขาแล้ว ก็เหมือนกับเป็นคนแคระคนหนึ่งถึงแม้เสื้อผ้าบนตัวจะสมบูรณ์ครบถ้วน แต่ก็เก่ามาก ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนมีเงินอะไรบนใบหน้าก็มีแต่คราบดินโคลน ดูก็ไม่ชัดว่าหน้าตาเป็นยังไงแต่ม้าที่ขี่มานั้น ก็ดูจะมีราคาอ