คนเราจะเข้าสู่สภาวะสิ้นหวังเมื่อไรเหรอ?เมื่อก่อนกู้อวิ๋นซีไม่รู้ แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่านาง จะรับรู้ถึงรสชาติของความสิ้นหวังแล้วผู้ชายคนนั้น ไม่เชื่อนางอีกแล้วคืนนั้น หลังจากพ้นเที่ยงคืนไป กู้อวิ๋นซีกับอันเซี่ยก็ออกไปทางประตูหลังไม่ได้เอาของอะไรไปมาก เอาไปเพียงเงินนิดหน่อย แล้วก็ป้ายคำสั่งที่เมื่อก่อนจวินฉู่หลีเคยให้นางเอาไว้ถ้ามีป้ายคำสั่งนี้ ไม่ว่าเมื่อไร ทหารคุ้มกันเมืองก็จะเปิดประตูให้นางเสมอ"คุณหนู เหตุใดพวกเราจึงไม่กลับจวนแม่ทัพล่ะเจ้าคะ?" อันเซี่ยไม่เข้าใจไม่กลับจวนแม่ทัพ ข้างนอกกว้างใหญ่ปานนี้ อันเซี่ยไม่รู้จริงๆ ว่าที่ไหนจะเป็นที่พักพิงให้กับพวกนางได้"ก่อนหน้านี้เสวียนอ๋องก็มีอคติกับจวนแม่ทัพอยู่แล้ว หากว่าตอนนี้ข้ากลับไปที่จวนแม่ทัพ เกรงว่าจะทำให้พวกเขาต้องเดือดร้อนไปด้วย"เรื่องคนร้ายในคืนนั้น ต่อให้ตอนหลังจะไม่มีการพูดถึง แต่ในใจของกู้อวิ๋นซีรู้ดีว่าจวินเย่เสวียนสงสัยในตัวกู้หนานฟงเรื่องนี้ ยังเป็นปัญหาที่คาใจอยู่ตอนนั้นยังพอเห็นแก่นางบ้าง ไม่ลงมือกับคนในจวนแม่ทัพชั่วคราวแต่ตอนนี้ จวินเย่เสวียนเกลียดนางเข้ากระดูก หากว่านางกลับไปที่จวนแม่ทัพ พี่ใหญ่ก็จะต
กู้อวิ๋นซียังไม่ทันวิ่งไปได้ไกลเท่าไร จู่ๆ ม้าก็ร้องออกมาแล้วก็หยุดวิ่งเองดื้อๆมันรับรู้ได้ถึงอันตราย!กู้อวิ๋นซีรีบดึงเชือกม้าไปอีกด้านหนึ่งทันทีโดยไม่คิด อยากจะรีบออกไปให้เร็วที่สุดคิดไม่ถึงว่า เพิ่งจะกลับตัวก็มองเห็นว่าไม่ไกลมีทหารสิบกว่านายกำลังขี่ม้าพุ่งเข้ามาอย่างเร็วเมื่อหันหน้ากลับไปมองอีกครั้ง ยังทิศทางเมื่อครู่ ก็มีอีกสิบกว่าคน กำลังขวางทางเอาไว้อยู่หนีไม่รอดแล้วกู้อวิ๋นซีมองแผ่นหลังของทั้งสิบกว่าคนนั้นอย่างที่คิด ทหารสิบกว่านายค่อยๆ ขี่ม้าแหวกทางออก ด้านหลังมีคนผู้หนึ่งกำลังขี่ม้าเดินเข้ามาช้าๆเจิ้งอ๋อง!คนที่เดินตามข้างหลังเจิ้งอ๋องมา เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่กู้อวิ๋นซีเคยได้พบแล้ว เป็นผู้หญิงข้างกายของเจิ้งอ๋อง จูจี้เรื่องนี้ช่างเกินคาดของกู้อวิ๋นซีเหลือเกิน"พระชายาหลีอ๋อง ไม่เจอกันนาน ยังจำข้าได้หรือไม่?" เจิ้งอ๋องหยุดท้าตรงหน้าที่ห่างจากกู้อวิ๋นซีไม่ไกลกู้อวิ๋นซีพยายามเก็บอารมณ์ ทำใจตัวเองให้สงบขึ้นนางกระโดดลงจากหลังม้า เดินขึ้นหน้าไปสองก้าว ค้อมตัวทำความเคารพไปทางจวินฉีเจิ้ง "ยินดีที่ได้พบองค์ชายใหญ่""ดึกดื่นป่านนี้ เหตุใดพระชายาหลีอ๋องถึงจะออกไปนอ
กู้อวิ๋นซีกำฝ่ามือไว้แน่นนางไม่รู้ว่าใครกันที่แอบส่งข่าวให้กับจวินฉีเจิ้ง ตัวเองเพิ่งออกนอกเมืองมาได้ เขาก็มาไล่จับด้วยตัวของตัวเองแล้วแต่ในเมื่อขนาดเจิ้งอ๋องยังมาด้วยตัวเอง วันนี้ถ้าจะคิดหนี เกรงว่าคงไม่ง่ายนางถอยร่นไปอีกสองก้าว ถอยไปยืนอยู่ข้างม้า"องค์ชายใหญ่ ข้ามีความผิดหรือไม่ ไม่ควรจะเป็นเสด็จพ่อเป็นคนตัดสินหรือ?""เจ้าอยากให้ข้าส่งตัวเจ้าให้เสด็จพ่ออย่างนั้นเหรอ?" จวินฉีเจิ้งอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ "พระชายาหลีอ๋องเอ๋ยพระชายาหลีอ๋อง เจ้าคิดว่า เสด็จพ่อจะยอมช่วยเจ้าโดยไม่สนใจชื่อเสียงของราชวงศ์อย่างนั้นเหรอ?""ขอเพียงวันนี้ข้ายืนกรานว่าพระชายาหลีอ๋องสมคบคิดกับกบฎ ใครจะช่วยเจ้าได้?"เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็หันไปพูดยิ้มๆ ว่า "ไม่สิ มีอยู่คนหนึ่ง ที่จะต้องมาช่วยเจ้าโดยไม่สนใจชีวิตตัวเองแน่ เจ้าลองทายดูสิว่าใคร?""อาหลีอยู่ไกลถึงภูเขาหิมะ ต่อให้เขาอยากมา..."พูดถึงตรงนี้ จู่ๆ กู้อวิ๋นซีก็ยกมือขึ้นหนึ่งทีแสงสีเงินจำนวนหนึ่ง ถูกส่งออกไปทางจวินฉีเจิ้งไม่มีใครคาดคิด! ทุกคน ไม่คาดคิดมาก่อน!"ท่านอ๋อง!""คุ้มครอง!"ทหารองครักษ์สิบกว่านายรีบวิ่งเข้าไปทันทีเพื่อปกป้องจวิ
กู้อวิ๋นซีถูกบีบไปจนถึงริมหน้าผาแล้ว。ด้านหลังเป็นหุบเหวลึกสุดหยั่งด้านหน้ากลับเป็นทหารองครักษ์สิบกว่านายของเจิ้งอ๋องหากถูกพวกเขาจับตัวกลับไป เจิ้งอ๋องจะต้องไม่ปล่อยนางไปแน่แต่ถ้าหากกระโดดลงไป...กู้อวิ๋นซีมองไปทางหุบเหวทีหนึ่ง ด้านล่างมืดมิด ลึกสุดประมาณถ้ากระโดดลงไป จะต้องตายแน่นอน"พระชายาหลีอ๋อง ท่านไม่มีทางให้หนีแล้ว ยอมกลับไปกับพวกกระหม่อมดีๆ เถิด"หนึ่งในทหารองครักษ์เดินขึ้นมา เข้ามาใกล้นางขึ้นเรื่อยๆกู้อวิ๋นซีกำฝ่ามือไว้แน่นนางไม่อยากตาย แต่ก็เกรงว่าหากถูกคนของเจิ้งอ๋องพากลับไป ถูกใส่ร้ายว่าสมคบคิดกับพวกกบฎ เช่นนั้น ทั้งจวนแม่ทัพก็จะถูกเคราะห์กรรมตามไปด้วยทหารองครักษ์คนนั้น อยู่ห่างจากนางเพียงสิบก้าวสายตาของกู้อวิ๋นซีมองเลยพวกเขาไป ก็เห็นเจิ้งอ๋องกำลังควบม้าเข้ามาอย่างรวดเร็ว และคนที่ตามเจิ้งอ๋องมาด้วยก็คือจูจี้หากว่าตกอยู่ในเงื้อมมือของพวกเขา คงจะทรมานยิ่งกว่าตายแต่หากว่ากระโดดลงไป บางที...บางทีอาจจะไม่ตายก็ได้มั้ง?จะเป็นไปได้ไหม จะมีทางรอดไหมนะ?เมื่อเห็นว่าเจิ้งอ๋องเดินมาอยู่ตรงหน้าของทหารองครักษ์แล้ว กำลังจะเดินเข้ามากู้อวิ๋นซีก็สูดลมหายใจเข้าลึ
คืนนี้เจิ้งอ๋องเชิญเสวียนอ๋องมาคำพูดของจูจี้วนอยู่ในหัวของกู้อวิ๋นซีตลอดทั้งวันตั้งแต่ถูกพาตัวกลับมาในเวลาเที่ยงคืน จนถึงตอนนี้ก็ดึกแล้วนางก็อยู่แต่ในห้อง ราวกับเป็นหุ่นกระบอกจูจี้สั่งให้คนมารับใช้นางอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกครั้ง จากนั้นก็แต่งหน้าแต่งตัวกู้อวิ๋นซีไม่มีการตอบสนองใดๆแต่เมื่อจูจี้ที่ได้เห็นกู้อวิ๋นซีแต่งตัวแต่งหน้าเรียบร้อย ในแววตากลับปรากฎเป็นสายตาที่ซับซ้อน"พระชายาหลีอ๋องช่างเป็นคนที่สวยที่สุดเท่าที่ข้าเคยเจอมาก่อนเลย มิน่า...เขาถึงชอบท่านขนาดนั้น"นางอดที่จะยกมือขึ้นมาลูบไปบนใบหน้าของกู้อวิ๋นซีเบาๆ ไม่ได้กู้อวิ๋นซีไม่ได้สนใจนางผู้หญิงส่วนมากต่างอิจฉาในใบหน้านี้ของนาง ต่างก็อยากที่จะทำลายแต่นางไม่สนใจก็แค่ใบหน้าเท่านั้น"พระชายาหลีอ๋องช่างใจเย็นเหลือเกิน ไม่กลัวว่าข้าจะทำลายใบหน้าของท่านเนื่องจากความริศยาจนเกิดเป็นความแค้นหรืออย่างไร?"จูจี้ยิ้ม ใช้นิ้วชี้เชิดคางของนางขึ้นมาให้นางได้มองเห็นใบหน้าของตัวเองในกระจกให้ชัดๆช่างเป็นใบหน้าที่งดงามยิ่ง โดยเฉพาะจูจี้มีทักษะในการแต่งหน้าดีเยี่ยมกู้อวิ๋นซีในคืนนี้ ผมยาวถูกนางจับเกล้าขึ้นอย่างเรียบง่า
จวินเย่เสวียนไม่ได้แสดงอารมณ์ทางสีหน้ามากมาย กระทั่งไม่สนใจอะไรเลยด้วยซ้ำราวกับเขาก็แค่ถามเพื่อรักษามารยาทกับจวินฉีเจิ้งเท่านั้น "เห็นอะไร?""ข้าเห็น พระชายาหลีอ๋องแห่งจวนเสวียนอ๋อง กำลังนัดพบกับกบฎอย่างลับๆ"จวินฉีเจิ้งแสร้งมองไปที่จวินเย่เสวียนทีหนึ่งอย่างไม่จงใจ แต่ความจริงแล้ว เขากำลังลอบสังเกตสีหน้าของจวินเย่เสวียนอยู่อย่างละเอียดใบหน้าของเขาไม่แสดงสีหน้าที่ผิดปกติเลยแม้แต่น้อย สายตาของจวินฉีเจิ้งถึงค่อยมองไปที่กู้อวิ๋นซี"พระชายาหลีอ๋อง เจ้าแอบลักลอบนัดพบกับกบฎ ควรมีโทษสถานใด?"กู้อวิ๋นซีเงยหน้าขึ้นมามองเขา ไม่แก้ตัวใดๆ เพียงแค่พูดอย่างเสียงเรียบว่า "ถ้าอยากจะใส่ร้ายใคร จะอ้างอะไรก็ได้""ข้ากับคนของข้าล้วนเห็นกับตาตัวเอง ยังจะเป็นเรื่องเท็จได้อย่างไร?" จวินฉีเจิ้งยิ้มเย็น "น้องสี่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าผู้ชายที่ลักลอบนัดพบกับนางเป็นใคร?""เป็นใคร?" จวินเย่เสวียนถามต่อ ฟังดูก็เหมือนกับเขาแค่ถามไปงั้นๆจวินฉีเจิ้งไม่เชื่ออยู่แล้วว่าเขาจะไม่สนใจเรื่องนี้น้องสี่ของเขาคนนี้ เคยยอมสละชีวิตของตัวเองเพื่อช่วยเหลือกู้อวิ๋นซีมาแล้วก็แค่แสร้งทำเป็นใจเย็นต่อหน้าเขาก็เท่านั้น"คนที
เสียงของจวินฉีเจิ้งดังมาก จวินเย่เสวียนไม่มีทางที่จะไม่ได้ยินแต่ต่อให้เสวียนอ๋องจะได้ยิน เขาก็ไม่สนใจเลยสักนิดเมื่อเขาเดินมาถึงหน้ารถม้าเยียนเป่ยก็เปิดม่านรถม้าขึ้น จวินเย่เสวียนใช้ขายาวๆ ของเขาก้าวขึ้นไปจากนั้นร่างสูงโปร่งของเขาก็หายไปจากสายตาของทุกคน พร้อมกับม่านรถม้าที่ปิดลงจากนั้นเยียนเป่ยก็ขึ้นรถไป จากนั้นก็ควบม้าออกไปเลยรถม้าคันนั้น เพิ่งออกจากจวนเจิ้งอ๋องไปได้ไม่เท่าไรก็ขับไปไกลจนไม่เห็นแม้แต่เงาแล้วผ่านไปสักพัก ทหารองครักษ์นายหนึ่งก็รีบวิ่งกลับเข้ามาหยุดตรงหน้าของจวินฉีเจิ้งแล้วกราบรายงานอย่างนอบน้อม "ท่านอ๋อง เสวียนอ๋องเขา...ออกนอกประตูไปแล้วจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ""จะเป็นไปได้อย่างไร?" จวินฉีเจิ้งโมโหจนหยิบขวดเหล้าขึ้นมาแล้วขว้างทิ้งลงไปบนพื้นอย่างแรงเพล้ง ขวดเหล้าแตกกระจายอยู่ข้างขาของกู้อวิ๋นซีจวินฉีเจิ้งใช้แรงอย่างมากในการขว้างขวดเหล้า ทำให้เศษขวดเหล้าชิ้นหนึ่งกระเด็นไปโดนตรงส่วนน่องของกู้อวิ๋นซีต่อให้จะมีผ้ากันไว้ชั้นหนึ่ง แต่น่องของนางก็ยังเป็นรอยแผลใหญ่เลือดสดๆ ไหลซึมออกมาเปื้อนที่กระโปรงแต่ราวกับนางจะไม่รู้สึกอะไรเลย ได้แต่ยืนนิ่งๆ อยู่ตรงนั้น แล้วก็ไ
"พ่ะย่ะค่ะ" ทหารองครักษ์สองนายเดินเข้ามาหนึ่งในนั้นอาศัยจังหวะตอนที่กู้อวิ๋นซียังไม่ทันจะได้ลุกขึ้นมา ใช้เท้าเตะนางให้ล้มลงไปอีกครั้งกู้อวิ๋นซีรู้สึกเจ็บจี๊ดตรงช่วงเอวนางกัดฟัน พยายามคิดที่จะลุกขึ้นมาอีกครั้งคิดไม่ถึงว่า ทหารองครักษ์อีกนายกลับกระชากเสื้อของนางออกอย่างแรงแคว๊ก เสื้อผ้าของกู้อวิ๋นซีถูกฉีกออกเป็นทางยาวหัวไหล่กลมมน ปรากฎออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน"ข้าคือพระชายาหลีอ๋อง ใครกล้าทำกับข้าเช่นนี้! หลีอ๋องไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่!"นางกัดฟันตะโกนออกมาเสียงแหบพร่าทหารองครักษ์สองนายอึ้งไป ไม่กล้าที่จะลงมือต่อจริงๆพวกเขาก็เป็นเพียงทหารองครักษ์ ส่วนนางเป็นถึงพระชายาหลีอ๋อง เป็นพระชายาขององค์ชายตัวเองกระทำการดูหมิ่นศักดิ์ศรีนาง ต่อให้หลีอ๋องไม่ฆ่าพวกเขา คนในราชวงศ์ก็คงจะไม่ปล่อยพวกเขาไปแน่จวินฉีเจิ้งมองไปที่ทหารองครักษ์สองคนนั้นแล้วพูดเสียงขรึมขึ้นว่า "นางสมคบคิดกับกบฎ ไม่นับว่าเป็นคนของราชวงศ์แล้ว หากพวกเจ้าไม่ลงมือเช่นนั้นก็ถือว่ามีความผิดเช่นเดียวกับนาง! ข้าจะฆ่าพวกเจ้าเดี๋ยวนี้!""ท่านอ๋อง สำหรับเสวียนอ๋องแล้วข้าไม่มีความหมายอะไรอีกแล้ว ท่านทำการเหยียดหยามข้าเช่นน