พูดจบ ทุกคนก็พยักหน้าหลังจากที่หวังหยวนมาถึงที่นี่เพียงแค่วันเดียว หัวหน้าเผ่าก็เสียชีวิต แน่นอนว่าหวังหยวนคือผู้ต้องสงสัยมากที่สุด!“ที่แท้ก็แทงใจดำท่านหัวหน้าเผ่าใหญ่นี่เอง ข้าไม่มีแรงจูงใจให้ต้องสังหารหัวหน้าเผ่า ไม่ว่าจะเพื่อชื่อเสียงหรือผลประโยชน์ ข้าไม่มีเหตุผลที่จะต้องสังหารเขา!”“ยิ่งไปกว่านั้น... หากข้าสังหารหัวหน้าเผ่าจริง ก็คงหนีไปตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว เหตุใดข้าต้องรอจนถึงวันนี้ เพื่อให้พวกเจ้ามาล้อมจับด้วย?”ทันทีที่คนฉลาดเห็น ย่อมรู้ว่าเขาถูกใส่ร้ายหัวหน้าเผ่าใหญ่คนนี้ก็น่าจะรู้เหมือนกัน!สีหน้าของหัวหน้าเผ่ารองและหัวหน้าเผ่าสามไม่ค่อยดีนัก แม้ว่าพวกเขาจะเข้าใจสิ่งที่หวังหยวนพูด และไม่เชื่อว่าหวังหยวนจะเป็นฆาตกร แต่หวังหยวนก็ยังคงเป็นผู้ต้องสงสัยมากที่สุดอยู่ดี!“ฮึ่ม! เจ้าเป็นคนมีคารมคมคาย ย่อมต้องคิดคำแก้ตัวมาก่อนแล้ว ส่วนสาเหตุที่เจ้าสังหารหัวหน้าเผ่าอาวุโส พวกข้าจะได้รู้หลังพาตัวเจ้าไปทรมาน!”หัวหน้าเผ่าใหญ่สูดหายใจอย่างรุนแรง แล้วเริ่มดุด่าเขาทันทีหวังหยวนถอนหายใจ แล้วพูดว่า “ข้ากับท่านหัวหน้าเผ่าอาวุโส พูดคุยกันอย่างสนุกสนานมาก ข้าไม่มีเหตุผลที่จะต้องสัง
เมื่อหวังหยวนพูดจบ ก็กวาดสายตามองคนอื่น โดยไม่รอให้หัวหน้าเผ่าใหญ่พูดต่อ“พวกเจ้าทั้งหลาย หวังหยวนผู้นี้เป็นคนเช่นไร พวกเจ้าไม่รู้ก็ไม่เป็นอะไร หากพวกเจ้าคิดว่าข้าเป็นคนที่น่าสงสัยที่สุด ที่น่าจะสังหารหัวหน้าเผ่าอาวุโส ข้าก็จะไม่ตำหนิพวกเจ้า!”“แต่ว่า... หากข้าสังหารเขาจริง ข้าคงไม่รออยู่ที่นี่ให้พวกเจ้ามาฆ่าหรอก!”“ชีวิตข้านั้นไม่สำคัญ แม้จะต้องสละชีวิตให้แก่หัวหน้าเผ่าอาวุโสก็ตาม แต่... พวกเจ้าอยากปล่อยฆาตกรให้ลอยนวลจริงหรือ?”“วันนี้ข้าต้องสอบสวนเรื่องนี้ สอบสวนทุกคน อย่างที่ข้าได้พูดไปแล้ว ใครที่ไม่ได้สังหารท่านหัวหน้าเผ่าอาวุโส ย่อมไม่กลัวการถูกสอบสวน หากกังวลว่าจะถูกสอบสวน ต้องมีอะไรปิดบังไว้ในใจแน่!”หวังหยวนมองทุกคนบางทีอาจเป็นเพราะเขาดูมีอำนาจมากไป หรือบางทีหวังหยวนอาจพูดด้วยความจริงใจเพียงพอ หลายคนที่เคยมองหวังหยวนด้วยสายตาสงสัย ก็คลายความสงสัยลงมาก!หัวหน้าเผ่ารองและหัวหน้าเผ่าสามก็พยักหน้า“หวังหยวนพูดถูก ทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟ เช่นนั้นเรามาดูกันว่าจะใครกันแน่ที่เป็นฆาตกรตัวจริง!”“แต่หวังหยวน เหตุใดเจ้าถึงอยากตรวจสอบหัวหน้าเผ่าใหญ่กับพวกเราล่ะ? เจ้าคิดว่าคนในเผ่าไท่
ไม่เช่นนั้น วันนี้คงต้องฝ่าฟันการปิดล้อมนี้ออกไป ถึงแม้จะหนีไปได้ ก็เกรงว่าต้าหู่จะต้องอยู่จัดการที่นี่ชนเผ่าไท่ถ่ามีจำนวนหลายร้อยคน ต้าหู่จะเอาชนะพวกเขาได้อย่างไร!อีกทั้งพวกเขายังไม่รู้ด้วยว่า อาวุธชิ้นนี้ของเขามีกระสุนราวสิบสองนัดเท่านั้น ตอนนี้เหลือเพียงเจ็ดหรือแปดนัดแล้วหากถูกรุมโจมตี ต้องตายแน่!แต่โชคดีที่เทคโนโลยีไม่เท่ากัน ทำให้ยังควบคุมสถานการณ์ตรงหน้าได้ และมีโอกาสหลบหนีไปได้!ต้าหู่และสมาชิกเผ่าไท่ถ่าสองคนหายเข้าไปไม่ถึงห้านาที ต้าหู่ก็กลับออกมาด้วยสีหน้าเย้ยหยัน“พวกเจ้าลองดูสิ!”พูดจบ ก็ทิ้งกองจดหมายลงบนพื้นทั้งหมดนี้เป็นจดหมายระหว่างหัวหน้าเผ่าใหญ่กับผู้บัญชาการใหญ่!ชายผู้นี้ประมาทมากจนไม่ได้เผาหลักฐานเช่นนี้ด้วยซ้ำ!แท้จริงแล้วเขาจะประมาทก็ไม่แปลก เพราะจดหมายพวกนี้ถือว่าเป็นของมีค่า เขายังต้องการใช้จดหมายเหล่านี้ แสวงหาผลประโยชน์จากผู้บัญชาการใหญ่อยู่!แต่ไม่เคยคิดเลยว่าจะทำให้ชื่อเสียงและเกียรติยศของตนถูกทำลาย!หัวหน้าเผ่ารองและหัวหน้าเผ่าสามหยิบจดหมายขึ้นมาอ่าน แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไปมาก!“เจ้าคนสารเลว! เดรัจฉาน!”พวกเขาโกรธจัดทันที ไม่คาดคิดว่าหัวหน้า
หวังหยวนกับต้าหู่ควบม้าไปข้างหน้า ขณะเดียวกัน ผู้บัญชาการใหญ่เหมิงคั่วก็ได้รับข่าวแล้ว!หัวหน้าเผ่าใหญ่ของเผ่าไท่ถ่าล้มเหลว ทั้งยังทำให้ผู้คนรู้ว่าพวกเขามีความเกี่ยวพันกันอีก!เรื่องนี้ทำให้เหมิงคั่วโกรธมาก!“ไม่ได้เรื่อง! เปล่าประโยชน์อะไรเช่นนี้!”เหมิงคั่วโกรธจนหน้าเขียว เรื่องง่าย ๆ กลับกลายเป็นเรื่องยุ่งเหยิง!ยิ่งกว่านั้น ยังเปิดโปงเขาอีก!หากเป็นเช่นนี้ จะไม่เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นหรือ?หวังหยวนรู้แล้วว่าเขาจะโจมตี จะต้องเตรียมรับมือแล้วเป็นแน่!ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขากำลังแกว่งเท้าหาเสี้ยน!เดิมทีอ๋องหมานอี๋ก็สงสัยในตัวเขาอยู่แล้ว เขาไม่ต้องการทำตัวเด่นชัดเกินไปนึกว่าสมบูรณ์แบบแล้ว แต่ใครจะคิดว่ามันจะออกมาเป็นเช่นนี้!“ผู้บัญชาการใหญ่ เราควรทำอย่างไรดีขอรับ? ไม่เช่นนั้น... ก็แค่ส่งกองทัพไปสังหารเขาซะ!”คนสนิทที่อยู่ด้านข้างรีบพูด เมื่อพูดจบ เหมิงคั่วก็ขมวดคิ้ว ในตอนนี้เขาเองก็อยากส่งกองทัพไปสังหารหวังหยวนมาก!แต่ถึงจะอยากทำเช่นนั้นในตอนนี้ ก็ทำไม่ได้อยู่ดี!หากทำเช่นนั้นจริง ๆ จะเป็นโอกาสให้อ๋องหมานอี๋ได้กำจัดเสี้ยนหนามที่อยู่ข้างกายออกไป!ถึงตอนนั้น ตระกูลเซิ่งก
“ท่านพ่อ แต่หวังหยวนผู้นี้ไม่ได้มีค่าสำหรับราชวงศ์ต้าเย่ ต้าเย่จะยอมต่อสู้กับหมานอี๋เพราะเขาหรือขอรับ?”ทั้งสองไม่เข้าใจ คิดไม่ตกเซิ่งฟางสี่ยิ้มเยาะอีกครั้ง อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “พ่อบอกแล้วว่าในโลกนี้ ผลประโยชน์เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ไม่มีความเกลียดชังอย่างแท้จริง ไม่มีความรังเกียจที่แท้จริง!”“ตราบใดที่ผลประโยชน์สามารถขับเคลื่อนไปได้ จากสงครามก็แปรเปลี่ยนเป็นสันติภาพได้ แม้แต่ความเกลียดชังก็สามารถแปรเปลี่ยนเป็นความรักใคร่สมัครสมานได้!”คำพูดนี้อาจฟังดูเหมือนจะผิด แต่หากวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนแล้ว ก็จะรู้ว่ามันเป็นเรื่องจริง!ในโลกนี้ไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูถาวร!อย่างน้อย เซิ่งฟางสี่ก็ไม่มี!“พวกเจ้าคงจะสับสนสินะ ครั้งก่อนในราชสำนัก หวังหยวนถูกปฏิบัติเหมือนเป็นคนถูกทอดทิ้ง และถูกส่งไปเป็นทูต ฮ่องเต้ซิงหลงยังบอกอีกว่าเขาจะไม่มีวันได้รับการยอมรับ ดังนั้นพ่อเชื่อว่าราชสำนักจะไม่สนใจว่าหวังหยวนจะอยู่หรือตาย!”“แต่พวกเจ้าเคยคิดบ้างหรือไม่ ว่าพวกพ้องของหวังหยวนจะทำเช่นไร หากหวังหยวนตายด้วยน้ำมือของหมานอี๋จริง?”“หากไม่เหลืออะไรแล้ว ทหารและพวกโจรเหล่านั้น จะต้องล้างแค้นให้หวังหยวนใช่หรือไม่
เซิ่งฟางสี่ออกเดินทางอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็มาถึงตำหนักของเสียนกุ้ยเฟยใบหน้าของเซิ่งฟางสี่เคร่งขรึมมาก หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เริ่มพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “น้องรอง ถึงเวลาที่เราต้องดำเนินการแล้ว”“ตระกูลไป๋ได้ดำเนินการไปแล้ว หากเราไม่รีบดำเนินการตามแผน ปล่อยให้ตระกูลไป๋ยึดครอง โอกาสในการชนะของเราก็จะหายไปหมดสิ้น!”เซิ่งฟางสี่มองเสียนกุ้ยเฟยด้วยท่าทางลนลาน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกว่า “น้องรอง เราไม่อาจล่าช้าได้อีกต่อไปแล้ว”“พรุ่งนี้เช้า เจ้าต้องหาทางวางยาพิษฝ่าบาทให้จงได้”“ยา... ยาพิษหรือเจ้าคะ?”เสียนกุ้ยเฟยเบิกตากว้างด้วยความตื่นตระหนก นางกระซิบด้วยน้ำเสียงวิตกกังวล “เรา... เราต้องทำเช่นนี้จริงหรือ ไม่มีทางอื่นเลยหรือเจ้าคะ?”“ไม่มี!”เซิ่งฟางสี่พูดเสียงแผ่วเบา “ข้าบอกเจ้าเรื่องการเดิมพันครั้งนี้ชัดเจนแล้ว หากเจ้าไม่ทำและพลาดโอกาสครั้งนี้ สิ่งที่รอเราอยู่ก็คือความตาย!”“คนทั้งตระกูลของเราจะต้องตาย เจ้าอยากเห็นชีวิตทั้งชีวิตของหย่งเอ๋อร์ ถูกทำลายด้วยมือของเจ้าหรือ?”คำพูดของเซิ่งฟางสี่ ทำให้ใบหน้าของเสียนกุ้ยเฟยเริ่มไม่สบายใจอีกครั้งหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นา
“หม่อมฉันไม่ได้เรียกหาหมอหลวงเพคะ...”ก่อนที่เสียนกุ้ยเฟยจะพูดจบ นางก็เห็นสีหน้าฮ่องเต้ดูจริงจังขึ้นทันที ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ “เหลวไหล!”“เรื่องร้ายแรงถึงเพียงนี้ เจ้าจะไม่เรียกหาหมอหลวงได้อย่างไร เรียกหมอหลวงเดี๋ยวนี้!”เมื่อได้ยินดังนั้น เสียนกุ้ยเฟยก็จับมือฮ่องเต้ไว้ทันที แล้วพูดเบา ๆ ว่า “ฝ่าบาท พระองค์เสด็จมาที่นี่เพื่อพบหม่อมฉัน หม่อมฉันก็รู้สึกดีขึ้นมากแล้วเพคะ”“หากพระองค์ประสงค์ที่จะอยู่กับหม่อมฉันที่นี่ คงดีกว่าหมอหลวงหรือยาดีใด ๆ มากเพคะ”เสียนกุ้ยเฟยมองฮ่องเต้ด้วยสายตาอ่อนโยนราวกับสายน้ำ แล้วพูดเบา ๆ“ฮ่าฮ่า ที่แท้ก็ป่วยเพราะคิดถึงข้านี่เอง เอาเถิด คืนนี้ข้าจะอยู่กับเจ้าที่นี่ก่อน แล้วค่อยกลับ”นัยน์ตาของเสียนกุ้ยเฟยฉายแววกังวล แม้จะยิ้มแย้มอยู่ก็ตาม แม้ว่าแผนของนางจะสำเร็จ แต่นางก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่เสมอวันรุ่งขึ้นฮ่องเต้เสด็จออกไปแต่เช้าตรู่เสียนกุ้ยเฟยใส่ยาที่เซิ่งฟางสี่มอบให้นางในมื้อเช้าของฮ่องเต้ วิธีนี้จะช่วยไม่ให้ฮ่องเต้ประชวรทันที เมื่ออยู่ในตำหนักของนาง ความสงสัยก็จะมุ่งไปยังผู้อื่นแทนตามที่คาดไว้ภายในเพียงวันครึ่ง พระพักตร์ของฮ่องเต้ก็เริ่มหมองคล้
หวังหยวนไม่ได้ล่วงรู้เรื่องราวทั้งหมดนี้ ขณะเดียวกัน เขาก็มาถึงนอกเมืองหลวงของหมานอี๋แล้ว!หมานจิ้งรออยู่ไม่ไกลนัก“องค์หญิง ในที่สุดเราก็ได้พบกันแล้ว!”เมื่อหวังหยวนเห็นหมานจิ้ง ก็พูดด้วยรอยยิ้มทันทีพูดจบ หมานจิ้งก็หัวเราะ แล้วพูดว่า “ข้าได้ยินมาว่าท่านไม่เป็นปกติสุขตลอดทาง โชคดีที่ท่านปลอดภัยมาจนถึงเมืองหลวงได้”หวังหยวนหัวเราะ “ถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมเกรงว่าเมืองหลวงแห่งนี้จะไม่ปลอดภัยอีกต่อไป!”หมานจิ้งเม้มปาก แล้วพูดว่า “อย่ากังวลไปเลย คราวนี้พวกเราหมานอี๋ ไม่ได้สนใจสถานะทางการของท่าน หากท่านต้องการให้พวกเขาสร้างสันติภาพ ท่านคงต้องพยายามอย่างหนัก!”ทันทีที่พูดจบ หวังหยวนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “พระเชษฐาของพระองค์ ช่างทุ่มเทใช้กลอุบายสุดตัวเสียจริง!”หมานจิ้งกะพริบตาโตน่ารัก แล้วอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “พูดเช่นนั้นได้อย่างไร?”“พระเชษฐาของพระองค์ เพิ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นอ๋องหมานอี๋ ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะเหล่าทหารเก่าของพระบิดาท่าน ทุกคนย่อมมีสิทธิ์ที่จะพูด”“เมื่อเขาขึ้นเป็นอ๋ององค์ใหม่ ย่อมไม่ง่ายเลยที่จะล่วงเกิน จึงให้ข้าไปปราบปรามคนเหล่านั้นให้ เป็นการวางกลยุท
“ยิ่งกว่านั้น พวกข้าก็เหมือนคนที่ทรยศ นำดินแดนของเผ่าตัวเองมาถวายท่าน หากกลับไปเผ่า คงไม่อาจอธิบายกับสมาชิกเผ่าได้!”“ท่านเป็นผู้ปกครอง ย่อมรู้ดีว่าหากสูญเสียใจของผู้คนไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น?”ไท่สื่อลี่จ้องมองหวังหยวน ใบหน้าแสดงความกังวลว่าหวังหยวนจะโกรธอยู่เสมอหวังหยวนโบกมือด้วยรอยยิ้ม แล้วกล่าวว่า “จริงอย่างที่ท่านว่า แต่ข้าไม่ได้คิดจะปกครองเผ่า เพียงแต่ต้องการเป็นพันธมิตรกับพวกท่านเท่านั้น!”“ข้าจะคอยช่วยเหลือให้เผ่าของพวกท่านพัฒนาขึ้น ส่วนสิ่งที่ข้าต้องการก็ง่ายมาก คือหากข้าต้องการความช่วยเหลือ พวกท่านต้องช่วยเหลือข้าโดยไม่มีเงื่อนไข ตอนนี้ท่านคงเข้าใจแล้วกระมัง?”เป็นเช่นนี้เอง!ไท่สื่อลี่เข้าใจในทันที นี่ช่างเป็นข้อเสนอที่ดี!ตราบใดที่หวังหยวนไม่เข้ามายุ่งเรื่องภายใน แถมยังคอยช่วยเหลือ ใครบ้างจะไม่ยอมร่วมมือด้วย?“ในเมื่อท่านหวังกล่าวเช่นนี้ ข้าจะรับหน้าที่นี้เอง ประเดี๋ยวข้าจะไปปรึกษากับพวกพ้อง บอกความคิดของท่านให้พวกเขารู้ก่อนนะขอรับ!”“พวกเขาล้วนเป็นคนมีเหตุผล คงจะให้คำตอบที่ท่านพอใจ!”“จะไม่ทำให้ท่านหวังผิดหวังขอรับ!”หวังหยวนตบบ่าไท่สื่อลี่ด้วยความพึงพอใจ เพียงแค่
“ท่านหวัง ท่านให้ข้าอยู่ที่นี่ต่อ มีเรื่องใดจะปรึกษาหรือขอรับ?”“หรือว่าข้าเผลอทำสิ่งใดผิดพลาด จนทำให้ท่านไม่พอใจ?”ไท่สื่อลี่มองหวังหยวนด้วยความหวาดหวั่น พลางเอ่ยถามตะกุกตะกักหวังหยวนมีภูมิหลังและอำนาจยิ่งใหญ่ แม้ว่าเขาจะเป็นหัวหน้าเผ่า แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหวังหยวน เขาก็ทำได้เพียงถ่อมตนเหมือนเด็กน้อยเกรงว่าจะทำให้หวังหยวนไม่พอใจ สุดท้ายตนเองก็จะไม่ได้ประโยชน์ ผลลัพธ์ย่อมเป็นไปในทางที่ไม่ดี!หวังหยวนโบกมืออย่างใจเย็น เดินไปข้างกายไท่สื่อลี่ รินสุราให้เขา แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านไท่สื่อไม่ต้องกังวลหรอก”“ที่ข้าให้ท่านอยู่ต่อ เพราะมีเรื่องอยากปรึกษาหารือด้วย แต่จะไม่ทำให้ท่านลำบากใจ”“ไม่ว่าเรื่องนี้จะสำเร็จหรือไม่ ก็จะไม่กระทบความสัมพันธ์ของเรา”หวังหยวนตบบ่าไท่สื่อลี่ พลางกล่าวไท่สื่อลี่พยักหน้า ครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วถามว่า “ไม่ทราบว่าท่านหวังมีเรื่องใดจะปรึกษาหรือขอรับ?”ตอนนี้เขารู้สึกกังวลใจ ไม่สามารถคาดเดาความคิดของหวังหยวนได้ครู่ต่อมา หวังหยวนก็กล่าวตามตรง “แท้จริงแล้วเป็นเรื่องง่ายมาก ที่ข้ามาที่นี่ ไม่เพียงเพื่อช่วยราชวงศ์ต้าเย่เท่านั้น แต่เพื่อช่วยเหลือตัวเองด้ว
แม้แต่ในอากาศยังคงมีกลิ่นคาวเลือด!หวังหยวนเชื่อมั่นในความสามารถของเกาเล่อ ยิ่งกว่านั้น เขาไม่เคยเจอเจียงเซี่ยวมาก่อน คาดว่าเกาเล่อคงตรวจสอบแล้วว่าไม่ผิดตัว เขาจึงไม่ได้สนใจดูอีก!หวังหยวนกวาดสายตามองกลุ่มคนตรงหน้า ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มขณะโบกมือให้ทุกคน แล้วชี้ไปที่ที่นั่งสองข้าง “ทุกท่านไม่ต้องเกรงใจ ข้าไม่ใช่เสือดุร้ายกินคน ไม่ต้องเกรงใจกันเกินไป นั่งลงได้เลย!”“ขอบพระคุณท่านหวัง!”ทุกคนกล่าวขอบคุณ แล้วนั่งลงหวังหยวนนั่งบนบัลลังก์ ก่อนจะถามด้วยรอยยิ้ม “ข้าสงสัยว่าพวกท่านต่อต้านราชวงศ์ต้าเย่มาตลอด ถึงขั้นจะเอาชีวิตกัน แต่พอได้ยินว่าข้ามาก็ยอมแพ้เลยหรือ?”“หรือว่าชื่อเสียงของข้าเลื่องลือมาก เมื่อรู้ว่าต้องสู้กับข้าจึงยอมสยบเลยงั้นหรือ?”หวังหยวนรู้สึกค่อนข้างภูมิใจหากเรื่องนี้เล่าลือออกไปคงเป็นเรื่องเล่าขานกันเป็นตำนาน!ทุกคนมองหน้ากัน คนที่อยู่ใกล้หวังหยวนที่สุดกล่าว “ใช่แล้ว!”“พวกข้าไม่อยากเป็นศัตรูกับท่านหวัง ยิ่งกว่านั้น พวกข้ารู้ดีว่าพวกข้ากับท่านหวังต่างชั้นกัน หากเปิดศึก แม้จะใช้ภูเขาเป็นกำแพง ป้องกันทุกวิถีทาง แต่คงไม่สามารถต้านทานได้นาน!”“ผลลัพธ์สุดท้ายย่อมคาดเดาได
“เมื่อครู่มีกลุ่มคนมา ข้าเข้าไปสอบถามจึงรู้ว่าเป็นหัวหน้าเผ่าใหญ่!”“ตอนนี้พวกเขาได้ฆ่าเจียงเซี่ยวผู้นำพันธมิตรแล้ว และต้องการเจรจาสงบศึกกับพวกเรา!”“ท่านผู้นำคิดเห็นว่าอย่างไรขอรับ?”เกาเล่อกล่าวด้วยรอยยิ้มศัตรูแตกคอกันเอง ช่างเป็นเรื่องดี!ไม่เพียงแต่ลดการสูญเสียเท่านั้น แต่ยังไม่ทำให้เกิดความแค้นกับชนเผ่าเหล่านี้ด้วย ถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการควบคุมดินแดนในอนาคต!ดวงตาของหวังหยวนเป็นประกาย เขารีบเดินไปหาเกาเล่อ แล้วจับมือเขาไว้ด้วยความตื่นเต้น “เจ้าตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วหรือ? จะมีกลอุบายอะไรซ่อนอยู่หรือไม่?”“ไม่มีแน่นอน!”เกาเล่อรีบส่ายหน้า “ก่อนมาที่นี่ ข้าได้ตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับชนเผ่าต่าง ๆ ในกลุ่มพันธมิตรนี้ ย่อมรู้จักพวกเขาเป็นอย่างดีขอรับ!”“ครั้งนี้พวกเขานำหัวของเจียงเซี่ยวมาให้ และเจียงเซี่ยวก็เป็นผู้นำพันธมิตรจริง ๆ!”“หากท่านไม่เชื่อ คุณหนูไป๋คงยืนยันได้ พวกนางสู้รบกับชนเผ่าทางเหนือมาตลอด คงคุ้นเคยกับศัตรูดีใช่หรือไม่?”ขณะที่กล่าว เกาเล่อก็มองไปที่ไป๋ลั่วหลีไป๋ลั่วหลีไม่ลังเล รีบพยักหน้าทันที“ถูกต้อง!”“ต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดคือเจียงเซี่ยว เขาไม
“ปกติพวกเจ้าล้วนองอาจกันไม่ใช่หรือ?”“ก่อนหน้านี้ ตอนที่คิดจะโจมตีราชวงศ์ต้าเย่ พวกเจ้าต่างก็อยากจะแบ่งปันดินแดนกันไม่ใช่หรือ? แล้วตอนนี้ล่ะ? แค่ทหารที่พวกนั้นเชิญมาก็ทำให้พวกเจ้าหวาดกลัวได้ถึงเพียงนี้แล้วหรือ?”“พวกเจ้าอย่าลืมว่าภูมิประเทศของที่นี่อันตราย หากพวกเราไม่ยอมออกจากภูเขา แม้หวังหยวนจะเก่งกาจและมียอดฝีมือมากมายก็ทำอะไรเราไม่ได้! หรือว่าเขาจะสามารถคุกคามเราได้จริง ๆ?”ทุกคนมองหน้ากัน ไม่มีใครเอ่ยคำใดการหลบอยู่ในหุบเขา ไม่ใช่แผนการระยะยาว!“หากผู้ใดกล้าพูดจาบั่นทอนกำลังใจอีก อย่าหาว่าข้าใจร้ายแล้วกัน!”เจียงเซี่ยวตวาดอีกครั้ง ทุกคนจึงไม่กล้าพูดอะไรอีก เพียงแค่พยักหน้าเห็นด้วยคนเราเมื่ออยู่ใต้ชายคาบ้านคนอื่นย่อมต้องยอมก้มหัว!รุ่งเช้า หวังหยวนและกองทัพเริ่มมุ่งหน้าสู่ภูเขาแห่งนี้!ชนเผ่าต่าง ๆ ล้วนได้รับข่าว บัดนี้หวาดผวาไปหมด เพียงแค่เสียงลมพัดก็คิดว่าเป็นศัตรู!ทุกคนต่างเกรงกลัวอำนาจของหวังหยวน ใครจะกล้าต่อกรกับเขา?แม้จะหลบอยู่ในภูเขา แต่หากหวังหยวนตีฝ่าแนวป้องกันมาได้จะทำเช่นไร?ผลลัพธ์สุดท้ายย่อมเดาได้!เมื่อคิดได้เช่นนี้ เหล่าหัวหน้าเผ่าจึงมารวมตัวกัน“พวก
“ส่วนเรื่องของตานสยงเฟย ข้าจะจัดการภายหลัง”ตานสยงเฟยเป็นคนดื้อรั้นและแข็งแกร่งอย่างแท้จริง ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจไต่เต้าสร้างพรรคทมิฬขึ้นมาได้!หวังหยวนเข้าใจเรื่องนี้ดี จึงไม่โทษต่งอวี่“ขอบพระคุณท่านผู้นำขอรับ!”ต่งอวี่รับคำ แล้วเดินออกไปพรุ่งนี้มีศึกใหญ่ ต้องพักผ่อนให้เต็มที่ จึงจะมั่นใจได้ว่าจะไม่พลาด!แม้ว่าจะเลยเที่ยงคืนไปแล้ว หวังหยวนและคนอื่น ๆ นั้นหลับสนิท แต่ในเวลานี้ ชนเผ่าต่าง ๆ ที่เป็นศัตรูกับหวังหยวนกลับยังไม่พักผ่อน เหล่าหัวหน้าเผ่ารวมตัวกันเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับมาตรการตอบโต้!แต่ทุกคนล้วนมีสีหน้ากังวล!“พวกท่านคงได้ยินแล้วกระมัง?”“หวังหยวนนำทัพมาเอง บัดนี้ใกล้จะเปิดศึกกับพวกเราแล้ว จะทำเช่นไรดี?”“ทุกคนคงรู้จักชื่อเสียงของหวังหยวนดี เขาไม่ใช่คนอ่อนแอเลย!”“หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ แม้มีความกล้าหาญกว่านี้สิบเท่า ข้าก็ไม่กล้าไปยั่วยุราชวงศ์ต้าเย่!”ตอนนี้ทุกคนต่างเสียใจ อยากถอนตัวกลับกันทั้งนั้นช่างน่าเจ็บใจยิ่งนัก!เดิมทีคิดว่าราชวงศ์ต้าเย่ใกล้สิ้นอำนาจ แผ่นดินจะวุ่นวาย!แต่ไม่คาดคิดเลยว่าพวกเขายังมีแผนสำรอง ยอมทุ่มเทกำลังคนและทรัพย์สินเพื่อเชิญหวังหย
หวังหยวนโบกมือ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “กองทัพไม่ได้อยู่ที่จำนวนมาก แต่อยู่ที่ความแข็งแกร่ง พวกนั้นเป็นแค่ชนเผ่าป่าเถื่อน จะทำอะไรข้าได้?”“เพียงทหารห้าหมื่นนายของข้าก็เพียงพอแล้ว!”“ท่านขุนพลแค่ประจำการอยู่ในเมือง รอฟังข่าวดีจากข้าก็พอ!”หวังหยวนกล่าวด้วยความมั่นใจแน่นอนว่าหวังหยวนไม่ใช่คนโง่ เขาย่อมรู้ดีว่าหากให้ซือฟางนำทหารออกรบพร้อมกัน เมื่อถึงเวลาแบ่งปันดินแดนจะทำเช่นไร?ช่างยุ่งยากยิ่งนัก!สู้ให้เขานำทัพไปปราบชนเผ่าต่าง ๆ เอง เมื่อสำเร็จ ดินแดนเหล่านั้นก็ตกเป็นของเขาย่อมดีกว่า!แม้มีผู้ใดคิดแย่งชิงก็คงไม่มีโอกาส!ยิ่งกว่านั้น คาดว่าซือฟางคงไม่กล้าเช่นนั้น!หากทั้งสองฝ่ายเปิดศึก ผลลัพธ์ย่อมเป็นหายนะ!ยิ่งไป๋เหยียนเฟยประชวรหนักย่อมกระทบขวัญกำลังใจ ราชวงศ์ต้าเย่จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปสู้รบ?“ในเมื่อท่านหวังกล่าวเช่นนี้ ข้าก็จะรอฟังข่าวดี”“ขอให้ท่านหวังได้รับชัยชนะ!”ซือฟางประสานมือกล่าวทุกคนสนทนากันอีกสักพัก จากนั้นก็แยกย้ายกันไปซือฟางต้องดูแลการป้องกันเมืองจึงกลับไปก่อน ส่วนไป๋ลั่วหลีอยู่ที่ค่าย คอยช่วยเหลือหวังหยวนวางแผนรบ!ต้องมีคนรู้จักภูมิประเทศนำทาง หวังหยวนจึงจะ
นอกเมืองหลวงหวังหยวนเดินทางพร้อมกับไป๋ลั่วหลีกลับมายังค่ายของตนทันทีที่ทั้งสองก้าวเข้ามา ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบดังมาจากด้านนอก ซือฟางในชุดเกราะเดินเข้ามาต้อนรับเนื่องจากไป๋ลั่วหลีได้แนะนำให้ทั้งสองรู้จักกันแล้ว หวังหยวนจึงยิ้มพลางกล่าวว่า “ข้ากำลังสงสัยว่าเป็นผู้ใด ที่แท้ก็เป็นท่านขุนพลนี่เอง! เชิญเข้ามาเถิด!”“ท่านหวังเกรงใจเกินไปแล้วขอรับ!”“ท่านมาไกล แถมยังช่วยข้าปราบกบฏทางเหนือ เชิญท่านเข้าไปก่อนเถิดขอรับ!”ซือฟางกล่าวตอบอย่างสุภาพไม่นาน ทุกคนต่างเข้าไปในกระโจมใหญ่ต้าหู่และต่งอวี่ยืนขนาบข้างหวังหยวน ดูองอาจน่าเกรงขาม!ซือฟางมองไปที่ทั้งสอง แล้วเอ่ยถามอย่างสงสัย “ไม่ทราบว่าสองท่านนี้คือใครหรือขอรับ?”ทั้งสองดูสง่างาม เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งความกล้าหาญ คงไม่ใช่คนธรรมดาเป็นแน่!ซือฟางเป็นขุนพลมายาวนานย่อมมีสายตาที่เฉียบคม!หวังหยวนแนะนำด้วยรอยยิ้ม “ท่านที่อยู่ทางซ้ายมือข้าคือต่งอวี่ นักธนูมือหนึ่งในใต้หล้า ยิงธนูไม่เคยพลาดเป้า เป็นขุนพลเอกในกองทัพ!”“กองกำลังพลธนูที่ข้าฝึกฝนล้วนอยู่ภายใต้การบัญชาการของเขา!”ต่งอวี่พยักหน้าทักทาย“ส่วนท่านที่อยู่ทางขวาคือพี่น
“หรือว่าแผ่นดินนี้จะต้องตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น?”สิ้นคำพูด ซือฟางก็ซัดกำปั้นลงบนกำแพงเมืองอย่างเดือดดาล!เหล่าขุนพลที่ยืนอยู่ด้านหลังต่างไม่กล้าเข้าไปใกล้ หรือแม้แต่จะเอ่ยปาก!“ท่านขุนพลไม่ต้องกังวล!”ทันใดนั้น ขุนนางชราผู้หนึ่งก็เดินออกมา บนใบหน้ามีเคราสีขาวโพลน เพียงดูก็รู้ว่าไม่ใช่บุคคลธรรมดาอย่างแน่นอน!คนผู้นี้คือที่ปรึกษาคนสำคัญของไป๋เหยียนเฟยนามว่า เจี๋ยงโฉ่วอี!ในราชสำนัก ผู้ที่อยู่เหนือเขามีเพียงจักรพรรดินีเท่านั้น!บัดนี้ไป๋เหยียนเฟยป่วยหนัก ขุนนางน้อยใหญ่ล้วนพึ่งพาเจี๋ยงโฉ่วอี ราชกิจสำคัญล้วนตกเป็นภาระให้เขาตัดสินใจทั้งสิ้น!เห็นได้ชัดว่าเขามีอำนาจสูงส่งล้นฟ้า!“ปรากฏว่าเป็นท่านเจี๋ยงนี่เอง!”“ท่านคงได้ยินสิ่งที่ข้าพูดไปเมื่อครู่แล้วกระมัง?”ซือฟางประสานมือคารวะเจี๋ยงโฉ่วอี แล้วเอ่ยถามเจี๋ยงโฉ่วอีพยักหน้า กล่าวอย่างใจเย็นว่า “ข้ารู้ว่าท่านขุนพลจงรักภักดี ย่อมคิดถึงฝ่าบาท แต่พระองค์ก็มีเรื่องที่ต้องกังวลเช่นกัน!”“ครั้งนี้พระองค์ไม่เพียงต้องการให้หวังหยวนช่วยปราบปรามอริทางเหนือเท่านั้น แต่ยัง...”กล่าวได้ครึ่งหนึ่ง เจี๋ยงโฉ่วอีก็หยุดพูด พร้อมกับเหลือบมองขุนพลน