ตอนที่จวินฉู่หลีมาถึง กู้อวิ๋นซีก็ได้แต่งหน้าให้ตัวเองดูสดใสมีเลือดฝาดขึ้นมาบ้างแล้วเมื่อได้แต่งหน้า ใบหน้าก็ไม่ได้ดูขาวซีดเช่นเดิม แต่กลับทำให้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้นแต่อันเซี่ยกลับยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกแย่"คุณหนู...""เอาล่ะ อันเซี่ย เจ้าออกไปเฝ้าข้างนอกเถอะ พยายามอย่าให้ใครเข้ามารบกวน" กู้อวิ๋นซีโบกมือไล่อันเซี่ยจนใจ ได้แต่กัดริมฝีปากแล้วเดินออกไปเฝ้าที่นอกประตูแทน"อาหลี" กู้อวิ๋นซีบอกให้จวินฉู่หลีนั่งลงที่ข้างเตียง แล้วจ้องหน้าเขาอย่างจริงจัง "เจ้าเชื่อใจข้าหรือไม่?""เชื่อสิ" จวินฉู่หลีตอบอย่างไม่ลังเล"หากว่าเจ้าเชื่อข้าจริง เช่นนั้น นับตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ห้ามไม่ให้ใครจับชีพจรให้เจ้า ให้ข้าจับได้แค่คนเดียว""พิษในร่างกายของเจ้า ข้าจะช่วยถอนพิษให้เอง แต่เจ้าจำเป็นจะต้องฟังข้า ต่อให้ร่างกายของเจ้าจะยิ่งอ่อนแอลงทุกวัน ต่อให้มันจะดูเลวร้ายมากแค่ไหน เจ้าก็จะต้องเชื่อฟังที่ข้าบอก"ครั้งนี้จวินฉู่หลีกลับคิดพิจรณากู้อวิ๋นซีรู้สึกหวั่นใจ "อาหลี ข้ามั่นใจ เจ้าจะลองเชื่อใจข้าได้หรือไม่""ข้าเชื่อเจ้า" ในจุดนี้จวินฉู่หลีไม่มีข้องกังขาใดๆ"แต่ว่า หากสภาพร่างกายของข้ายิ่งแย่ลง
"เป็นใครที่กำลังพูดจาเหลวไหล ทำลายชื่อเสียงของจวนอ๋องกัน?"ฉินโหรวรีบเดินเข้าไปแล้วพูดอย่างตำหนิ "พวกคนชั้นต่ำ บังอาจปล่อยข่าวลือเหลวไหลในจวนอ๋องเช่นนี้!"บ่าวรับใช้หลายคนที่มองเห็นจวินเย่เสวียนที่ยืนอยู่ด้านหลังของฉินโหรว ก็พากันหวาดกลัวจนหน้าเผือดสี แล้วพากันคุกเข่าลงบนพื้นอย่างรวดเร็ว"ท่านอ๋องไว้ชีวิตด้วย แม่นางฉินไว้ชีวิตด้วย!"ระยะหลังมานี้ ใครบ้างไม่รู้ว่าแม่นางฉินผู้นี้ดูจะมีอำนาจและฐานะที่สูงส่งในจวนอ๋องขึ้นทุกวัน?ได้ยินว่า เป็นตัวเต็งในการเป็นพระชายาเสวียนอ๋องที่พระสนมหรงโปรดปราณมากที่สุดในอนาคตจะต้องได้เป็นนายหญิงของจวนเสวียนอ๋องนี้แน่ไม่มีใครบังอาจเสียมารยาทต่อหน้านาง!"เรื่องเหลวไหลเมื่อครู่ ใครเป็นคนปล่อยกันแน่ ออกมารับโทษด้วยตัวเองซะ!" ฉินโหรวพูดอย่างโมโห วางอำนาจในการเป็นประมุขหญิงของจวนสุดๆแต่ละคนได้แต่มองหน้ากันไปมา สุดท้าย ก็ได้ผลักตัวบ่าวรับใช้ผู้หญิงตัวเล็กๆ ผอมๆ คนหนึ่งออกมา"ทะ ท่านอ๋อง แม่นางฉิน นะ นี่ไม่ใช่เรื่องเหลวไหลเพคะ นี่...นี่เป็นเรื่องจริง บ่าวเห็นเองกับตาว่าหลีอ๋องร่างกายผ่ายผอมขนาดไหน อิด อิดโรยสุดๆ บ่าวเห็นมาเองกับตาเลยเพคะ!"ฉันพลันนา
ตอนนี้ร่างกายของกู้อวิ๋นซีเองก็อ่อนแอมากเช่นกันในร่างกายของนางก็มีแต่สารพิษเต็มไปหมด!เมื่อถูกจวินเย่เสวียนผลักออกอย่างหยาบคายเช่นนี้ นางก็ไม่อาจฝืนยืนต่อไปได้ ตึง นางล้มลงไปกระแทกเข้ากับเก้าอี้จากนั้นก็กลิ้งลงไปบนพื้นรู้สึกเหมือนเลือดในอกเกิดการสูบฉีดอย่างแรง หน้ามืด ไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ชั่วขณะ"ซีเออร์..." จวินฉู่หลีรู้สึกหน่วงๆ ที่เปลือกตาเป็นอย่างมาก หลังจากฉีดซีรั่มเข้าไป เดิมทีก็ควรจะนอนหลับพักผ่อนแต่เขาเห็นอยู่ว่ากู้อวิ๋นซีได้รับบาดเจ็บ จะหลับลงได้อย่างไร?เขาพยายามฝืนตัวที่จะลุกขึ้นมากู้อวิ๋นซีพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าว่า "อย่า...ขยับ อาหลี เชื่อ..ฟัง"แล้วจวินฉู่หลีก็ไม่กล้าขยับแม้แต่น้อยจริงๆกู้อวิ๋นซีเคยบอกแล้ว หลังจากที่ฉีดซีรั่มเข้าไปในร่างกาย จะต้องพักผ่อนมากๆ ซีรั่มถึงจะเกิดประสิทธิภาพได้ดีเขาเชื่อฟังกู้อวิ๋นซีมาโดยตลอดเมื่อเห็นว่าจวินฉู่หลียอมเชื่อฟัง ทำตัวว่าง่ายกับกู้อวิ๋นซีขนาดนี้ก็ยิ่งทำให้จวินเย่เสวียนรู้สึกเดือดดาลในใจเป็นขนาดนี้แล้วแท้ๆ ยังจะไม่คิดเพื่อตัวเองอีกเหรอ?เพื่อกู้อวิ๋นซี น้องชายของเขาคนนี้ ก็ใกล้จะบ้าไปแล้ว!"เจ้าทำอะไรกับเขาลงไป
"แม่นางฉิน ข้าไม่เคยไปหาเรื่องท่านก่อน เหตุใดคืนนี้ท่านต้องจงใจมาหาเรื่องข้าด้วย?"สายตาของกู้อวิ๋นซี มองผ่านไปไปบนเข็มฉีดยาสองเล่มบนพื้นนางค่อยๆ ยืนขึ้นอย่างช้าๆ นั่งลงไปบนพื้นแล้วเก็บเข็มฉีดยาขึ้นมาถอนหายใจเบาๆ "ล้วนเป็นของเล่นที่อาหลีมอบให้ข้า เหตุใดท่านจะต้องทำลายมันทิ้งด้วย?"ฉินโหรวเองก็ไม่รู้ว่าเหตุใดตัวเองจะต้องทำลายมันทิ้ง แต่ตอนนี้นางรู้สึกอารมณ์เสียสุดๆนางคิดว่าหลังจากผ่านเหตุการณ์ที่พระสนมหรงผมขาวชั่วข้ามคืนไปแล้ว ความรู้สึกที่จวินเย่เสวียนมีต่อผู้หญิงคนนี้ก็คงจะน้อยลงไปบ้างแล้วแต่เมื่อกี้ พอเห็นว่าตัวเองเผลอผลักนางจนไปชนเก้าอี้ แววตาของจวินเย่เสวียนกลับยังมีประกายความปวดใจอยู่!ไม่มีใครเห็นเพราะเขาปกปิดมันไว้อย่างดี แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถตบตานางได้!เสวียนอ๋องยังมีความรู้สึกกับกู้อวิ๋นซีอยู่!ฉินโหรวมองไปที่กู้อวิ๋นซี ยิ้มออกมาอย่างไม่จริงใจแล้วพูดว่า "ข้าจะกล้ากลั่นแกล้งพระชายาได้อย่างไร? แต่การที่พระชายาทำกับหลีอ๋องถึงเพียงนี้มันออกจะเกินไปจริงๆ""ร่างกายของหลีอ๋องสูงส่ง ไม่อาจให้ท่านมาล้อเล่นได้ ท่านไม่เห็นหรือไง ว่าท่านเกือบจะทำให้หลีอ๋องตายไป
ความจริงฉินโหรวก็เคยคาดเดาไว้ก่อนแล้ว ว่าจวินเย่เสวียนน่าจะเคยมีอะไรกับกู้อวิ๋นซีแต่นางก็ยังแอบหวังอยู่เล็กๆแต่ตอนนี้ กู้อวิ๋นซียอมรับมันออกมาจากปากตัวเอง อารมณ์ที่นางพยายามควบคุมเอาไว้ กลับพังทลายลงทันที!"ไหนเจ้าบอกว่า ชายหนุ่มในวัยเลือดร้อนจะทำตัวเสเพลไปบ้างก็ไม่เป็นไรไม่ใช่เหรอ?"กู้อวิ๋นซีมองนางอย่างเย็นชา ยกริมฝีปากบางขึ้นน้อยๆ "แล้วเหตุใดตอนนี้เจ้าถึงดูสิ้นหวังถึงเพียงนี้ล่ะ?"ฉินโหรวจ้องนางอย่างเคียดแค้น "แก...นังแพศยา!""เจ้าอยากตบข้าเหรอ?" กู้อวิ๋นซีมองดูฝ่ามือที่ถูกยกขึ้นมาของนาง แล้วพูดอย่างยิ้มๆ "ตอนนี้ข้าไม่มีแรงจะตอบโต้ แต่ว่า ใบหน้านี้ของข้า องค์ชายสี่หลงไหลมันมากที่สุด เจ้าก็ลองทำร้ายข้าดูสิ?"ฉินโหรวยกมือขึ้นสูง แต่ก็ไม่กล้าจะตบลงไปนังแพศยาคนนี้ อย่างน้อยก็มีเรื่องหนึ่งที่พูดได้ถูกต้อง นางไม่กล้าทำร้ายใบหน้าของกู้อวิ๋นซี!ต่อหน้าจวินเย่เสวียน นางต้องทำตัวเป็นหญิงสาวที่มีสติ ควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ มีเหตุผลจะได้คู่ควรกับเขา ไม่ใช่ผู้หญิงทั่วไปคนไหนจะสามารถเทียบได้ผู้ชายอย่างเสวียนอ๋อง ย่อมต้องมีข้อกำหนดสูงเกี่ยวกับเรื่องคู่ครองแน่หากไม่ระวัง ฉินโหรวเกรงว่
กู้อวิ๋นซีถูกจับมัดเอาไว้ครั้งนี้ โทษของนางหนักหนามาก ได้ยินว่าเป็นการวางแผนลอบสังหารหลีอ๋องพระสนมหรงเป็นคนสอบสวนด้วยตัวเอง!"เจ้าทำอะไรกับหลีเออร์ลงไปกันแน่? พูดมาสิ!"หลานโจวเอ่ยปากแล้ว ในร่างกายของหลีอ๋องตอนนี้ มีพิษอยู่หลายชนิดผสมปะปนกันอยู่ชีพจรของเขาอ่อนมาก ร่างกายก็บอบบาง ลมหายใจก็ไม่สม่ำเสมอสัญญาณชีพจรที่บางเบาจนแทบจะจับไม่เจอ ขนาดหลานโจวก็ยังไม่มั่นใจ ราวกับว่ามันสามารถหายไปได้ตลอดเวลาอย่างนั้นเมื่อได้ฟังคำพูดของหลานโจว จวินเย่เสวียนก็รู้สึกหนักอึ้งในใจแล้วพระสนมหรงจะทนได้อย่างไร? ยังไม่ทันจะร้องจบก็ปรี่เข้ามาเอาเรื่องกับกู้อวิ๋นซีทันทีตอนนี้หลานโจวกับจวินเย่เสวียนต่างกำลังคิดหาวิธีช่วยกันอยู่ จวินเย่เสวียนไม่ว่างจะมาสนใจเรื่องตรงนี้ในห้องลับนี้ มีเพียงพระสนมหรงกับฉินโหรว อีกทั้งกู้อวิ๋นซีที่ถูกจับมัดไว้อยู่"เสด็จแม่เพคะ วิธีการรักษาที่ข้าใช้กับอาหลี เหลือเพียงแค่สองขั้นตอนสุดท้ายเท่านั้น ท่านเชื่อข้าเถอะ ข้าสามารถรักษาเขาให้หายได้จริงๆ"ถึงแม้กู้อวิ๋นซีจะรู้ว่า โอกาสที่จะให้พระสนมหรงยอมเชื่อนาง แทบจะเป็นศูนย์ก็ตามทีแต่คนอีกคนหนึ่งที่อยู่ตรงนี้ ฉินโหรว น
พระสนมหรงเป็นคนเสียสติฉินโหรวยังรู้จักยับยั้งชั่งใจ แต่พระสนมหรงไม่ใช่หากว่าจวินฉู่หลีเป็นอะไรไป พระสนมหรงสามารถบ้าได้ขนาดไม่สนแม้แต่ชีวิตของตัวเองฉินโหรวยืนอยู่อย่างเงียบๆ ในห้อง มองดูพระสนมหรงที่พุ่งตัวเข้าใส่กู้อวิ๋นซีตรงหน้า ยกมือขึ้นเตรียมจะตบนางก็เพียงมองดูอย่างเย็นชาเท่านั้นฝ่ามือนั้นตบลงไปบนใบหน้าของกู้อวิ๋นซีหลายทีไม่นาน ก็มีเลือดไหลซึมออกมาจากมุมปากของกู้อวิ๋นซี สายตานางเริ่มพร่ามัวที่น่าเสียดายคือ ในห้องนี้ดันไม่มีมีดสักเล่มพระสนมหรงก็ช่างโง่งมเหลือเกิน แต่ตบหน้านังแพศยานี่จะไปคลายความแค้นได้อย่างไร?ทำไมนางถึงไม่จิกเล็บลงไปบนหน้าของนังแพศยานี้สักสองทีนะ ทำไมไม่ทำลายใบหน้าของนางไปซะล่ะ?ฉินโหรวพูดอย่างเย็นชา "พระสนม หลีอ๋องกับเสวียนอ๋องต่างก็ชื่นชอบใบหน้านี้ พระสนมต้องระวังนะเพคะ อย่าเผลอไปทำลายใบหน้าของนางเข้าล่ะ!"คำพูดของฉินโหรว เตือนสติของพระสนมหรงได้ในที่สุดใบหน้านี้! เป็นเพราะใบหน้านี้ ลูกชายทั้งสองคนของนางถึงได้พากันลุ่มหลงใช่หรือไม่?ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนพวกเขาต่างก็เชื่อฟังนาง กตัญญูต่อนาง เคารพรักต่อนางกันขนาดนั้นแต่เพราะการปรากฎตัวของผู้หญิงคน
พระสนมหรงสงบจิตใจลงสิ่งที่กู้อวิ๋นซีพูด ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผลฉินโหรวรู้ว่านางหวั่นไหวแล้ว แต่ตอนนี้ เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่นางจะทำลายกู้อวิ๋นซีได้หากพลาดครั้งนี้ไป ก็ไม่แน่ว่าจะมีโอกาสอีกแล้วฉินโหรวพูดเสียงเบา "เป็นไปได้หรือไม่ที่ในใจเจ้าจะแอบคิดว่า หากไม่มีหลีอ๋อง เย่เสวียนก็จะสามารถเอาเจ้ามาอยู่ข้างกายได้โดยไม่ต้องคิดถึงสิ่งใดอีก?"สายตาของพระสนมหรง เปลี่ยนเป็นเย็นเยียบในทันทีก่อนที่กู้อวิ๋นซีจะได้เอ่ยปากพูด ฉินโหรวก็พูดขัดขึ้นมาก่อน "ถึงข้าจะเพิ่งสนิทสนมกับเย่เสวียนไม่นาน แต่ข้าก็รู้ว่าเขารักหลีอ๋องมาก""และเขาก็ชอบกู้อวิ๋นซีมากเช่นกัน!"ฉินโหรวเดินไปอยู่ตรงหน้าพระสนมหรง "พระสนม ข้าคิดอยากที่จะยืมมือของท่านกำจัดนางจริงๆ เพราะข้ารู้ว่า หากว่าข้าลงมือเอง เย่เสียวนจะต้องสังหารข้าแน่ ก็เหมือนกับที่เขาสังหารแม่เฒ่าชิงไปนั้นแหละ""ดังนั้น ข้าไม่กล้า""แต่ผู้หญิงคนนี้ ไม่สามารถมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ต่อไปได้ ความชอบที่เย่เสวียนมีต่อนาง ข้าล้วนเห็นอยู่ในสายตา หากว่านางยังมีชีวิตอยู่ ความสัมพันธ์ระหว่างเย่เสวียนกับหลีอ๋องก็ไม่มีทางดีขึ้นมาได้""พระสนม ข้าคิดจะยืมมือท่านจริงๆ แ
"ท่านอ๋อง ข้าต้องการยาเล็กน้อย อีกทั้งเหล้ากาหนึ่ง" กู้หรูชิวกล่าวจวินเย่เสวียนโบกมือหนึ่งที ความจริงเยียนเป่ยไม่ยินยอม แต่สุดท้ายเขาก็ไปเตรียมของมาให้กู้หรูชิวอย่างรวดเร็วกู้หรูชิวเดินไปอยู่ตรงหน้าของหลานโจว พูดอย่างอ่อนโยนว่า "คุณชายท่านนี้ ขออภัยด้วย"ที่ขมับของหลานโจวมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นมาเยี่ยนอีกำมือแน่น แต่ก็ได้แต่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่ได้พูดอะไรเยียนเป่ยร้อนใจ "ท่านอ๋อง หลานโจวติดตามข้างกายท่านมาสิบกว่า สิบกว่าปี เขา..."จวินเย่เสวียนไม่ได้พูดอะไร ได้แต่มองด้วยสายตาเย็นชากู้หรูชิวบดยาหลายชนิดให้กลายเป็นผงแล้วใส่ลงไปในเหล้าหลานโจวรู้ว่านั่นเป็นยาที่ทำให้เขาขาดสติ โดยส่วนมากไว้ใช้สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ เพื่อลดความเจ็บปวดของร่างกายเขาไม่รู้เลยว่ายาพวกนี้เมื่อเอามาผสมกับเหล้าแรงจะสามารถดึงวิญญาณของคนๆ หนึ่งได้แต่เมื่อทั้งสองชนิดผสมเข้าด้วยกัน ก็สามารถทำให้คนๆ หนึ่งมีสติเลือนลาน ช้าเชือนได้จริงๆ!เมื่อเห็นว่ากู้หรูชิวผสมยากับเหล้าเข้ากันดีแล้ว เดินถือมาอยู่ตรงหน้าของตัวเอง หลานโจวก็ได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดอย่างสงบว่า "ท่านอ๋อง เป็นกระหม่อมที่เอายาพิษรุนแรง
ไม่รอให้หลานโจวได้เอ่ยปาก หมอคนนั้นก็พูดขึ้นว่า "จะไม่มีปัญหาได้อย่างไร? ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นดื่มยาพิษอะไรเข้าไป ซึ่งเป็นการทำร้ายเด็กในท้องตั้งนานแล้ว"เมื่อหมอคิดไปถึงสีหน้าของผู้หญิงคนนั้นในตอนนั้น ก็อดที่จะสงสารไม่ได้"ผู้หญิงคนนั้นจะต้องรักลูกในท้องของนางมากแน่ ข้าน้อยแนะนำให้นางรีบตัดสินใจ อะ เอาเด็กออก..."เมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาของเสวียนอ๋อง ที่จู่ๆ ก็เย็นเยียบขึ้นมา หมอคนนั้นก็หวาดกลัวจนตัวสั่น ฉับพลันไม่รู้ว่าควรจะพูดต่อไปหรือไม่แต่ก็เป็นจวินเย่เสวียนที่พูดออกมาประโยคหนึ่งอย่างเย็นชา "พูดต่อ!"หมอคนนั้นถึงได้พูดต่อไปอย่างกลัวๆ กล้าๆ "ข้าน้อยคิดเพื่อร่างกายของผู้หญิงคนนั้นเองถึงได้แนะนำให้ดื่มยาขับเลือด แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ยินยอม ข้าน้อยรู้ว่านางยังแอบมีความหวังอยู่"สายตาของจวินเย่เสวียนมองไปยังร่างของหลานโจวหลานโจวรู้สึกสิ้นหวังมากเขารู้อยู่แล้วว่าสักวัน วันนี้ก็จะต้องมาถึงแต่แค่คิดไม่ถึงว่ามันจะมาเร็วขนาดนี้"มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?" ในที่สุดเยียนเป่ยก็ทนไม่ไหวเขาเชื่อใจหลานโจวขนาดนั้น แต่ทำไมตอนนี้ หลานโจว...ดูเหมือนว่าหลานโจวกำลังปกปิดอะไรไว้อยู่จริงๆ
"เสวียนเออร์ เจ้า...เจ้าพูดเรื่องเหลวไหลอะไร? ข้าจะไปทำอะไรนางได้? นางอยู่ในการคุ้มครองของเจ้าตลอดเวลานะ!"พระสนมหรงรู้สึกละอายใจ แต่ก็พยายามรักษาจิตใจให้สงบนิ่งนางปล่อยมือที่จับชายเสื้อของจวินเย่เสวียนเอาไว้ แล้วก้าวถอยหลังไปสองก้าวเริ่มรู้สึกหวาดกลัวลูกชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ขึ้นมาอย่างประหลาด"เสวียนเออร์ เจ้าลืมความเจ็บปวดของเจ้าได้เร็วขนาดนี้เชียวเหรอ? นางเป็นคนฆ่า...ของเจ้าเองกับมือเพื่อช่วยหลีเออร์นะ...""ลูก" คำนี้พระสนมหรงไม่กล้าที่จะพูดมันออกไปรอบข้างมีทั้งขันทีและนางกำนัลมากมายแต่นางรู้ดีว่าลูกชายของนางเข้าใจจริงดังนั้น ประโยคนี้ทำให้จวินเย่เสวียนกำหมัดแน่นทีเดียวเขาไม่อาจทำใจยอมรับเรื่องนี้ได้!โชคดีที่หลังจากกลับมา นางได้พบกับมู่อันหนิงแล้ว และได้คุยกับเรื่องคำที่จะพูดแล้วมู่อันหนิงช่างรู้งานจริงๆ!หากว่าไม่มีมู่อันหนิง พระสนมหรงเองคนเดียวคงไม่อาจจัดการเรื่องให้ดีได้เช่นนี้"เสวียนเออร์ แม่ก็แค่สงสารเจ้า หรือว่าเจ้าไม่คิดแค้นนาง...""นางช่วยลูกชายสุดที่รักของท่านไว้ แต่ท่านกลับ แค้นนาง?"จวินเย่เสวียนหรี่ตาลง ฉับพลันก็เดินขึ้นไปข้างหน้าพระสนมหรงตกใจจ
"เจ้า..."พระสนมหรงคิดไม่ถึงเลยว่ากู้อวิ๋นซีจะกล้ายอมรับออกมาจริงๆ!นางทำไปเพื่อแก้แค้นนางจริงๆ!แถมนางยังคิดจะให้ลูกชายทั้งสองคนของนางกลายเป็นศัตรู ฆ่ากันเอง!พระสนมหรงโมโหจนตัวสั่น แต่กู้อวิ๋นซีกลับใช้ดวงตาคู่โตชุ่มชื้นนั้นมองมาที่นางด้วยสายตาที่ไร้เดียงสาอย่างเดิมรอยยิ้มที่มุมปากเหมือนจะอ่อนโยน แต่คำพูดที่ออกมากลับเย็นชาสุดขีด"เสด็จแม่ ข้าเกือบจะถูกท่านฆ่าตายแล้ว หากว่าข้าไม่ทำให้ลูกชายทั้งสองของท่านตายไปบ้าง ข้าจะทำใจเรื่องความแค้นนี้ได้อย่างไร?""นังแพศยา เจ้ากล้า!"พระสนมหรงโมโหจนเสียสติ ยกมือขึ้นมาอย่างเร็ว และกำลังจะตบลงไปบนหน้าของกู้อวิ๋นซีอย่างแรงที่น่าแปลกก็คือ การต้องเผชิญกับฝ่ามือของตัวเอง กู้อวิ๋นซีไม่เพียงไม่คิดหลบ แต่ยังกลับยิ้มออกมาอย่างสะใจพระสนมหรงตกใจ จู่ๆ ก็เข้าใจได้ทันทีว่าตัวเองโดนหลอกแล้ว!แต่แรงตบที่นางอ้างออกไปมันไม่สามารถเก็บกลับได้ทันแล้ว ฝ่ามือนี้ในที่สุดก็จบลงไปบนหน้าของกู้อวิ๋นซีอย่างแรงเพราะว่าแรงมาก กู้อวิ๋นซีถึงได้ล้มลงไปนั่งกองอยู่บนพื้นทันทีตาลายไปหมด ลุกขึ้นมาไม่ได้เลย"ซีเออร์!" เงาของสองร่างปรากฎออกมาในทันทีตอนที่จวินฉู่หลีช่
ความจริงแล้วพระสนมหรงไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากที่กลับมาจะยังเจอหน้าผู้หญิงคนนี้อีกตอนนั้นที่นางจากมา กู้อวิ๋นซีนอนคว่ำหน้าอยู่ข้างเตียง ปากก็กระอักเลือดสีดำ ลมหายใจรวยรินถึงแม้นางจะมีความสงสารอยู่บ้าง แต่เมื่อคิดถึงว่าลูกชายของตัวเองทังสองคนจะต้องผิดใจกันเพราะผู้หญิงคนนี้ นางก็ใจแข็งได้อีกครั้งวันนั้นที่ออกคำสั่งไม่ให้มีใครมา จริงๆ แล้วไม่ใช่ความปรารถนาของมู่อันหนิงแค่คนเดียวแต่เป็นความอนุญาตกลายๆ ของพระสนมหรงอีกด้วยเพียงแค่มู่อันหนิงนับว่ายังดีอยู่บ้างที่รับจบเรื่องนี้เอาไว้เอง ไม่ได้ทำให้ลูกชายทั้งสองของนางเกลียดนางด้วยเรื่องนี้ ทำให้ท่าทีที่พระสนมหรงมีต่อมู่อันหนิงก็ยิ่งดีขึ้นอีกเดิมคิดว่าหลังจากสามเดือนผ่านไป ตอนที่กลับมากู้อวิ๋นซีก็คงจะตายไปนานแล้ว และด้วยระยะเวลาที่ยาวนานนี้ ลูกชายทั้งสองของนางก็คงทำใจเรื่องผู้หญิงคนนี้ไปได้แล้วถึงตอนนั้น หลีเออร์ก็จะมีชีวิตใหม่ ส่วนเสวียนเออร์ นางเองก็ชอบมู่อันหนิงถ้าจะให้มู่อันหนิงมาเป็นพระชายาของเสวียนอ๋อง นางก็พอใจอย่างมากสรุปก็คือมันจะต้องเป็นการจบเรื่องที่สมบูรณ์แบบแต่นางคิดไม่ถึงเลยว่ากู้อวิ๋นซีไม่เพียงไม่ตาย แต่ยังกล้าท
สองวันต่อจากนั้น กู้อวิ๋นซีก็พักอยู่ที่ตำหนักของไทเฮาตลอดสองวันนี้จวินฉู่หลียุ่งมากด้านหนึ่งก็ยุ่งเรื่องการก่อสร้างจวนหลีอ๋อง อีกด้านหนึ่งก็ยุ่งเรื่องการย้ายไปประจำการที่เมืองฝานกู้อวิ๋นซีได้พักผ่อนอยู่สองวัน พอถึงเช้าตรู่วันที่สาม ในที่สุดก็ได้รับข่าวดี"คนในจวนแม่ทัพออกนอกเมืองไปแล้วเหรอ?"ข่าวนี้ทำให้นางอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูกไปทั้งวัน"เจ้ากังวลว่าเสวียนอ๋องจะมาขัดขวางเหรอ?" ขนาดมู่เฟยหย่ายังดูออกเลยว่านางเบาใจไปมากกู้อวิ๋นซีไม่ได้ตอบคำถามนี้ความคิดของจวินเย่เสวียน ใครจะเดาออกกัน?สามวันก่อนหน้านี้เขาถูกนางทำให้โกรธจนกลับออกไป เสวียนอ๋องเป็นคนอารมณ์แปรปรวณ อีกทั้งยังรู้ว่านางตั้งใจจะให้คนในจวนแม่ทัพออกห่างจากความวุ่นวายนี้ดังนั้นการที่เขาจะขวางก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร"เรื่องนี้ข้าได้ปรึกษากับอาหลีแล้ว อาหลีเองก็เคยคิดวิธีรับมือ หากว่าเสวียนอ๋องตั้งใจจะขวาง อาหลีก็จะทำตามที่ข้าบอก"การที่จวินเย่เสวียนเก็บตัวเงียบแบบนี้ เป็นเรื่องที่เหนือการคาดหมายไปเหมือนกัน"วันนี้เจ้าช่วยข้าออกไปตามหาคุณชายมู่อีกครั้งเถอะ" จู่ๆ กู้อวิ๋นซีก็พูดขึ้นมา"หามาตั้งหลายวันแล้วยังไม่ได้ข
"อื้อ!"หมอนใบหนึ่งกระเด็นมาโดนที่หัวของมู่เฟยหย่าพอดิบพอดีมู่เฟยหย่าจึงทำได้เพียงแค่ต้องเงียบปากไปเท่านั้นแต่ในหัวสมองของนางยังคงมีภาพแผ่นหลังที่โดดเดี่ยวอ้างว้าง ราวกับถูกคนทั้งโลกละทิ้งของจวินเย่เสวียนตอนเดินจากไปวนเวียนอยู่ไม่หายนางรู้สึกปวดใจจริงๆ นะ!ก็ไม่รู้ว่าทำไมกู้อวิ๋นซีถึงใจร้ายได้แบบนี้กู้อวิ๋นซีในตอนนี้ นิ่งสงบราวกับผิวน้ำที่ไร้คลื่นความเจ็บปวดของเขา มันเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดของนางแม้เพียงสักหนึ่งส่วน มีอะไรให้น่าสงสารกัน?อีกอย่าง ต่อไปเสวียนอ๋องก็มีโอกาสอีกกว้างไกลในอนาคตแต่ตัวนางกับคนในจวนแม่ทัพกลับต้องตกอยู่ในสภาพที่ลำบากแค่สถานการณ์ของตัวนางเองในตอนนี้ก็ไม่มีสิทธิที่จะไปสงสารคนอื่นแล้ว"เอาล่ะ ข้าไม่พูดแล้ว แต่ว่า เจ้าไม่ใช่ต้องการจะแก้แค้นเหรอ? เหตุใดเจ้าถึงไม่ใช้เสวียนอ๋องกับหลีอ๋องมาต่อกรกับพระสนมหรงโดยตรงล่ะ?"ตอนนี้เป็นไง ทำให้เสวียนอ๋องโกรธจนจากไปแล้ว ต่อไปไม่ใช่ว่าจะมีศัตรูที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอีกคนอย่างนั้นเหรอ?กู้อวิ๋นซีได้แต่มองนางอย่างนิ่งสงบ "แล้วถ้าหากว่าเป็นเจ้า เจ้าจะทำอย่างไร?"มู่เฟยหย่าคิดสักพัก ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้นางแล้วพู
"ข้าชอบอาหลีหรือไม่ ข้าไม่รู้ แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ข้ารู้ได้ชัดเจน"กู้อวิ๋นซีเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา อย่างน้อย ครั้งนี้ก็เต็มไปด้วยความจริงใจ"จวินเย่เสวียน ข้าไม่รักท่านแล้ว""เจ้าคิดว่าข้าจะสนหรือยังไง?" น้ำเสียงของจวินเย่เสวียนที่พูดออกมาแทบจะแค้นมันออกมาจากซอกฟันอยู่แล้วถ้าเป็นในเวลาปกติ กู้อวิ๋นซีจะต้องกลัวแน่แต่ตอนนี้ ไม่รู้ทำไม จู่ๆ นางก็รู้สึกไม่กลัวแล้วจริงๆ"ทางที่ดีท่านอ๋องพูดแล้วก็ทำให้ได้ด้วย ไม่สน ต่อไปก็อย่ามารบกวนชีวิตของพวกเราสองสามีภรรยา"ใบหน้าเขาเรียบเฉย ดูแล้วจิตใจสงบนิ่งราวผิวน้ำแต่มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าคำพูดของกู้อวิ๋นซี เป็นเหมือนมีดเล่มหนึ่งที่ปักเข้าไปในหัวใจเขาอย่างจังลึกและแรงมาก!ประกายแสงเพียงน้อยนิดในดวงตาของเขา หายไปหมดแล้ว"กู้อวิ๋นซี เจ้าอย่าเสียใจทีหลังล่ะ!"...ในที่สุดเขาก็ไปแล้วกู้อวิ๋นซีนั่งลงไปบนพื้นอย่างอ่อนแรง หมดอาลัยตายอยากด้านนอกมีคนวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อนนางจับขอบเตียงเอาไว้เพื่อพยุงตัวเองขึ้นมาอย่างช้าๆเพิ่งจะลุกขึ้นมาได้ ก็เห็นจวินฉู่หลีที่วิ่งเข้ามาในห้องโถงด้วยสีหน้าที่ร้อนรน"ท่านพี่สี่เขา...""ไปแล้ว" กู้
การปรากฎตัวขึ้นของจวินเย่เสวียนเป็นอะไรที่กู้อวิ๋นซีคิดไม่ถึงมาก่อนตอนที่เห็นเงาร่างของเขาเดินเข้ามา นางก็รีบลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ ก่อนจะถอยหลังไปหลายก้าวโดยสัญชาตญาณ"เจ้าคิดเหรอว่ามาหลบอยู่ที่ตำหนักของเสด็จย่าแล้วจะสามารถหลบข้าพ้น?"สายตาเย็นเยียบของจวินเย่เสวียนจับจ้องไปที่ร่างกายของนางตรงๆ"ให้คนของจวนแม่ทัพย้ายไปที่เมืองฝาน เพื่อจะได้รอดพ้นจากขอบเขตอำนาจของข้าก็คิดว่าจะสามารถไปไหนก็ได้แล้วอย่างนั้นเหรอ?""ก็แค่พวกมดแมลงตัวเล็กๆ ที่ต้องการรักษาชีวิตเท่านั้น ท่านอ๋อง ท่านต้องการปกป้องครอบครัวของท่าน ข้าก็ต้องการให้ครอบครัวของข้าได้มีชีวิตต่อไป เหตุใดท่านอ๋องถึงไม่ยอมปล่อยพวกเขาไปล่ะ?"กู้อวิ๋นซียังคงเดินถอยหลังอยู่ ไม่ทันระวังก็เลยเดินถอยไปจนถึงเตียงนอน จนไม่อาจถอยหลังได้อีก"ท่านอ๋อง คนที่ท่านแค้นคือข้า ไม่เกี่ยวกับพวกเขา ท่านอ๋องจะสามารถปล่อยให้พวกเขาได้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือไม่?"ถึงแม้ฝีเท้าของจวินเย่เสวียนจะดูเอื่อยเฉื่อย แต่เพียงไม่นานเขาก็เดินมาอยู่ตรงหน้าของนางแล้ว"ดังนั้น ทั้งๆ ที่เมื่อคืนเจ้ายังพูดว่าต้องการผู้ชายที่แข็งแกร่งยิ่งใหญ่แบบข้าในอ้อมแขนของข้า แต่คืนนี