พระสนมหรงหน้ามืด ตึง นางล้มร่วงลงไปบนพื้นจวินเย่เสวียนกลับลืมที่จะเข้าไปช่วยประคองเป็นอันเซี่ยที่รีบเข้าไปช่วยประคองตัวของพระสนมหรงที่กำลังจะเป็นลมให้ลุกขึ้นมาหลานโจวเองก็ไม่อยากจะเชื่อ พยายามจับชีพจรให้กับจวินฉู่หลีอีกครั้ง แต่เขากลับหาสัญญาณชีพไม่เจอเลยมีเพียงกู้อวิ๋นซี ที่ยังคงฝังเข็มให้จวินฉู่หลีต่อไปเมื่อเห็นว่า เข็มเงินเล่มสุดท้ายถูกนางดึงออกจากหน้าอกของจวินฉู่หลีเรียบร้อยแต่ยังไม่ทันที่จะลุกขึ้นยืน ก็ถูกจวินเย่เสวียนดึงตัวขึ้นมาเสียก่อนเขาแค่เพียงจ้องมองนาง ไม่พูดอะไร พูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว!ส่วนกู้อวิ๋นซีก็รู้สึกหน้ามืดจนเกือบจะเป็นลมไป ในระหว่างที่เขากำลังกระชากตัวนางอยู่เวลา คล้ายกับว่าจะหยุดหมุนไม่มีใครกล้าพูดอะไรคนเป็นลมก็เป็นลม คนอึ้งก็อึ้ง คนตกใจก็ตกใจ ทั้งห้องเงียบจนได้ยินเสียงแม้กระทั่งเข็มที่ตก ได้ยินทุกการกระทำดังนั้น..."แค่ก..."เสียงไอเบาๆ เรียกสติของทุกคนให้กลับคืนมาหลานโจวตกใจจนรีบวิ่งเข้าไปดูอาการทันที คว้าข้อมือของจวินฉู่หลีไว้ทันที"ท่านอ๋อง...ท่านอ๋อง! หลีอ๋องฟื้นขึ้นมาแล้ว! เขาฟื้นขึ้นมาแล้ว!"จวินเย่เสวียนยังคงไม่พูดอะไร สภา
ตอนที่ฉินโหรวเดินเข้ามา ทั้งฝีเท้ากับจิตใจต่างก็หนักอึ้งมากเหมือนกันแต่เมื่อเดินเข้าประตูไปแล้วฝีเท้าก็เปลี่ยนเป็นเบาสบาย ราวกับว่าอารมณ์ดีมากอย่างนั้นแหละ"เย่เสวียน ข้าได้ยินว่าหลีอ๋องฟื้นแล้ว เขาหายแล้วจริงๆ เหรอ?"แต่เมื่อนางเงยหน้าขึ้นมาเพื่อสบกับสายตาเย็นชาของเขา รอยยิ้มที่มุมปากก็ค่อยๆ แข็งขืนไปนางเห็นว่าบนเตียงด้านหลังของจวินเย่เสวียนมีหญิงสาวคนหนึ่งนอนหลับอยู่รอยยิ้มของฉินโหรวเปลี่ยนเป็นแข็งขืนอย่างมาก "เย่...เสวียน เหตุใดนาง...ถึงอยู่ที่นี่?"จวินเย่เสวียนไม่ได้พูดอะไรฉินโหรวเกิดความคิดขึ้นมามากมาย รีบพูดออกไปว่า "เย่เสวียน ไหนพวกเราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอ? ระยะนี้ อย่าเพิ่งทำให้พระสนมหรงเสียใจ ใช่ไหม?"ความจริงหลังจากที่แม่เฒ่าชิงตายไป การมาถึงของฉินโหรว ก็เป็นเหตุบังเอิญเดิมทีนางก็แค่คิดจะมาหาจวินเย่เสวียน คิดไม่ถึงว่าจะได้พบเจอกับพระสนมหรงที่กำลังจิตใจแตกสลายอยู่ที่เรือนด้านหลังจากนั้นเป็นต้นมา ฉินโหรวก็คอยอยู่ข้างกายของพระสนมหรงเสมอ คอยปลอบนาง ดูแลนางอาจจะเป็นเพราะข้างกายไม่มีแม่เฒ่าชิงแล้ว ในตอนที่พระสนมหรงกำลังเสียใจและเหงาอยู่นั้น ข้างกายก็มีผู้หญิงคนนี
"เย่เสวียน หรือว่า เจ้าไม่สนใจพระสนมหรงเลยแม้สักนิดแล้วเหรอ?"จวินเย่เสวียนก็เพียงแค่สาวเท้าเดินเข้าไปใกล้กับฉินโหรวสองก้าว ก็รู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล ที่กดดันจนเลือดลมในอกของนางไหลเวียนรุนแรงได้ทันทีนางแทบจะหายใจไม่ออกแล้ว!"เย่เสวียน! ข้าก็แค่คิดอยากจะช่วยเจ้าเท่านั้น!""เจ้าลองทายดูสิว่าข้าเชื่อเจ้าหรือไม่?" แววตาของจวินเย่เสวียนยิ่งเย็นเยียบขึ้นทุกที "ข้าจะขอถามเจ้าอีกครั้ง คืนนี้ เจ้าตบนางไปกี่ครั้ง?"ฉินโหรวมองเขาในตอนนี้ก็เกิดความรู้สึกกลัวที่จะถูกประหารขึ้นมาทันที"ในเมื่อเจ้าไม่พูด เช่นนั้น ข้าก็จะถือว่า รอยนิ้วมือทั้งหมดบนหน้าของนาง ล้วนเป็นเจ้าที่เป็นคนฝากเอาไว้แล้วกัน"จวินเย่เสวียนยกมือขึ้นฉินโหรวตกใจจนรีบตะโกนขึ้นมา "หนึ่งรอย! หนึ่งรอย จริงๆ นะ! มีแค่รอยเดียว...อ๊า!"จวินเย่เสวียนโบกมือหนึ่งทีตัวของฉินโหรวก็ลอยออกไปราวกับว่าวที่เชือกขาด หลังจากที่บินออกไปแล้ว ปึง นางก็ตกร่วงลงมาอยู่บนพื้นบนในหน้ายังรู้สึกร้อนผะผ่าวอย่างเจ็บปวดนางกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง เผลอยกมือขึ้นมาลูบไปที่บนหน้าของตัวเองหนึ่งทีอุ่นๆ เหนียวๆ...เมื่อก้มหน้าลงไปมอง ที่ด้านหลังมือล้วนเต
นี่ถึงจะเป็นเสวียนอ๋องตัวจริงสินะนิสัยไม่ดีราวกับออกมาจากในนรก เพียงแค่ปาดตามองมาทีหนึ่ง ก็สามารถทำให้รู้สึกหนาวเย็นราวกับอยู่ในห้องเก็บน้ำเข็ง!ตอนที่เขาเดินเข้ามา กู้อวิ๋นซีก็เผลอตัวขยับเข้าไปด้านในของฝั่งเตียงเพียงแค่สายตาเดียวก็ทำให้จวินเย่เสวียนชะงักฝีเท้าไปได้แล้ว สายตาเย็นชาจับจ้องไปที่ใบหน้าของนางตอนที่ไม่มีใครพูดอะไร อุณหภูมิในห้องก็ต่ำลงซะจนน่ากลัวกู้อวิ๋นซีเผลอกำผ้าห่มบนร่างของตัวเองไว้อย่างไม่รู้ตัวหนาวหนาวจนทำให้ร่างกายที่อ่อนแอต้องสั่นระริกโดยสัญชาตญาณใช้มือช่วยยันให้ตัวเองลุกขึ้นนั่ง ตอนนี้รู้สึกว่ามือที่ใช้ค้ำอยู่ค่อนข้างเมื่อย สะบัดน้อยๆ ก็รู้สึกปวดเมื่อยทันทีนางไม่อาจยันตัวเองไหว ร่างกายจึงได้ร่อยๆ ไหลร่วงลงไปไอเย็นพัดเข้ามา เงาร่างสูงใหญ่นั้นพริบตาเดียวก็มาถึงที่ข้างเตียง ช่วยประคองตัวนางขึ้นแต่กู้อวิ๋นซีกลับตกใจจนใช้ฝ่ามือผลักมือของเขาออกถึงแม้จะไม่มีแรงเลยแม้แต่น้อย แต่กลับทำให้เขารู้สึกหนาวเย็นไปทั้งหัวใจ"กลัวข้าเหรอ?" ความอบอุ่นเพียงเล็กน้อยที่เหลืออยู่ในแววตาของจวินเย่เสวียน หายไปอย่างรวดเร็วกู้อวิ๋นซีตะลึงไป ผลักเขาออกไปเบาๆ อีกครั้ง
ทุกคน ต่างก็ได้รับการช่วยเหลือกันหมดทุกคน ต่างก็เหมือนได้มีชีวิตใหม่มีเพียงเขา!มีเพียงเขาคนเดียวที่ยังต้องดิ้นรนอยู่ในหุบเหวลึกเช่นเดิม ยังคงต้องทรมานอยู่ในนรกเช่นเดิม!ไม่มีใครสนใจ!บ้านหลังนี้ ไม่มีใครสนใจเขาเลยสักคน!กู้อวิ๋นซีถูกจวินเย่เสวียนกดลงไป ในตอนที่กำลังพยายามดิ้นรนพาตัวเองให้ลุกขึ้นมานั้น ก็ถูกเขาจับให้พลิกตัวไปอีกด้านทำให้ตอนนี้นางนอนราบอยู่ใต้ร่างของเขาด้วยท่าทางที่น่าอับอายเป็นที่สุด"องค์ชายสี่! ขอร้องล่ะ อย่าทำแบบนี้เลย!" ตอนนี้นางไม่มีเรี่ยวแรงที่จะขัดขืนแล้วเพื่อสกัดให้ได้ซีรั่มที่ดีที่สุด นางฉีดพิษเข้าร่างมากมาย ทำให้ตอนนี้ร่างกายอ่อนแอเป็นที่สุดอย่าว่าแต่ขัดขืนเลย ขนาดแค่จะยกมือขึ้นมา ก็ยังยาก"องค์ชายสี่ บ้านหลังนี้จะต้องดีขึ้นได้แน่ องค์ชายสี่ ขอร้อง..."น้ำเสียงของกู้อวิ๋นซีเจือไว้ด้วยความแหบแห้งอย่างไร้ทางต่อสู้ฝ่ามือใหญ่ของชายหนุ่มกดอยู่ที่ตรงด้านหลังของนาง ทำให้สามารถรับรู้ถึงความอ่อนแอของนางได้โดยง่ายตอนนี้เด็กคนนี้ อ่อนแอถึงขนาดว่าไม่มีแรงแม้จะกรีดร้องออกมาเลยร่างกายบอบบางยังคงสั่นไหวบ้านหลังนี้จะสามารถดีขึ้นได้จริงๆ เหรอ?เขาไม่
พักผ่อนไปแล้วสองวัน แต่ร่างกายของกู้อวิ๋นซีก็ยังไม่ดีขึ้นตอนที่วิ่งออกไป ฝีเท้าพันกันจนเกือบจะล้มลงไปจวินฉู่หลีมองเห็นแล้วก็รู้สึกหวาดหวั่นในใจสลัดผ้าห่มออกทันที คิดจะวิ่งตามออกไปพระสนมหรงรีบกดตัวเขาให้นอนลง "ซีเออร์บอกแล้วว่าให้เจ้าพักผ่อน เพิ่งจะผ่านไปไม่นานเจ้าก็ไม่เชื่อฟังคำพูดของนางแล้วเหรอ?"จวินฉู่หลีไม่กล้าไม่เชื่อฟังการที่ตัวเขาอาการดีขึ้นในตอนนี้ด้วยเป็นเพราะซีเออร์เอาชีวิตแลกมาทั้งนั้นหากว่าไม่เห็นค่า ก็เท่ากับว่าเป็นการเหยียบย่ำความพยายามของนาง"แต่ว่า..." ดูท่าทางของนางแล้วเหมือนจะไม่สบายอย่างหนักพระสนมหรงรีบพูดขึ้นว่า "ข้าจะไปดูเอง เจ้าไม่ต้องกังวล"หลังจากที่ปลอบใจจวินฉู่หลีเรียบร้อย พระสนมหรงก็ลุกขึ้นทันที แล้วเดินออกไปด้านนอกด้วยการช่วยประคองของสาวรับใช้กู้อวิ๋นซีกำลังยืนอาเจียนอยู่ตรงปลายสุดของทางเดินยาวอันเซี่ยกำลังตบหลังให้นางอยู่ ด้วยสีหน้าร้อนใจเมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของนาง พระสนมหรงก็กระตุกเกร็งไปทั้งหัวใจ รู้สึกหวิวๆ ข้างในพระสนมหรงรีบเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปหา "ซีเออร์ เจ้า...เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?""ข้า...ไม่เป็นไร" กว่ากู้อวิ๋นซีจะรู้สึกดีข
"เจ้าว่า...อะไรนะ?" กู้อวิ๋นซีรู้สึกสั่นไหวในใจอย่างรุนแรงระดูของนาง...ไม่มาสองเดือนแล้วอย่างนั้นเหรอ?ระยะนี้ ความสนใจทั้งหมดของกู้อวิ๋นซี ล้วนอยู่กับเรื่องการถอนพิษให้กับจวินฉู่หลี ไม่ได้มีเวลามาสนใจตัวเองเลยสองเดือน...นั่นไม่ใช่ ตั้งแต่ครั้งแรกในคืนเข้าหอ หลังจากที่มีอะไรกับจวินเย่เสวียน ระดูของนางก็ไม่มาแล้วเหรอ?อันเซี่ยคอยติดตามรับใช้ใกล้ชิดกู้อวิ๋นซีตลอดมา เรื่องของคุณหนูนางรู้ดียิ่งกว่าใครอันเซี่ยก็เป็นเพียงเด็กรับใช้คนหนึ่ง ทีแรกนางก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้ และก็ไม่เข้าใจด้วยแต่หมู่นี้คุณหนู อาเจียนบ่อยครั้ง เบื่ออาหาร ที่น่ากลัวกว่านั้นคือ เจ็บจี๊ดที่บริเวณช่องท้องเป็นบางครั้ง"คุณหนู...""อันเซี่ย อย่าพูดเหลวไหล!" กู้อวิ๋นซีถลึงตามองนางอันเซี่ยกัดริมฝีปาก "คุณหนู ข้าไม่ได้พูดเหลวไหล ท่านแบบนี้...ท่าทางแบบนี้ของท่าน..."ท่าทางแบบนี้ เหมือนกับอาการคลื่อนไส้ที่นางเห็นแม่ใหญ่เหมยเป็นตอนสมัยที่นางยังเป็นเด็กไม่มีผิด"คุณหนู ท่านไปหาหมอตรวจอาการสักหน่อยดีไหม?""ตัวข้าเองก็เป็นหมอ""แต่ท่านไม่เคยจับชีพจรให้ตัวเองเลย" อันเซี่ยเกือบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้วคุณหนูเองก็ไม่
หมู่นี้จวินเย่เสวียนอยู่ข้างนอกตลอดคืนนี้ ในที่สุดก็ได้กลับจวนอ๋องกู้อวิ๋นซีเดินเข้าไปที่เรือนข้าง ฉับพลันก็ได้กลิ่นยาลอยมาอดที่จะมองไปบนร่างกายของจวินเย่เสวียนไม่ได้เขาได้รับบาดเจ็บแต่นางก็แค่มองผาดเดียวเท่านั้น ไม่ได้สนใจอีกพระสนมหรงทนได้ไม่ที่จะเห็นนางกับจวินเย่เสวียนใกล้ชิดกัน ในใจของกู้อวิ๋นซีรู้ดียิ่งกว่าใครคืนนี้จวินฉู่หลีเองก็อยู่ด้วย หลักจากพักผ่อนมาหลายวัน ดูเขาจะสดชื่นขึ้นไม่น้อยเลยเมื่อเห็นกู้อวิ๋นซีเดินเข้ามา เขาก็รีบลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปรับด้วยตัวเองทันที "ซีเออร์ มานั่งสิ รอเจ้าอยู่คนเดียวแล้ว"กู้อวิ๋นซีเดินเข้ามาถึงข้างโต๊ะพร้อมกับเขา หันไปทำความเคารพพระสนมหรงกับจวินเย่เสวียน "เสด็จแม่ ท่านพี่สี่""นั่งสิ" พระสนมหรงมองไปที่นาง แล้วก็หันไปมองจวินเย่เสวียนทีหนึ่งเมื่อไม่เห็นความผิดปกติใดๆ ในสายตาของลูกชายคนโต พระสนมหรงก็พูดว่า "ซีเออร์ มานี่ มานั่งข้างข้า""เพคะ" กู้อวิ๋นซีเดินไปนั่งลงข้างกายนางจวินฉู่หลีเองก็นั่งลงเช่นกันคนในครอบครัวดูเหมือนเพิ่งจะได้นั่งกินข้าวด้วยกันเป็นครั้งแรกเรื่องในอดีตที่ผ่านมา ราวกับผ่านมาแสนนานคืนนี้ สีหน้าของพระ