พระสนมหรงสงบจิตใจลงสิ่งที่กู้อวิ๋นซีพูด ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผลฉินโหรวรู้ว่านางหวั่นไหวแล้ว แต่ตอนนี้ เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่นางจะทำลายกู้อวิ๋นซีได้หากพลาดครั้งนี้ไป ก็ไม่แน่ว่าจะมีโอกาสอีกแล้วฉินโหรวพูดเสียงเบา "เป็นไปได้หรือไม่ที่ในใจเจ้าจะแอบคิดว่า หากไม่มีหลีอ๋อง เย่เสวียนก็จะสามารถเอาเจ้ามาอยู่ข้างกายได้โดยไม่ต้องคิดถึงสิ่งใดอีก?"สายตาของพระสนมหรง เปลี่ยนเป็นเย็นเยียบในทันทีก่อนที่กู้อวิ๋นซีจะได้เอ่ยปากพูด ฉินโหรวก็พูดขัดขึ้นมาก่อน "ถึงข้าจะเพิ่งสนิทสนมกับเย่เสวียนไม่นาน แต่ข้าก็รู้ว่าเขารักหลีอ๋องมาก""และเขาก็ชอบกู้อวิ๋นซีมากเช่นกัน!"ฉินโหรวเดินไปอยู่ตรงหน้าพระสนมหรง "พระสนม ข้าคิดอยากที่จะยืมมือของท่านกำจัดนางจริงๆ เพราะข้ารู้ว่า หากว่าข้าลงมือเอง เย่เสียวนจะต้องสังหารข้าแน่ ก็เหมือนกับที่เขาสังหารแม่เฒ่าชิงไปนั้นแหละ""ดังนั้น ข้าไม่กล้า""แต่ผู้หญิงคนนี้ ไม่สามารถมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ต่อไปได้ ความชอบที่เย่เสวียนมีต่อนาง ข้าล้วนเห็นอยู่ในสายตา หากว่านางยังมีชีวิตอยู่ ความสัมพันธ์ระหว่างเย่เสวียนกับหลีอ๋องก็ไม่มีทางดีขึ้นมาได้""พระสนม ข้าคิดจะยืมมือท่านจริงๆ แ
ตอนที่กู้อวิ๋นซีฟื้นขึ้นมา พบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องที่ไม่คุ้นเคย"อาหลี!"นางรีบลุกขึ้นมานั่งอย่างรวดเร็วหลังจากที่นั่งขึ้นมาแล้วถึงได้พบว่า หัวสมองของตัวเองยังคงมึนๆ งงๆ อยู่เพิ่งจะลุกขึ้นนั่ง ก็รู้สึกหน้ามืดจนเกือบจะเป็นลมไปอีกครั้ง"คุณหนู!" อันเซี่ยกุมมือนางไว้รู้สึกปวดใจ "ในที่สุดท่านก็ฟื้นแล้ว!""ข้าหลับไปนานเท่าไร?" กู้อวิ๋นซีเคาะหัวของตัวเองเบาๆอันเซี่ยรีบตอบว่า "หนึ่งวันหนึ่งคืนเจ้าค่ะ""ไม่ได้การ!" กู้อวิ๋นซีตกใจสะดุ้งโหยง รีบเลิ่กผ้าห่มออกทันที"ไม่ได้การ อาหลีรอไม่ได้แล้ว! ข้าจะต้องไปพบเขาเดี๋ยวนี้!"หนึ่งวันหนึ่งคืน!สวรรค์ นี่นางหลับไปตั้งหนึ่งวันหนึ่งคืนเชียว! ระยะเวลาการฉีดซีรั่มสองครั้งสุดท้าย เหลือเวลาอีกแค่สองวันแล้ว"อันเซี่ย เข็มฉีดยากับเครื่องหมุนเหวี่ยงของข้าล่ะ? รีบไปเอามาให้ข้าเร็ว""ข้าเก็บไว้เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ" หลังจากที่คุณหนูถูกคนของฉินโหรวพาตัวออกไป ถึงแม้อันเซี่ยจะเป็นห่วงมากแค่ไหน แต่ก็รีบเข้าไปเก็บเข็มฉีดยาอันสุดท้ายกับเครื่องหมุนเหวี่ยงไว้ให้ดีก่อนกลัวว่าฉินโหรวจะกลับมาอีกครั้งแล้วทำลายของของคุณหนูสำหรับคุณหนูในตอนนี้ ของพวกนี้สำค
จวินเย่เสวียนโมโหจริงๆไอเย็นที่แผ่ซ่านออกมานั้น ขนาดจวินฉู่หลียังรู้สึกหวาดกลัวคนอื่นๆ ที่อยู่ในห้อง ไม่มีใครไม่รู้สึกหวาดกลัวจนขนลุกขนชันเยียนเป่ยกับหลานโจวไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง อันเซี่ยก็เกือบจะตกใจจนเป็นลมไปแล้วแต่นางยังต้องช่วยคุณหนูทำงานอีก นางไม่อาจเป็นลมหมดสติได้!ดังนั้นจึงยังพยายามใช้แรงฮึกสุดท้ายยืนยัดให้ตัวเองมีสติอยู่กู้อวิ๋นซีถูกความโกรธของจวินเย่เสวียนบีบจนเกิดอารมณ์พลุ่งพล่านในใจ เมื่อเงยหน้าขึ้น ก็เห็นสายตาดุดันของเขากำลังจับจ้องอยู่ที่หน้าของนางจวินเย่เสวียนพูดอย่างโมโห "ยังไม่บอกให้เขาวางมีดลงอีกเหรอ! หากว่าเขาเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ ข้าจะจับเจ้าฉีกเป็นชิ้นๆ เอง!"กู้อวิ๋นซีกัดริมฝีปากล่าง นางรู้ว่าอาหลีมีความสำคัญมากที่สุดในใจของเขาในตอนนี้ นางก็ไม่มีจิตใจจะไปคิดเล็กคิดน้อยอะไรกู้อวิ๋นซีมองไปที่จวินฉู่หลีแล้วพูดเสียงอ่อนโยน "ถึงแม้เขาจะโหดร้ายไร้ความรู้สึก อย่างน้อยเขาก็ยังเป็นคนที่รักษาคำพูด แถมยังสาบานแล้ว ไม่มีทางผิดคำพูดหรอก"นางยื่นมือออกไปตรงหน้าจวินฉู่หลี "อาหลี ส่งมีดมาให้ข้า อันตราย"จวินฉู่หลีไม่ยอมฟังคำพูดของใครเลย ขนาดคำพูดของเสวียนอ
ได้ยินว่า พระชายาหลีอ๋องจะทำการรักษาอาการป่วยให้หลีอ๋องจริงๆแล้วก็ได้ยินมาอีกว่า ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด"แต่ว่า อาการป่วยที่แม้แต่หมอหลานยังรักษาไม่ได้ พระชายาก็เป็นเพียงผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง ไม่เห็นเคยได้ยินว่ามีวิชาการรักษาที่เก่งกาจสักแค่ไหน เหตุใดจึงมั่นใจว่าจะสามารถรักษาให้หายได้กัน?"เกรงว่าด้วยสภาพร่างกายของหลีอ๋องในตอนนี้ คงต้องพยายามทำทุกวิธีเพื่อต้องช่วยชีวิตไว้ให้ได้เท่านั้น ไม่แน่ว่าพระชายาหลีอ๋องอาจจะกำลังยืดระยะเวลาอยู่ก็ได้"จะเป็นไปได้อย่างไร? หากว่าหลีอ๋องเกิดเป็นอะไรไปขึ้นมาจริงๆ เสวียนอ๋องจะไม่จับพระชายาหลีอ๋องฉีกเป็นชิ้นๆ หรอกเหรอ?""ใครจะรู้ล่ะ ไม่ใช่ก่อนหน้านี้มีเรื่องล่ำลือว่า เสวียนอ๋องกับพระชายาหลีอ๋องแอบมี...มีความสัมพันธ์ลับกันหนิ?""อย่าพูดเหลวไหลน่า อยากตายหรืออย่างไร?"ในจวนอ๋องคืนนี้ บรรยากาศช่างกดดันรุนแรงจนตอนหลัง ทุกคนต่างก็ไม่กล้าพูดอะไรเหลวไหลอีก ขนาดจะซุบซิบนินทาก็ยังไม่กล้าแต่ละคนได้แต่ปิดปากเงียบไม่พูดอะไร ทำหน้าที่ของตัวเองต่อไปหากว่าคืนนี้หลีอ๋องต้องตายไปด้วยฝีมือการรักษาของพระชายาหลีอ๋องจริง เช่นนี้ในจวนอ๋องของพวกเขาจะต้อ
ครั้งนี้ จวินเย่เสวียนก็เพียงปรายตามองไปที่กู้อวิ๋นซีแล้วพยักหน้าลงให้เท่านั้น "ได้"กู้อวิ๋นซีถอนหายใจอย่างโล่งอกคนอย่างองค์ชายสี่ ถ้าไม่อนุญาตก็คือไม่อนุญาต แต่ถ้าอนุญาตแล้วก็จะเลือกเชื่อใจในตอนนี้ อย่างน้อย เขาก็เชื่อนางกู้อวิ๋นซีให้อันเซี่ยคอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ ไม่ได้กลัวว่าทุกคนจะเห็นการรักษาที่แปลกประหลาดของนางเลยฆ่าเชื้อ ดูดเลือด หมุนเหวี่ยงสุดท้ายนางก็ได้เอาซีรั่มรอบใหม่ที่ได้คัดแยกออกมาแล้วฉีดเข้าไปในเส้นเลือดของจวินฉู่หลีเดิมทีจวินฉู่หลีที่อยู่ในสภาพกึ่งหมดสตินั้น เมื่อถูกฉีกซีรั่มเข้าไป สีหน้าของเขาก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงจากซีดขาว ก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีม่วงๆ แดงๆ กระทั่งว่ามีประกายสีดำคล้ำปรากฎขึ้นมาอีกด้วยราวกับว่า ถูกวางยาพิษอย่างนั้นใจของพระสนมหรง เกร็งเครียดอย่างแรง น้ำตาคลออยู่ที่หางตา แต่ก็ไม่กล้าปล่อยให้มันไหลออกมาท่าทางของจวินฉู่หลีราวกับกำลังเจ็บปวดทรมานอย่างมาก เขาขมวดคิ้วมุ่น ร่างกายสั่นไหวน้อยๆน้ำตาของพระสนมหรงไหลรินออกมา นางกำแขนเสื้อของตัวเองเอาไว้แน่น อยากจะเข้าไปพูดปลอบใจสักหนึ่งประโยค แต่ทุกครั้งที่ขยับตัว ก็จะถูกจวินเย่เสวียนกดให้นั่งล
พระสนมหรงหน้ามืด ตึง นางล้มร่วงลงไปบนพื้นจวินเย่เสวียนกลับลืมที่จะเข้าไปช่วยประคองเป็นอันเซี่ยที่รีบเข้าไปช่วยประคองตัวของพระสนมหรงที่กำลังจะเป็นลมให้ลุกขึ้นมาหลานโจวเองก็ไม่อยากจะเชื่อ พยายามจับชีพจรให้กับจวินฉู่หลีอีกครั้ง แต่เขากลับหาสัญญาณชีพไม่เจอเลยมีเพียงกู้อวิ๋นซี ที่ยังคงฝังเข็มให้จวินฉู่หลีต่อไปเมื่อเห็นว่า เข็มเงินเล่มสุดท้ายถูกนางดึงออกจากหน้าอกของจวินฉู่หลีเรียบร้อยแต่ยังไม่ทันที่จะลุกขึ้นยืน ก็ถูกจวินเย่เสวียนดึงตัวขึ้นมาเสียก่อนเขาแค่เพียงจ้องมองนาง ไม่พูดอะไร พูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว!ส่วนกู้อวิ๋นซีก็รู้สึกหน้ามืดจนเกือบจะเป็นลมไป ในระหว่างที่เขากำลังกระชากตัวนางอยู่เวลา คล้ายกับว่าจะหยุดหมุนไม่มีใครกล้าพูดอะไรคนเป็นลมก็เป็นลม คนอึ้งก็อึ้ง คนตกใจก็ตกใจ ทั้งห้องเงียบจนได้ยินเสียงแม้กระทั่งเข็มที่ตก ได้ยินทุกการกระทำดังนั้น..."แค่ก..."เสียงไอเบาๆ เรียกสติของทุกคนให้กลับคืนมาหลานโจวตกใจจนรีบวิ่งเข้าไปดูอาการทันที คว้าข้อมือของจวินฉู่หลีไว้ทันที"ท่านอ๋อง...ท่านอ๋อง! หลีอ๋องฟื้นขึ้นมาแล้ว! เขาฟื้นขึ้นมาแล้ว!"จวินเย่เสวียนยังคงไม่พูดอะไร สภา
ตอนที่ฉินโหรวเดินเข้ามา ทั้งฝีเท้ากับจิตใจต่างก็หนักอึ้งมากเหมือนกันแต่เมื่อเดินเข้าประตูไปแล้วฝีเท้าก็เปลี่ยนเป็นเบาสบาย ราวกับว่าอารมณ์ดีมากอย่างนั้นแหละ"เย่เสวียน ข้าได้ยินว่าหลีอ๋องฟื้นแล้ว เขาหายแล้วจริงๆ เหรอ?"แต่เมื่อนางเงยหน้าขึ้นมาเพื่อสบกับสายตาเย็นชาของเขา รอยยิ้มที่มุมปากก็ค่อยๆ แข็งขืนไปนางเห็นว่าบนเตียงด้านหลังของจวินเย่เสวียนมีหญิงสาวคนหนึ่งนอนหลับอยู่รอยยิ้มของฉินโหรวเปลี่ยนเป็นแข็งขืนอย่างมาก "เย่...เสวียน เหตุใดนาง...ถึงอยู่ที่นี่?"จวินเย่เสวียนไม่ได้พูดอะไรฉินโหรวเกิดความคิดขึ้นมามากมาย รีบพูดออกไปว่า "เย่เสวียน ไหนพวกเราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอ? ระยะนี้ อย่าเพิ่งทำให้พระสนมหรงเสียใจ ใช่ไหม?"ความจริงหลังจากที่แม่เฒ่าชิงตายไป การมาถึงของฉินโหรว ก็เป็นเหตุบังเอิญเดิมทีนางก็แค่คิดจะมาหาจวินเย่เสวียน คิดไม่ถึงว่าจะได้พบเจอกับพระสนมหรงที่กำลังจิตใจแตกสลายอยู่ที่เรือนด้านหลังจากนั้นเป็นต้นมา ฉินโหรวก็คอยอยู่ข้างกายของพระสนมหรงเสมอ คอยปลอบนาง ดูแลนางอาจจะเป็นเพราะข้างกายไม่มีแม่เฒ่าชิงแล้ว ในตอนที่พระสนมหรงกำลังเสียใจและเหงาอยู่นั้น ข้างกายก็มีผู้หญิงคนนี
"เย่เสวียน หรือว่า เจ้าไม่สนใจพระสนมหรงเลยแม้สักนิดแล้วเหรอ?"จวินเย่เสวียนก็เพียงแค่สาวเท้าเดินเข้าไปใกล้กับฉินโหรวสองก้าว ก็รู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล ที่กดดันจนเลือดลมในอกของนางไหลเวียนรุนแรงได้ทันทีนางแทบจะหายใจไม่ออกแล้ว!"เย่เสวียน! ข้าก็แค่คิดอยากจะช่วยเจ้าเท่านั้น!""เจ้าลองทายดูสิว่าข้าเชื่อเจ้าหรือไม่?" แววตาของจวินเย่เสวียนยิ่งเย็นเยียบขึ้นทุกที "ข้าจะขอถามเจ้าอีกครั้ง คืนนี้ เจ้าตบนางไปกี่ครั้ง?"ฉินโหรวมองเขาในตอนนี้ก็เกิดความรู้สึกกลัวที่จะถูกประหารขึ้นมาทันที"ในเมื่อเจ้าไม่พูด เช่นนั้น ข้าก็จะถือว่า รอยนิ้วมือทั้งหมดบนหน้าของนาง ล้วนเป็นเจ้าที่เป็นคนฝากเอาไว้แล้วกัน"จวินเย่เสวียนยกมือขึ้นฉินโหรวตกใจจนรีบตะโกนขึ้นมา "หนึ่งรอย! หนึ่งรอย จริงๆ นะ! มีแค่รอยเดียว...อ๊า!"จวินเย่เสวียนโบกมือหนึ่งทีตัวของฉินโหรวก็ลอยออกไปราวกับว่าวที่เชือกขาด หลังจากที่บินออกไปแล้ว ปึง นางก็ตกร่วงลงมาอยู่บนพื้นบนในหน้ายังรู้สึกร้อนผะผ่าวอย่างเจ็บปวดนางกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง เผลอยกมือขึ้นมาลูบไปที่บนหน้าของตัวเองหนึ่งทีอุ่นๆ เหนียวๆ...เมื่อก้มหน้าลงไปมอง ที่ด้านหลังมือล้วนเต
"ท่านอ๋อง ข้าต้องการยาเล็กน้อย อีกทั้งเหล้ากาหนึ่ง" กู้หรูชิวกล่าวจวินเย่เสวียนโบกมือหนึ่งที ความจริงเยียนเป่ยไม่ยินยอม แต่สุดท้ายเขาก็ไปเตรียมของมาให้กู้หรูชิวอย่างรวดเร็วกู้หรูชิวเดินไปอยู่ตรงหน้าของหลานโจว พูดอย่างอ่อนโยนว่า "คุณชายท่านนี้ ขออภัยด้วย"ที่ขมับของหลานโจวมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นมาเยี่ยนอีกำมือแน่น แต่ก็ได้แต่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่ได้พูดอะไรเยียนเป่ยร้อนใจ "ท่านอ๋อง หลานโจวติดตามข้างกายท่านมาสิบกว่า สิบกว่าปี เขา..."จวินเย่เสวียนไม่ได้พูดอะไร ได้แต่มองด้วยสายตาเย็นชากู้หรูชิวบดยาหลายชนิดให้กลายเป็นผงแล้วใส่ลงไปในเหล้าหลานโจวรู้ว่านั่นเป็นยาที่ทำให้เขาขาดสติ โดยส่วนมากไว้ใช้สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ เพื่อลดความเจ็บปวดของร่างกายเขาไม่รู้เลยว่ายาพวกนี้เมื่อเอามาผสมกับเหล้าแรงจะสามารถดึงวิญญาณของคนๆ หนึ่งได้แต่เมื่อทั้งสองชนิดผสมเข้าด้วยกัน ก็สามารถทำให้คนๆ หนึ่งมีสติเลือนลาน ช้าเชือนได้จริงๆ!เมื่อเห็นว่ากู้หรูชิวผสมยากับเหล้าเข้ากันดีแล้ว เดินถือมาอยู่ตรงหน้าของตัวเอง หลานโจวก็ได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดอย่างสงบว่า "ท่านอ๋อง เป็นกระหม่อมที่เอายาพิษรุนแรง
ไม่รอให้หลานโจวได้เอ่ยปาก หมอคนนั้นก็พูดขึ้นว่า "จะไม่มีปัญหาได้อย่างไร? ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นดื่มยาพิษอะไรเข้าไป ซึ่งเป็นการทำร้ายเด็กในท้องตั้งนานแล้ว"เมื่อหมอคิดไปถึงสีหน้าของผู้หญิงคนนั้นในตอนนั้น ก็อดที่จะสงสารไม่ได้"ผู้หญิงคนนั้นจะต้องรักลูกในท้องของนางมากแน่ ข้าน้อยแนะนำให้นางรีบตัดสินใจ อะ เอาเด็กออก..."เมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาของเสวียนอ๋อง ที่จู่ๆ ก็เย็นเยียบขึ้นมา หมอคนนั้นก็หวาดกลัวจนตัวสั่น ฉับพลันไม่รู้ว่าควรจะพูดต่อไปหรือไม่แต่ก็เป็นจวินเย่เสวียนที่พูดออกมาประโยคหนึ่งอย่างเย็นชา "พูดต่อ!"หมอคนนั้นถึงได้พูดต่อไปอย่างกลัวๆ กล้าๆ "ข้าน้อยคิดเพื่อร่างกายของผู้หญิงคนนั้นเองถึงได้แนะนำให้ดื่มยาขับเลือด แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ยินยอม ข้าน้อยรู้ว่านางยังแอบมีความหวังอยู่"สายตาของจวินเย่เสวียนมองไปยังร่างของหลานโจวหลานโจวรู้สึกสิ้นหวังมากเขารู้อยู่แล้วว่าสักวัน วันนี้ก็จะต้องมาถึงแต่แค่คิดไม่ถึงว่ามันจะมาเร็วขนาดนี้"มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?" ในที่สุดเยียนเป่ยก็ทนไม่ไหวเขาเชื่อใจหลานโจวขนาดนั้น แต่ทำไมตอนนี้ หลานโจว...ดูเหมือนว่าหลานโจวกำลังปกปิดอะไรไว้อยู่จริงๆ
"เสวียนเออร์ เจ้า...เจ้าพูดเรื่องเหลวไหลอะไร? ข้าจะไปทำอะไรนางได้? นางอยู่ในการคุ้มครองของเจ้าตลอดเวลานะ!"พระสนมหรงรู้สึกละอายใจ แต่ก็พยายามรักษาจิตใจให้สงบนิ่งนางปล่อยมือที่จับชายเสื้อของจวินเย่เสวียนเอาไว้ แล้วก้าวถอยหลังไปสองก้าวเริ่มรู้สึกหวาดกลัวลูกชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ขึ้นมาอย่างประหลาด"เสวียนเออร์ เจ้าลืมความเจ็บปวดของเจ้าได้เร็วขนาดนี้เชียวเหรอ? นางเป็นคนฆ่า...ของเจ้าเองกับมือเพื่อช่วยหลีเออร์นะ...""ลูก" คำนี้พระสนมหรงไม่กล้าที่จะพูดมันออกไปรอบข้างมีทั้งขันทีและนางกำนัลมากมายแต่นางรู้ดีว่าลูกชายของนางเข้าใจจริงดังนั้น ประโยคนี้ทำให้จวินเย่เสวียนกำหมัดแน่นทีเดียวเขาไม่อาจทำใจยอมรับเรื่องนี้ได้!โชคดีที่หลังจากกลับมา นางได้พบกับมู่อันหนิงแล้ว และได้คุยกับเรื่องคำที่จะพูดแล้วมู่อันหนิงช่างรู้งานจริงๆ!หากว่าไม่มีมู่อันหนิง พระสนมหรงเองคนเดียวคงไม่อาจจัดการเรื่องให้ดีได้เช่นนี้"เสวียนเออร์ แม่ก็แค่สงสารเจ้า หรือว่าเจ้าไม่คิดแค้นนาง...""นางช่วยลูกชายสุดที่รักของท่านไว้ แต่ท่านกลับ แค้นนาง?"จวินเย่เสวียนหรี่ตาลง ฉับพลันก็เดินขึ้นไปข้างหน้าพระสนมหรงตกใจจ
"เจ้า..."พระสนมหรงคิดไม่ถึงเลยว่ากู้อวิ๋นซีจะกล้ายอมรับออกมาจริงๆ!นางทำไปเพื่อแก้แค้นนางจริงๆ!แถมนางยังคิดจะให้ลูกชายทั้งสองคนของนางกลายเป็นศัตรู ฆ่ากันเอง!พระสนมหรงโมโหจนตัวสั่น แต่กู้อวิ๋นซีกลับใช้ดวงตาคู่โตชุ่มชื้นนั้นมองมาที่นางด้วยสายตาที่ไร้เดียงสาอย่างเดิมรอยยิ้มที่มุมปากเหมือนจะอ่อนโยน แต่คำพูดที่ออกมากลับเย็นชาสุดขีด"เสด็จแม่ ข้าเกือบจะถูกท่านฆ่าตายแล้ว หากว่าข้าไม่ทำให้ลูกชายทั้งสองของท่านตายไปบ้าง ข้าจะทำใจเรื่องความแค้นนี้ได้อย่างไร?""นังแพศยา เจ้ากล้า!"พระสนมหรงโมโหจนเสียสติ ยกมือขึ้นมาอย่างเร็ว และกำลังจะตบลงไปบนหน้าของกู้อวิ๋นซีอย่างแรงที่น่าแปลกก็คือ การต้องเผชิญกับฝ่ามือของตัวเอง กู้อวิ๋นซีไม่เพียงไม่คิดหลบ แต่ยังกลับยิ้มออกมาอย่างสะใจพระสนมหรงตกใจ จู่ๆ ก็เข้าใจได้ทันทีว่าตัวเองโดนหลอกแล้ว!แต่แรงตบที่นางอ้างออกไปมันไม่สามารถเก็บกลับได้ทันแล้ว ฝ่ามือนี้ในที่สุดก็จบลงไปบนหน้าของกู้อวิ๋นซีอย่างแรงเพราะว่าแรงมาก กู้อวิ๋นซีถึงได้ล้มลงไปนั่งกองอยู่บนพื้นทันทีตาลายไปหมด ลุกขึ้นมาไม่ได้เลย"ซีเออร์!" เงาของสองร่างปรากฎออกมาในทันทีตอนที่จวินฉู่หลีช่
ความจริงแล้วพระสนมหรงไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากที่กลับมาจะยังเจอหน้าผู้หญิงคนนี้อีกตอนนั้นที่นางจากมา กู้อวิ๋นซีนอนคว่ำหน้าอยู่ข้างเตียง ปากก็กระอักเลือดสีดำ ลมหายใจรวยรินถึงแม้นางจะมีความสงสารอยู่บ้าง แต่เมื่อคิดถึงว่าลูกชายของตัวเองทังสองคนจะต้องผิดใจกันเพราะผู้หญิงคนนี้ นางก็ใจแข็งได้อีกครั้งวันนั้นที่ออกคำสั่งไม่ให้มีใครมา จริงๆ แล้วไม่ใช่ความปรารถนาของมู่อันหนิงแค่คนเดียวแต่เป็นความอนุญาตกลายๆ ของพระสนมหรงอีกด้วยเพียงแค่มู่อันหนิงนับว่ายังดีอยู่บ้างที่รับจบเรื่องนี้เอาไว้เอง ไม่ได้ทำให้ลูกชายทั้งสองของนางเกลียดนางด้วยเรื่องนี้ ทำให้ท่าทีที่พระสนมหรงมีต่อมู่อันหนิงก็ยิ่งดีขึ้นอีกเดิมคิดว่าหลังจากสามเดือนผ่านไป ตอนที่กลับมากู้อวิ๋นซีก็คงจะตายไปนานแล้ว และด้วยระยะเวลาที่ยาวนานนี้ ลูกชายทั้งสองของนางก็คงทำใจเรื่องผู้หญิงคนนี้ไปได้แล้วถึงตอนนั้น หลีเออร์ก็จะมีชีวิตใหม่ ส่วนเสวียนเออร์ นางเองก็ชอบมู่อันหนิงถ้าจะให้มู่อันหนิงมาเป็นพระชายาของเสวียนอ๋อง นางก็พอใจอย่างมากสรุปก็คือมันจะต้องเป็นการจบเรื่องที่สมบูรณ์แบบแต่นางคิดไม่ถึงเลยว่ากู้อวิ๋นซีไม่เพียงไม่ตาย แต่ยังกล้าท
สองวันต่อจากนั้น กู้อวิ๋นซีก็พักอยู่ที่ตำหนักของไทเฮาตลอดสองวันนี้จวินฉู่หลียุ่งมากด้านหนึ่งก็ยุ่งเรื่องการก่อสร้างจวนหลีอ๋อง อีกด้านหนึ่งก็ยุ่งเรื่องการย้ายไปประจำการที่เมืองฝานกู้อวิ๋นซีได้พักผ่อนอยู่สองวัน พอถึงเช้าตรู่วันที่สาม ในที่สุดก็ได้รับข่าวดี"คนในจวนแม่ทัพออกนอกเมืองไปแล้วเหรอ?"ข่าวนี้ทำให้นางอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูกไปทั้งวัน"เจ้ากังวลว่าเสวียนอ๋องจะมาขัดขวางเหรอ?" ขนาดมู่เฟยหย่ายังดูออกเลยว่านางเบาใจไปมากกู้อวิ๋นซีไม่ได้ตอบคำถามนี้ความคิดของจวินเย่เสวียน ใครจะเดาออกกัน?สามวันก่อนหน้านี้เขาถูกนางทำให้โกรธจนกลับออกไป เสวียนอ๋องเป็นคนอารมณ์แปรปรวณ อีกทั้งยังรู้ว่านางตั้งใจจะให้คนในจวนแม่ทัพออกห่างจากความวุ่นวายนี้ดังนั้นการที่เขาจะขวางก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร"เรื่องนี้ข้าได้ปรึกษากับอาหลีแล้ว อาหลีเองก็เคยคิดวิธีรับมือ หากว่าเสวียนอ๋องตั้งใจจะขวาง อาหลีก็จะทำตามที่ข้าบอก"การที่จวินเย่เสวียนเก็บตัวเงียบแบบนี้ เป็นเรื่องที่เหนือการคาดหมายไปเหมือนกัน"วันนี้เจ้าช่วยข้าออกไปตามหาคุณชายมู่อีกครั้งเถอะ" จู่ๆ กู้อวิ๋นซีก็พูดขึ้นมา"หามาตั้งหลายวันแล้วยังไม่ได้ข
"อื้อ!"หมอนใบหนึ่งกระเด็นมาโดนที่หัวของมู่เฟยหย่าพอดิบพอดีมู่เฟยหย่าจึงทำได้เพียงแค่ต้องเงียบปากไปเท่านั้นแต่ในหัวสมองของนางยังคงมีภาพแผ่นหลังที่โดดเดี่ยวอ้างว้าง ราวกับถูกคนทั้งโลกละทิ้งของจวินเย่เสวียนตอนเดินจากไปวนเวียนอยู่ไม่หายนางรู้สึกปวดใจจริงๆ นะ!ก็ไม่รู้ว่าทำไมกู้อวิ๋นซีถึงใจร้ายได้แบบนี้กู้อวิ๋นซีในตอนนี้ นิ่งสงบราวกับผิวน้ำที่ไร้คลื่นความเจ็บปวดของเขา มันเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดของนางแม้เพียงสักหนึ่งส่วน มีอะไรให้น่าสงสารกัน?อีกอย่าง ต่อไปเสวียนอ๋องก็มีโอกาสอีกกว้างไกลในอนาคตแต่ตัวนางกับคนในจวนแม่ทัพกลับต้องตกอยู่ในสภาพที่ลำบากแค่สถานการณ์ของตัวนางเองในตอนนี้ก็ไม่มีสิทธิที่จะไปสงสารคนอื่นแล้ว"เอาล่ะ ข้าไม่พูดแล้ว แต่ว่า เจ้าไม่ใช่ต้องการจะแก้แค้นเหรอ? เหตุใดเจ้าถึงไม่ใช้เสวียนอ๋องกับหลีอ๋องมาต่อกรกับพระสนมหรงโดยตรงล่ะ?"ตอนนี้เป็นไง ทำให้เสวียนอ๋องโกรธจนจากไปแล้ว ต่อไปไม่ใช่ว่าจะมีศัตรูที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอีกคนอย่างนั้นเหรอ?กู้อวิ๋นซีได้แต่มองนางอย่างนิ่งสงบ "แล้วถ้าหากว่าเป็นเจ้า เจ้าจะทำอย่างไร?"มู่เฟยหย่าคิดสักพัก ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้นางแล้วพู
"ข้าชอบอาหลีหรือไม่ ข้าไม่รู้ แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ข้ารู้ได้ชัดเจน"กู้อวิ๋นซีเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา อย่างน้อย ครั้งนี้ก็เต็มไปด้วยความจริงใจ"จวินเย่เสวียน ข้าไม่รักท่านแล้ว""เจ้าคิดว่าข้าจะสนหรือยังไง?" น้ำเสียงของจวินเย่เสวียนที่พูดออกมาแทบจะแค้นมันออกมาจากซอกฟันอยู่แล้วถ้าเป็นในเวลาปกติ กู้อวิ๋นซีจะต้องกลัวแน่แต่ตอนนี้ ไม่รู้ทำไม จู่ๆ นางก็รู้สึกไม่กลัวแล้วจริงๆ"ทางที่ดีท่านอ๋องพูดแล้วก็ทำให้ได้ด้วย ไม่สน ต่อไปก็อย่ามารบกวนชีวิตของพวกเราสองสามีภรรยา"ใบหน้าเขาเรียบเฉย ดูแล้วจิตใจสงบนิ่งราวผิวน้ำแต่มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าคำพูดของกู้อวิ๋นซี เป็นเหมือนมีดเล่มหนึ่งที่ปักเข้าไปในหัวใจเขาอย่างจังลึกและแรงมาก!ประกายแสงเพียงน้อยนิดในดวงตาของเขา หายไปหมดแล้ว"กู้อวิ๋นซี เจ้าอย่าเสียใจทีหลังล่ะ!"...ในที่สุดเขาก็ไปแล้วกู้อวิ๋นซีนั่งลงไปบนพื้นอย่างอ่อนแรง หมดอาลัยตายอยากด้านนอกมีคนวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อนนางจับขอบเตียงเอาไว้เพื่อพยุงตัวเองขึ้นมาอย่างช้าๆเพิ่งจะลุกขึ้นมาได้ ก็เห็นจวินฉู่หลีที่วิ่งเข้ามาในห้องโถงด้วยสีหน้าที่ร้อนรน"ท่านพี่สี่เขา...""ไปแล้ว" กู้
การปรากฎตัวขึ้นของจวินเย่เสวียนเป็นอะไรที่กู้อวิ๋นซีคิดไม่ถึงมาก่อนตอนที่เห็นเงาร่างของเขาเดินเข้ามา นางก็รีบลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ ก่อนจะถอยหลังไปหลายก้าวโดยสัญชาตญาณ"เจ้าคิดเหรอว่ามาหลบอยู่ที่ตำหนักของเสด็จย่าแล้วจะสามารถหลบข้าพ้น?"สายตาเย็นเยียบของจวินเย่เสวียนจับจ้องไปที่ร่างกายของนางตรงๆ"ให้คนของจวนแม่ทัพย้ายไปที่เมืองฝาน เพื่อจะได้รอดพ้นจากขอบเขตอำนาจของข้าก็คิดว่าจะสามารถไปไหนก็ได้แล้วอย่างนั้นเหรอ?""ก็แค่พวกมดแมลงตัวเล็กๆ ที่ต้องการรักษาชีวิตเท่านั้น ท่านอ๋อง ท่านต้องการปกป้องครอบครัวของท่าน ข้าก็ต้องการให้ครอบครัวของข้าได้มีชีวิตต่อไป เหตุใดท่านอ๋องถึงไม่ยอมปล่อยพวกเขาไปล่ะ?"กู้อวิ๋นซียังคงเดินถอยหลังอยู่ ไม่ทันระวังก็เลยเดินถอยไปจนถึงเตียงนอน จนไม่อาจถอยหลังได้อีก"ท่านอ๋อง คนที่ท่านแค้นคือข้า ไม่เกี่ยวกับพวกเขา ท่านอ๋องจะสามารถปล่อยให้พวกเขาได้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือไม่?"ถึงแม้ฝีเท้าของจวินเย่เสวียนจะดูเอื่อยเฉื่อย แต่เพียงไม่นานเขาก็เดินมาอยู่ตรงหน้าของนางแล้ว"ดังนั้น ทั้งๆ ที่เมื่อคืนเจ้ายังพูดว่าต้องการผู้ชายที่แข็งแกร่งยิ่งใหญ่แบบข้าในอ้อมแขนของข้า แต่คืนนี