"ข้าก็เป็นเพียงแค่พระชายาคนหนึ่งที่ว่างงานไม่มีอะไรทำในจวนเท่านั้น ขนาดสามีของข้าก็ยังไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ ข้าจะไปได้ยินอะไรมาได้อย่างไร?"กู้อวิ๋นซียิ้มบางๆ เพื่อกลบเกลื่อนความคิดที่เก็บซ่อนในแววตากู้หนานฟงคิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าสมเหตุสมผล จึงไม่ได้คิดสงสัยอะไรและไม่ได้ถามต่อกลับเป็นกู้อวิ๋นซีที่มองเขาแล้วถามออกมาอย่างจริงจัง "พี่ใหญ่ ท่านคิดจะ...จัดการเรื่องของเฟยหย่าอย่างไรเหรอ?"กู้หนานฟงแววตาหม่นแสงลงเล็กน้อย เบือนหน้าหนี ไม่ยอมมองนาง เห็นได้ชัดว่ากำลังหลบสายตาของนางอยู่"ข้ารู้สึกขอบคุณนางที่ช่วยชีวิตข้าไว้ แต่ว่า...""หรือว่าท่านก็แค่รู้สึกขอบคุณนางเท่านั้นเหรอ?" กู้อวิ๋นซีรู้สึกเครียดในใจ ในที่สุดเรื่องที่เป็นกังวลก็เกิดขึ้นจนได้กู้หนานฟงลังเลอยู่นาน ถึงค่อยพูดว่า "ใช่""พี่ใหญ่ นี่ท่าน...มีหญิงสาวที่ชอบอยู่ในใจนานแล้วใช่หรือไม่?"ความจริงแล้วก่อนหน้านี้นางก็เคยคุยกับมู่เฟยหย่าหลายครั้ง และก็ทายได้จากบทสนทนาระหว่างที่พูดคุยกับมู่เฟยหย่าในทุกครั้งแต่มู่เฟยหย่าก็ยังมั่นคงไม่เชื่อฟังคำค้านใดๆ ทำให้นางก็มั่นใจในตัวมู่เฟยหย่ามากเช่นกัน ความคาดเดานี้ก็เลยถูกตัวเอง
ตอนที่จวินฉู่หลีมาถึง กู้อวิ๋นซีก็ได้แต่งหน้าให้ตัวเองดูสดใสมีเลือดฝาดขึ้นมาบ้างแล้วเมื่อได้แต่งหน้า ใบหน้าก็ไม่ได้ดูขาวซีดเช่นเดิม แต่กลับทำให้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้นแต่อันเซี่ยกลับยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกแย่"คุณหนู...""เอาล่ะ อันเซี่ย เจ้าออกไปเฝ้าข้างนอกเถอะ พยายามอย่าให้ใครเข้ามารบกวน" กู้อวิ๋นซีโบกมือไล่อันเซี่ยจนใจ ได้แต่กัดริมฝีปากแล้วเดินออกไปเฝ้าที่นอกประตูแทน"อาหลี" กู้อวิ๋นซีบอกให้จวินฉู่หลีนั่งลงที่ข้างเตียง แล้วจ้องหน้าเขาอย่างจริงจัง "เจ้าเชื่อใจข้าหรือไม่?""เชื่อสิ" จวินฉู่หลีตอบอย่างไม่ลังเล"หากว่าเจ้าเชื่อข้าจริง เช่นนั้น นับตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ห้ามไม่ให้ใครจับชีพจรให้เจ้า ให้ข้าจับได้แค่คนเดียว""พิษในร่างกายของเจ้า ข้าจะช่วยถอนพิษให้เอง แต่เจ้าจำเป็นจะต้องฟังข้า ต่อให้ร่างกายของเจ้าจะยิ่งอ่อนแอลงทุกวัน ต่อให้มันจะดูเลวร้ายมากแค่ไหน เจ้าก็จะต้องเชื่อฟังที่ข้าบอก"ครั้งนี้จวินฉู่หลีกลับคิดพิจรณากู้อวิ๋นซีรู้สึกหวั่นใจ "อาหลี ข้ามั่นใจ เจ้าจะลองเชื่อใจข้าได้หรือไม่""ข้าเชื่อเจ้า" ในจุดนี้จวินฉู่หลีไม่มีข้องกังขาใดๆ"แต่ว่า หากสภาพร่างกายของข้ายิ่งแย่ลง
"เป็นใครที่กำลังพูดจาเหลวไหล ทำลายชื่อเสียงของจวนอ๋องกัน?"ฉินโหรวรีบเดินเข้าไปแล้วพูดอย่างตำหนิ "พวกคนชั้นต่ำ บังอาจปล่อยข่าวลือเหลวไหลในจวนอ๋องเช่นนี้!"บ่าวรับใช้หลายคนที่มองเห็นจวินเย่เสวียนที่ยืนอยู่ด้านหลังของฉินโหรว ก็พากันหวาดกลัวจนหน้าเผือดสี แล้วพากันคุกเข่าลงบนพื้นอย่างรวดเร็ว"ท่านอ๋องไว้ชีวิตด้วย แม่นางฉินไว้ชีวิตด้วย!"ระยะหลังมานี้ ใครบ้างไม่รู้ว่าแม่นางฉินผู้นี้ดูจะมีอำนาจและฐานะที่สูงส่งในจวนอ๋องขึ้นทุกวัน?ได้ยินว่า เป็นตัวเต็งในการเป็นพระชายาเสวียนอ๋องที่พระสนมหรงโปรดปราณมากที่สุดในอนาคตจะต้องได้เป็นนายหญิงของจวนเสวียนอ๋องนี้แน่ไม่มีใครบังอาจเสียมารยาทต่อหน้านาง!"เรื่องเหลวไหลเมื่อครู่ ใครเป็นคนปล่อยกันแน่ ออกมารับโทษด้วยตัวเองซะ!" ฉินโหรวพูดอย่างโมโห วางอำนาจในการเป็นประมุขหญิงของจวนสุดๆแต่ละคนได้แต่มองหน้ากันไปมา สุดท้าย ก็ได้ผลักตัวบ่าวรับใช้ผู้หญิงตัวเล็กๆ ผอมๆ คนหนึ่งออกมา"ทะ ท่านอ๋อง แม่นางฉิน นะ นี่ไม่ใช่เรื่องเหลวไหลเพคะ นี่...นี่เป็นเรื่องจริง บ่าวเห็นเองกับตาว่าหลีอ๋องร่างกายผ่ายผอมขนาดไหน อิด อิดโรยสุดๆ บ่าวเห็นมาเองกับตาเลยเพคะ!"ฉันพลันนา
ตอนนี้ร่างกายของกู้อวิ๋นซีเองก็อ่อนแอมากเช่นกันในร่างกายของนางก็มีแต่สารพิษเต็มไปหมด!เมื่อถูกจวินเย่เสวียนผลักออกอย่างหยาบคายเช่นนี้ นางก็ไม่อาจฝืนยืนต่อไปได้ ตึง นางล้มลงไปกระแทกเข้ากับเก้าอี้จากนั้นก็กลิ้งลงไปบนพื้นรู้สึกเหมือนเลือดในอกเกิดการสูบฉีดอย่างแรง หน้ามืด ไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ชั่วขณะ"ซีเออร์..." จวินฉู่หลีรู้สึกหน่วงๆ ที่เปลือกตาเป็นอย่างมาก หลังจากฉีดซีรั่มเข้าไป เดิมทีก็ควรจะนอนหลับพักผ่อนแต่เขาเห็นอยู่ว่ากู้อวิ๋นซีได้รับบาดเจ็บ จะหลับลงได้อย่างไร?เขาพยายามฝืนตัวที่จะลุกขึ้นมากู้อวิ๋นซีพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าว่า "อย่า...ขยับ อาหลี เชื่อ..ฟัง"แล้วจวินฉู่หลีก็ไม่กล้าขยับแม้แต่น้อยจริงๆกู้อวิ๋นซีเคยบอกแล้ว หลังจากที่ฉีดซีรั่มเข้าไปในร่างกาย จะต้องพักผ่อนมากๆ ซีรั่มถึงจะเกิดประสิทธิภาพได้ดีเขาเชื่อฟังกู้อวิ๋นซีมาโดยตลอดเมื่อเห็นว่าจวินฉู่หลียอมเชื่อฟัง ทำตัวว่าง่ายกับกู้อวิ๋นซีขนาดนี้ก็ยิ่งทำให้จวินเย่เสวียนรู้สึกเดือดดาลในใจเป็นขนาดนี้แล้วแท้ๆ ยังจะไม่คิดเพื่อตัวเองอีกเหรอ?เพื่อกู้อวิ๋นซี น้องชายของเขาคนนี้ ก็ใกล้จะบ้าไปแล้ว!"เจ้าทำอะไรกับเขาลงไป
"แม่นางฉิน ข้าไม่เคยไปหาเรื่องท่านก่อน เหตุใดคืนนี้ท่านต้องจงใจมาหาเรื่องข้าด้วย?"สายตาของกู้อวิ๋นซี มองผ่านไปไปบนเข็มฉีดยาสองเล่มบนพื้นนางค่อยๆ ยืนขึ้นอย่างช้าๆ นั่งลงไปบนพื้นแล้วเก็บเข็มฉีดยาขึ้นมาถอนหายใจเบาๆ "ล้วนเป็นของเล่นที่อาหลีมอบให้ข้า เหตุใดท่านจะต้องทำลายมันทิ้งด้วย?"ฉินโหรวเองก็ไม่รู้ว่าเหตุใดตัวเองจะต้องทำลายมันทิ้ง แต่ตอนนี้นางรู้สึกอารมณ์เสียสุดๆนางคิดว่าหลังจากผ่านเหตุการณ์ที่พระสนมหรงผมขาวชั่วข้ามคืนไปแล้ว ความรู้สึกที่จวินเย่เสวียนมีต่อผู้หญิงคนนี้ก็คงจะน้อยลงไปบ้างแล้วแต่เมื่อกี้ พอเห็นว่าตัวเองเผลอผลักนางจนไปชนเก้าอี้ แววตาของจวินเย่เสวียนกลับยังมีประกายความปวดใจอยู่!ไม่มีใครเห็นเพราะเขาปกปิดมันไว้อย่างดี แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถตบตานางได้!เสวียนอ๋องยังมีความรู้สึกกับกู้อวิ๋นซีอยู่!ฉินโหรวมองไปที่กู้อวิ๋นซี ยิ้มออกมาอย่างไม่จริงใจแล้วพูดว่า "ข้าจะกล้ากลั่นแกล้งพระชายาได้อย่างไร? แต่การที่พระชายาทำกับหลีอ๋องถึงเพียงนี้มันออกจะเกินไปจริงๆ""ร่างกายของหลีอ๋องสูงส่ง ไม่อาจให้ท่านมาล้อเล่นได้ ท่านไม่เห็นหรือไง ว่าท่านเกือบจะทำให้หลีอ๋องตายไป
ความจริงฉินโหรวก็เคยคาดเดาไว้ก่อนแล้ว ว่าจวินเย่เสวียนน่าจะเคยมีอะไรกับกู้อวิ๋นซีแต่นางก็ยังแอบหวังอยู่เล็กๆแต่ตอนนี้ กู้อวิ๋นซียอมรับมันออกมาจากปากตัวเอง อารมณ์ที่นางพยายามควบคุมเอาไว้ กลับพังทลายลงทันที!"ไหนเจ้าบอกว่า ชายหนุ่มในวัยเลือดร้อนจะทำตัวเสเพลไปบ้างก็ไม่เป็นไรไม่ใช่เหรอ?"กู้อวิ๋นซีมองนางอย่างเย็นชา ยกริมฝีปากบางขึ้นน้อยๆ "แล้วเหตุใดตอนนี้เจ้าถึงดูสิ้นหวังถึงเพียงนี้ล่ะ?"ฉินโหรวจ้องนางอย่างเคียดแค้น "แก...นังแพศยา!""เจ้าอยากตบข้าเหรอ?" กู้อวิ๋นซีมองดูฝ่ามือที่ถูกยกขึ้นมาของนาง แล้วพูดอย่างยิ้มๆ "ตอนนี้ข้าไม่มีแรงจะตอบโต้ แต่ว่า ใบหน้านี้ของข้า องค์ชายสี่หลงไหลมันมากที่สุด เจ้าก็ลองทำร้ายข้าดูสิ?"ฉินโหรวยกมือขึ้นสูง แต่ก็ไม่กล้าจะตบลงไปนังแพศยาคนนี้ อย่างน้อยก็มีเรื่องหนึ่งที่พูดได้ถูกต้อง นางไม่กล้าทำร้ายใบหน้าของกู้อวิ๋นซี!ต่อหน้าจวินเย่เสวียน นางต้องทำตัวเป็นหญิงสาวที่มีสติ ควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ มีเหตุผลจะได้คู่ควรกับเขา ไม่ใช่ผู้หญิงทั่วไปคนไหนจะสามารถเทียบได้ผู้ชายอย่างเสวียนอ๋อง ย่อมต้องมีข้อกำหนดสูงเกี่ยวกับเรื่องคู่ครองแน่หากไม่ระวัง ฉินโหรวเกรงว่
กู้อวิ๋นซีถูกจับมัดเอาไว้ครั้งนี้ โทษของนางหนักหนามาก ได้ยินว่าเป็นการวางแผนลอบสังหารหลีอ๋องพระสนมหรงเป็นคนสอบสวนด้วยตัวเอง!"เจ้าทำอะไรกับหลีเออร์ลงไปกันแน่? พูดมาสิ!"หลานโจวเอ่ยปากแล้ว ในร่างกายของหลีอ๋องตอนนี้ มีพิษอยู่หลายชนิดผสมปะปนกันอยู่ชีพจรของเขาอ่อนมาก ร่างกายก็บอบบาง ลมหายใจก็ไม่สม่ำเสมอสัญญาณชีพจรที่บางเบาจนแทบจะจับไม่เจอ ขนาดหลานโจวก็ยังไม่มั่นใจ ราวกับว่ามันสามารถหายไปได้ตลอดเวลาอย่างนั้นเมื่อได้ฟังคำพูดของหลานโจว จวินเย่เสวียนก็รู้สึกหนักอึ้งในใจแล้วพระสนมหรงจะทนได้อย่างไร? ยังไม่ทันจะร้องจบก็ปรี่เข้ามาเอาเรื่องกับกู้อวิ๋นซีทันทีตอนนี้หลานโจวกับจวินเย่เสวียนต่างกำลังคิดหาวิธีช่วยกันอยู่ จวินเย่เสวียนไม่ว่างจะมาสนใจเรื่องตรงนี้ในห้องลับนี้ มีเพียงพระสนมหรงกับฉินโหรว อีกทั้งกู้อวิ๋นซีที่ถูกจับมัดไว้อยู่"เสด็จแม่เพคะ วิธีการรักษาที่ข้าใช้กับอาหลี เหลือเพียงแค่สองขั้นตอนสุดท้ายเท่านั้น ท่านเชื่อข้าเถอะ ข้าสามารถรักษาเขาให้หายได้จริงๆ"ถึงแม้กู้อวิ๋นซีจะรู้ว่า โอกาสที่จะให้พระสนมหรงยอมเชื่อนาง แทบจะเป็นศูนย์ก็ตามทีแต่คนอีกคนหนึ่งที่อยู่ตรงนี้ ฉินโหรว น
พระสนมหรงเป็นคนเสียสติฉินโหรวยังรู้จักยับยั้งชั่งใจ แต่พระสนมหรงไม่ใช่หากว่าจวินฉู่หลีเป็นอะไรไป พระสนมหรงสามารถบ้าได้ขนาดไม่สนแม้แต่ชีวิตของตัวเองฉินโหรวยืนอยู่อย่างเงียบๆ ในห้อง มองดูพระสนมหรงที่พุ่งตัวเข้าใส่กู้อวิ๋นซีตรงหน้า ยกมือขึ้นเตรียมจะตบนางก็เพียงมองดูอย่างเย็นชาเท่านั้นฝ่ามือนั้นตบลงไปบนใบหน้าของกู้อวิ๋นซีหลายทีไม่นาน ก็มีเลือดไหลซึมออกมาจากมุมปากของกู้อวิ๋นซี สายตานางเริ่มพร่ามัวที่น่าเสียดายคือ ในห้องนี้ดันไม่มีมีดสักเล่มพระสนมหรงก็ช่างโง่งมเหลือเกิน แต่ตบหน้านังแพศยานี่จะไปคลายความแค้นได้อย่างไร?ทำไมนางถึงไม่จิกเล็บลงไปบนหน้าของนังแพศยานี้สักสองทีนะ ทำไมไม่ทำลายใบหน้าของนางไปซะล่ะ?ฉินโหรวพูดอย่างเย็นชา "พระสนม หลีอ๋องกับเสวียนอ๋องต่างก็ชื่นชอบใบหน้านี้ พระสนมต้องระวังนะเพคะ อย่าเผลอไปทำลายใบหน้าของนางเข้าล่ะ!"คำพูดของฉินโหรว เตือนสติของพระสนมหรงได้ในที่สุดใบหน้านี้! เป็นเพราะใบหน้านี้ ลูกชายทั้งสองคนของนางถึงได้พากันลุ่มหลงใช่หรือไม่?ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนพวกเขาต่างก็เชื่อฟังนาง กตัญญูต่อนาง เคารพรักต่อนางกันขนาดนั้นแต่เพราะการปรากฎตัวของผู้หญิงคน