ความสัมพันธ์รักของเป็กกับกัสนั้นคืบหน้าไปฝ่ายเดียว ยิ่งเป็กเห็นกัสนั้นไม่ได้รักเขา กลับเป็นสิ่งที่โหยหามานาน ด้วยความหล่อรวยส่วนใหญ่จะมีคนเข้ามาหาเป็นประจำแต่ไม่ใช่กัส นั่นเป็นเหตุทำให้เป็กคลั่งรักเป็นอย่างมาก
ส่วนกัสอยากจะตะโกนดังๆ ว่าไม่ได้รักและหาอยากอยู่ใกล้ชิดกับเป็กไม่ แต่ก็ทำไม่ได้เนื่องด้วยตอนเช้าเป็กจะมารับไปเรียนที่มหาวิทยาลัย ตอนเย็นหลังซ้อมละครเวทีเฉกเช่นเดียวกันมารอรับไปส่งยังห้องพัก บางวันพาไปทานอาหารหรูซื้อของกินของใช้ในราคาแพง ซึ่งตรงนี้เองที่กัสไม่สามารถปฏิเสธได้เลย จึงต้องจำยอมแต่โดยดุษฎี เหมือนโดนบังคับให้รับสิ่งของที่ตัวเองขาด
วันนี้เช่นเดียวกันไม่เปลื่ยนแปลงเป็กมารอรับกัสยังหน้าห้องซ้อมละครเหมือนเดิมเช่นปกติ แต่ที่ผิดเพี้ยนไปจากเดิมคือห้องซ้อมละครเวที ที่มีความตึงเครียดของเหล่ารุ่นพี่ในชมรมละคร เพราะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นมากะทันหัน โดยที่ เจนนี่ เกรซ และ พีค ต้องยืนนิ่งไม่กล้าบอกเพื่อนน้องๆ นักศึกษาในชมรมละครเวที ว่ามีเรื่องเหตุการณ์อันน่าเศร้าสำหรับทุกคน แต่ถึงอย่างไรก็ต้องบอกอยู่ดี พีคจึงตัดสินใจเป็นคนพูดเองเพื่อให้ทุกคนได้รับรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้น
“น้องๆ คงสงสัยกันใช่ไหมว่าทำไมวันนี้ถึงยังไม่มีการซ้อมละคร” พีคในฐานะประธานชมรมละคร พูดด้วยสีหน้าอันบ่งบอกว่าไม่อยากจะทำพูดอีกเลยต่อจากนี้
“พูดเลย น้องๆ จะได้เลิกคาใจ” เจนนี่สงสายตาอันเศร้าหมองผ่านไปยังพีคที่ยืนนิ่งกล้าๆ กลัวๆ บอกความจริงให้ทุกคนได้รับรู้
“เราต้องหยุดซ้อมละครกันตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”
บรรดานักศึกษาชมรมต่างมองหน้ากัน และซุบซิบด้วยเสียงเริ่มดังขึ้น มีเพียงสองคนในนั้นที่นิ่งไม่พูดจาอะไร เขื่อนรู้มาบ้างเพราะเป็นแฟนของพีคจึงได้รับรู้ข่าวมาพอสมควร ส่วนกัสนิ่งด้วยท่าทางนิสัยเป็นทุนเดิม
“สาเหตุที่เราต้องเลิกแสดงละครเวทีเรื่องนี้ ก็เพราะทางคณะกรรมเห็นสมควรต้องกันว่า ละครเรื่องนี้ไม่เหมาะที่จะแสดงในมหาวิทยาลัย โดยบทละครในเรื่องทางคณะกรรมการมหาวิทยาลัยคิดว่าเนื้อหาล่อแหลมเกินไป” พีคหลบตาต่ำลงด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง
“แต่ไม่ต้องกลัวนะ เราจะพยายามหาเรื่องใหม่มาทดแทนเรื่องนี้ก็แล้วกัน ทางพี่ๆ จะหาหลายๆ เรื่องนำเสนอ น้องๆ พร้อมใจกับฝีกซ้อมอย่างหนักไหม ถ้าเกิดต้องซ้อมในระยะเวลาอันสั้นนี้” เจนนี่พูดขึ้นด้วยสีหน้าที่แฝงไว้ความมุ่งหมาย
“พร้อม” บรรดานักศึกษาทุกเสียงต้องพูดขึ้นพร้อมกันทุกทั่วตัวตน
“ถ้างั้นพวกน้องๆ รอพี่ๆ ก่อนนะ ถ้าพี่ได้เรื่องที่เหมาะสม พวกพี่จะรีบไปนำเสนอถ้าผ่านเราจะได้มาเจอกันอีกครั้งแน่นอน และอีกอย่างพี่จะยังทำเป็นละครเวทีวายอยู่เหมือนเดิม เราต้องสู้ไปพร้อมกันนะ” เกรซแอคติ้งโค้ชกล่าวอย่างมาดมั่น
“พี่เสียใจมากที่ต้องพูดคำนี้ วันนี้พอแค่นี้แหละ วันหลังถ้ามีโอกาสเราจะได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ทุกคนกลับได้แล้วถ้ามีความคืบหน้าอย่างไรพี่จะส่งข่าวไปหาทุกคน พี่จะส่งไปในไลน์กลุ่มอีกครั้ง” พีคพยักหน้าและยืนนิ่งปล่อยให้น้องๆ ในชมรมละครเวทีได้เดินออกไป อย่างความรู้สึกเสียดายเสียใจเสียความตั้งใจไปอย่างพอสมควร
กัสยืนนิ่งเฉยมองทุกคนเดินออกไปจนเกือบหมด เหลือเพียงตัวเขาและเขื่อนที่ยืนข้างกันแต่ไร้วาจาตอบโต้ จนกระทั่งพีคเดินเข้ามาใกล้ๆ
“กัส พี่ขอโทษนะ เราอุตส่าห์ซ้อมกันมาอย่างดี แต่จนมาเจอเหตุการณ์แบบนี้พี่ไม่รู้จะพูดอะไร” พีคพูดขึ้นด้วยเสียงอ่อยลง
“ไม่เป็นไรครับพี่พีค เราทุกคนก็ไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้นหรอกครับ”
“ขอบใจมากนะที่เข้าใจพวกพี่ แต่ถ้ามีละครเรื่องต่อไปรับรองกัสต้องเป็นหนึ่งในนั้น รวมทั้งเขื่อนด้วย”
“อืม” กัสแค่พยักหน้า เมื่อได้ยินคำว่าเขื่อนขึ้นมาอีกครั้ง
“วันนี้มีมาคนมารับไหม” พีคเบิกสายตามองกัส
“เอ่อ”
“กัส” เสียงของเป็กดังขึ้น
เป็กที่รออยู่หน้าห้องเมื่อไม่เห็นกัสออกมาสักที ทั้งๆ ที่เขาเห็นนักศึกษาในชมรมต่างทยอยเดินออกมาจนเกือบหมด
“เอ่อ” พีคพยักหน้าให้กัส แล้วหันหน้ามามองเขื่อนใช้สายตาบ่งบอกให้กลับกันได้แล้ว
เพียงมองตาก็รู้ใจทั้งสองจึงได้เดินออกจากห้องไปอย่างเศร้าสร้อย เขื่อนนั้นรู้สึกเสียดายและเสียใจไม่แพ้พีค แต่กับอีกคนที่นิ่งเฉยมีอะไรบางอย่างอยู่ในใจ สายตาคู่นั้นมองด้วยความแค้นเคืองสุมอก
“เขาเดินไปไกลขนาดนั้นยังจะมองอะไรอีก กลับได้แล้วเรามันคนเลวๆ สองคนต้องอยู่ด้วยกัน ปล่อยให้คนดีๆ เขาไปด้วยกันเถอะ” เป็กกระซิบข้างๆ หูของกัส
เพียงได้ยินคำนี้สายตาของกัสปราดมองด้วยความไม่พอใจ เพราะกลัวคำพูดนี้หลุดออกไปให้คนภายนอกได้ยิน เพราะได้มีบางสิ่งบางอย่างที่ทั้งสองกระทำร่วมกัน
“อย่าพูดมาก” กัสมองค้อนแล้วรีบเดินออกไปจากห้องซ้อมละครเวทีทันที โดยมีเป็กเดินตามไม่ห่าง จนกระทั่งได้มาเดินเคียงคู่กัน
“เราทำอะไรให้นายไม่พอใจอีกเหรอ เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ เราอุตส่าห์ทำตามที่นายบอกทุกอย่าง”
“รู้แล้ว”
“นายจะไม่ตอบแทนเราซักหน่อยเหรอ เราอุตส่าห์เสี่ยงทำสิ่งชั่วๆ ให้นาย” เป็กยิ้มมุมปาก
“ทุกวันนี้ยังไม่ตอบแทนอีกเหรอ”
“เราไม่ได้ต้องการสิ่งตอบแทนแบบนี้ เราไม่ได้แค่อยากได้ตัวนายแต่เราอยากได้ใจของนายด้วย”
“ถ้านายทำอะไรให้เราแบบนี้หลายๆ เรื่องเราอาจจะรักนายขึ้นมาก็ได้”
“จริงเหรอ”
กัสไม่พูดอะไรหรอกมาได้แต่ทำหน้านิ่งๆ ส่วนเป็กยังยิ้มระรื่น ถึงแม้ลึกๆ จะรู้ว่ากัสนั้นน่าจะหลอกใช้อย่างแน่นอน แต่การหลอกใช้หลายๆ ครั้งเป็กยังมีความคิดเพ้อฝันไปอีกว่า จะทำให้กัสนั้นรักเขาได้สักวันหนึ่งอย่างแน่นอน
“เราไม่เข้าใจนายอยู่ๆ ทำไมต้องทำลายละครเรื่องนี้”
“เราไม่อยากเล่นแล้ว”
“ทำไม”
“ไม่รู้ ไม่อยากก็คือไม่อยาก” กัสยังทำหน้านิ่งเหมือนเดิม
“ไม่อยากก็คือไม่อยาก อย่างงั้นเราก็ไม่อยากรู้เหมือนกัน” ด้วยที่เป็กเป็นคนที่ไม่ได้คิดอะไรมากมายเขาจึงไม่อยากจะถามอะไรไปมากกว่านี้
ในระหว่างเดินทางไปที่รถ กัสได้นึกถึงสิ่งที่ให้เป็กได้ทำให้ ตอนแรกไม่ได้อยากให้เป็นเช่นนี้ แต่ด้วยความริษยาเขื่อนที่ได้ความรักจากพีคไป ตราบใดยังเป็นเช่นนี้เขาไม่มีความสุขในการแสดงละคร ถึงแม้ในบทจะไม่ได้พีคทั้งคู่ แต่ในชีวิตไม่ได้เป็นเช่นนั้น กัสจึงตัดสินใจให้ละครเวทีเรื่องนี่ยุติ เพื่อทั้งคู่จะได้ห่างกันมากขึ้น เมื่อไม่มีการแสดงละคร พีคและเขื่อนจะมีความสัมพันธ์กันน้อยลง เพราะเขื่อนต้องทำงานพาร์ทไท้อย่างเต็มที่ เมื่อไร้ซ้อมละครทุกเย็นจนค่ำเกือบทุกวัน
สองร่างนอนเคียงคู่กันหลังเสร็จภารกิจรักอันดุเดือด ใบหน้าของกัสนิ่งเฉยเพราะแค่มีความสุขเพียงกาย แต่กับเป็กนั้นสุขทั้งกายและใจอย่างเหลือล้น
“เมื่อไรหนอเราจะได้ใจนายสักที” เป็กตะแคงร่างมากอดกัสไว้แนบอก
“ถ้าอยากได้ใจเรานายก็ต้องทำบางสิ่งบางอย่างให้เราได้เห็นก่อน” ใบหน้าของกัสยังนิ่งเฉยไม่เปลื่ยนแปลง
“ได้ บอกมาเลยเราจะทำให้นายทุกอย่าง”
“เราไม่อยากเล่นละครเวทีแล้ว”
“ไม่เล่นก็ไม่ต้องเล่นสิ ลาออกมาได้เลย” เป็กรู้สึกยินดีอย่างมากเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ออกมาจากปากของกัส
“ได้ไงซ้อมจนจบเรื่องแล้ว อีกไม่นานเท่าไรก็ต้องแสดงจะมาลาออกให้โดนด่าตามหลังหรืออย่างไง”
“แล้วนายจะให้เราทำอย่างไรบอกมาสิ เราจะทำให้นายทุกอย่าง”
“นายก็หาวิธีที่แยบยลกว่านี้ไม่ได้เหรอ ประมาณโดนแบนไม่ให้แสดงละครเวทีเรื่องนี้” กัสกัดริมฝีปากเล็กน้อยพร้อมครุ่นคิดอะไรบางอย่างออมา
“อะไร” เป็กยังมีสีหน้ามึนงงอยู่เหมือนเดิม
“นายพอจะรู้จักอาจารย์หรือใครก็ได้ ที่พอมีอำนาจสั่งให้หยุดแสดงละครเรื่องนี้ได้ แต่เราไม่ต้องไปบอกตรงๆ หรอก แค่บอกว่าละครเรื่องนี้มีเนื้อหาล่อแหลมให้คณะกรรมในมหาวิทยาลัยได้รับรู้”
“มีญาติห่างๆ พ่อเรา แต่เราก็ดูแล้วเนื้อหาไม่น่าล่อแหลมอะไรนี่”
“สำหรับพวกเราไม่ล่อแหลมหรอก แต่พวกผู้ใหญ่เขาอาจไม่มองอย่างเช่นพวกเรา นายก็ลองๆ พูดกับญาตินายดูก็ได้”
“เราไม่มีเหตุผลอะไรไปพูดอย่างนั้น”
“นายอยากได้ใจเราไม่ใช่เหรอ นายก็ต้องหาเหตุผลให้ได้สิ” กัสเริ่มรู้สึกโมโหและไม่ค่อยพอใจในคำพูดของเป็กขึ้นมากะทันหัน
“ได้ เดี๋ยวเราหาทางเอง แต่นายจะให้อะไรเราตอบแทน” เป็กลูบไล้ไปบริเวณบั้นท้ายของกัส
“ถ้านายต้องการเราก็จะยอมนายอีกรอบหนึ่ง”
เป็กรู้สึกยินดีปรีดายิ่งนักเมื่อได้ยินคำนี้ ถึงแม้จะรู้ว่าโดนหลอกใช้แต่ก็เต็มใจ เพื่ออยากได้สิ่งนี้และใจของกัสที่นับวันยิ่งรักมากขึ้นทุกขณะ เป็กจึงไม่รอช้าเริ่มบรรเลงเพลงรักนี้อีกครั้งในหนำใจ
ตอนที่51 รักกับไม่รัก ความเงียบสงบในห้องบรรทมไร้ผู้คน ยิวผู้อาภัพนอนนิ่งด้วยความสิ้นหวัง เขาไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรดีต่อจากนี้ ในระหว่างที่กำลังครุ่นคิดเรื่องราวที่เกิดขึ้นช่วงเวลาผ่านมา เขาก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อหน้าต่างได้เปิดออกมาอย่างง่ายดาย ช่วงเวลานั้นยิวรีบลุกขึ้นด้วยความตื่นตระหนก แต่เมื่อชายชุดดำที่เข้ามาทางหน้าต่างได้เปิดผ้าคลุมออก ยิวตกใจเป็นสองสามเท่าอย่างทันท่วงที “เสือเข้ม”ยิวผลอหลุดคำพูดนี้ออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ “จำผัวเก่าได้แม่นเหมือนกันนะ”เสือเข้มเดินเข้ามาใกล้ๆร่างของยิวที่กำลังยืนตกตะลึงงงงันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวในค่ำคืนอันโดยเดี่ยวเดียวดาย “เอ็งมาทำไม”ยิวลุกขึ้นจากเตียงนอนและรีบวิ่งไปยังประตู ความไวของยิวไม่สามารถต้านพละกำลังของเสือเข้มได้ เพราะในช่วงเวลานั้นเสือเข้มได้วิ่งตัดหน้ามาขวางประตูไว้อย่างรวดเร็ว “จะไปไหนเห็นผัวแล้ววิ่งหนีหมายความว่าอย่างไรกัน หรือว่าจะไปหาผัวใหม่ไอ้แม่ทัพวิศรุฒน่ะเหรอ ฝันไปเถอะว่ามันจะมาช่วยเองได้ ปานนี้กำลังเตรียมงานแต่งงานอยู่ ในอีกไม่กี่วันนี
เมื่อไม่ได้มีการซ้อมละครเวทีเขื่อนจนมีเวลาให้กับงานที่ทำมากขึ้น ไม่ว่าจะหลังเลิกงานหรือแม้แต่วันเสาร์อาทิตย์เขื่อนทุ่มเวลานั้นอย่างเต็มที่ จนทำให้ไม่มีเวลาไปมาหาสู่กับพีคอย่างเช่นแต่ก่อน และมีอยู่อีกเหตุหนึ่งนั้นเขื่อนได้มีความใกล้ชิดกับเพื่อนร่วมงานคนใหม่มากขึ้น ตอนกลับห้องหรือไปไหนหลังจากเลิกงาน ก็ไปด้วยกันตลอดเวลา จึงทำให้ความสัมพันธ์ของพีคกับเขื่อนได้จืดจางลงไปอย่างไม่ค่อยรู้ตัวหลังจากเลิกงานวันนี้ก็เป็นอีกวันที่เขื่อนได้กลับพร้อมกับหนุ่มรุ่นน้อง ที่ได้พึ่งได้มาทำงานได้ไม่นานแต่ความสนิทสนมกันนั้นแสนมาก“เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเห็นพี่พีคมารับพี่เขื่อนเลยครับ” เจษเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าใคร่สงสัย และมีความดีใจอยู่พอสมควร“พี่พีคไม่ค่อยว่าง เพราะตั้งแต่ไม่ได้แสดงละครด้วยกัน พี่พีคเขาต้องหาบทละครมาสร้างอีก ช่วงนี้เลยห่างๆ กันไป”“อ่อ ถึงว่าสิทำไมไม่ค่อยเห็นพี่พีค แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกครับเพราะถึงอย่างไงพี่เขื่อนยังมีผมอยู่เป็นเพื่อน” เจษอมยิ้มนิดๆ“อืม” เขื่อนไม่ได้พูดอะไรต่อจากนี้ ได้แต่ยืนรอรถเมล์เที่ยวสุดท้ายที่จะกลับห้อง“โชคดีนะ ที่เราสองคนอยู่ใกล้ๆ ขึ้นรถสายเดียวกัน” เจษยังยืนยิ้มอยู่ไม่วาย“พ
เสือเข้มผู้โหดเหี้ยมได้มีความรักโดยอย่างไม่ตั้งใจ จากเมื่อก่อนอยากอยู่ไปเรื่อยๆแต่ในปัจจุบันความคิดนั้นได้เปลื่ยนไปอย่างมาก เพราะยิวได้สร้างห้องแห่งรักไว้ในหัวใจ จึงทำให้เสือเข้มเกิดความทะเยอะทะยานอยากได้ยิวมาครอบครองเขาจึงต้องทำทุกวิถีทาง เพื่อจะทวงราชบัลลังก์คืนแกตัวเขาและยิว การรวบรวมกำลังพลในค่ายเสือ ถึงจะไม่ได้มากมายเท่ากับกองทัพแห่งเมืองเมฆาบุรี ที่ตอนนี้เปลื่ยนชื่อเป็นเมืองวิหค กว่าที่เสือเข้มจะระดมบรรดาโจรทั่วเมืองเมฆาบุรีได้ใช้เวลานานพอสมควร และได้ติดต่อจากเมืองอื่นๆอีกมากมายเพื่อมาช่วยในครั้งนี้ โดยมีผลตอบแทนพื้นที่บางส่วนให้ไว้อาศัยอยู่ และทรัพย์สินในวังอันมีค่าบางส่วน ในที่สุดวันที่เสือเข้มรอคอยก็มาถึง เขาได้บุกเข้าเมืองเมฆาบุรีแบบกองโจร ไม่ได้ปะชิดสู้ตรงๆ เพราะขืนทำอย่างนั้นไม่มีทางที่จะชนะแม่ทัพวิหคและอำมาตย์มงคลได้อย่างแน่นอน โดยการครั้งนี้เสือเข้มเป็นผู้วางแผนและสั่งการเองทุกอย่าง โดยเริ่มต้นยามค่ำคืนอันเงียบสงัดและเผลอไผลไม่คาดคิดว่าจะมีเหตุการณ์อันร้ายแรงเกิดขึ้น “พี่น้องทุกคนพร้อมกันหรือยัง”เสือเข้มประกาศก้องใกล้ๆเมืองชั
ค่ำคืนที่หาบทละครเวที พีคกำลังขะมักเขม้นทำอย่างจริงใจ แต่ในช่วงเวลาเดียวกันพีคได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เมื่อดูชื่อที่ปรากฏเป็นกัส พีคจึงรีบรับทันทีเพราะปกติไม่เคยโทรมาแต่อย่างใด “ฮัลโหล น้องกัสมีอะไรหรือเปล่า” “มี แต่ กัสไม่อยากบอกพี่เลยครับ” “เรื่องอะไร บอกมาเลยถ้าไม่บอกพี่โกรธจริงๆนะ” “ก็เรื่องของเขื่อนไงครับ คือ ว่า เอ่อ อ่า อืม” “พูดมาเลยว่าเรื่องอะไร” “คือ เรื่องเด็กคนนั้นน่ะของเขื่อน เท่าที่กัสสังเกตหน้าจะมีอะไรมากกว่าเพื่อนร่วมงานอย่างแน่นอน” “พี่ก็สงสัยแต่พี่ไม่มีหลักฐานอะไร” “คือ คืนนี้พี่ลองไปหาเขื่อนที่ห้องพักแบบไม่ให้รู้ตัวสิครับ” “น้องกัสรู้อะไรมาเหรอ” “อืม กัสไม่พูดดีกว่าพี่พีคไปดูเองเถอะ” “อืม ก็ได้ ขอบใจกัสมากนะ” “ไม่เป็นไรครับ” เมื่อพีคกดวางโทรศัพท์มือถือ ก็ขับรถไปหาเขื่อนในทันที โดยไม่บอกกล่าวอะไรทั้งนั้น เพราะตอนนี้ค่อนข้างให้ความเชื่อใจกัสมากกว่าเขื่อนเสียอีก พีคขับรถไปอย่างกระวนกระวายยิ่งนัก ด
ยิวนั่งหมดอะไรตายอยากในห้องบรรทมอย่างเงียบเหงา ด้วยไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อจากนี้ หมดสิ้นหนทางอย่างไร้ที่หมาย เขาถึงกับถอนหายใจถี่ก้มมองลงพื้นด้วยความกลัดกลุ้มในใจอย่างรวดร้าว แต่แล้วเมื่อเขาได้ยินเสียงประตูเปิดออก ความรู้สึกนั้นได้จางหายไปในทันที เมื่อร่างขององค์ชายศิธาปรากฏ“นั่งเหงาเลยนะองค์ชายเมธี”“ถ้ามาพูดแค่นี้ไม่น่าต้องเสด็จมาก็ได้”“ข้ามีเรื่องจะบอกองค์ชายถึงมานี่ เรื่องนี้ข้าเท่านั้นที่ต้องบอก จะได้สมน้ำสมเนื้อกับองค์ชาย”“เรื่องอะไร” ยิวให้ไปทั้งใบหน้ามององค์ชายศิธาที่ยืนยิ้มอย่างเย้ยหยัน“แม่ทัพวิศรุฒออกเดินทางไปยังเมืองเมฆาบุรีแล้ว”ยิวไม่ได้ตอบโต้อะไร เพราะเขารู้สึกใจหายหวั่นๆ อยู่เหมือนกัน เพราะนั่นเท่ากับเขาอยู่ที่นี่อย่างไร้ความหมาย“รู้ไหม ทำไมแม่ทัพวิศรุฒถึงไปยังเมฆาบุรี”“ข้าไม่รู้”“เพราะที่เมฆาบุรีเกิดการกบฏอีกครั้ง และคนก่อกบฏก็เป็นเสือเข้ม องครักษ์ขององค์ชายนี่ใช่ไหม”ดวงตาของยิวเบิกโตตื่นเต้นไม่คาดคิดว่าเสือเข้มจะทำได้จริงๆ และนั่นเขาก็หวั่นๆ ว่าจะเกิดร้ายไม่ดีกับแม่ทัพวิศรุฒ“เพลานี้เมืองเมฆาบุรีกำลังวุ่นวาย เสด็จพ่อของข้าจึงสั่งจัดการให้สิ้นซาก”“บอกข้าทำไม” ยิว
กัสยังไม่ได้เริ่มเขียนนิยายแม้แต่คำเดียว เป็กก็มาถึงยังห้องนอนอย่างรวดเร็ว จึงมีความจำเป็นต้องหยุดทุกอย่างไว้แค่นั้น“เราทำให้นายทุกอย่างเลยนะ ว่าแต่นายจะทำอะไรให้เราบ้างล่ะในคืนนี้” เป็กกอดร่างของยิวไว้แน่นพร้อมบรรจงจูบทั่วใบหน้า ไม่ว่างเว้นแม้แต่ส่วนเดียว“ไปอดอยากมาจากไหน” กัสยังนิ่งเฉยไม่ขัดขืนแต่อย่างใด“ใช่ อดอยาก อมให้หน่อย” เป็กหยุดสัมผัสเรือนกายของกัสและปลดอาภรณ์ทุกชิ้นออกไม่มีเหลือ พร้อมกับล้มตัวลงนอนข้างๆ กัสที่นั่งยิ้มแต่ใจนั้นแสนเบื่อหน่ายกัสไม่สามารถที่จะปฏิเสธการนี้ได้ เขาจึงจับท่อนเอ็นของเป็กที่กำลังแข็งตั้งตระหง่าชูชัน พร้อมกับก้มใบหน้า ใช้ริมฝีปากสัมผัสท่อนเอ็นส่วนปลายสีชมพูอ่อนๆ จากทีแรกรู้สึกเบื่อหน่ายแต่เมื่อเห็นท่อนเอ็น ทำให้มีอารมณ์ร่วมมากขึ้นกัสจึงใช้ปลายลิ้นสัมผัสไล้เลียวนมาวนไปอย่างใคร่กระหาย“อืม อืม อืม” เป็กครางออกมาด้วยความเสียวซ่านอย่างถึงใจ“จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ” เสียงอมรูดท่อนเอ็นดังอย่างต่อเนื่องริมฝีปากอันเล็กรูดท่อนเอ็นขึ้นลงอย่างช้าๆ และใช้ปลายลิ้นตวัดเลียไปมา พร้อมกับเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนร่างของเป็กสั่นสะท้าน ความรู้สึกสยิวท่อนเอ็นอย่างต่อเนื่อง
เวลาที่แม่ทัพวิศรุฒรอคอยได้มาถึง เมื่อถึงเวลาเขาบุกเข้าไปในเมืองเมฆาบุรีทันที แต่ยังไปไม่ถึงป้อมปราการ ทัพเสือเข้มวิ่งกรู่เข้ามาอย่างรวดเร็ว สองกองทัพต่างวิ่งถือดาบธนูเข้าหากัน เหมือนกับเคืองแค้นกันมาหลายภพหลายชาติเหล่าทหารกองทัพเมืองศิลานครนำทัพโดย แม่ทัพวิศรุฒนั้นร่างกายค่อนข้างแกร่งฝีมือดี เพราะผ่านศึกสงครามและฝึกฝนอย่างหนัก ในทางกลับกันฝีมือของกองทัพเสือเข้มร่างกายได้หาแข็งแกร่งไม่ ฝีมือใช่ว่าจะดีมากมาย แต่ที่ชนะกองทัพของราชาวิหคเพราะรบแบบกองโจร และแผนการอันแยบยล ในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ถึงแม้จะมีทหารโดยแท้ปะปนมาด้วย แต่หาเทียบเหล่าทหารแม่ทัพวิศรุฒได้ โดยการครั้งนี้มีเสือเข้มนำกองทัพออกรบ แต่บรรดาทหารไม่ได้ออกมาทั้งหมดแม่ทัพวิศรุฒก็รู้ดีเช่นกัน เพราะทราบข่าวจากการสู้รบของเสือเข้มจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา เขาจึงเตรียมการไว้อย่างดี เมื่อเขาได้นำทัพมาถึงกลางสนามรบ แต่ไม่สามารถฝ่าเข้าไปได้ในทันที เพราะเสือเข้มออกมาสู้ประจันหน้า และพร้อมกับสองข้างฝั่งมีกองโจรดักอยู่ คอยยิ่งธนูไม่ขาดสายถึงเป็นเช่นนั้นแม่ทัพวิศรุฒหากลัวไม่ เพราะสองฝั่งเขาให้จอมและทันเดินทัพออกห่างออกไปไกล เมื่อถึงเวลารบจ
กัสหยุดเขียนนิยายไปหลายวัน และเริ่มตีตัวออกห่างเป็กแล้วเข้าหาพีคในช่วงเวลาเดียวกัน ค่ำคืนนี้จึงเป็นแผนเผด็จศึกและเสร็จศึกให้จบสิ้น เขาจึงรีบโทรหาพีคในทันใด“ฮัลโหลมีอะไรหรือเปล่าน้องกัส”“พี่พีค” กัสร้องสะอื้นไห้ออกมา“เป็นอะไรบอกพี่มา”“เป็กเขาทิ้งกัสไปแล้ว เขาบอกเบื่อกัสไม่อยากคบเป็นแฟนอีกต่อไป”มีแต่เสียงสะอื้นไห้ของกัสแต่ไร้เสียงใดๆ ของพีค จนกัสรู้สึกใจหายและผิดหวังในสิ่งที่ทำลงไปไม่เกิดผล“ใจเย็นๆ ในเมื่อเขาไม่รักเราแล้ว ก็ปล่อยเขาไปเหมือนอย่างพี่กับเขื่อนไง อย่าเสียใจไปเลย”“แต่ อืม กัสยังคิดอดไม่ได้ครับ” กัสกลับมาดีใจอีกครั้ง“ไม่ต้องคิดอะไรมาก เอาอย่างนี้พี่จะไปอยู่เป็นเพื่อนก็แล้วกัน ในเมื่อเป็กเลิกกับกัสกันไปแล้ว พี่ไปอยู่ด้วยคงไม่เป็นปัญหาอะไรหรอก ถ้างั้นรอพี่อยู่ที่ห้องนะอย่าคิดอะไรมาก พี่จะรีบไปเดี่ยวนี้ ทำใจดีๆ ไว้นะน้องกัส”“ครับ ขอบใจพี่พีคมากที่คอยดูแลกัสตลอดมา”“อืม ไม่เป็นไร”เมื่อพีคได้วางหูโทรศัพท์มือถือ กัสถึงกับอมยิ้มและเตรียมแผนการต่อไว้อย่างดี หลังจากนั้นกัสนิ่งรอพีคมายังห้องอย่างใจจดใจจ่ออย่างมีความหวัง และคาดฝันในสิ่งที่วางแผนไว้ ซึ่งเวลาที่เฝ้ารอไม่ได้นานมา
ศีรษะที่กระแทกลงบนโน๊ตบุ๊ค ทำให้ได้แรงกระเทือนสลบวูบไปชั่วครู่ เมื่อได้สติดวงตาคู่นี้จึงลืมขึ้นทันที พร้อมหันไปมองเสียงประตูที่เปิดออก ซึ่งเห็นชายหนุ่มที่คลับคล้ายคลับคลาเหมือนคนรู้จัก แต่แล้วเขาก็ไม่ได้คิดอะไรนาน เพราะผู้ชายตรงหน้าหันมามอง และรู้ได้ทันทีว่าเป็นเป็ก“ถึงเราจะโกรธนาย แต่สิ่งที่นายให้เราทำ เราก็จะทำให้นายเป็นครั้งสุดท้าย” เมื่อเป็กพูดจบเขาก็เดินออกจากประตูไปในทันใด พร้อมปิดประตูจนเสียงดังลั่นสนั่นมือน้อยๆ กำที่ศีรษะสายตามองไปรอบๆ ดวงตาคู่นั้นถึงกับเบิกโพลงทันใด เพราะสิ่งที่เห็นเป็นห้องนอนอันคุ้นเคย มือนั้นรีบมาจับศีรษะและบริเวณลำคอทันใด“เรายังไม่ตาย” ยิวพูดขึ้นลอยๆ แล้วความแปลกใจและตื่นตระหนกยิวคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ตอนอยู่ลานประหาร สิ่งสุดท้ายที่จำได้คือแค่รับสัมผัสจากคมดาบเพียงชั่ววินาที หลังจากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้แม้แต่นิด ยิวคิดวนมาวนไปหลายรอบพร้อมหันหน้าไปมา จนเห็นโน๊คบุ๊คเปิดอยู่เขาจึงจับเม้าท์คลิกเปิดดูทันใด และสิ่งที่เขาเห็นเป็นคลิปวีดีโอตัวเขาเองกับพีคกำลังนอนกอดกัน“อะไรกันนี่ มันไม่ใชเรานี่หน่า” ยิวปิดวีดีโอนั้นทันทีเมื่อปิดวีดีโอเสร็จเขาได้เห็นเว็บเขี
ข่าวทำสงครามของแม่ทัพวิศรุฒรบชนะดังไปทั่วแคว้นแดนดิน ทั้งสองเมืองต่างเฉลิมฉลองอึกทึกครึกโครม เพราะในช่วงเวลานี้ได้เป็นพันธมิตรกัน หลังจากงานอันเป็นมงคลได้ผ่านไป แม่ทัพวิศรุฒซึ่งในเวลานี้เป็นราชาวิศรุฒ ได้ทราบข่าวร้ายในทันใด เมื่อจอมได้รีบมาบอกข่าวนี้ทันทีเมื่อได้ยินเรื่องราวไม่ดี“พระองค์ ราชาศิลาจะประหารชีวิตองค์ชายเมธีพระเจ้าค่ะ” จอมหน้านิ่วคิ้วขมวด“ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เพราะเหตุผลใดเล่า” แม่ทัพวิศรุฒมีสีหน้าวิตกกังวลยิ่งนัก“ได้ข่าวมาองค์ชายเมธีได้ฆ่าองค์ชายศิธาตายพระเจ้าค่ะ”“ไม่น่าใช่ อ่อนแอขนาดนั้น”“กระหม่อมก็ไม่รู้ แต่สายรายงานข่าวมาเช่นนี้พระเจ้าค่ะ พระองค์จะทำเช่นไรข้าอดเป็นห่วงองค์ชายเมธีไม่ได้ ถึงแม้จะไม่ใช่ตัวจริงอย่างน้อยพระองค์ท่านก็มีบุญแก่กระหม่อม”“ไม่ต้องห่วงข้าจะกลับเมืองศิลานคร แต่ข้าจะขี่ม้าไปคนเดียว เพราะจะได้ไวขึ้นกว่าไปเป็นกองทัพ”“กระหม่อมขอเสด็จตามไปด้วยนะพระเจ้าค่ะ”“ได้ ออกเดินทางวันนี้เลยเดี๋ยวไม่ทันการณ์” ราชาวิศรุฒถอนหายใจเฮือกใหญ่“พระเจ้าค่ะ กระหม่อมไปเตรียมม้าและข้าวของจำเป็นก่อนนะพระเจ้าค่ะ”“อืม”“กระหม่อมทูลลา”ราชาวิศรุฒยืนนิ่งครุ่นคิดและหวาดหวั่
กัสหยุดเขียนนิยายไปหลายวัน และเริ่มตีตัวออกห่างเป็กแล้วเข้าหาพีคในช่วงเวลาเดียวกัน ค่ำคืนนี้จึงเป็นแผนเผด็จศึกและเสร็จศึกให้จบสิ้น เขาจึงรีบโทรหาพีคในทันใด“ฮัลโหลมีอะไรหรือเปล่าน้องกัส”“พี่พีค” กัสร้องสะอื้นไห้ออกมา“เป็นอะไรบอกพี่มา”“เป็กเขาทิ้งกัสไปแล้ว เขาบอกเบื่อกัสไม่อยากคบเป็นแฟนอีกต่อไป”มีแต่เสียงสะอื้นไห้ของกัสแต่ไร้เสียงใดๆ ของพีค จนกัสรู้สึกใจหายและผิดหวังในสิ่งที่ทำลงไปไม่เกิดผล“ใจเย็นๆ ในเมื่อเขาไม่รักเราแล้ว ก็ปล่อยเขาไปเหมือนอย่างพี่กับเขื่อนไง อย่าเสียใจไปเลย”“แต่ อืม กัสยังคิดอดไม่ได้ครับ” กัสกลับมาดีใจอีกครั้ง“ไม่ต้องคิดอะไรมาก เอาอย่างนี้พี่จะไปอยู่เป็นเพื่อนก็แล้วกัน ในเมื่อเป็กเลิกกับกัสกันไปแล้ว พี่ไปอยู่ด้วยคงไม่เป็นปัญหาอะไรหรอก ถ้างั้นรอพี่อยู่ที่ห้องนะอย่าคิดอะไรมาก พี่จะรีบไปเดี่ยวนี้ ทำใจดีๆ ไว้นะน้องกัส”“ครับ ขอบใจพี่พีคมากที่คอยดูแลกัสตลอดมา”“อืม ไม่เป็นไร”เมื่อพีคได้วางหูโทรศัพท์มือถือ กัสถึงกับอมยิ้มและเตรียมแผนการต่อไว้อย่างดี หลังจากนั้นกัสนิ่งรอพีคมายังห้องอย่างใจจดใจจ่ออย่างมีความหวัง และคาดฝันในสิ่งที่วางแผนไว้ ซึ่งเวลาที่เฝ้ารอไม่ได้นานมา
เวลาที่แม่ทัพวิศรุฒรอคอยได้มาถึง เมื่อถึงเวลาเขาบุกเข้าไปในเมืองเมฆาบุรีทันที แต่ยังไปไม่ถึงป้อมปราการ ทัพเสือเข้มวิ่งกรู่เข้ามาอย่างรวดเร็ว สองกองทัพต่างวิ่งถือดาบธนูเข้าหากัน เหมือนกับเคืองแค้นกันมาหลายภพหลายชาติเหล่าทหารกองทัพเมืองศิลานครนำทัพโดย แม่ทัพวิศรุฒนั้นร่างกายค่อนข้างแกร่งฝีมือดี เพราะผ่านศึกสงครามและฝึกฝนอย่างหนัก ในทางกลับกันฝีมือของกองทัพเสือเข้มร่างกายได้หาแข็งแกร่งไม่ ฝีมือใช่ว่าจะดีมากมาย แต่ที่ชนะกองทัพของราชาวิหคเพราะรบแบบกองโจร และแผนการอันแยบยล ในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ถึงแม้จะมีทหารโดยแท้ปะปนมาด้วย แต่หาเทียบเหล่าทหารแม่ทัพวิศรุฒได้ โดยการครั้งนี้มีเสือเข้มนำกองทัพออกรบ แต่บรรดาทหารไม่ได้ออกมาทั้งหมดแม่ทัพวิศรุฒก็รู้ดีเช่นกัน เพราะทราบข่าวจากการสู้รบของเสือเข้มจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา เขาจึงเตรียมการไว้อย่างดี เมื่อเขาได้นำทัพมาถึงกลางสนามรบ แต่ไม่สามารถฝ่าเข้าไปได้ในทันที เพราะเสือเข้มออกมาสู้ประจันหน้า และพร้อมกับสองข้างฝั่งมีกองโจรดักอยู่ คอยยิ่งธนูไม่ขาดสายถึงเป็นเช่นนั้นแม่ทัพวิศรุฒหากลัวไม่ เพราะสองฝั่งเขาให้จอมและทันเดินทัพออกห่างออกไปไกล เมื่อถึงเวลารบจ
กัสยังไม่ได้เริ่มเขียนนิยายแม้แต่คำเดียว เป็กก็มาถึงยังห้องนอนอย่างรวดเร็ว จึงมีความจำเป็นต้องหยุดทุกอย่างไว้แค่นั้น“เราทำให้นายทุกอย่างเลยนะ ว่าแต่นายจะทำอะไรให้เราบ้างล่ะในคืนนี้” เป็กกอดร่างของยิวไว้แน่นพร้อมบรรจงจูบทั่วใบหน้า ไม่ว่างเว้นแม้แต่ส่วนเดียว“ไปอดอยากมาจากไหน” กัสยังนิ่งเฉยไม่ขัดขืนแต่อย่างใด“ใช่ อดอยาก อมให้หน่อย” เป็กหยุดสัมผัสเรือนกายของกัสและปลดอาภรณ์ทุกชิ้นออกไม่มีเหลือ พร้อมกับล้มตัวลงนอนข้างๆ กัสที่นั่งยิ้มแต่ใจนั้นแสนเบื่อหน่ายกัสไม่สามารถที่จะปฏิเสธการนี้ได้ เขาจึงจับท่อนเอ็นของเป็กที่กำลังแข็งตั้งตระหง่าชูชัน พร้อมกับก้มใบหน้า ใช้ริมฝีปากสัมผัสท่อนเอ็นส่วนปลายสีชมพูอ่อนๆ จากทีแรกรู้สึกเบื่อหน่ายแต่เมื่อเห็นท่อนเอ็น ทำให้มีอารมณ์ร่วมมากขึ้นกัสจึงใช้ปลายลิ้นสัมผัสไล้เลียวนมาวนไปอย่างใคร่กระหาย“อืม อืม อืม” เป็กครางออกมาด้วยความเสียวซ่านอย่างถึงใจ“จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ” เสียงอมรูดท่อนเอ็นดังอย่างต่อเนื่องริมฝีปากอันเล็กรูดท่อนเอ็นขึ้นลงอย่างช้าๆ และใช้ปลายลิ้นตวัดเลียไปมา พร้อมกับเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนร่างของเป็กสั่นสะท้าน ความรู้สึกสยิวท่อนเอ็นอย่างต่อเนื่อง
ยิวนั่งหมดอะไรตายอยากในห้องบรรทมอย่างเงียบเหงา ด้วยไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อจากนี้ หมดสิ้นหนทางอย่างไร้ที่หมาย เขาถึงกับถอนหายใจถี่ก้มมองลงพื้นด้วยความกลัดกลุ้มในใจอย่างรวดร้าว แต่แล้วเมื่อเขาได้ยินเสียงประตูเปิดออก ความรู้สึกนั้นได้จางหายไปในทันที เมื่อร่างขององค์ชายศิธาปรากฏ“นั่งเหงาเลยนะองค์ชายเมธี”“ถ้ามาพูดแค่นี้ไม่น่าต้องเสด็จมาก็ได้”“ข้ามีเรื่องจะบอกองค์ชายถึงมานี่ เรื่องนี้ข้าเท่านั้นที่ต้องบอก จะได้สมน้ำสมเนื้อกับองค์ชาย”“เรื่องอะไร” ยิวให้ไปทั้งใบหน้ามององค์ชายศิธาที่ยืนยิ้มอย่างเย้ยหยัน“แม่ทัพวิศรุฒออกเดินทางไปยังเมืองเมฆาบุรีแล้ว”ยิวไม่ได้ตอบโต้อะไร เพราะเขารู้สึกใจหายหวั่นๆ อยู่เหมือนกัน เพราะนั่นเท่ากับเขาอยู่ที่นี่อย่างไร้ความหมาย“รู้ไหม ทำไมแม่ทัพวิศรุฒถึงไปยังเมฆาบุรี”“ข้าไม่รู้”“เพราะที่เมฆาบุรีเกิดการกบฏอีกครั้ง และคนก่อกบฏก็เป็นเสือเข้ม องครักษ์ขององค์ชายนี่ใช่ไหม”ดวงตาของยิวเบิกโตตื่นเต้นไม่คาดคิดว่าเสือเข้มจะทำได้จริงๆ และนั่นเขาก็หวั่นๆ ว่าจะเกิดร้ายไม่ดีกับแม่ทัพวิศรุฒ“เพลานี้เมืองเมฆาบุรีกำลังวุ่นวาย เสด็จพ่อของข้าจึงสั่งจัดการให้สิ้นซาก”“บอกข้าทำไม” ยิว
ค่ำคืนที่หาบทละครเวที พีคกำลังขะมักเขม้นทำอย่างจริงใจ แต่ในช่วงเวลาเดียวกันพีคได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เมื่อดูชื่อที่ปรากฏเป็นกัส พีคจึงรีบรับทันทีเพราะปกติไม่เคยโทรมาแต่อย่างใด “ฮัลโหล น้องกัสมีอะไรหรือเปล่า” “มี แต่ กัสไม่อยากบอกพี่เลยครับ” “เรื่องอะไร บอกมาเลยถ้าไม่บอกพี่โกรธจริงๆนะ” “ก็เรื่องของเขื่อนไงครับ คือ ว่า เอ่อ อ่า อืม” “พูดมาเลยว่าเรื่องอะไร” “คือ เรื่องเด็กคนนั้นน่ะของเขื่อน เท่าที่กัสสังเกตหน้าจะมีอะไรมากกว่าเพื่อนร่วมงานอย่างแน่นอน” “พี่ก็สงสัยแต่พี่ไม่มีหลักฐานอะไร” “คือ คืนนี้พี่ลองไปหาเขื่อนที่ห้องพักแบบไม่ให้รู้ตัวสิครับ” “น้องกัสรู้อะไรมาเหรอ” “อืม กัสไม่พูดดีกว่าพี่พีคไปดูเองเถอะ” “อืม ก็ได้ ขอบใจกัสมากนะ” “ไม่เป็นไรครับ” เมื่อพีคกดวางโทรศัพท์มือถือ ก็ขับรถไปหาเขื่อนในทันที โดยไม่บอกกล่าวอะไรทั้งนั้น เพราะตอนนี้ค่อนข้างให้ความเชื่อใจกัสมากกว่าเขื่อนเสียอีก พีคขับรถไปอย่างกระวนกระวายยิ่งนัก ด
เสือเข้มผู้โหดเหี้ยมได้มีความรักโดยอย่างไม่ตั้งใจ จากเมื่อก่อนอยากอยู่ไปเรื่อยๆแต่ในปัจจุบันความคิดนั้นได้เปลื่ยนไปอย่างมาก เพราะยิวได้สร้างห้องแห่งรักไว้ในหัวใจ จึงทำให้เสือเข้มเกิดความทะเยอะทะยานอยากได้ยิวมาครอบครองเขาจึงต้องทำทุกวิถีทาง เพื่อจะทวงราชบัลลังก์คืนแกตัวเขาและยิว การรวบรวมกำลังพลในค่ายเสือ ถึงจะไม่ได้มากมายเท่ากับกองทัพแห่งเมืองเมฆาบุรี ที่ตอนนี้เปลื่ยนชื่อเป็นเมืองวิหค กว่าที่เสือเข้มจะระดมบรรดาโจรทั่วเมืองเมฆาบุรีได้ใช้เวลานานพอสมควร และได้ติดต่อจากเมืองอื่นๆอีกมากมายเพื่อมาช่วยในครั้งนี้ โดยมีผลตอบแทนพื้นที่บางส่วนให้ไว้อาศัยอยู่ และทรัพย์สินในวังอันมีค่าบางส่วน ในที่สุดวันที่เสือเข้มรอคอยก็มาถึง เขาได้บุกเข้าเมืองเมฆาบุรีแบบกองโจร ไม่ได้ปะชิดสู้ตรงๆ เพราะขืนทำอย่างนั้นไม่มีทางที่จะชนะแม่ทัพวิหคและอำมาตย์มงคลได้อย่างแน่นอน โดยการครั้งนี้เสือเข้มเป็นผู้วางแผนและสั่งการเองทุกอย่าง โดยเริ่มต้นยามค่ำคืนอันเงียบสงัดและเผลอไผลไม่คาดคิดว่าจะมีเหตุการณ์อันร้ายแรงเกิดขึ้น “พี่น้องทุกคนพร้อมกันหรือยัง”เสือเข้มประกาศก้องใกล้ๆเมืองชั
เมื่อไม่ได้มีการซ้อมละครเวทีเขื่อนจนมีเวลาให้กับงานที่ทำมากขึ้น ไม่ว่าจะหลังเลิกงานหรือแม้แต่วันเสาร์อาทิตย์เขื่อนทุ่มเวลานั้นอย่างเต็มที่ จนทำให้ไม่มีเวลาไปมาหาสู่กับพีคอย่างเช่นแต่ก่อน และมีอยู่อีกเหตุหนึ่งนั้นเขื่อนได้มีความใกล้ชิดกับเพื่อนร่วมงานคนใหม่มากขึ้น ตอนกลับห้องหรือไปไหนหลังจากเลิกงาน ก็ไปด้วยกันตลอดเวลา จึงทำให้ความสัมพันธ์ของพีคกับเขื่อนได้จืดจางลงไปอย่างไม่ค่อยรู้ตัวหลังจากเลิกงานวันนี้ก็เป็นอีกวันที่เขื่อนได้กลับพร้อมกับหนุ่มรุ่นน้อง ที่ได้พึ่งได้มาทำงานได้ไม่นานแต่ความสนิทสนมกันนั้นแสนมาก“เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเห็นพี่พีคมารับพี่เขื่อนเลยครับ” เจษเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าใคร่สงสัย และมีความดีใจอยู่พอสมควร“พี่พีคไม่ค่อยว่าง เพราะตั้งแต่ไม่ได้แสดงละครด้วยกัน พี่พีคเขาต้องหาบทละครมาสร้างอีก ช่วงนี้เลยห่างๆ กันไป”“อ่อ ถึงว่าสิทำไมไม่ค่อยเห็นพี่พีค แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกครับเพราะถึงอย่างไงพี่เขื่อนยังมีผมอยู่เป็นเพื่อน” เจษอมยิ้มนิดๆ“อืม” เขื่อนไม่ได้พูดอะไรต่อจากนี้ ได้แต่ยืนรอรถเมล์เที่ยวสุดท้ายที่จะกลับห้อง“โชคดีนะ ที่เราสองคนอยู่ใกล้ๆ ขึ้นรถสายเดียวกัน” เจษยังยืนยิ้มอยู่ไม่วาย“พ