ตอนที่ฉินโหรวเดินเข้ามา ทั้งฝีเท้ากับจิตใจต่างก็หนักอึ้งมากเหมือนกันแต่เมื่อเดินเข้าประตูไปแล้วฝีเท้าก็เปลี่ยนเป็นเบาสบาย ราวกับว่าอารมณ์ดีมากอย่างนั้นแหละ"เย่เสวียน ข้าได้ยินว่าหลีอ๋องฟื้นแล้ว เขาหายแล้วจริงๆ เหรอ?"แต่เมื่อนางเงยหน้าขึ้นมาเพื่อสบกับสายตาเย็นชาของเขา รอยยิ้มที่มุมปากก็ค่อยๆ แข็งขืนไปนางเห็นว่าบนเตียงด้านหลังของจวินเย่เสวียนมีหญิงสาวคนหนึ่งนอนหลับอยู่รอยยิ้มของฉินโหรวเปลี่ยนเป็นแข็งขืนอย่างมาก "เย่...เสวียน เหตุใดนาง...ถึงอยู่ที่นี่?"จวินเย่เสวียนไม่ได้พูดอะไรฉินโหรวเกิดความคิดขึ้นมามากมาย รีบพูดออกไปว่า "เย่เสวียน ไหนพวกเราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอ? ระยะนี้ อย่าเพิ่งทำให้พระสนมหรงเสียใจ ใช่ไหม?"ความจริงหลังจากที่แม่เฒ่าชิงตายไป การมาถึงของฉินโหรว ก็เป็นเหตุบังเอิญเดิมทีนางก็แค่คิดจะมาหาจวินเย่เสวียน คิดไม่ถึงว่าจะได้พบเจอกับพระสนมหรงที่กำลังจิตใจแตกสลายอยู่ที่เรือนด้านหลังจากนั้นเป็นต้นมา ฉินโหรวก็คอยอยู่ข้างกายของพระสนมหรงเสมอ คอยปลอบนาง ดูแลนางอาจจะเป็นเพราะข้างกายไม่มีแม่เฒ่าชิงแล้ว ในตอนที่พระสนมหรงกำลังเสียใจและเหงาอยู่นั้น ข้างกายก็มีผู้หญิงคนนี
"เย่เสวียน หรือว่า เจ้าไม่สนใจพระสนมหรงเลยแม้สักนิดแล้วเหรอ?"จวินเย่เสวียนก็เพียงแค่สาวเท้าเดินเข้าไปใกล้กับฉินโหรวสองก้าว ก็รู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล ที่กดดันจนเลือดลมในอกของนางไหลเวียนรุนแรงได้ทันทีนางแทบจะหายใจไม่ออกแล้ว!"เย่เสวียน! ข้าก็แค่คิดอยากจะช่วยเจ้าเท่านั้น!""เจ้าลองทายดูสิว่าข้าเชื่อเจ้าหรือไม่?" แววตาของจวินเย่เสวียนยิ่งเย็นเยียบขึ้นทุกที "ข้าจะขอถามเจ้าอีกครั้ง คืนนี้ เจ้าตบนางไปกี่ครั้ง?"ฉินโหรวมองเขาในตอนนี้ก็เกิดความรู้สึกกลัวที่จะถูกประหารขึ้นมาทันที"ในเมื่อเจ้าไม่พูด เช่นนั้น ข้าก็จะถือว่า รอยนิ้วมือทั้งหมดบนหน้าของนาง ล้วนเป็นเจ้าที่เป็นคนฝากเอาไว้แล้วกัน"จวินเย่เสวียนยกมือขึ้นฉินโหรวตกใจจนรีบตะโกนขึ้นมา "หนึ่งรอย! หนึ่งรอย จริงๆ นะ! มีแค่รอยเดียว...อ๊า!"จวินเย่เสวียนโบกมือหนึ่งทีตัวของฉินโหรวก็ลอยออกไปราวกับว่าวที่เชือกขาด หลังจากที่บินออกไปแล้ว ปึง นางก็ตกร่วงลงมาอยู่บนพื้นบนในหน้ายังรู้สึกร้อนผะผ่าวอย่างเจ็บปวดนางกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง เผลอยกมือขึ้นมาลูบไปที่บนหน้าของตัวเองหนึ่งทีอุ่นๆ เหนียวๆ...เมื่อก้มหน้าลงไปมอง ที่ด้านหลังมือล้วนเต
นี่ถึงจะเป็นเสวียนอ๋องตัวจริงสินะนิสัยไม่ดีราวกับออกมาจากในนรก เพียงแค่ปาดตามองมาทีหนึ่ง ก็สามารถทำให้รู้สึกหนาวเย็นราวกับอยู่ในห้องเก็บน้ำเข็ง!ตอนที่เขาเดินเข้ามา กู้อวิ๋นซีก็เผลอตัวขยับเข้าไปด้านในของฝั่งเตียงเพียงแค่สายตาเดียวก็ทำให้จวินเย่เสวียนชะงักฝีเท้าไปได้แล้ว สายตาเย็นชาจับจ้องไปที่ใบหน้าของนางตอนที่ไม่มีใครพูดอะไร อุณหภูมิในห้องก็ต่ำลงซะจนน่ากลัวกู้อวิ๋นซีเผลอกำผ้าห่มบนร่างของตัวเองไว้อย่างไม่รู้ตัวหนาวหนาวจนทำให้ร่างกายที่อ่อนแอต้องสั่นระริกโดยสัญชาตญาณใช้มือช่วยยันให้ตัวเองลุกขึ้นนั่ง ตอนนี้รู้สึกว่ามือที่ใช้ค้ำอยู่ค่อนข้างเมื่อย สะบัดน้อยๆ ก็รู้สึกปวดเมื่อยทันทีนางไม่อาจยันตัวเองไหว ร่างกายจึงได้ร่อยๆ ไหลร่วงลงไปไอเย็นพัดเข้ามา เงาร่างสูงใหญ่นั้นพริบตาเดียวก็มาถึงที่ข้างเตียง ช่วยประคองตัวนางขึ้นแต่กู้อวิ๋นซีกลับตกใจจนใช้ฝ่ามือผลักมือของเขาออกถึงแม้จะไม่มีแรงเลยแม้แต่น้อย แต่กลับทำให้เขารู้สึกหนาวเย็นไปทั้งหัวใจ"กลัวข้าเหรอ?" ความอบอุ่นเพียงเล็กน้อยที่เหลืออยู่ในแววตาของจวินเย่เสวียน หายไปอย่างรวดเร็วกู้อวิ๋นซีตะลึงไป ผลักเขาออกไปเบาๆ อีกครั้ง
ทุกคน ต่างก็ได้รับการช่วยเหลือกันหมดทุกคน ต่างก็เหมือนได้มีชีวิตใหม่มีเพียงเขา!มีเพียงเขาคนเดียวที่ยังต้องดิ้นรนอยู่ในหุบเหวลึกเช่นเดิม ยังคงต้องทรมานอยู่ในนรกเช่นเดิม!ไม่มีใครสนใจ!บ้านหลังนี้ ไม่มีใครสนใจเขาเลยสักคน!กู้อวิ๋นซีถูกจวินเย่เสวียนกดลงไป ในตอนที่กำลังพยายามดิ้นรนพาตัวเองให้ลุกขึ้นมานั้น ก็ถูกเขาจับให้พลิกตัวไปอีกด้านทำให้ตอนนี้นางนอนราบอยู่ใต้ร่างของเขาด้วยท่าทางที่น่าอับอายเป็นที่สุด"องค์ชายสี่! ขอร้องล่ะ อย่าทำแบบนี้เลย!" ตอนนี้นางไม่มีเรี่ยวแรงที่จะขัดขืนแล้วเพื่อสกัดให้ได้ซีรั่มที่ดีที่สุด นางฉีดพิษเข้าร่างมากมาย ทำให้ตอนนี้ร่างกายอ่อนแอเป็นที่สุดอย่าว่าแต่ขัดขืนเลย ขนาดแค่จะยกมือขึ้นมา ก็ยังยาก"องค์ชายสี่ บ้านหลังนี้จะต้องดีขึ้นได้แน่ องค์ชายสี่ ขอร้อง..."น้ำเสียงของกู้อวิ๋นซีเจือไว้ด้วยความแหบแห้งอย่างไร้ทางต่อสู้ฝ่ามือใหญ่ของชายหนุ่มกดอยู่ที่ตรงด้านหลังของนาง ทำให้สามารถรับรู้ถึงความอ่อนแอของนางได้โดยง่ายตอนนี้เด็กคนนี้ อ่อนแอถึงขนาดว่าไม่มีแรงแม้จะกรีดร้องออกมาเลยร่างกายบอบบางยังคงสั่นไหวบ้านหลังนี้จะสามารถดีขึ้นได้จริงๆ เหรอ?เขาไม่
พักผ่อนไปแล้วสองวัน แต่ร่างกายของกู้อวิ๋นซีก็ยังไม่ดีขึ้นตอนที่วิ่งออกไป ฝีเท้าพันกันจนเกือบจะล้มลงไปจวินฉู่หลีมองเห็นแล้วก็รู้สึกหวาดหวั่นในใจสลัดผ้าห่มออกทันที คิดจะวิ่งตามออกไปพระสนมหรงรีบกดตัวเขาให้นอนลง "ซีเออร์บอกแล้วว่าให้เจ้าพักผ่อน เพิ่งจะผ่านไปไม่นานเจ้าก็ไม่เชื่อฟังคำพูดของนางแล้วเหรอ?"จวินฉู่หลีไม่กล้าไม่เชื่อฟังการที่ตัวเขาอาการดีขึ้นในตอนนี้ด้วยเป็นเพราะซีเออร์เอาชีวิตแลกมาทั้งนั้นหากว่าไม่เห็นค่า ก็เท่ากับว่าเป็นการเหยียบย่ำความพยายามของนาง"แต่ว่า..." ดูท่าทางของนางแล้วเหมือนจะไม่สบายอย่างหนักพระสนมหรงรีบพูดขึ้นว่า "ข้าจะไปดูเอง เจ้าไม่ต้องกังวล"หลังจากที่ปลอบใจจวินฉู่หลีเรียบร้อย พระสนมหรงก็ลุกขึ้นทันที แล้วเดินออกไปด้านนอกด้วยการช่วยประคองของสาวรับใช้กู้อวิ๋นซีกำลังยืนอาเจียนอยู่ตรงปลายสุดของทางเดินยาวอันเซี่ยกำลังตบหลังให้นางอยู่ ด้วยสีหน้าร้อนใจเมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของนาง พระสนมหรงก็กระตุกเกร็งไปทั้งหัวใจ รู้สึกหวิวๆ ข้างในพระสนมหรงรีบเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปหา "ซีเออร์ เจ้า...เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?""ข้า...ไม่เป็นไร" กว่ากู้อวิ๋นซีจะรู้สึกดีข
"เจ้าว่า...อะไรนะ?" กู้อวิ๋นซีรู้สึกสั่นไหวในใจอย่างรุนแรงระดูของนาง...ไม่มาสองเดือนแล้วอย่างนั้นเหรอ?ระยะนี้ ความสนใจทั้งหมดของกู้อวิ๋นซี ล้วนอยู่กับเรื่องการถอนพิษให้กับจวินฉู่หลี ไม่ได้มีเวลามาสนใจตัวเองเลยสองเดือน...นั่นไม่ใช่ ตั้งแต่ครั้งแรกในคืนเข้าหอ หลังจากที่มีอะไรกับจวินเย่เสวียน ระดูของนางก็ไม่มาแล้วเหรอ?อันเซี่ยคอยติดตามรับใช้ใกล้ชิดกู้อวิ๋นซีตลอดมา เรื่องของคุณหนูนางรู้ดียิ่งกว่าใครอันเซี่ยก็เป็นเพียงเด็กรับใช้คนหนึ่ง ทีแรกนางก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้ และก็ไม่เข้าใจด้วยแต่หมู่นี้คุณหนู อาเจียนบ่อยครั้ง เบื่ออาหาร ที่น่ากลัวกว่านั้นคือ เจ็บจี๊ดที่บริเวณช่องท้องเป็นบางครั้ง"คุณหนู...""อันเซี่ย อย่าพูดเหลวไหล!" กู้อวิ๋นซีถลึงตามองนางอันเซี่ยกัดริมฝีปาก "คุณหนู ข้าไม่ได้พูดเหลวไหล ท่านแบบนี้...ท่าทางแบบนี้ของท่าน..."ท่าทางแบบนี้ เหมือนกับอาการคลื่อนไส้ที่นางเห็นแม่ใหญ่เหมยเป็นตอนสมัยที่นางยังเป็นเด็กไม่มีผิด"คุณหนู ท่านไปหาหมอตรวจอาการสักหน่อยดีไหม?""ตัวข้าเองก็เป็นหมอ""แต่ท่านไม่เคยจับชีพจรให้ตัวเองเลย" อันเซี่ยเกือบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้วคุณหนูเองก็ไม่
หมู่นี้จวินเย่เสวียนอยู่ข้างนอกตลอดคืนนี้ ในที่สุดก็ได้กลับจวนอ๋องกู้อวิ๋นซีเดินเข้าไปที่เรือนข้าง ฉับพลันก็ได้กลิ่นยาลอยมาอดที่จะมองไปบนร่างกายของจวินเย่เสวียนไม่ได้เขาได้รับบาดเจ็บแต่นางก็แค่มองผาดเดียวเท่านั้น ไม่ได้สนใจอีกพระสนมหรงทนได้ไม่ที่จะเห็นนางกับจวินเย่เสวียนใกล้ชิดกัน ในใจของกู้อวิ๋นซีรู้ดียิ่งกว่าใครคืนนี้จวินฉู่หลีเองก็อยู่ด้วย หลักจากพักผ่อนมาหลายวัน ดูเขาจะสดชื่นขึ้นไม่น้อยเลยเมื่อเห็นกู้อวิ๋นซีเดินเข้ามา เขาก็รีบลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปรับด้วยตัวเองทันที "ซีเออร์ มานั่งสิ รอเจ้าอยู่คนเดียวแล้ว"กู้อวิ๋นซีเดินเข้ามาถึงข้างโต๊ะพร้อมกับเขา หันไปทำความเคารพพระสนมหรงกับจวินเย่เสวียน "เสด็จแม่ ท่านพี่สี่""นั่งสิ" พระสนมหรงมองไปที่นาง แล้วก็หันไปมองจวินเย่เสวียนทีหนึ่งเมื่อไม่เห็นความผิดปกติใดๆ ในสายตาของลูกชายคนโต พระสนมหรงก็พูดว่า "ซีเออร์ มานี่ มานั่งข้างข้า""เพคะ" กู้อวิ๋นซีเดินไปนั่งลงข้างกายนางจวินฉู่หลีเองก็นั่งลงเช่นกันคนในครอบครัวดูเหมือนเพิ่งจะได้นั่งกินข้าวด้วยกันเป็นครั้งแรกเรื่องในอดีตที่ผ่านมา ราวกับผ่านมาแสนนานคืนนี้ สีหน้าของพระ
จวินเย่เสวียนวางแก้วลง มองไปที่จวินฉู่หลี "วันนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง?"หลายวันนี้ จวินเย่เสวียนอยู่นอกเมืองตลอดวันนี้กลับมาเห็นสีหน้าของจวินฉู่หลีดีขึ้นไม่น้อยวิชาการแพทย์ของเด็กคนนั้น ดูจะเก่งกาจยิ่งกว่าที่เขาคิดเอาไว้ซะอีกแต่กลับไม่รู้เลยว่าอาจารย์นางคือใคร แล้วไปเรียนมาจากที่ไหน"ร่างกายเบาขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ราวกับว่าได้เกิดใหม่ "คำพูดของจวินฉู่หลีไม่ได้เกินไปเลย""เขาพูดยิ้มๆ "เมื่อครู่ตอนที่กินหมูผัดน้ำแดง ก็ได้รสหวานหอมด้วย"จวินเย่เสวียนเกร็งปลายนิ้วเล็กน้อย มองเขาเรื่องที่เป็นเรื่องเล็กๆ สำหรับคนอื่น อย่างรสหวาน สำหรับจวินฉู่หลีถือเป็นเรื่องยากที่ไม่ปกติ!สิบกว่าปีมาแล้ว เขา นานเท่าไรแล้วที่ไม่ได้สัมผัสถึงรสชาติหวาน?"ไม่ขมแล้วเหรอ?" ถึงจวินเย่เสวียนจะยังมองหน้าเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ในดวงตากลับมีร่องรอยของความตื่นเต้นอยู่ไม่น้อยจวินฉู่หลียิ้มให้บางๆ "ก็ยังขมอยู่นิดหน่อย แต่ว่ารับรสหวานได้ชัดเจน ซีเออร์บอกว่า วันหลังรอให้ข้าดีขึ้นกว่านี้จะปรับรายการอาหารให้ข้าได้ฟื้นฟูการรับรส"ประสาทสัมผัสการรับรสของเขาไม่ปกติมานานมาแล้ว แล้วเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรแต่คิดไม่ถึงเลย
"ท่านอ๋อง ข้าต้องการยาเล็กน้อย อีกทั้งเหล้ากาหนึ่ง" กู้หรูชิวกล่าวจวินเย่เสวียนโบกมือหนึ่งที ความจริงเยียนเป่ยไม่ยินยอม แต่สุดท้ายเขาก็ไปเตรียมของมาให้กู้หรูชิวอย่างรวดเร็วกู้หรูชิวเดินไปอยู่ตรงหน้าของหลานโจว พูดอย่างอ่อนโยนว่า "คุณชายท่านนี้ ขออภัยด้วย"ที่ขมับของหลานโจวมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นมาเยี่ยนอีกำมือแน่น แต่ก็ได้แต่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่ได้พูดอะไรเยียนเป่ยร้อนใจ "ท่านอ๋อง หลานโจวติดตามข้างกายท่านมาสิบกว่า สิบกว่าปี เขา..."จวินเย่เสวียนไม่ได้พูดอะไร ได้แต่มองด้วยสายตาเย็นชากู้หรูชิวบดยาหลายชนิดให้กลายเป็นผงแล้วใส่ลงไปในเหล้าหลานโจวรู้ว่านั่นเป็นยาที่ทำให้เขาขาดสติ โดยส่วนมากไว้ใช้สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ เพื่อลดความเจ็บปวดของร่างกายเขาไม่รู้เลยว่ายาพวกนี้เมื่อเอามาผสมกับเหล้าแรงจะสามารถดึงวิญญาณของคนๆ หนึ่งได้แต่เมื่อทั้งสองชนิดผสมเข้าด้วยกัน ก็สามารถทำให้คนๆ หนึ่งมีสติเลือนลาน ช้าเชือนได้จริงๆ!เมื่อเห็นว่ากู้หรูชิวผสมยากับเหล้าเข้ากันดีแล้ว เดินถือมาอยู่ตรงหน้าของตัวเอง หลานโจวก็ได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดอย่างสงบว่า "ท่านอ๋อง เป็นกระหม่อมที่เอายาพิษรุนแรง
ไม่รอให้หลานโจวได้เอ่ยปาก หมอคนนั้นก็พูดขึ้นว่า "จะไม่มีปัญหาได้อย่างไร? ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นดื่มยาพิษอะไรเข้าไป ซึ่งเป็นการทำร้ายเด็กในท้องตั้งนานแล้ว"เมื่อหมอคิดไปถึงสีหน้าของผู้หญิงคนนั้นในตอนนั้น ก็อดที่จะสงสารไม่ได้"ผู้หญิงคนนั้นจะต้องรักลูกในท้องของนางมากแน่ ข้าน้อยแนะนำให้นางรีบตัดสินใจ อะ เอาเด็กออก..."เมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาของเสวียนอ๋อง ที่จู่ๆ ก็เย็นเยียบขึ้นมา หมอคนนั้นก็หวาดกลัวจนตัวสั่น ฉับพลันไม่รู้ว่าควรจะพูดต่อไปหรือไม่แต่ก็เป็นจวินเย่เสวียนที่พูดออกมาประโยคหนึ่งอย่างเย็นชา "พูดต่อ!"หมอคนนั้นถึงได้พูดต่อไปอย่างกลัวๆ กล้าๆ "ข้าน้อยคิดเพื่อร่างกายของผู้หญิงคนนั้นเองถึงได้แนะนำให้ดื่มยาขับเลือด แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ยินยอม ข้าน้อยรู้ว่านางยังแอบมีความหวังอยู่"สายตาของจวินเย่เสวียนมองไปยังร่างของหลานโจวหลานโจวรู้สึกสิ้นหวังมากเขารู้อยู่แล้วว่าสักวัน วันนี้ก็จะต้องมาถึงแต่แค่คิดไม่ถึงว่ามันจะมาเร็วขนาดนี้"มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?" ในที่สุดเยียนเป่ยก็ทนไม่ไหวเขาเชื่อใจหลานโจวขนาดนั้น แต่ทำไมตอนนี้ หลานโจว...ดูเหมือนว่าหลานโจวกำลังปกปิดอะไรไว้อยู่จริงๆ
"เสวียนเออร์ เจ้า...เจ้าพูดเรื่องเหลวไหลอะไร? ข้าจะไปทำอะไรนางได้? นางอยู่ในการคุ้มครองของเจ้าตลอดเวลานะ!"พระสนมหรงรู้สึกละอายใจ แต่ก็พยายามรักษาจิตใจให้สงบนิ่งนางปล่อยมือที่จับชายเสื้อของจวินเย่เสวียนเอาไว้ แล้วก้าวถอยหลังไปสองก้าวเริ่มรู้สึกหวาดกลัวลูกชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ขึ้นมาอย่างประหลาด"เสวียนเออร์ เจ้าลืมความเจ็บปวดของเจ้าได้เร็วขนาดนี้เชียวเหรอ? นางเป็นคนฆ่า...ของเจ้าเองกับมือเพื่อช่วยหลีเออร์นะ...""ลูก" คำนี้พระสนมหรงไม่กล้าที่จะพูดมันออกไปรอบข้างมีทั้งขันทีและนางกำนัลมากมายแต่นางรู้ดีว่าลูกชายของนางเข้าใจจริงดังนั้น ประโยคนี้ทำให้จวินเย่เสวียนกำหมัดแน่นทีเดียวเขาไม่อาจทำใจยอมรับเรื่องนี้ได้!โชคดีที่หลังจากกลับมา นางได้พบกับมู่อันหนิงแล้ว และได้คุยกับเรื่องคำที่จะพูดแล้วมู่อันหนิงช่างรู้งานจริงๆ!หากว่าไม่มีมู่อันหนิง พระสนมหรงเองคนเดียวคงไม่อาจจัดการเรื่องให้ดีได้เช่นนี้"เสวียนเออร์ แม่ก็แค่สงสารเจ้า หรือว่าเจ้าไม่คิดแค้นนาง...""นางช่วยลูกชายสุดที่รักของท่านไว้ แต่ท่านกลับ แค้นนาง?"จวินเย่เสวียนหรี่ตาลง ฉับพลันก็เดินขึ้นไปข้างหน้าพระสนมหรงตกใจจ
"เจ้า..."พระสนมหรงคิดไม่ถึงเลยว่ากู้อวิ๋นซีจะกล้ายอมรับออกมาจริงๆ!นางทำไปเพื่อแก้แค้นนางจริงๆ!แถมนางยังคิดจะให้ลูกชายทั้งสองคนของนางกลายเป็นศัตรู ฆ่ากันเอง!พระสนมหรงโมโหจนตัวสั่น แต่กู้อวิ๋นซีกลับใช้ดวงตาคู่โตชุ่มชื้นนั้นมองมาที่นางด้วยสายตาที่ไร้เดียงสาอย่างเดิมรอยยิ้มที่มุมปากเหมือนจะอ่อนโยน แต่คำพูดที่ออกมากลับเย็นชาสุดขีด"เสด็จแม่ ข้าเกือบจะถูกท่านฆ่าตายแล้ว หากว่าข้าไม่ทำให้ลูกชายทั้งสองของท่านตายไปบ้าง ข้าจะทำใจเรื่องความแค้นนี้ได้อย่างไร?""นังแพศยา เจ้ากล้า!"พระสนมหรงโมโหจนเสียสติ ยกมือขึ้นมาอย่างเร็ว และกำลังจะตบลงไปบนหน้าของกู้อวิ๋นซีอย่างแรงที่น่าแปลกก็คือ การต้องเผชิญกับฝ่ามือของตัวเอง กู้อวิ๋นซีไม่เพียงไม่คิดหลบ แต่ยังกลับยิ้มออกมาอย่างสะใจพระสนมหรงตกใจ จู่ๆ ก็เข้าใจได้ทันทีว่าตัวเองโดนหลอกแล้ว!แต่แรงตบที่นางอ้างออกไปมันไม่สามารถเก็บกลับได้ทันแล้ว ฝ่ามือนี้ในที่สุดก็จบลงไปบนหน้าของกู้อวิ๋นซีอย่างแรงเพราะว่าแรงมาก กู้อวิ๋นซีถึงได้ล้มลงไปนั่งกองอยู่บนพื้นทันทีตาลายไปหมด ลุกขึ้นมาไม่ได้เลย"ซีเออร์!" เงาของสองร่างปรากฎออกมาในทันทีตอนที่จวินฉู่หลีช่
ความจริงแล้วพระสนมหรงไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากที่กลับมาจะยังเจอหน้าผู้หญิงคนนี้อีกตอนนั้นที่นางจากมา กู้อวิ๋นซีนอนคว่ำหน้าอยู่ข้างเตียง ปากก็กระอักเลือดสีดำ ลมหายใจรวยรินถึงแม้นางจะมีความสงสารอยู่บ้าง แต่เมื่อคิดถึงว่าลูกชายของตัวเองทังสองคนจะต้องผิดใจกันเพราะผู้หญิงคนนี้ นางก็ใจแข็งได้อีกครั้งวันนั้นที่ออกคำสั่งไม่ให้มีใครมา จริงๆ แล้วไม่ใช่ความปรารถนาของมู่อันหนิงแค่คนเดียวแต่เป็นความอนุญาตกลายๆ ของพระสนมหรงอีกด้วยเพียงแค่มู่อันหนิงนับว่ายังดีอยู่บ้างที่รับจบเรื่องนี้เอาไว้เอง ไม่ได้ทำให้ลูกชายทั้งสองของนางเกลียดนางด้วยเรื่องนี้ ทำให้ท่าทีที่พระสนมหรงมีต่อมู่อันหนิงก็ยิ่งดีขึ้นอีกเดิมคิดว่าหลังจากสามเดือนผ่านไป ตอนที่กลับมากู้อวิ๋นซีก็คงจะตายไปนานแล้ว และด้วยระยะเวลาที่ยาวนานนี้ ลูกชายทั้งสองของนางก็คงทำใจเรื่องผู้หญิงคนนี้ไปได้แล้วถึงตอนนั้น หลีเออร์ก็จะมีชีวิตใหม่ ส่วนเสวียนเออร์ นางเองก็ชอบมู่อันหนิงถ้าจะให้มู่อันหนิงมาเป็นพระชายาของเสวียนอ๋อง นางก็พอใจอย่างมากสรุปก็คือมันจะต้องเป็นการจบเรื่องที่สมบูรณ์แบบแต่นางคิดไม่ถึงเลยว่ากู้อวิ๋นซีไม่เพียงไม่ตาย แต่ยังกล้าท
สองวันต่อจากนั้น กู้อวิ๋นซีก็พักอยู่ที่ตำหนักของไทเฮาตลอดสองวันนี้จวินฉู่หลียุ่งมากด้านหนึ่งก็ยุ่งเรื่องการก่อสร้างจวนหลีอ๋อง อีกด้านหนึ่งก็ยุ่งเรื่องการย้ายไปประจำการที่เมืองฝานกู้อวิ๋นซีได้พักผ่อนอยู่สองวัน พอถึงเช้าตรู่วันที่สาม ในที่สุดก็ได้รับข่าวดี"คนในจวนแม่ทัพออกนอกเมืองไปแล้วเหรอ?"ข่าวนี้ทำให้นางอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูกไปทั้งวัน"เจ้ากังวลว่าเสวียนอ๋องจะมาขัดขวางเหรอ?" ขนาดมู่เฟยหย่ายังดูออกเลยว่านางเบาใจไปมากกู้อวิ๋นซีไม่ได้ตอบคำถามนี้ความคิดของจวินเย่เสวียน ใครจะเดาออกกัน?สามวันก่อนหน้านี้เขาถูกนางทำให้โกรธจนกลับออกไป เสวียนอ๋องเป็นคนอารมณ์แปรปรวณ อีกทั้งยังรู้ว่านางตั้งใจจะให้คนในจวนแม่ทัพออกห่างจากความวุ่นวายนี้ดังนั้นการที่เขาจะขวางก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร"เรื่องนี้ข้าได้ปรึกษากับอาหลีแล้ว อาหลีเองก็เคยคิดวิธีรับมือ หากว่าเสวียนอ๋องตั้งใจจะขวาง อาหลีก็จะทำตามที่ข้าบอก"การที่จวินเย่เสวียนเก็บตัวเงียบแบบนี้ เป็นเรื่องที่เหนือการคาดหมายไปเหมือนกัน"วันนี้เจ้าช่วยข้าออกไปตามหาคุณชายมู่อีกครั้งเถอะ" จู่ๆ กู้อวิ๋นซีก็พูดขึ้นมา"หามาตั้งหลายวันแล้วยังไม่ได้ข
"อื้อ!"หมอนใบหนึ่งกระเด็นมาโดนที่หัวของมู่เฟยหย่าพอดิบพอดีมู่เฟยหย่าจึงทำได้เพียงแค่ต้องเงียบปากไปเท่านั้นแต่ในหัวสมองของนางยังคงมีภาพแผ่นหลังที่โดดเดี่ยวอ้างว้าง ราวกับถูกคนทั้งโลกละทิ้งของจวินเย่เสวียนตอนเดินจากไปวนเวียนอยู่ไม่หายนางรู้สึกปวดใจจริงๆ นะ!ก็ไม่รู้ว่าทำไมกู้อวิ๋นซีถึงใจร้ายได้แบบนี้กู้อวิ๋นซีในตอนนี้ นิ่งสงบราวกับผิวน้ำที่ไร้คลื่นความเจ็บปวดของเขา มันเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดของนางแม้เพียงสักหนึ่งส่วน มีอะไรให้น่าสงสารกัน?อีกอย่าง ต่อไปเสวียนอ๋องก็มีโอกาสอีกกว้างไกลในอนาคตแต่ตัวนางกับคนในจวนแม่ทัพกลับต้องตกอยู่ในสภาพที่ลำบากแค่สถานการณ์ของตัวนางเองในตอนนี้ก็ไม่มีสิทธิที่จะไปสงสารคนอื่นแล้ว"เอาล่ะ ข้าไม่พูดแล้ว แต่ว่า เจ้าไม่ใช่ต้องการจะแก้แค้นเหรอ? เหตุใดเจ้าถึงไม่ใช้เสวียนอ๋องกับหลีอ๋องมาต่อกรกับพระสนมหรงโดยตรงล่ะ?"ตอนนี้เป็นไง ทำให้เสวียนอ๋องโกรธจนจากไปแล้ว ต่อไปไม่ใช่ว่าจะมีศัตรูที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอีกคนอย่างนั้นเหรอ?กู้อวิ๋นซีได้แต่มองนางอย่างนิ่งสงบ "แล้วถ้าหากว่าเป็นเจ้า เจ้าจะทำอย่างไร?"มู่เฟยหย่าคิดสักพัก ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้นางแล้วพู
"ข้าชอบอาหลีหรือไม่ ข้าไม่รู้ แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ข้ารู้ได้ชัดเจน"กู้อวิ๋นซีเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา อย่างน้อย ครั้งนี้ก็เต็มไปด้วยความจริงใจ"จวินเย่เสวียน ข้าไม่รักท่านแล้ว""เจ้าคิดว่าข้าจะสนหรือยังไง?" น้ำเสียงของจวินเย่เสวียนที่พูดออกมาแทบจะแค้นมันออกมาจากซอกฟันอยู่แล้วถ้าเป็นในเวลาปกติ กู้อวิ๋นซีจะต้องกลัวแน่แต่ตอนนี้ ไม่รู้ทำไม จู่ๆ นางก็รู้สึกไม่กลัวแล้วจริงๆ"ทางที่ดีท่านอ๋องพูดแล้วก็ทำให้ได้ด้วย ไม่สน ต่อไปก็อย่ามารบกวนชีวิตของพวกเราสองสามีภรรยา"ใบหน้าเขาเรียบเฉย ดูแล้วจิตใจสงบนิ่งราวผิวน้ำแต่มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าคำพูดของกู้อวิ๋นซี เป็นเหมือนมีดเล่มหนึ่งที่ปักเข้าไปในหัวใจเขาอย่างจังลึกและแรงมาก!ประกายแสงเพียงน้อยนิดในดวงตาของเขา หายไปหมดแล้ว"กู้อวิ๋นซี เจ้าอย่าเสียใจทีหลังล่ะ!"...ในที่สุดเขาก็ไปแล้วกู้อวิ๋นซีนั่งลงไปบนพื้นอย่างอ่อนแรง หมดอาลัยตายอยากด้านนอกมีคนวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อนนางจับขอบเตียงเอาไว้เพื่อพยุงตัวเองขึ้นมาอย่างช้าๆเพิ่งจะลุกขึ้นมาได้ ก็เห็นจวินฉู่หลีที่วิ่งเข้ามาในห้องโถงด้วยสีหน้าที่ร้อนรน"ท่านพี่สี่เขา...""ไปแล้ว" กู้
การปรากฎตัวขึ้นของจวินเย่เสวียนเป็นอะไรที่กู้อวิ๋นซีคิดไม่ถึงมาก่อนตอนที่เห็นเงาร่างของเขาเดินเข้ามา นางก็รีบลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ ก่อนจะถอยหลังไปหลายก้าวโดยสัญชาตญาณ"เจ้าคิดเหรอว่ามาหลบอยู่ที่ตำหนักของเสด็จย่าแล้วจะสามารถหลบข้าพ้น?"สายตาเย็นเยียบของจวินเย่เสวียนจับจ้องไปที่ร่างกายของนางตรงๆ"ให้คนของจวนแม่ทัพย้ายไปที่เมืองฝาน เพื่อจะได้รอดพ้นจากขอบเขตอำนาจของข้าก็คิดว่าจะสามารถไปไหนก็ได้แล้วอย่างนั้นเหรอ?""ก็แค่พวกมดแมลงตัวเล็กๆ ที่ต้องการรักษาชีวิตเท่านั้น ท่านอ๋อง ท่านต้องการปกป้องครอบครัวของท่าน ข้าก็ต้องการให้ครอบครัวของข้าได้มีชีวิตต่อไป เหตุใดท่านอ๋องถึงไม่ยอมปล่อยพวกเขาไปล่ะ?"กู้อวิ๋นซียังคงเดินถอยหลังอยู่ ไม่ทันระวังก็เลยเดินถอยไปจนถึงเตียงนอน จนไม่อาจถอยหลังได้อีก"ท่านอ๋อง คนที่ท่านแค้นคือข้า ไม่เกี่ยวกับพวกเขา ท่านอ๋องจะสามารถปล่อยให้พวกเขาได้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือไม่?"ถึงแม้ฝีเท้าของจวินเย่เสวียนจะดูเอื่อยเฉื่อย แต่เพียงไม่นานเขาก็เดินมาอยู่ตรงหน้าของนางแล้ว"ดังนั้น ทั้งๆ ที่เมื่อคืนเจ้ายังพูดว่าต้องการผู้ชายที่แข็งแกร่งยิ่งใหญ่แบบข้าในอ้อมแขนของข้า แต่คืนนี