จวินเย่เสวียนโมโหจริงๆไอเย็นที่แผ่ซ่านออกมานั้น ขนาดจวินฉู่หลียังรู้สึกหวาดกลัวคนอื่นๆ ที่อยู่ในห้อง ไม่มีใครไม่รู้สึกหวาดกลัวจนขนลุกขนชันเยียนเป่ยกับหลานโจวไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง อันเซี่ยก็เกือบจะตกใจจนเป็นลมไปแล้วแต่นางยังต้องช่วยคุณหนูทำงานอีก นางไม่อาจเป็นลมหมดสติได้!ดังนั้นจึงยังพยายามใช้แรงฮึกสุดท้ายยืนยัดให้ตัวเองมีสติอยู่กู้อวิ๋นซีถูกความโกรธของจวินเย่เสวียนบีบจนเกิดอารมณ์พลุ่งพล่านในใจ เมื่อเงยหน้าขึ้น ก็เห็นสายตาดุดันของเขากำลังจับจ้องอยู่ที่หน้าของนางจวินเย่เสวียนพูดอย่างโมโห "ยังไม่บอกให้เขาวางมีดลงอีกเหรอ! หากว่าเขาเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ ข้าจะจับเจ้าฉีกเป็นชิ้นๆ เอง!"กู้อวิ๋นซีกัดริมฝีปากล่าง นางรู้ว่าอาหลีมีความสำคัญมากที่สุดในใจของเขาในตอนนี้ นางก็ไม่มีจิตใจจะไปคิดเล็กคิดน้อยอะไรกู้อวิ๋นซีมองไปที่จวินฉู่หลีแล้วพูดเสียงอ่อนโยน "ถึงแม้เขาจะโหดร้ายไร้ความรู้สึก อย่างน้อยเขาก็ยังเป็นคนที่รักษาคำพูด แถมยังสาบานแล้ว ไม่มีทางผิดคำพูดหรอก"นางยื่นมือออกไปตรงหน้าจวินฉู่หลี "อาหลี ส่งมีดมาให้ข้า อันตราย"จวินฉู่หลีไม่ยอมฟังคำพูดของใครเลย ขนาดคำพูดของเสวียนอ
ได้ยินว่า พระชายาหลีอ๋องจะทำการรักษาอาการป่วยให้หลีอ๋องจริงๆแล้วก็ได้ยินมาอีกว่า ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด"แต่ว่า อาการป่วยที่แม้แต่หมอหลานยังรักษาไม่ได้ พระชายาก็เป็นเพียงผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง ไม่เห็นเคยได้ยินว่ามีวิชาการรักษาที่เก่งกาจสักแค่ไหน เหตุใดจึงมั่นใจว่าจะสามารถรักษาให้หายได้กัน?"เกรงว่าด้วยสภาพร่างกายของหลีอ๋องในตอนนี้ คงต้องพยายามทำทุกวิธีเพื่อต้องช่วยชีวิตไว้ให้ได้เท่านั้น ไม่แน่ว่าพระชายาหลีอ๋องอาจจะกำลังยืดระยะเวลาอยู่ก็ได้"จะเป็นไปได้อย่างไร? หากว่าหลีอ๋องเกิดเป็นอะไรไปขึ้นมาจริงๆ เสวียนอ๋องจะไม่จับพระชายาหลีอ๋องฉีกเป็นชิ้นๆ หรอกเหรอ?""ใครจะรู้ล่ะ ไม่ใช่ก่อนหน้านี้มีเรื่องล่ำลือว่า เสวียนอ๋องกับพระชายาหลีอ๋องแอบมี...มีความสัมพันธ์ลับกันหนิ?""อย่าพูดเหลวไหลน่า อยากตายหรืออย่างไร?"ในจวนอ๋องคืนนี้ บรรยากาศช่างกดดันรุนแรงจนตอนหลัง ทุกคนต่างก็ไม่กล้าพูดอะไรเหลวไหลอีก ขนาดจะซุบซิบนินทาก็ยังไม่กล้าแต่ละคนได้แต่ปิดปากเงียบไม่พูดอะไร ทำหน้าที่ของตัวเองต่อไปหากว่าคืนนี้หลีอ๋องต้องตายไปด้วยฝีมือการรักษาของพระชายาหลีอ๋องจริง เช่นนี้ในจวนอ๋องของพวกเขาจะต้อ
ครั้งนี้ จวินเย่เสวียนก็เพียงปรายตามองไปที่กู้อวิ๋นซีแล้วพยักหน้าลงให้เท่านั้น "ได้"กู้อวิ๋นซีถอนหายใจอย่างโล่งอกคนอย่างองค์ชายสี่ ถ้าไม่อนุญาตก็คือไม่อนุญาต แต่ถ้าอนุญาตแล้วก็จะเลือกเชื่อใจในตอนนี้ อย่างน้อย เขาก็เชื่อนางกู้อวิ๋นซีให้อันเซี่ยคอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ ไม่ได้กลัวว่าทุกคนจะเห็นการรักษาที่แปลกประหลาดของนางเลยฆ่าเชื้อ ดูดเลือด หมุนเหวี่ยงสุดท้ายนางก็ได้เอาซีรั่มรอบใหม่ที่ได้คัดแยกออกมาแล้วฉีดเข้าไปในเส้นเลือดของจวินฉู่หลีเดิมทีจวินฉู่หลีที่อยู่ในสภาพกึ่งหมดสตินั้น เมื่อถูกฉีกซีรั่มเข้าไป สีหน้าของเขาก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงจากซีดขาว ก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีม่วงๆ แดงๆ กระทั่งว่ามีประกายสีดำคล้ำปรากฎขึ้นมาอีกด้วยราวกับว่า ถูกวางยาพิษอย่างนั้นใจของพระสนมหรง เกร็งเครียดอย่างแรง น้ำตาคลออยู่ที่หางตา แต่ก็ไม่กล้าปล่อยให้มันไหลออกมาท่าทางของจวินฉู่หลีราวกับกำลังเจ็บปวดทรมานอย่างมาก เขาขมวดคิ้วมุ่น ร่างกายสั่นไหวน้อยๆน้ำตาของพระสนมหรงไหลรินออกมา นางกำแขนเสื้อของตัวเองเอาไว้แน่น อยากจะเข้าไปพูดปลอบใจสักหนึ่งประโยค แต่ทุกครั้งที่ขยับตัว ก็จะถูกจวินเย่เสวียนกดให้นั่งล
พระสนมหรงหน้ามืด ตึง นางล้มร่วงลงไปบนพื้นจวินเย่เสวียนกลับลืมที่จะเข้าไปช่วยประคองเป็นอันเซี่ยที่รีบเข้าไปช่วยประคองตัวของพระสนมหรงที่กำลังจะเป็นลมให้ลุกขึ้นมาหลานโจวเองก็ไม่อยากจะเชื่อ พยายามจับชีพจรให้กับจวินฉู่หลีอีกครั้ง แต่เขากลับหาสัญญาณชีพไม่เจอเลยมีเพียงกู้อวิ๋นซี ที่ยังคงฝังเข็มให้จวินฉู่หลีต่อไปเมื่อเห็นว่า เข็มเงินเล่มสุดท้ายถูกนางดึงออกจากหน้าอกของจวินฉู่หลีเรียบร้อยแต่ยังไม่ทันที่จะลุกขึ้นยืน ก็ถูกจวินเย่เสวียนดึงตัวขึ้นมาเสียก่อนเขาแค่เพียงจ้องมองนาง ไม่พูดอะไร พูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว!ส่วนกู้อวิ๋นซีก็รู้สึกหน้ามืดจนเกือบจะเป็นลมไป ในระหว่างที่เขากำลังกระชากตัวนางอยู่เวลา คล้ายกับว่าจะหยุดหมุนไม่มีใครกล้าพูดอะไรคนเป็นลมก็เป็นลม คนอึ้งก็อึ้ง คนตกใจก็ตกใจ ทั้งห้องเงียบจนได้ยินเสียงแม้กระทั่งเข็มที่ตก ได้ยินทุกการกระทำดังนั้น..."แค่ก..."เสียงไอเบาๆ เรียกสติของทุกคนให้กลับคืนมาหลานโจวตกใจจนรีบวิ่งเข้าไปดูอาการทันที คว้าข้อมือของจวินฉู่หลีไว้ทันที"ท่านอ๋อง...ท่านอ๋อง! หลีอ๋องฟื้นขึ้นมาแล้ว! เขาฟื้นขึ้นมาแล้ว!"จวินเย่เสวียนยังคงไม่พูดอะไร สภา
ตอนที่ฉินโหรวเดินเข้ามา ทั้งฝีเท้ากับจิตใจต่างก็หนักอึ้งมากเหมือนกันแต่เมื่อเดินเข้าประตูไปแล้วฝีเท้าก็เปลี่ยนเป็นเบาสบาย ราวกับว่าอารมณ์ดีมากอย่างนั้นแหละ"เย่เสวียน ข้าได้ยินว่าหลีอ๋องฟื้นแล้ว เขาหายแล้วจริงๆ เหรอ?"แต่เมื่อนางเงยหน้าขึ้นมาเพื่อสบกับสายตาเย็นชาของเขา รอยยิ้มที่มุมปากก็ค่อยๆ แข็งขืนไปนางเห็นว่าบนเตียงด้านหลังของจวินเย่เสวียนมีหญิงสาวคนหนึ่งนอนหลับอยู่รอยยิ้มของฉินโหรวเปลี่ยนเป็นแข็งขืนอย่างมาก "เย่...เสวียน เหตุใดนาง...ถึงอยู่ที่นี่?"จวินเย่เสวียนไม่ได้พูดอะไรฉินโหรวเกิดความคิดขึ้นมามากมาย รีบพูดออกไปว่า "เย่เสวียน ไหนพวกเราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอ? ระยะนี้ อย่าเพิ่งทำให้พระสนมหรงเสียใจ ใช่ไหม?"ความจริงหลังจากที่แม่เฒ่าชิงตายไป การมาถึงของฉินโหรว ก็เป็นเหตุบังเอิญเดิมทีนางก็แค่คิดจะมาหาจวินเย่เสวียน คิดไม่ถึงว่าจะได้พบเจอกับพระสนมหรงที่กำลังจิตใจแตกสลายอยู่ที่เรือนด้านหลังจากนั้นเป็นต้นมา ฉินโหรวก็คอยอยู่ข้างกายของพระสนมหรงเสมอ คอยปลอบนาง ดูแลนางอาจจะเป็นเพราะข้างกายไม่มีแม่เฒ่าชิงแล้ว ในตอนที่พระสนมหรงกำลังเสียใจและเหงาอยู่นั้น ข้างกายก็มีผู้หญิงคนนี
"เย่เสวียน หรือว่า เจ้าไม่สนใจพระสนมหรงเลยแม้สักนิดแล้วเหรอ?"จวินเย่เสวียนก็เพียงแค่สาวเท้าเดินเข้าไปใกล้กับฉินโหรวสองก้าว ก็รู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล ที่กดดันจนเลือดลมในอกของนางไหลเวียนรุนแรงได้ทันทีนางแทบจะหายใจไม่ออกแล้ว!"เย่เสวียน! ข้าก็แค่คิดอยากจะช่วยเจ้าเท่านั้น!""เจ้าลองทายดูสิว่าข้าเชื่อเจ้าหรือไม่?" แววตาของจวินเย่เสวียนยิ่งเย็นเยียบขึ้นทุกที "ข้าจะขอถามเจ้าอีกครั้ง คืนนี้ เจ้าตบนางไปกี่ครั้ง?"ฉินโหรวมองเขาในตอนนี้ก็เกิดความรู้สึกกลัวที่จะถูกประหารขึ้นมาทันที"ในเมื่อเจ้าไม่พูด เช่นนั้น ข้าก็จะถือว่า รอยนิ้วมือทั้งหมดบนหน้าของนาง ล้วนเป็นเจ้าที่เป็นคนฝากเอาไว้แล้วกัน"จวินเย่เสวียนยกมือขึ้นฉินโหรวตกใจจนรีบตะโกนขึ้นมา "หนึ่งรอย! หนึ่งรอย จริงๆ นะ! มีแค่รอยเดียว...อ๊า!"จวินเย่เสวียนโบกมือหนึ่งทีตัวของฉินโหรวก็ลอยออกไปราวกับว่าวที่เชือกขาด หลังจากที่บินออกไปแล้ว ปึง นางก็ตกร่วงลงมาอยู่บนพื้นบนในหน้ายังรู้สึกร้อนผะผ่าวอย่างเจ็บปวดนางกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง เผลอยกมือขึ้นมาลูบไปที่บนหน้าของตัวเองหนึ่งทีอุ่นๆ เหนียวๆ...เมื่อก้มหน้าลงไปมอง ที่ด้านหลังมือล้วนเต
นี่ถึงจะเป็นเสวียนอ๋องตัวจริงสินะนิสัยไม่ดีราวกับออกมาจากในนรก เพียงแค่ปาดตามองมาทีหนึ่ง ก็สามารถทำให้รู้สึกหนาวเย็นราวกับอยู่ในห้องเก็บน้ำเข็ง!ตอนที่เขาเดินเข้ามา กู้อวิ๋นซีก็เผลอตัวขยับเข้าไปด้านในของฝั่งเตียงเพียงแค่สายตาเดียวก็ทำให้จวินเย่เสวียนชะงักฝีเท้าไปได้แล้ว สายตาเย็นชาจับจ้องไปที่ใบหน้าของนางตอนที่ไม่มีใครพูดอะไร อุณหภูมิในห้องก็ต่ำลงซะจนน่ากลัวกู้อวิ๋นซีเผลอกำผ้าห่มบนร่างของตัวเองไว้อย่างไม่รู้ตัวหนาวหนาวจนทำให้ร่างกายที่อ่อนแอต้องสั่นระริกโดยสัญชาตญาณใช้มือช่วยยันให้ตัวเองลุกขึ้นนั่ง ตอนนี้รู้สึกว่ามือที่ใช้ค้ำอยู่ค่อนข้างเมื่อย สะบัดน้อยๆ ก็รู้สึกปวดเมื่อยทันทีนางไม่อาจยันตัวเองไหว ร่างกายจึงได้ร่อยๆ ไหลร่วงลงไปไอเย็นพัดเข้ามา เงาร่างสูงใหญ่นั้นพริบตาเดียวก็มาถึงที่ข้างเตียง ช่วยประคองตัวนางขึ้นแต่กู้อวิ๋นซีกลับตกใจจนใช้ฝ่ามือผลักมือของเขาออกถึงแม้จะไม่มีแรงเลยแม้แต่น้อย แต่กลับทำให้เขารู้สึกหนาวเย็นไปทั้งหัวใจ"กลัวข้าเหรอ?" ความอบอุ่นเพียงเล็กน้อยที่เหลืออยู่ในแววตาของจวินเย่เสวียน หายไปอย่างรวดเร็วกู้อวิ๋นซีตะลึงไป ผลักเขาออกไปเบาๆ อีกครั้ง
ทุกคน ต่างก็ได้รับการช่วยเหลือกันหมดทุกคน ต่างก็เหมือนได้มีชีวิตใหม่มีเพียงเขา!มีเพียงเขาคนเดียวที่ยังต้องดิ้นรนอยู่ในหุบเหวลึกเช่นเดิม ยังคงต้องทรมานอยู่ในนรกเช่นเดิม!ไม่มีใครสนใจ!บ้านหลังนี้ ไม่มีใครสนใจเขาเลยสักคน!กู้อวิ๋นซีถูกจวินเย่เสวียนกดลงไป ในตอนที่กำลังพยายามดิ้นรนพาตัวเองให้ลุกขึ้นมานั้น ก็ถูกเขาจับให้พลิกตัวไปอีกด้านทำให้ตอนนี้นางนอนราบอยู่ใต้ร่างของเขาด้วยท่าทางที่น่าอับอายเป็นที่สุด"องค์ชายสี่! ขอร้องล่ะ อย่าทำแบบนี้เลย!" ตอนนี้นางไม่มีเรี่ยวแรงที่จะขัดขืนแล้วเพื่อสกัดให้ได้ซีรั่มที่ดีที่สุด นางฉีดพิษเข้าร่างมากมาย ทำให้ตอนนี้ร่างกายอ่อนแอเป็นที่สุดอย่าว่าแต่ขัดขืนเลย ขนาดแค่จะยกมือขึ้นมา ก็ยังยาก"องค์ชายสี่ บ้านหลังนี้จะต้องดีขึ้นได้แน่ องค์ชายสี่ ขอร้อง..."น้ำเสียงของกู้อวิ๋นซีเจือไว้ด้วยความแหบแห้งอย่างไร้ทางต่อสู้ฝ่ามือใหญ่ของชายหนุ่มกดอยู่ที่ตรงด้านหลังของนาง ทำให้สามารถรับรู้ถึงความอ่อนแอของนางได้โดยง่ายตอนนี้เด็กคนนี้ อ่อนแอถึงขนาดว่าไม่มีแรงแม้จะกรีดร้องออกมาเลยร่างกายบอบบางยังคงสั่นไหวบ้านหลังนี้จะสามารถดีขึ้นได้จริงๆ เหรอ?เขาไม่