ความจริงฉินโหรวก็เคยคาดเดาไว้ก่อนแล้ว ว่าจวินเย่เสวียนน่าจะเคยมีอะไรกับกู้อวิ๋นซีแต่นางก็ยังแอบหวังอยู่เล็กๆแต่ตอนนี้ กู้อวิ๋นซียอมรับมันออกมาจากปากตัวเอง อารมณ์ที่นางพยายามควบคุมเอาไว้ กลับพังทลายลงทันที!"ไหนเจ้าบอกว่า ชายหนุ่มในวัยเลือดร้อนจะทำตัวเสเพลไปบ้างก็ไม่เป็นไรไม่ใช่เหรอ?"กู้อวิ๋นซีมองนางอย่างเย็นชา ยกริมฝีปากบางขึ้นน้อยๆ "แล้วเหตุใดตอนนี้เจ้าถึงดูสิ้นหวังถึงเพียงนี้ล่ะ?"ฉินโหรวจ้องนางอย่างเคียดแค้น "แก...นังแพศยา!""เจ้าอยากตบข้าเหรอ?" กู้อวิ๋นซีมองดูฝ่ามือที่ถูกยกขึ้นมาของนาง แล้วพูดอย่างยิ้มๆ "ตอนนี้ข้าไม่มีแรงจะตอบโต้ แต่ว่า ใบหน้านี้ของข้า องค์ชายสี่หลงไหลมันมากที่สุด เจ้าก็ลองทำร้ายข้าดูสิ?"ฉินโหรวยกมือขึ้นสูง แต่ก็ไม่กล้าจะตบลงไปนังแพศยาคนนี้ อย่างน้อยก็มีเรื่องหนึ่งที่พูดได้ถูกต้อง นางไม่กล้าทำร้ายใบหน้าของกู้อวิ๋นซี!ต่อหน้าจวินเย่เสวียน นางต้องทำตัวเป็นหญิงสาวที่มีสติ ควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ มีเหตุผลจะได้คู่ควรกับเขา ไม่ใช่ผู้หญิงทั่วไปคนไหนจะสามารถเทียบได้ผู้ชายอย่างเสวียนอ๋อง ย่อมต้องมีข้อกำหนดสูงเกี่ยวกับเรื่องคู่ครองแน่หากไม่ระวัง ฉินโหรวเกรงว่
กู้อวิ๋นซีถูกจับมัดเอาไว้ครั้งนี้ โทษของนางหนักหนามาก ได้ยินว่าเป็นการวางแผนลอบสังหารหลีอ๋องพระสนมหรงเป็นคนสอบสวนด้วยตัวเอง!"เจ้าทำอะไรกับหลีเออร์ลงไปกันแน่? พูดมาสิ!"หลานโจวเอ่ยปากแล้ว ในร่างกายของหลีอ๋องตอนนี้ มีพิษอยู่หลายชนิดผสมปะปนกันอยู่ชีพจรของเขาอ่อนมาก ร่างกายก็บอบบาง ลมหายใจก็ไม่สม่ำเสมอสัญญาณชีพจรที่บางเบาจนแทบจะจับไม่เจอ ขนาดหลานโจวก็ยังไม่มั่นใจ ราวกับว่ามันสามารถหายไปได้ตลอดเวลาอย่างนั้นเมื่อได้ฟังคำพูดของหลานโจว จวินเย่เสวียนก็รู้สึกหนักอึ้งในใจแล้วพระสนมหรงจะทนได้อย่างไร? ยังไม่ทันจะร้องจบก็ปรี่เข้ามาเอาเรื่องกับกู้อวิ๋นซีทันทีตอนนี้หลานโจวกับจวินเย่เสวียนต่างกำลังคิดหาวิธีช่วยกันอยู่ จวินเย่เสวียนไม่ว่างจะมาสนใจเรื่องตรงนี้ในห้องลับนี้ มีเพียงพระสนมหรงกับฉินโหรว อีกทั้งกู้อวิ๋นซีที่ถูกจับมัดไว้อยู่"เสด็จแม่เพคะ วิธีการรักษาที่ข้าใช้กับอาหลี เหลือเพียงแค่สองขั้นตอนสุดท้ายเท่านั้น ท่านเชื่อข้าเถอะ ข้าสามารถรักษาเขาให้หายได้จริงๆ"ถึงแม้กู้อวิ๋นซีจะรู้ว่า โอกาสที่จะให้พระสนมหรงยอมเชื่อนาง แทบจะเป็นศูนย์ก็ตามทีแต่คนอีกคนหนึ่งที่อยู่ตรงนี้ ฉินโหรว น
พระสนมหรงเป็นคนเสียสติฉินโหรวยังรู้จักยับยั้งชั่งใจ แต่พระสนมหรงไม่ใช่หากว่าจวินฉู่หลีเป็นอะไรไป พระสนมหรงสามารถบ้าได้ขนาดไม่สนแม้แต่ชีวิตของตัวเองฉินโหรวยืนอยู่อย่างเงียบๆ ในห้อง มองดูพระสนมหรงที่พุ่งตัวเข้าใส่กู้อวิ๋นซีตรงหน้า ยกมือขึ้นเตรียมจะตบนางก็เพียงมองดูอย่างเย็นชาเท่านั้นฝ่ามือนั้นตบลงไปบนใบหน้าของกู้อวิ๋นซีหลายทีไม่นาน ก็มีเลือดไหลซึมออกมาจากมุมปากของกู้อวิ๋นซี สายตานางเริ่มพร่ามัวที่น่าเสียดายคือ ในห้องนี้ดันไม่มีมีดสักเล่มพระสนมหรงก็ช่างโง่งมเหลือเกิน แต่ตบหน้านังแพศยานี่จะไปคลายความแค้นได้อย่างไร?ทำไมนางถึงไม่จิกเล็บลงไปบนหน้าของนังแพศยานี้สักสองทีนะ ทำไมไม่ทำลายใบหน้าของนางไปซะล่ะ?ฉินโหรวพูดอย่างเย็นชา "พระสนม หลีอ๋องกับเสวียนอ๋องต่างก็ชื่นชอบใบหน้านี้ พระสนมต้องระวังนะเพคะ อย่าเผลอไปทำลายใบหน้าของนางเข้าล่ะ!"คำพูดของฉินโหรว เตือนสติของพระสนมหรงได้ในที่สุดใบหน้านี้! เป็นเพราะใบหน้านี้ ลูกชายทั้งสองคนของนางถึงได้พากันลุ่มหลงใช่หรือไม่?ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนพวกเขาต่างก็เชื่อฟังนาง กตัญญูต่อนาง เคารพรักต่อนางกันขนาดนั้นแต่เพราะการปรากฎตัวของผู้หญิงคน
พระสนมหรงสงบจิตใจลงสิ่งที่กู้อวิ๋นซีพูด ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผลฉินโหรวรู้ว่านางหวั่นไหวแล้ว แต่ตอนนี้ เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่นางจะทำลายกู้อวิ๋นซีได้หากพลาดครั้งนี้ไป ก็ไม่แน่ว่าจะมีโอกาสอีกแล้วฉินโหรวพูดเสียงเบา "เป็นไปได้หรือไม่ที่ในใจเจ้าจะแอบคิดว่า หากไม่มีหลีอ๋อง เย่เสวียนก็จะสามารถเอาเจ้ามาอยู่ข้างกายได้โดยไม่ต้องคิดถึงสิ่งใดอีก?"สายตาของพระสนมหรง เปลี่ยนเป็นเย็นเยียบในทันทีก่อนที่กู้อวิ๋นซีจะได้เอ่ยปากพูด ฉินโหรวก็พูดขัดขึ้นมาก่อน "ถึงข้าจะเพิ่งสนิทสนมกับเย่เสวียนไม่นาน แต่ข้าก็รู้ว่าเขารักหลีอ๋องมาก""และเขาก็ชอบกู้อวิ๋นซีมากเช่นกัน!"ฉินโหรวเดินไปอยู่ตรงหน้าพระสนมหรง "พระสนม ข้าคิดอยากที่จะยืมมือของท่านกำจัดนางจริงๆ เพราะข้ารู้ว่า หากว่าข้าลงมือเอง เย่เสียวนจะต้องสังหารข้าแน่ ก็เหมือนกับที่เขาสังหารแม่เฒ่าชิงไปนั้นแหละ""ดังนั้น ข้าไม่กล้า""แต่ผู้หญิงคนนี้ ไม่สามารถมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ต่อไปได้ ความชอบที่เย่เสวียนมีต่อนาง ข้าล้วนเห็นอยู่ในสายตา หากว่านางยังมีชีวิตอยู่ ความสัมพันธ์ระหว่างเย่เสวียนกับหลีอ๋องก็ไม่มีทางดีขึ้นมาได้""พระสนม ข้าคิดจะยืมมือท่านจริงๆ แ
ตอนที่กู้อวิ๋นซีฟื้นขึ้นมา พบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องที่ไม่คุ้นเคย"อาหลี!"นางรีบลุกขึ้นมานั่งอย่างรวดเร็วหลังจากที่นั่งขึ้นมาแล้วถึงได้พบว่า หัวสมองของตัวเองยังคงมึนๆ งงๆ อยู่เพิ่งจะลุกขึ้นนั่ง ก็รู้สึกหน้ามืดจนเกือบจะเป็นลมไปอีกครั้ง"คุณหนู!" อันเซี่ยกุมมือนางไว้รู้สึกปวดใจ "ในที่สุดท่านก็ฟื้นแล้ว!""ข้าหลับไปนานเท่าไร?" กู้อวิ๋นซีเคาะหัวของตัวเองเบาๆอันเซี่ยรีบตอบว่า "หนึ่งวันหนึ่งคืนเจ้าค่ะ""ไม่ได้การ!" กู้อวิ๋นซีตกใจสะดุ้งโหยง รีบเลิ่กผ้าห่มออกทันที"ไม่ได้การ อาหลีรอไม่ได้แล้ว! ข้าจะต้องไปพบเขาเดี๋ยวนี้!"หนึ่งวันหนึ่งคืน!สวรรค์ นี่นางหลับไปตั้งหนึ่งวันหนึ่งคืนเชียว! ระยะเวลาการฉีดซีรั่มสองครั้งสุดท้าย เหลือเวลาอีกแค่สองวันแล้ว"อันเซี่ย เข็มฉีดยากับเครื่องหมุนเหวี่ยงของข้าล่ะ? รีบไปเอามาให้ข้าเร็ว""ข้าเก็บไว้เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ" หลังจากที่คุณหนูถูกคนของฉินโหรวพาตัวออกไป ถึงแม้อันเซี่ยจะเป็นห่วงมากแค่ไหน แต่ก็รีบเข้าไปเก็บเข็มฉีดยาอันสุดท้ายกับเครื่องหมุนเหวี่ยงไว้ให้ดีก่อนกลัวว่าฉินโหรวจะกลับมาอีกครั้งแล้วทำลายของของคุณหนูสำหรับคุณหนูในตอนนี้ ของพวกนี้สำค
จวินเย่เสวียนโมโหจริงๆไอเย็นที่แผ่ซ่านออกมานั้น ขนาดจวินฉู่หลียังรู้สึกหวาดกลัวคนอื่นๆ ที่อยู่ในห้อง ไม่มีใครไม่รู้สึกหวาดกลัวจนขนลุกขนชันเยียนเป่ยกับหลานโจวไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง อันเซี่ยก็เกือบจะตกใจจนเป็นลมไปแล้วแต่นางยังต้องช่วยคุณหนูทำงานอีก นางไม่อาจเป็นลมหมดสติได้!ดังนั้นจึงยังพยายามใช้แรงฮึกสุดท้ายยืนยัดให้ตัวเองมีสติอยู่กู้อวิ๋นซีถูกความโกรธของจวินเย่เสวียนบีบจนเกิดอารมณ์พลุ่งพล่านในใจ เมื่อเงยหน้าขึ้น ก็เห็นสายตาดุดันของเขากำลังจับจ้องอยู่ที่หน้าของนางจวินเย่เสวียนพูดอย่างโมโห "ยังไม่บอกให้เขาวางมีดลงอีกเหรอ! หากว่าเขาเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ ข้าจะจับเจ้าฉีกเป็นชิ้นๆ เอง!"กู้อวิ๋นซีกัดริมฝีปากล่าง นางรู้ว่าอาหลีมีความสำคัญมากที่สุดในใจของเขาในตอนนี้ นางก็ไม่มีจิตใจจะไปคิดเล็กคิดน้อยอะไรกู้อวิ๋นซีมองไปที่จวินฉู่หลีแล้วพูดเสียงอ่อนโยน "ถึงแม้เขาจะโหดร้ายไร้ความรู้สึก อย่างน้อยเขาก็ยังเป็นคนที่รักษาคำพูด แถมยังสาบานแล้ว ไม่มีทางผิดคำพูดหรอก"นางยื่นมือออกไปตรงหน้าจวินฉู่หลี "อาหลี ส่งมีดมาให้ข้า อันตราย"จวินฉู่หลีไม่ยอมฟังคำพูดของใครเลย ขนาดคำพูดของเสวียนอ
ได้ยินว่า พระชายาหลีอ๋องจะทำการรักษาอาการป่วยให้หลีอ๋องจริงๆแล้วก็ได้ยินมาอีกว่า ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด"แต่ว่า อาการป่วยที่แม้แต่หมอหลานยังรักษาไม่ได้ พระชายาก็เป็นเพียงผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง ไม่เห็นเคยได้ยินว่ามีวิชาการรักษาที่เก่งกาจสักแค่ไหน เหตุใดจึงมั่นใจว่าจะสามารถรักษาให้หายได้กัน?"เกรงว่าด้วยสภาพร่างกายของหลีอ๋องในตอนนี้ คงต้องพยายามทำทุกวิธีเพื่อต้องช่วยชีวิตไว้ให้ได้เท่านั้น ไม่แน่ว่าพระชายาหลีอ๋องอาจจะกำลังยืดระยะเวลาอยู่ก็ได้"จะเป็นไปได้อย่างไร? หากว่าหลีอ๋องเกิดเป็นอะไรไปขึ้นมาจริงๆ เสวียนอ๋องจะไม่จับพระชายาหลีอ๋องฉีกเป็นชิ้นๆ หรอกเหรอ?""ใครจะรู้ล่ะ ไม่ใช่ก่อนหน้านี้มีเรื่องล่ำลือว่า เสวียนอ๋องกับพระชายาหลีอ๋องแอบมี...มีความสัมพันธ์ลับกันหนิ?""อย่าพูดเหลวไหลน่า อยากตายหรืออย่างไร?"ในจวนอ๋องคืนนี้ บรรยากาศช่างกดดันรุนแรงจนตอนหลัง ทุกคนต่างก็ไม่กล้าพูดอะไรเหลวไหลอีก ขนาดจะซุบซิบนินทาก็ยังไม่กล้าแต่ละคนได้แต่ปิดปากเงียบไม่พูดอะไร ทำหน้าที่ของตัวเองต่อไปหากว่าคืนนี้หลีอ๋องต้องตายไปด้วยฝีมือการรักษาของพระชายาหลีอ๋องจริง เช่นนี้ในจวนอ๋องของพวกเขาจะต้อ
ครั้งนี้ จวินเย่เสวียนก็เพียงปรายตามองไปที่กู้อวิ๋นซีแล้วพยักหน้าลงให้เท่านั้น "ได้"กู้อวิ๋นซีถอนหายใจอย่างโล่งอกคนอย่างองค์ชายสี่ ถ้าไม่อนุญาตก็คือไม่อนุญาต แต่ถ้าอนุญาตแล้วก็จะเลือกเชื่อใจในตอนนี้ อย่างน้อย เขาก็เชื่อนางกู้อวิ๋นซีให้อันเซี่ยคอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ ไม่ได้กลัวว่าทุกคนจะเห็นการรักษาที่แปลกประหลาดของนางเลยฆ่าเชื้อ ดูดเลือด หมุนเหวี่ยงสุดท้ายนางก็ได้เอาซีรั่มรอบใหม่ที่ได้คัดแยกออกมาแล้วฉีดเข้าไปในเส้นเลือดของจวินฉู่หลีเดิมทีจวินฉู่หลีที่อยู่ในสภาพกึ่งหมดสตินั้น เมื่อถูกฉีกซีรั่มเข้าไป สีหน้าของเขาก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงจากซีดขาว ก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีม่วงๆ แดงๆ กระทั่งว่ามีประกายสีดำคล้ำปรากฎขึ้นมาอีกด้วยราวกับว่า ถูกวางยาพิษอย่างนั้นใจของพระสนมหรง เกร็งเครียดอย่างแรง น้ำตาคลออยู่ที่หางตา แต่ก็ไม่กล้าปล่อยให้มันไหลออกมาท่าทางของจวินฉู่หลีราวกับกำลังเจ็บปวดทรมานอย่างมาก เขาขมวดคิ้วมุ่น ร่างกายสั่นไหวน้อยๆน้ำตาของพระสนมหรงไหลรินออกมา นางกำแขนเสื้อของตัวเองเอาไว้แน่น อยากจะเข้าไปพูดปลอบใจสักหนึ่งประโยค แต่ทุกครั้งที่ขยับตัว ก็จะถูกจวินเย่เสวียนกดให้นั่งล