ไม่มีใครพูดอะไรฉันพลัน ทั้งป่าก็เงียบสนิทราวกับคนตายเหลือเพียงเสียงนกเสียงแมลงที่ยังดังอยู่บริเวณรอบๆจวินเย่เสวียนใช้ฝ่ามือใหญ่คว้าเอากระบี่แบบพกพาที่เหน็บเอวอยู่ของทหารองครักษ์คนนั้นที่อยู่ไม่ไกล ถูกเขาคว้ามากลางอากาศเขายกมือชี้ปลายกระบี่ไปยังทหารองครักษ์ที่คุกเข่าอยู่บนพื้น "พูดมา ใครเป็นคนสั่งการให้เจ้าลอบทำร้ายพระชายาหลีอ๋อง"ลอบทำร้ายพระชายาหลีอ๋อง?คนในที่นั้นทุกคนต่างพากันตกตะลึง คิดไม่ถึงเลยทำไมถึงเป็นพระชายาหลีอ๋อง?พระชายาที่ไร้ซึ่งอำนาจใดๆ คนหนึ่ง ขนาดหลีอ๋องซึ่งเป็นสามีของนาง ก็ไม่เคยเข้าร่วมการชิงอำนาจภายในราชสำนัก เนื่องจากสุขภาพไม่ดีตั้งแต่ยังเล็กลอบทำร้ายนางจะมีประโยชน์อะไร?ทหารองครักษ์คนนั้นพูดเสียงค่อยๆ อย่างหวาดกลัว "กระหม่อม กระหม่อมไม่ได้...อ๊า! อ๊ากกก..."ทหารองครักษ์ล้มกลิ้งลงไปบนพื้น ร้องเสียงดังโหยหวน"อ๊า!" ไม่รู้ว่าสาวในจวนของบ้านไหนที่กรีดร้องออกมา ตกใจจนรีบถอยร่นออกไปมือข้างหนึ่งกลิ้งลงมาตกอยู่ข้างขาของนางเลือดสดๆ ไหลริน!สาวในจวนทั้งหลายต่างก็หวาดกลัวกันจนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงๆ ต่อให้ไม่ได้กรีดร้องออกมา แต่ก็ตัวสั่นเทา มองไปที่จวิ
จูจี้ล้มลงไปจวินฉีเจิ้งรีบไปประคองนางขึ้นมาทันที "จูจี้.."ในแววตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่พยายามเก็บซ่อนไว้แต่จูจี้กลับส่ายหัวให้เขา มุมปากเต็มไปด้วยเลือด เจ็บปวดไปทั้งตัว แต่ในใจกลับรู้สึกอบอุ่น"มือของท่านอ๋อง..."จวินฉีเจิ้งมองไปที่มือของตัวเองหนึ่งทีฝ่ามือที่โดนแรงปราณจากลูกธนูที่ถูกยิงออกไปดอกนั้น ทำให้เกิดไปแผลถลอกเลือดออกขึ้นมาในใจของทั้งสองคน เกิดความหวาดหวั่นขึ้นมาพร้อมกันวรยุทธ์ของเสวียนอ๋อง น่ากลัวกว่าที่พวกเขาเคยคิดเอาไว้!จูจี้ยังคงส่ายหัว เจ็บปวดจนไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ ได้เพียงแต่มองไปที่จวินฉีเจิ้งจวินฉีเจิ้งพยายามหลับตาลง เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ในแววตาของเขาก็ไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรออกมาอีกเลย"ในเมื่อจูจี้ทำผิด เช่นนั้นก็ให้น้องสี่ลงโทษได้ตามใจเถอะ" เขาใช้ฝ่ามือผลักจูจี้ออกไปโดยไม่มองเลยจูจี้ล้มลงบนพื้นโชคดีพละกำลังที่เสวียนอ๋องใช้เมื่อครู่แรงพอ จึงทำให้ธนูดอกนั้นทะลุทรวงอกของจูจี้ออกไป ไม่ได้ปักคาร่างเอาไว้ไม่เช่นนั้นการที่จวินฉีเจิ้งผลักออกมาเช่นนี้ คงจะทำให้นางต้องบาดเจ็บเป็นครั้งที่สองอีกแน่กู้อวิ๋นซีกำแขนเสื้อของจวินเย่เสวียนไว้ และมองไป
ทุกคนต่างชะงักฝีเท้ากันในทันที สายตาทุกคู่ต่างหันกลับไปมองกู้อวิ๋นซีโดยพร้อมเพียงเสวียนอ๋องจะแบกพระชายาหลีอ๋องไปเหรอ?จู่ๆ พวกเขาก็คิดขึ้นมาได้ว่า เมื่อครู่ตอนที่เสวียนอ๋องกับพระชายาหลีอ๋องกลับมา พระชายาหลีอ๋องเดินกะเผลกอยู่ด้วยความเร็วนั้น หากว่าค่อยๆ เดินไต่ขึ้นมาจากตีนเขาด้วยอาการขาแพลงจริง เช่นนั้นต่อให้เป็นเช้าวันที่สองก็คงจะกลับมาไม่ถึงที่นี่หรอกมั้ง?หรือว่า ตลอดทางที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ เสวียนอ๋องจะเป็นคนแบกพระชายาหลีอ๋องกลับมา?รู้สึกได้ถึงสายตาที่มองมาอย่างสงสัยใคร่รู้ กู้อวิ๋นซีเกร็งไปทั้งตัว ปล่อยมือจากแขนเสื้อของจวินเย่เสวียน ก่อนจะมองไปที่เขาถึงแม้เมื่อครู่เจิ้งอ๋องจะผลักจูจี้ออกมา แต่ความจริงนางเห็นอย่างชัดเจนว่าเจิ้งอ๋องใส่ใจจูจี้จริงๆแต่เพียงแค่กลัวว่าจุดอ่อนของตัวเองจะถูกเปิดเผยยิ่งแสดงออกว่าไม่ใส่ใจ ความจริงแล้ว ภายในใจก็คือยิ่งใส่ใจแต่ตอนนี้ องค์ชายสี่กลับแสดงออกว่าโปรดปรานนางอย่างออกหน้าออกตาขนาดนี้...คนสารเลวนี่กำลังจะหาเรื่องให้นางอยู่หรือไง?กู้อวิ๋นซีไม่อาจอธิบายได้ว่าตอนนี้ในใจนางรู้สึกยังไง เพียงพูดเสียงเบาออกไปว่า "ไม่จำเป็น ข้าขี่ม้ากลับไปก็ได
แม่เฒ่าชิงมาเชิญกู้อวิ๋นซี บอกว่าพระสนมหรงต้องการพบนางที่อันเซี่ยหวาดกลัวถึงเพียงนั้น เป็นเพราะครั้งก่อน ตอนแม่เฒ่าชิงนำคนมาจับคนร้าย นางไม่เห็นกู้อวิ๋นซีอยู่ในสายตาเลยสักนิดคนของพระสนมหรง สำหรับอันเซี่ยล้ว ล้วนเป็นคนที่ไม่สมควรจะหาเรื่องด้วยอันเซี่ยช่วยประคองกู้อวิ๋นซีไปถึงแม้ข้อเท้าของกู้อวิ๋นซีจะดีขึ้นกว่าเมื่อวานมากแล้ว แต่ก็ยังเจ็บอยู่เวลาเดินก็ยังเดินกะเผลกอยู่"ซีเออร์เจ้าเป็นอะไรไป?" พระสนมหรงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้จ้องมองไปที่เท้าของนางสีหน้าของนางเรียบสงบดุจสายน้ำ ดูไม่เห็นว่าจะมีท่าทีประหลาดใจใดๆคล้ายกับว่ารู้เรื่องอยู่ก่อนแล้วกู้อวิ๋นซีเดินเข้าไปด้วยการประคองของอันเซี่ย ย่อตัวคารวะให้นาง "คารวะเสด็จแม่เพคะ""ไม่ทันระวังก็เลยขาแพลง บาดเจ็บเล็กน้อย ไม่กี่วันก็หายดีแล้วเพคะ"พระสนมหรงพยักหน้า สั่งให้คนเอาเก้าอี้มาให้นางนั่ง"ซีเออร์ ตอนนี้เจ้าก็เป็นนายหญิงของจวนเสวียนอ๋องแล้ว ต่อไปเรื่องในจวน ก็จะต้องให้เจ้ากับพี่สะใภ้สี่ของเจ้ามาร่วมกันดูแล""พี่...สะใภ้สี่?" กู้อวิ๋นซีก็ไม่รู้ว่าทำไมใจของนางถึงได้รู้สึกสั่นไหวในทันทีพระสนมหรงพูดอย่างยิ้มๆ ว่า "ใช่แล้ว ที่
"เสวียนเออร์!" พระสนมหรงจ้องเขาเขม็ง แต่ก็ไม่ได้ดูเหมือนจะตำหนิอะไร"เหตุใดจึงพูดจาเช่นนี้? ซีเออร์หวังดีกับเจ้านะ""ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ขอตัวกลับก่อนแล้ว"กู้อวิ๋นซียืนขึ้น ไม่อยากที่จะเห็นจวินเย่เสวียนอีกผู้ชายคนนี้นิสัยไม่ดีมาแต่ไหนแต่ไร อย่าหาเรื่องจะดีกว่าหลังจากที่คารวะพระสนมหรงแล้ว กู้อวิ๋นซีก็หมุนตัวเดินจากไปไม่มีความอาลัยเลยสักนิดเมื่อกู้อวิ๋นซีเดินจากไปไกลแล้ว พระสนมหรงก็ไม่อาจรักษารอยยิ้มบนใบหน้าได้อีกต่อไปเพล้ง จอกชาที่อยู่ข้างมือของนาง ถูกนางปาลงไปข้างๆ ขาของจวินเย่เสวียนอย่างแรงจวินเย่เสวียนถึงได้เก็บสายตาที่มองไปยังประตูของเขากลับมา "เสด็จแม่หมายความว่ายังไง?""เพื่อนางแล้วเจ้าไม่สนแม้แต่ชีวิตของตัวเอง ในสายตาของเจ้ายังมีเสด็จแม่อย่างข้าคนนี้อยู่ไหม?"เรื่องที่เกิดขึ้นที่สนามล่าสัตว์เมื่อคืนนี้ นางรู้หมดแล้วลูกชายที่นางอบรบมาอย่างดี กระโดดลงจากหน้าผาไปอย่างเต็มใจ เพื่อที่จะช่วยผู้หญิงคนหนึ่งเขาเสียสติไปแล้วเหรอ?"ที่ลูกช่วยคือพระชายาของฉู่หลี" จวินเย่เสวียนพูดอย่างเรียบเฉยแต่พระสนมหรงกลับโมโหจนปลายนิ้วสั่นเทา "ข้าให้กำเนิดและเลี้ยงดูเจ้ามา เจ้าส
หอชมจันทร์ในคืนนี้คล้ายว่าจะมีแขกเยียนเป่ยขวางกู้อวิ๋นซีไว้ด้านนอก "พระชายา ดึกดื่นป่านนี้แล้ว มาหาท่านอ๋องมีเรื่องอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ? กระหม่อมจะไปรายงานให้เอง""ข้ามีเรื่องสำคัญที่จะต้องปรึกษากับองค์ชายสี่"เรื่องนี้จะต้องคุยกับองค์ชายสี่ด้วยตัวเอง ถ้าให้เยียนเป่ยไปบอก บอกไปบอกมา นางก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้ฟังเรื่องจริงจากปากของเขาแต่เยียนเป่ยที่ปกติจะเป็นมิตรกับนางมาก แต่วันนี้กลับตีมึนขวางนางไม่ให้เข้าไป"ขออภัย พระชายา ตอนนี้ท่านอ๋องของข้ากำลังต้อนรับแขกอยู่ ยังไม่ว่าง...""เช่นนั้นข้าก็จะรอจนกว่าแขกจะกลับแล้วค่อยไปหาเขา"กู้อวิ๋นซีเดินไปทางศาลาริมน้ำที่อยู่ไม่ไกล คล้ายกับตั้งใจว่าจะนั่งรออยู่ตรงนี้ยาวๆเยียนเป่ยสังเกตเห็นว่า ขาของนางน่าจะอาการดีขึ้นมากแล้ว ถึงแม้ยังเดินค่อนข้างช้า แต่ว่าท่าเดินก็ไม่มีปัญหาแล้วเขาวิ่งตามไป "พระชายา ฤดูใบไม้ร่วงน้ำค้างแรง ท่านนั่งอยู่ตรงนี้จะไม่สบายได้นะพ่ะย่ะค่ะ""ไม่เป็นไร ข้าไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น" กู้อวิ๋นซีส่ายหน้าให้กับเขาเนื่องจากมีความหนักใจ จึงทำให้ยิ้มไม่ค่อยออกเพียงแค่อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าที่มืดครึ้มอากาศคืนน
กู้อวิ๋นซีตกใจสะดุ้งตัวโยนที่นี่คือศาลาริมน้ำนะ!ห่างจากเรือนรับรองตั้งไกล เสียงพูดคุยสนทนาของพวกเขาก็ไม่ได้ดัง แต่องค์ชายสี่ก็ยังสามารถได้ยินอย่างชัดเจนกู้อวิ๋นซีเก็บหนังสือลงทันที ก่อนจะรีบเดินเข้าไปหาเขา "องค์ชายสี่ ข้ากำลัง...""ท่านพี่เย่เสวียน ใครกันที่มาหาท่านดึกดื่นป่านนี้?"เงาร่างของหญิงสาวรูปร่างดี เดินออกมาจากห้องรับรอง มายืนอยู่ข้างกายของจวินเย่เสวียนเมื่อเห็นกู้อวิ๋นซีที่กำลังเดินมาทางพวกเขา แววตาของหนานกงหลันเออร์ก็เข้มขึ้นเล็กน้อย สีหน้าแสดงออกชัดถึงความไม่เป็นมิตร"พระชายาเป็นหญิงที่มีสามีแล้ว มาหาท่านพี่เย่เสวียนดึกดื่นป่านนี้ ไม่คิดว่าผิดธรรมเนียมไปหน่อยหรือ?"กู้อวิ๋นซีพูดเสียงเรียบเฉย "แค่เพียงมีธุระบางอย่าง ที่จะมาหารือกับท่านพี่สี่ ท่านพี่สี่เป็นพี่ชาย ข้าก็ไม่คิดว่ามันเป็นการผิดธรรมเนียมอะไร"สีหน้าของหนานกงหลันเออร์ยิ่งบึ้งตึงขึ้น "อีกไม่นานท่านพี่เย่เสวียนก็จะต้องคัดเลือกพระชายาแล้ว หากว่าพระชายาในอนาคตของเขารู้ว่าสามีของตัวเองไปมาหาสู่กับผู้หญิงยามค่ำคืน...""ในเมื่อคุณหนูหนันกงก็ทราบดี เหตุใดดึกดื่นป่านนี้ถึงยังมาหาท่านพี่สี่เล่า? หากว่าถูกพี่สะ
ในเรือนรับรองมีผู้หญิงสองนางนั่งอยู่คนหนึ่งสวมชุดกระโปรงลายเรียบสีขาว ดูสง่ามีราศีส่วนอีกคน สวมชุดกระโปรงสีเขียวอ่อน ดูกระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวาเมื่อสาวเสื้อเขียวเห็นนางเข้ามา ก็รีบลุกขึ้นก่อนจะยิ้มทักทาย "ข้าคือลู่หงอวี้แห่งจวนแม่ทัพเจิงซี ยินดีที่ได้พบพระชายาหลีอ๋อง"หญิงสาวชุดขาวอีกคนก็ลุกขึ้น ก่อนจะย่อตัวทำความเคารพ "ข้าคือฉินโหรวคุณหนูสามจากจวนเสนา ยินดีที่ได้พบพระชายาหลีอ๋อง"ที่แท้แขกในค่ำคืนนี้ ไม่ใช่แค่เพียงหนานกงหลันเออร์คนเดียวสองคนนี้ กู้อวิ๋นซีพอจะจำได้ เป็นสองคนที่พระสนมหรงชี้ให้ดูในวันนั้น ภาพวาดนางก็เคยเห็นแล้ว"ขอโทษด้วย เมื่อครู่..." กู้อวิ๋นซีรู้สึกละอายใจ "เมื่อครู่ข้าเพียงต้องการยั่วโมโหคุณหนูตระกูลหนานกงเท่านั้น ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับทั้งสองท่านเลย จริงๆ นะ"นางจะรู้ได้ไงว่าคนที่มาหาองค์ชายสี่ดึกดื่นป่านนี้ไม่ได้มีหนานกงหลันเออร์แค่คนเดียว?ลู่หงอวี้พูดขึ้นอย่างยิ้มแย้มทันที "ไม่เป็นไร นิสัยของแม่นางจากจวนกั๋วกงคนนั้นก็ขี้โมโหจริงๆ พระชายาหลีอ๋องสั่งสอนได้ถูกต้องแล้ว ครั้งหน้าข้าจะเลือกมาหาท่านอ๋องในเวลากลางวันแทน"นางเปิดเผยจริงใจ กู้อวิ๋นซีมองดูแล้ว ก็
"ท่านอ๋อง ข้าต้องการยาเล็กน้อย อีกทั้งเหล้ากาหนึ่ง" กู้หรูชิวกล่าวจวินเย่เสวียนโบกมือหนึ่งที ความจริงเยียนเป่ยไม่ยินยอม แต่สุดท้ายเขาก็ไปเตรียมของมาให้กู้หรูชิวอย่างรวดเร็วกู้หรูชิวเดินไปอยู่ตรงหน้าของหลานโจว พูดอย่างอ่อนโยนว่า "คุณชายท่านนี้ ขออภัยด้วย"ที่ขมับของหลานโจวมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นมาเยี่ยนอีกำมือแน่น แต่ก็ได้แต่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่ได้พูดอะไรเยียนเป่ยร้อนใจ "ท่านอ๋อง หลานโจวติดตามข้างกายท่านมาสิบกว่า สิบกว่าปี เขา..."จวินเย่เสวียนไม่ได้พูดอะไร ได้แต่มองด้วยสายตาเย็นชากู้หรูชิวบดยาหลายชนิดให้กลายเป็นผงแล้วใส่ลงไปในเหล้าหลานโจวรู้ว่านั่นเป็นยาที่ทำให้เขาขาดสติ โดยส่วนมากไว้ใช้สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ เพื่อลดความเจ็บปวดของร่างกายเขาไม่รู้เลยว่ายาพวกนี้เมื่อเอามาผสมกับเหล้าแรงจะสามารถดึงวิญญาณของคนๆ หนึ่งได้แต่เมื่อทั้งสองชนิดผสมเข้าด้วยกัน ก็สามารถทำให้คนๆ หนึ่งมีสติเลือนลาน ช้าเชือนได้จริงๆ!เมื่อเห็นว่ากู้หรูชิวผสมยากับเหล้าเข้ากันดีแล้ว เดินถือมาอยู่ตรงหน้าของตัวเอง หลานโจวก็ได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดอย่างสงบว่า "ท่านอ๋อง เป็นกระหม่อมที่เอายาพิษรุนแรง
ไม่รอให้หลานโจวได้เอ่ยปาก หมอคนนั้นก็พูดขึ้นว่า "จะไม่มีปัญหาได้อย่างไร? ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นดื่มยาพิษอะไรเข้าไป ซึ่งเป็นการทำร้ายเด็กในท้องตั้งนานแล้ว"เมื่อหมอคิดไปถึงสีหน้าของผู้หญิงคนนั้นในตอนนั้น ก็อดที่จะสงสารไม่ได้"ผู้หญิงคนนั้นจะต้องรักลูกในท้องของนางมากแน่ ข้าน้อยแนะนำให้นางรีบตัดสินใจ อะ เอาเด็กออก..."เมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาของเสวียนอ๋อง ที่จู่ๆ ก็เย็นเยียบขึ้นมา หมอคนนั้นก็หวาดกลัวจนตัวสั่น ฉับพลันไม่รู้ว่าควรจะพูดต่อไปหรือไม่แต่ก็เป็นจวินเย่เสวียนที่พูดออกมาประโยคหนึ่งอย่างเย็นชา "พูดต่อ!"หมอคนนั้นถึงได้พูดต่อไปอย่างกลัวๆ กล้าๆ "ข้าน้อยคิดเพื่อร่างกายของผู้หญิงคนนั้นเองถึงได้แนะนำให้ดื่มยาขับเลือด แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ยินยอม ข้าน้อยรู้ว่านางยังแอบมีความหวังอยู่"สายตาของจวินเย่เสวียนมองไปยังร่างของหลานโจวหลานโจวรู้สึกสิ้นหวังมากเขารู้อยู่แล้วว่าสักวัน วันนี้ก็จะต้องมาถึงแต่แค่คิดไม่ถึงว่ามันจะมาเร็วขนาดนี้"มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?" ในที่สุดเยียนเป่ยก็ทนไม่ไหวเขาเชื่อใจหลานโจวขนาดนั้น แต่ทำไมตอนนี้ หลานโจว...ดูเหมือนว่าหลานโจวกำลังปกปิดอะไรไว้อยู่จริงๆ
"เสวียนเออร์ เจ้า...เจ้าพูดเรื่องเหลวไหลอะไร? ข้าจะไปทำอะไรนางได้? นางอยู่ในการคุ้มครองของเจ้าตลอดเวลานะ!"พระสนมหรงรู้สึกละอายใจ แต่ก็พยายามรักษาจิตใจให้สงบนิ่งนางปล่อยมือที่จับชายเสื้อของจวินเย่เสวียนเอาไว้ แล้วก้าวถอยหลังไปสองก้าวเริ่มรู้สึกหวาดกลัวลูกชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ขึ้นมาอย่างประหลาด"เสวียนเออร์ เจ้าลืมความเจ็บปวดของเจ้าได้เร็วขนาดนี้เชียวเหรอ? นางเป็นคนฆ่า...ของเจ้าเองกับมือเพื่อช่วยหลีเออร์นะ...""ลูก" คำนี้พระสนมหรงไม่กล้าที่จะพูดมันออกไปรอบข้างมีทั้งขันทีและนางกำนัลมากมายแต่นางรู้ดีว่าลูกชายของนางเข้าใจจริงดังนั้น ประโยคนี้ทำให้จวินเย่เสวียนกำหมัดแน่นทีเดียวเขาไม่อาจทำใจยอมรับเรื่องนี้ได้!โชคดีที่หลังจากกลับมา นางได้พบกับมู่อันหนิงแล้ว และได้คุยกับเรื่องคำที่จะพูดแล้วมู่อันหนิงช่างรู้งานจริงๆ!หากว่าไม่มีมู่อันหนิง พระสนมหรงเองคนเดียวคงไม่อาจจัดการเรื่องให้ดีได้เช่นนี้"เสวียนเออร์ แม่ก็แค่สงสารเจ้า หรือว่าเจ้าไม่คิดแค้นนาง...""นางช่วยลูกชายสุดที่รักของท่านไว้ แต่ท่านกลับ แค้นนาง?"จวินเย่เสวียนหรี่ตาลง ฉับพลันก็เดินขึ้นไปข้างหน้าพระสนมหรงตกใจจ
"เจ้า..."พระสนมหรงคิดไม่ถึงเลยว่ากู้อวิ๋นซีจะกล้ายอมรับออกมาจริงๆ!นางทำไปเพื่อแก้แค้นนางจริงๆ!แถมนางยังคิดจะให้ลูกชายทั้งสองคนของนางกลายเป็นศัตรู ฆ่ากันเอง!พระสนมหรงโมโหจนตัวสั่น แต่กู้อวิ๋นซีกลับใช้ดวงตาคู่โตชุ่มชื้นนั้นมองมาที่นางด้วยสายตาที่ไร้เดียงสาอย่างเดิมรอยยิ้มที่มุมปากเหมือนจะอ่อนโยน แต่คำพูดที่ออกมากลับเย็นชาสุดขีด"เสด็จแม่ ข้าเกือบจะถูกท่านฆ่าตายแล้ว หากว่าข้าไม่ทำให้ลูกชายทั้งสองของท่านตายไปบ้าง ข้าจะทำใจเรื่องความแค้นนี้ได้อย่างไร?""นังแพศยา เจ้ากล้า!"พระสนมหรงโมโหจนเสียสติ ยกมือขึ้นมาอย่างเร็ว และกำลังจะตบลงไปบนหน้าของกู้อวิ๋นซีอย่างแรงที่น่าแปลกก็คือ การต้องเผชิญกับฝ่ามือของตัวเอง กู้อวิ๋นซีไม่เพียงไม่คิดหลบ แต่ยังกลับยิ้มออกมาอย่างสะใจพระสนมหรงตกใจ จู่ๆ ก็เข้าใจได้ทันทีว่าตัวเองโดนหลอกแล้ว!แต่แรงตบที่นางอ้างออกไปมันไม่สามารถเก็บกลับได้ทันแล้ว ฝ่ามือนี้ในที่สุดก็จบลงไปบนหน้าของกู้อวิ๋นซีอย่างแรงเพราะว่าแรงมาก กู้อวิ๋นซีถึงได้ล้มลงไปนั่งกองอยู่บนพื้นทันทีตาลายไปหมด ลุกขึ้นมาไม่ได้เลย"ซีเออร์!" เงาของสองร่างปรากฎออกมาในทันทีตอนที่จวินฉู่หลีช่
ความจริงแล้วพระสนมหรงไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากที่กลับมาจะยังเจอหน้าผู้หญิงคนนี้อีกตอนนั้นที่นางจากมา กู้อวิ๋นซีนอนคว่ำหน้าอยู่ข้างเตียง ปากก็กระอักเลือดสีดำ ลมหายใจรวยรินถึงแม้นางจะมีความสงสารอยู่บ้าง แต่เมื่อคิดถึงว่าลูกชายของตัวเองทังสองคนจะต้องผิดใจกันเพราะผู้หญิงคนนี้ นางก็ใจแข็งได้อีกครั้งวันนั้นที่ออกคำสั่งไม่ให้มีใครมา จริงๆ แล้วไม่ใช่ความปรารถนาของมู่อันหนิงแค่คนเดียวแต่เป็นความอนุญาตกลายๆ ของพระสนมหรงอีกด้วยเพียงแค่มู่อันหนิงนับว่ายังดีอยู่บ้างที่รับจบเรื่องนี้เอาไว้เอง ไม่ได้ทำให้ลูกชายทั้งสองของนางเกลียดนางด้วยเรื่องนี้ ทำให้ท่าทีที่พระสนมหรงมีต่อมู่อันหนิงก็ยิ่งดีขึ้นอีกเดิมคิดว่าหลังจากสามเดือนผ่านไป ตอนที่กลับมากู้อวิ๋นซีก็คงจะตายไปนานแล้ว และด้วยระยะเวลาที่ยาวนานนี้ ลูกชายทั้งสองของนางก็คงทำใจเรื่องผู้หญิงคนนี้ไปได้แล้วถึงตอนนั้น หลีเออร์ก็จะมีชีวิตใหม่ ส่วนเสวียนเออร์ นางเองก็ชอบมู่อันหนิงถ้าจะให้มู่อันหนิงมาเป็นพระชายาของเสวียนอ๋อง นางก็พอใจอย่างมากสรุปก็คือมันจะต้องเป็นการจบเรื่องที่สมบูรณ์แบบแต่นางคิดไม่ถึงเลยว่ากู้อวิ๋นซีไม่เพียงไม่ตาย แต่ยังกล้าท
สองวันต่อจากนั้น กู้อวิ๋นซีก็พักอยู่ที่ตำหนักของไทเฮาตลอดสองวันนี้จวินฉู่หลียุ่งมากด้านหนึ่งก็ยุ่งเรื่องการก่อสร้างจวนหลีอ๋อง อีกด้านหนึ่งก็ยุ่งเรื่องการย้ายไปประจำการที่เมืองฝานกู้อวิ๋นซีได้พักผ่อนอยู่สองวัน พอถึงเช้าตรู่วันที่สาม ในที่สุดก็ได้รับข่าวดี"คนในจวนแม่ทัพออกนอกเมืองไปแล้วเหรอ?"ข่าวนี้ทำให้นางอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูกไปทั้งวัน"เจ้ากังวลว่าเสวียนอ๋องจะมาขัดขวางเหรอ?" ขนาดมู่เฟยหย่ายังดูออกเลยว่านางเบาใจไปมากกู้อวิ๋นซีไม่ได้ตอบคำถามนี้ความคิดของจวินเย่เสวียน ใครจะเดาออกกัน?สามวันก่อนหน้านี้เขาถูกนางทำให้โกรธจนกลับออกไป เสวียนอ๋องเป็นคนอารมณ์แปรปรวณ อีกทั้งยังรู้ว่านางตั้งใจจะให้คนในจวนแม่ทัพออกห่างจากความวุ่นวายนี้ดังนั้นการที่เขาจะขวางก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร"เรื่องนี้ข้าได้ปรึกษากับอาหลีแล้ว อาหลีเองก็เคยคิดวิธีรับมือ หากว่าเสวียนอ๋องตั้งใจจะขวาง อาหลีก็จะทำตามที่ข้าบอก"การที่จวินเย่เสวียนเก็บตัวเงียบแบบนี้ เป็นเรื่องที่เหนือการคาดหมายไปเหมือนกัน"วันนี้เจ้าช่วยข้าออกไปตามหาคุณชายมู่อีกครั้งเถอะ" จู่ๆ กู้อวิ๋นซีก็พูดขึ้นมา"หามาตั้งหลายวันแล้วยังไม่ได้ข
"อื้อ!"หมอนใบหนึ่งกระเด็นมาโดนที่หัวของมู่เฟยหย่าพอดิบพอดีมู่เฟยหย่าจึงทำได้เพียงแค่ต้องเงียบปากไปเท่านั้นแต่ในหัวสมองของนางยังคงมีภาพแผ่นหลังที่โดดเดี่ยวอ้างว้าง ราวกับถูกคนทั้งโลกละทิ้งของจวินเย่เสวียนตอนเดินจากไปวนเวียนอยู่ไม่หายนางรู้สึกปวดใจจริงๆ นะ!ก็ไม่รู้ว่าทำไมกู้อวิ๋นซีถึงใจร้ายได้แบบนี้กู้อวิ๋นซีในตอนนี้ นิ่งสงบราวกับผิวน้ำที่ไร้คลื่นความเจ็บปวดของเขา มันเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดของนางแม้เพียงสักหนึ่งส่วน มีอะไรให้น่าสงสารกัน?อีกอย่าง ต่อไปเสวียนอ๋องก็มีโอกาสอีกกว้างไกลในอนาคตแต่ตัวนางกับคนในจวนแม่ทัพกลับต้องตกอยู่ในสภาพที่ลำบากแค่สถานการณ์ของตัวนางเองในตอนนี้ก็ไม่มีสิทธิที่จะไปสงสารคนอื่นแล้ว"เอาล่ะ ข้าไม่พูดแล้ว แต่ว่า เจ้าไม่ใช่ต้องการจะแก้แค้นเหรอ? เหตุใดเจ้าถึงไม่ใช้เสวียนอ๋องกับหลีอ๋องมาต่อกรกับพระสนมหรงโดยตรงล่ะ?"ตอนนี้เป็นไง ทำให้เสวียนอ๋องโกรธจนจากไปแล้ว ต่อไปไม่ใช่ว่าจะมีศัตรูที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอีกคนอย่างนั้นเหรอ?กู้อวิ๋นซีได้แต่มองนางอย่างนิ่งสงบ "แล้วถ้าหากว่าเป็นเจ้า เจ้าจะทำอย่างไร?"มู่เฟยหย่าคิดสักพัก ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้นางแล้วพู
"ข้าชอบอาหลีหรือไม่ ข้าไม่รู้ แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ข้ารู้ได้ชัดเจน"กู้อวิ๋นซีเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา อย่างน้อย ครั้งนี้ก็เต็มไปด้วยความจริงใจ"จวินเย่เสวียน ข้าไม่รักท่านแล้ว""เจ้าคิดว่าข้าจะสนหรือยังไง?" น้ำเสียงของจวินเย่เสวียนที่พูดออกมาแทบจะแค้นมันออกมาจากซอกฟันอยู่แล้วถ้าเป็นในเวลาปกติ กู้อวิ๋นซีจะต้องกลัวแน่แต่ตอนนี้ ไม่รู้ทำไม จู่ๆ นางก็รู้สึกไม่กลัวแล้วจริงๆ"ทางที่ดีท่านอ๋องพูดแล้วก็ทำให้ได้ด้วย ไม่สน ต่อไปก็อย่ามารบกวนชีวิตของพวกเราสองสามีภรรยา"ใบหน้าเขาเรียบเฉย ดูแล้วจิตใจสงบนิ่งราวผิวน้ำแต่มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าคำพูดของกู้อวิ๋นซี เป็นเหมือนมีดเล่มหนึ่งที่ปักเข้าไปในหัวใจเขาอย่างจังลึกและแรงมาก!ประกายแสงเพียงน้อยนิดในดวงตาของเขา หายไปหมดแล้ว"กู้อวิ๋นซี เจ้าอย่าเสียใจทีหลังล่ะ!"...ในที่สุดเขาก็ไปแล้วกู้อวิ๋นซีนั่งลงไปบนพื้นอย่างอ่อนแรง หมดอาลัยตายอยากด้านนอกมีคนวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อนนางจับขอบเตียงเอาไว้เพื่อพยุงตัวเองขึ้นมาอย่างช้าๆเพิ่งจะลุกขึ้นมาได้ ก็เห็นจวินฉู่หลีที่วิ่งเข้ามาในห้องโถงด้วยสีหน้าที่ร้อนรน"ท่านพี่สี่เขา...""ไปแล้ว" กู้
การปรากฎตัวขึ้นของจวินเย่เสวียนเป็นอะไรที่กู้อวิ๋นซีคิดไม่ถึงมาก่อนตอนที่เห็นเงาร่างของเขาเดินเข้ามา นางก็รีบลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ ก่อนจะถอยหลังไปหลายก้าวโดยสัญชาตญาณ"เจ้าคิดเหรอว่ามาหลบอยู่ที่ตำหนักของเสด็จย่าแล้วจะสามารถหลบข้าพ้น?"สายตาเย็นเยียบของจวินเย่เสวียนจับจ้องไปที่ร่างกายของนางตรงๆ"ให้คนของจวนแม่ทัพย้ายไปที่เมืองฝาน เพื่อจะได้รอดพ้นจากขอบเขตอำนาจของข้าก็คิดว่าจะสามารถไปไหนก็ได้แล้วอย่างนั้นเหรอ?""ก็แค่พวกมดแมลงตัวเล็กๆ ที่ต้องการรักษาชีวิตเท่านั้น ท่านอ๋อง ท่านต้องการปกป้องครอบครัวของท่าน ข้าก็ต้องการให้ครอบครัวของข้าได้มีชีวิตต่อไป เหตุใดท่านอ๋องถึงไม่ยอมปล่อยพวกเขาไปล่ะ?"กู้อวิ๋นซียังคงเดินถอยหลังอยู่ ไม่ทันระวังก็เลยเดินถอยไปจนถึงเตียงนอน จนไม่อาจถอยหลังได้อีก"ท่านอ๋อง คนที่ท่านแค้นคือข้า ไม่เกี่ยวกับพวกเขา ท่านอ๋องจะสามารถปล่อยให้พวกเขาได้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือไม่?"ถึงแม้ฝีเท้าของจวินเย่เสวียนจะดูเอื่อยเฉื่อย แต่เพียงไม่นานเขาก็เดินมาอยู่ตรงหน้าของนางแล้ว"ดังนั้น ทั้งๆ ที่เมื่อคืนเจ้ายังพูดว่าต้องการผู้ชายที่แข็งแกร่งยิ่งใหญ่แบบข้าในอ้อมแขนของข้า แต่คืนนี