ค่ำคืนอันเงียบสงัดยิวไม่สามารถนอนหลับเพียงคนเดียวในกระโจมได้ เพราะหวนคิดถึงเหตุการณ์เมื่อกลางวันที่ผ่านมา ตอนแรกเขาไม่คิดเลยว่าจะมีความรู้สึกแบบนี้กับแม่ทัพวิศรุฒ พอแม่ทัพโกรธงอนไม่พูดไม่จาด้วย เขาดันรู้สึกหวั่นไหวอยากจะเข้าไปหาอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ยิวก็เข้าใจดีว่าอธิบายไปก็คงไม่เข้าใจ เพราเรื่องสลับร่างสลับตัวมันเป็นเรื่องเชื่อยาก อย่าว่าแต่ในยุคอดีตเลย แม้แต่ในยุคปัจจุบันคงไม่ต่างกันหาคนเชื่อยากอยู่อย่างแน่นอน
ยิวได้ตัดสินใจเด็ดขาดแล้วคืนนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาต้องไปอธิบายให้แม่ทัพวิศรุฒได้ฟัง ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่โกหกก็ตามที ยิวจึงออกจาdกระโจมของตัวเองไปยังกระโจมของแม่ทัพวิศรุฒ ซึ่งทหารที่เฝ้ายามก็ให้เข้าไปแต่โดยดี
เมื่อยิวเข้าไปถึงก็เห็นแม่ทัพวิศรุฒนอนก่ายหน้าผากด้วยความกลัดกลุ้ม พอยิวเข้าไปปุ๊บแม่ทัพวิศรุฒหันหน้ามาทางยิวทันที
“เข้ามาทำไม” เสียงห้วนๆ ดังขึ้นพร้อมกับสายตาที่ดุดัน
“ข้ามีเรื่องจะพูดกับเอ็ง”
“ถ้าเรื่องเสือเข้มข้าไม่อยากฟังไม่อยากได้ยิน”
“ไม่อยากฟังไม่อยากได้ยิน แต่ก็ต้องฟังและได้ยินนะ”
“เอ็งจะมาตอกย้ำข้าทำไม อย่ามาบอกนะว่าไม่ได้มีอะไรกัน ถ้าไม่มีอะไรกันทำไมเสือเข้ม ถึงพูดถูกทุกอย่างเหมือนตอนเอ็งกับข้ามีอะไรกัน” แม่ทัพวิศรุฒมีสีหน้านิ่วคิ้วขมวดจนเป็นปม
“ข้าไม่ได้ตอกย้ำ แต่ข้าจะมาบอกว่าข้าถูกเสือเข้มบังคับข้าไม่ได้อยากมีอะไรแบบนั้นกับเสือเข้มหรอก” ยิวพยายามทำเสียงให้ดูน่าสงสาร แต่ดูแล้วไม่เป็นผลแต่อย่างใด
“ข้าดูแล้วเรื่องแบบนี้บังคับกันไม่ได้หรอกถ้าไม่เต็มใจ”
“เขาไม่ได้บังคับข้าทำเรื่องนี้ แต่เสือเข้มขู่ทำร้ายร่างกายข้า ถ้าไม่ยอมเป็นของเสือเข้ม”
“เสือเข้มจะรู้ได้ไงว่ามีเรื่องแบบนี้ ถ้าเอ็งไม่ได้เป็นฝ่ายบอกเสือเข้มว่าทำแบบนี้ได้”
“เอ็งจำไมjได้เหรอ ตอนที่เสือเข้มคิดว่าข้าเป็นผู้หญิง แล้วจะข่มขืนข้าไงเอ็งไปช่วยข้าไว้ทัน และอีกครั้งที่เสือเข้มลักพาตัวข้าไป เพื่อเอาตัวรอดข้าจำเป็นต้องบอกเสือเข้มทุกอย่าง” ยิวเอื้อมมือไปจับแขนของแม่ทัพวิศรุฒแต่ถูกสลัดจนหลุด
“ไม่ต้องมาจับตัวข้า เอ็งมันมีราคีแล้วไม่คู่ควรมาโดนตัวข้า”
ยิวรู้สึกพิศวงงงงวยกับคำพูดนี้อย่างมาก ถึงแม้จะเข้าใจได้ว่าในยุคนี้เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้หญิง แต่ในเมื่อเขาไม่ไช่ผู้หญิงก้ไม่น่ามีปัญหาอะไรแบบนั้น
“ข้าเป็นผู้ชายไม่ใช่เป็นผู้หญิงเรื่องราคีไม่น่าเกี่ยวนะ”
“เกี่ยวเอ็งเป็นเมียข้า แต่เอ็งดันไปมีอะไรกับคนอื่นก่อน ข้ายอมไม่ได้มันเสียศักศิ์ศรี”
“แค่ครั้งเดียวเอง อย่าคิดอะไรมากเลยนะ ถือว่ามันผ่านไปแล้ว เรามาเริ่มต้นใหม่กันดีกว่า”
ยิวเผลอตัวพูดความในใจออกไป เมื่อก่อนเขาไมjได้รักแม่ทัพวิศรุฒเลย แต่ในปัจจุบันนี้เขากลับรักจนหมดหัวใจ
“เอ็งกลับไปเถอะ ข้าจะหายโกรธเอ็งก็ต่อเมื่อไอ้เสือเข้มมันตายไปแล้ว แต่มันยังอยู่เอ็งเข้าใจไหมข้าแสลงใจยิ่งนัก เอาอย่างนี้ข้ากับเอ็งห่างกันสักพัก เมื่อเข้าพาเอ็งไปถึงเมืองศิลานครแล้ว ข้าจะไปทำสงครามกับเมืองเมฆาบุรีอีกครั้ง หลังจากนั้นค่อยว่ากันไหม” เสือเข้มยังมีสีหน้าที่นิ่งเฉยอยู่
“แสดงว่าเอ็งก็มีใจกับข้าอยู่บ้างใช่ไหม” ยิวอมยิ้มนิดๆ
“ข้าไม่รู้ แต่ตอนนี้ข้ารู้เพียงแต่ว่าไม่อยากแต่งงานกับคู่หมั้นข้า”
“นั่นแหละแสดงว่าเอ็งรักข้า”
ยิวมองใบหน้าอันคมเข้มของแม่ทัพวิศรุฒที่ยังนิ่งเฉย เหมือนกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“เอ็งกลับไปก่อนเถอะ ตอนนี้ข้ายังไม่อยากเห็นหน้าเอง ข้าสัญญาเมื่อไรข้าทำในสิ่งที่ข้าต้องการเสร็จ ข้าจะกลับมารับเอ็งอย่างแน่นอน”
“ฆ่าเสือเข้มนั่นเหรอ”
“ใช่ แต่ยังมีอีกหลายเรื่องที่ข้าจะทำเพื่อเราสองคน แต่ตอนนี้ข้ายังทำใจไมได้ขอเวลาข้าสักหน่อย”
“ได้” ยิวรู้สึกดีใจอย่างมากเขาจึงรีบยื่นริมฝีปากไปสัมผัสแก้มของแม่ทัพวิศรุฒ
เพียงแค่สัมผัสนั้นยิวรีบดึงใบหน้าออก แล้วออกไปจากกระโจมของแม่ทัพวิศรุฒทันที เพราะเขารู้สึกดีใจอย่างมาก ถึงแม้จะแม่ทัพวิศรุฒจะยังมีความโกรธเขาอยู่บ้างก็ตามที แต่ก็ยังมีความหวังมีความเป็นไปได้ที่จะหายโกรธ ไม่ว่าจะรอนานสักแค่ไหนเขาก็จะรอจนถึงวันนั้นอย่างแน่นอน
ในที่สุดก็มาถึงยังเมืองศิลานคร แต่มาในครั้งนี้ยิวมาในฐานะตัวประกันในยามศึกสงคราม เมื่อมาถึงก็ถูกกักบริเวณในตำหนักหลังราชวัง ที่ทหารหลายสิบนายรายล้อมไว้ ยังดีได้มีที่ไว้ให้ได้เดินและนั่งเล่นอยู่บ้าง
หลายวันผ่านไปยิวอยู่อย่างเหงาๆ คนเดียวภายในตำหนักเก่าๆ หลังวัง ยิวจึงเดินออกมานั่งชมนกชมไม้นอกห้องบรรทม ยิ่งนั่งนานยิวยิ่งคิดถึงแม่ทัพวิศรุฒ แต่ก่อนมีแต่ความรู้สึกเฉยๆ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่เช่นนั้นอีกต่อไป หลังจากได้มีความสัมพันธ์กันและรู้จักตัวตนกันมากขึ้น ยิวจึงมีใจให้แม่ทัพวิศรุฒอย่างสุดหัวใจ
ระหว่างที่ยิวกำลังคิดถึงแม่ทัพวิศรุฒอยู่นั้น พลันได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านหลัง ความรู้สึกคิดว่าเป็นแม่ทัพวิศรุฒอย่างแน่นอน ใบหน้าอันขาวใสจึงหันไปทันใด แต่ก็ต้องพบกับความผิดหวัง
“สมคำล่ำลือจริงๆ องค์ชายเมธาผู้เลอโฉม” องค์ชายศิลายืนนิ่งยิ้มมุมปาก ส่วนสายตามองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
“ท่านเป็นใคร” ยิวมีสีหน้าที่ตื่นตระหนกและครุ่นคิดว่าคนตรงหน้านี้คือใครกัน
“ข้าคือองค์ชายศิธาองค์รัชทายาทแห่งเมืองศิลานคร เฉกเช่นเดียวกับท่าน องค์ชายเมธา องค์รัชทายาทแห่งเมือง เมฆาบุรี แต่ที่ไม่เหมือนกันคือ ท่านเป็นตัวประกันที่เมืองของข้า”
สายตาทั้งสองประสานกันอย่างตั้งใจ ยิวมองอย่างไม่ให้คลาดสายตา เพราะรูปร่างองค์ชายศิธาสง่างามราวกับเทพบุตร ผิวขาวล่ำสันองอาจผ่องใส เหมือนไม่เคยกรำศึกสงครามใดๆ มาก่อน
“ที่ข้ามาหาท่านก็เพราะอยากรู้จักกันไว้บ้าง เพราะเราสองเมืองยังต้องทำสงครามกันอีกนาน หรือไม่แน่อาจจะไม่มีสงครามอีกก็เป็นไปได้ ถ้าเมืองของท่านยอมแพ้แต่โดยดี”
“ข้ายินดีที่รู้จักองค์ชาย” ยิวก้มศีรษะเล็กน้อย
“นอกจากข้ามาหาท่านเรื่องอยากรู้จักแล้ว ยังมีอีกเรื่องมาเสนอแก่ท่าน ในเมื่อท่านถูกจับมาเป็นตัวประกัน เมืองของท่านก็ขาดผู้นำไม่ใช่รึ เพราะในเมืองเมฆามีท่านเพียงคนเดียวเป็นทายาท เมื่อท่านถูกจับมาในตอนนี้เมืองของท่านกำลังโกลาหลแย่งชิงความเป็นใหญ่”
“องค์ชายมาบอกข้าทำไม” สายตาของยิวแสดงออกอย่างชัดเจนว่าสงสัย
“จะมาบอกองค์ชายไงว่า ตอนนี้องค์ชายหัวเดียวกระเทียมลีบ อยู่ไหนก็เหมือนตายทั้งเป็น ทางที่ดีร่วมมือกับข้าแล้วร่วมปราบปรามกบฏ เมื่อเป็นผลสำเร็จองค์ชายก็ได้ครองนครต่อไป แต่ต้องเป็นเมืองขึ้นของศิลานคร”
ยิวเข้าใจความหมายขององค์ชายศิธาเป็นอย่างดี ถึงแม้เมืองศิลาจะรบชนะแต่ราษฎรไม่สนับสนุนจะปกครองยาก ถ้าตัวองค์ชายได้ครองบัลลังก์ปัญหานี้จะหมดไป
“ไม่ต้องสงสัยอะไรหรอก ข้าแค่มาพูดให้องค์ชายได้คิดเท่านั้น ส่วนองค์ชายจะคิดทำประการใดแล้วแต่องค์ชายเลย”
“ตอนนี้บ้านเมืองข้าเป็นอย่างไรบ้าง” ถึงแม้ยิวจะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเมืองเมฆาบุรีแต่อย่างใด ในเมื่อมาอยู่ในตำแหน่งรัชทายาทโดนไม่ได้ตั้งใจ เขาก็ต้องทำหน้าที่นี้โดยอย่างไม่เต็มใจ
“แม่ทัพวิหคก่อกบฏโดนมีอำมาตย์มงคลร่วมด้วย และสถาปนาตัวเองเป็นราชาวิหคแล้ว โดยมีองค์ชายวิจารณ์เป็นรัชทายาท” สายตาขององค์ชายศิธาแอบชำเลืองมองยิวอยู่หลายครั้ง
“เสือเข้ม” ยิวบ่นพึมพำ
ยิวมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะอำมาตย์มงคลเป็นคนวางแผนทุกอย่างให้ยิวเป็นตัวแทนองค์ชายเมธี ถ้าเกิดมีอะไรผิดพลาดขึ้นก็จะให้เสือเข้มก้าวขึ้นมาแทน เหตุไฉนทำไมถึงไม่เป็นเช่นนั้น
“เสือเข้ม ใครกัน”
“ไม่มีอะไร”
“ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว องค์ชายควรคิดเรื่องนี้ดีกว่า ตอนแรกข้าก็จะนำตัวองค์ชายเป็นตัวประกัน แต่ในเมื่อบ้านเมืองของท่านเกิดการเปลื่ยนแปลง สถานการณ์ตอนนี้ย่อมต้องเปลื่ยนแปลงไปด้วย โดยสถานะขององค์ชาย ถ้าองค์ชายไม่ยอมร่วมมือกับเราก็เป็นแค่สามัญชนคนธรรมดา แต่ถ้าองค์ชายร่วมมือกับทางเรา ทุกอย่างก็ยังเป็นเหมือนเดิม”
“ข้าขอคิดดูก่อน แล้วแม่ทัพวิศรุฒล่ะไปไหน” ยิวอยากจะปรึกษาและขอแนวคิดจากแม่ทัพวิศรุฒ จึงพยายามยั้งเวลาไว้อีกหน่อย
“มีเอ็งกับข้าทำไมต้องถามถึงคนอื่น” น้ำเสียงขององค์ชายศิธาเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที และมีความใคร่สงสัยอย่างกะทันหัน
“ก็แม่ทัพพาตัวข้ามาที่นี่ ข้าก็แค่อยากเจอเท่านั้น”
“ไม่ได้ เอ็งจะไม่มีวันได้เจอแม่ทัพวิศรุฒอย่างแน่นอน” สิ้นคำพูดนี้องค์ชายศิธาเดินห่างออกไปอย่างเร่งรีบและมีน้ำโหอย่างเห็นได้ชัด
ยิวรู้สึกใคร่สงสัยทำไมองค์ชายศิธาถึงมีท่าทีเช่นนี้ เมื่อพูดถึงแม่ทัพวิศรุฒผู้องอาจ แต่เขาก็คิดไม่ออกว่าเพราะเหตุใด
กัสกดปิดตอนแล้วโพสต์ทันที เขาจะไม่มีวันให้ยิวได้เดินเรื่องด้วยตัวเองอีกต่อไป หลังจากนี้เขาจะเป็นคนกำหนดเนื้อเรื่องเอง ถึงแม้จะต้องทุ่มเวลาทั้งกายและใจอย่างมากก็ตามที่
ความสัมพันธ์รักของเป็กกับกัสนั้นคืบหน้าไปฝ่ายเดียว ยิ่งเป็กเห็นกัสนั้นไม่ได้รักเขา กลับเป็นสิ่งที่โหยหามานาน ด้วยความหล่อรวยส่วนใหญ่จะมีคนเข้ามาหาเป็นประจำแต่ไม่ใช่กัส นั่นเป็นเหตุทำให้เป็กคลั่งรักเป็นอย่างมากส่วนกัสอยากจะตะโกนดังๆ ว่าไม่ได้รักและหาอยากอยู่ใกล้ชิดกับเป็กไม่ แต่ก็ทำไม่ได้เนื่องด้วยตอนเช้าเป็กจะมารับไปเรียนที่มหาวิทยาลัย ตอนเย็นหลังซ้อมละครเวทีเฉกเช่นเดียวกันมารอรับไปส่งยังห้องพัก บางวันพาไปทานอาหารหรูซื้อของกินของใช้ในราคาแพง ซึ่งตรงนี้เองที่กัสไม่สามารถปฏิเสธได้เลย จึงต้องจำยอมแต่โดยดุษฎี เหมือนโดนบังคับให้รับสิ่งของที่ตัวเองขาดวันนี้เช่นเดียวกันไม่เปลื่ยนแปลงเป็กมารอรับกัสยังหน้าห้องซ้อมละครเหมือนเดิมเช่นปกติ แต่ที่ผิดเพี้ยนไปจากเดิมคือห้องซ้อมละครเวที ที่มีความตึงเครียดของเหล่ารุ่นพี่ในชมรมละคร เพราะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นมากะทันหัน โดยที่ เจนนี่ เกรซ และ พีค ต้องยืนนิ่งไม่กล้าบอกเพื่อนน้องๆ นักศึกษาในชมรมละครเวที ว่ามีเรื่องเหตุการณ์อันน่าเศร้าสำหรับทุกคน แต่ถึงอย่างไรก็ต้องบอกอยู่ดี พีคจึงตัดสินใจเป็นคนพูดเองเพื่อให้ทุกคนได้รับรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้น“น้องๆ คง
ตอนที่51 รักกับไม่รัก ความเงียบสงบในห้องบรรทมไร้ผู้คน ยิวผู้อาภัพนอนนิ่งด้วยความสิ้นหวัง เขาไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรดีต่อจากนี้ ในระหว่างที่กำลังครุ่นคิดเรื่องราวที่เกิดขึ้นช่วงเวลาผ่านมา เขาก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อหน้าต่างได้เปิดออกมาอย่างง่ายดาย ช่วงเวลานั้นยิวรีบลุกขึ้นด้วยความตื่นตระหนก แต่เมื่อชายชุดดำที่เข้ามาทางหน้าต่างได้เปิดผ้าคลุมออก ยิวตกใจเป็นสองสามเท่าอย่างทันท่วงที “เสือเข้ม”ยิวผลอหลุดคำพูดนี้ออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ “จำผัวเก่าได้แม่นเหมือนกันนะ”เสือเข้มเดินเข้ามาใกล้ๆร่างของยิวที่กำลังยืนตกตะลึงงงงันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวในค่ำคืนอันโดยเดี่ยวเดียวดาย “เอ็งมาทำไม”ยิวลุกขึ้นจากเตียงนอนและรีบวิ่งไปยังประตู ความไวของยิวไม่สามารถต้านพละกำลังของเสือเข้มได้ เพราะในช่วงเวลานั้นเสือเข้มได้วิ่งตัดหน้ามาขวางประตูไว้อย่างรวดเร็ว “จะไปไหนเห็นผัวแล้ววิ่งหนีหมายความว่าอย่างไรกัน หรือว่าจะไปหาผัวใหม่ไอ้แม่ทัพวิศรุฒน่ะเหรอ ฝันไปเถอะว่ามันจะมาช่วยเองได้ ปานนี้กำลังเตรียมงานแต่งงานอยู่ ในอีกไม่กี่วันนี
เมื่อไม่ได้มีการซ้อมละครเวทีเขื่อนจนมีเวลาให้กับงานที่ทำมากขึ้น ไม่ว่าจะหลังเลิกงานหรือแม้แต่วันเสาร์อาทิตย์เขื่อนทุ่มเวลานั้นอย่างเต็มที่ จนทำให้ไม่มีเวลาไปมาหาสู่กับพีคอย่างเช่นแต่ก่อน และมีอยู่อีกเหตุหนึ่งนั้นเขื่อนได้มีความใกล้ชิดกับเพื่อนร่วมงานคนใหม่มากขึ้น ตอนกลับห้องหรือไปไหนหลังจากเลิกงาน ก็ไปด้วยกันตลอดเวลา จึงทำให้ความสัมพันธ์ของพีคกับเขื่อนได้จืดจางลงไปอย่างไม่ค่อยรู้ตัวหลังจากเลิกงานวันนี้ก็เป็นอีกวันที่เขื่อนได้กลับพร้อมกับหนุ่มรุ่นน้อง ที่ได้พึ่งได้มาทำงานได้ไม่นานแต่ความสนิทสนมกันนั้นแสนมาก“เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเห็นพี่พีคมารับพี่เขื่อนเลยครับ” เจษเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าใคร่สงสัย และมีความดีใจอยู่พอสมควร“พี่พีคไม่ค่อยว่าง เพราะตั้งแต่ไม่ได้แสดงละครด้วยกัน พี่พีคเขาต้องหาบทละครมาสร้างอีก ช่วงนี้เลยห่างๆ กันไป”“อ่อ ถึงว่าสิทำไมไม่ค่อยเห็นพี่พีค แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกครับเพราะถึงอย่างไงพี่เขื่อนยังมีผมอยู่เป็นเพื่อน” เจษอมยิ้มนิดๆ“อืม” เขื่อนไม่ได้พูดอะไรต่อจากนี้ ได้แต่ยืนรอรถเมล์เที่ยวสุดท้ายที่จะกลับห้อง“โชคดีนะ ที่เราสองคนอยู่ใกล้ๆ ขึ้นรถสายเดียวกัน” เจษยังยืนยิ้มอยู่ไม่วาย“พ
เสือเข้มผู้โหดเหี้ยมได้มีความรักโดยอย่างไม่ตั้งใจ จากเมื่อก่อนอยากอยู่ไปเรื่อยๆแต่ในปัจจุบันความคิดนั้นได้เปลื่ยนไปอย่างมาก เพราะยิวได้สร้างห้องแห่งรักไว้ในหัวใจ จึงทำให้เสือเข้มเกิดความทะเยอะทะยานอยากได้ยิวมาครอบครองเขาจึงต้องทำทุกวิถีทาง เพื่อจะทวงราชบัลลังก์คืนแกตัวเขาและยิว การรวบรวมกำลังพลในค่ายเสือ ถึงจะไม่ได้มากมายเท่ากับกองทัพแห่งเมืองเมฆาบุรี ที่ตอนนี้เปลื่ยนชื่อเป็นเมืองวิหค กว่าที่เสือเข้มจะระดมบรรดาโจรทั่วเมืองเมฆาบุรีได้ใช้เวลานานพอสมควร และได้ติดต่อจากเมืองอื่นๆอีกมากมายเพื่อมาช่วยในครั้งนี้ โดยมีผลตอบแทนพื้นที่บางส่วนให้ไว้อาศัยอยู่ และทรัพย์สินในวังอันมีค่าบางส่วน ในที่สุดวันที่เสือเข้มรอคอยก็มาถึง เขาได้บุกเข้าเมืองเมฆาบุรีแบบกองโจร ไม่ได้ปะชิดสู้ตรงๆ เพราะขืนทำอย่างนั้นไม่มีทางที่จะชนะแม่ทัพวิหคและอำมาตย์มงคลได้อย่างแน่นอน โดยการครั้งนี้เสือเข้มเป็นผู้วางแผนและสั่งการเองทุกอย่าง โดยเริ่มต้นยามค่ำคืนอันเงียบสงัดและเผลอไผลไม่คาดคิดว่าจะมีเหตุการณ์อันร้ายแรงเกิดขึ้น “พี่น้องทุกคนพร้อมกันหรือยัง”เสือเข้มประกาศก้องใกล้ๆเมืองชั
ค่ำคืนที่หาบทละครเวที พีคกำลังขะมักเขม้นทำอย่างจริงใจ แต่ในช่วงเวลาเดียวกันพีคได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เมื่อดูชื่อที่ปรากฏเป็นกัส พีคจึงรีบรับทันทีเพราะปกติไม่เคยโทรมาแต่อย่างใด “ฮัลโหล น้องกัสมีอะไรหรือเปล่า” “มี แต่ กัสไม่อยากบอกพี่เลยครับ” “เรื่องอะไร บอกมาเลยถ้าไม่บอกพี่โกรธจริงๆนะ” “ก็เรื่องของเขื่อนไงครับ คือ ว่า เอ่อ อ่า อืม” “พูดมาเลยว่าเรื่องอะไร” “คือ เรื่องเด็กคนนั้นน่ะของเขื่อน เท่าที่กัสสังเกตหน้าจะมีอะไรมากกว่าเพื่อนร่วมงานอย่างแน่นอน” “พี่ก็สงสัยแต่พี่ไม่มีหลักฐานอะไร” “คือ คืนนี้พี่ลองไปหาเขื่อนที่ห้องพักแบบไม่ให้รู้ตัวสิครับ” “น้องกัสรู้อะไรมาเหรอ” “อืม กัสไม่พูดดีกว่าพี่พีคไปดูเองเถอะ” “อืม ก็ได้ ขอบใจกัสมากนะ” “ไม่เป็นไรครับ” เมื่อพีคกดวางโทรศัพท์มือถือ ก็ขับรถไปหาเขื่อนในทันที โดยไม่บอกกล่าวอะไรทั้งนั้น เพราะตอนนี้ค่อนข้างให้ความเชื่อใจกัสมากกว่าเขื่อนเสียอีก พีคขับรถไปอย่างกระวนกระวายยิ่งนัก ด
ยิวนั่งหมดอะไรตายอยากในห้องบรรทมอย่างเงียบเหงา ด้วยไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อจากนี้ หมดสิ้นหนทางอย่างไร้ที่หมาย เขาถึงกับถอนหายใจถี่ก้มมองลงพื้นด้วยความกลัดกลุ้มในใจอย่างรวดร้าว แต่แล้วเมื่อเขาได้ยินเสียงประตูเปิดออก ความรู้สึกนั้นได้จางหายไปในทันที เมื่อร่างขององค์ชายศิธาปรากฏ“นั่งเหงาเลยนะองค์ชายเมธี”“ถ้ามาพูดแค่นี้ไม่น่าต้องเสด็จมาก็ได้”“ข้ามีเรื่องจะบอกองค์ชายถึงมานี่ เรื่องนี้ข้าเท่านั้นที่ต้องบอก จะได้สมน้ำสมเนื้อกับองค์ชาย”“เรื่องอะไร” ยิวให้ไปทั้งใบหน้ามององค์ชายศิธาที่ยืนยิ้มอย่างเย้ยหยัน“แม่ทัพวิศรุฒออกเดินทางไปยังเมืองเมฆาบุรีแล้ว”ยิวไม่ได้ตอบโต้อะไร เพราะเขารู้สึกใจหายหวั่นๆ อยู่เหมือนกัน เพราะนั่นเท่ากับเขาอยู่ที่นี่อย่างไร้ความหมาย“รู้ไหม ทำไมแม่ทัพวิศรุฒถึงไปยังเมฆาบุรี”“ข้าไม่รู้”“เพราะที่เมฆาบุรีเกิดการกบฏอีกครั้ง และคนก่อกบฏก็เป็นเสือเข้ม องครักษ์ขององค์ชายนี่ใช่ไหม”ดวงตาของยิวเบิกโตตื่นเต้นไม่คาดคิดว่าเสือเข้มจะทำได้จริงๆ และนั่นเขาก็หวั่นๆ ว่าจะเกิดร้ายไม่ดีกับแม่ทัพวิศรุฒ“เพลานี้เมืองเมฆาบุรีกำลังวุ่นวาย เสด็จพ่อของข้าจึงสั่งจัดการให้สิ้นซาก”“บอกข้าทำไม” ยิว
กัสยังไม่ได้เริ่มเขียนนิยายแม้แต่คำเดียว เป็กก็มาถึงยังห้องนอนอย่างรวดเร็ว จึงมีความจำเป็นต้องหยุดทุกอย่างไว้แค่นั้น“เราทำให้นายทุกอย่างเลยนะ ว่าแต่นายจะทำอะไรให้เราบ้างล่ะในคืนนี้” เป็กกอดร่างของยิวไว้แน่นพร้อมบรรจงจูบทั่วใบหน้า ไม่ว่างเว้นแม้แต่ส่วนเดียว“ไปอดอยากมาจากไหน” กัสยังนิ่งเฉยไม่ขัดขืนแต่อย่างใด“ใช่ อดอยาก อมให้หน่อย” เป็กหยุดสัมผัสเรือนกายของกัสและปลดอาภรณ์ทุกชิ้นออกไม่มีเหลือ พร้อมกับล้มตัวลงนอนข้างๆ กัสที่นั่งยิ้มแต่ใจนั้นแสนเบื่อหน่ายกัสไม่สามารถที่จะปฏิเสธการนี้ได้ เขาจึงจับท่อนเอ็นของเป็กที่กำลังแข็งตั้งตระหง่าชูชัน พร้อมกับก้มใบหน้า ใช้ริมฝีปากสัมผัสท่อนเอ็นส่วนปลายสีชมพูอ่อนๆ จากทีแรกรู้สึกเบื่อหน่ายแต่เมื่อเห็นท่อนเอ็น ทำให้มีอารมณ์ร่วมมากขึ้นกัสจึงใช้ปลายลิ้นสัมผัสไล้เลียวนมาวนไปอย่างใคร่กระหาย“อืม อืม อืม” เป็กครางออกมาด้วยความเสียวซ่านอย่างถึงใจ“จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ” เสียงอมรูดท่อนเอ็นดังอย่างต่อเนื่องริมฝีปากอันเล็กรูดท่อนเอ็นขึ้นลงอย่างช้าๆ และใช้ปลายลิ้นตวัดเลียไปมา พร้อมกับเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนร่างของเป็กสั่นสะท้าน ความรู้สึกสยิวท่อนเอ็นอย่างต่อเนื่อง
เวลาที่แม่ทัพวิศรุฒรอคอยได้มาถึง เมื่อถึงเวลาเขาบุกเข้าไปในเมืองเมฆาบุรีทันที แต่ยังไปไม่ถึงป้อมปราการ ทัพเสือเข้มวิ่งกรู่เข้ามาอย่างรวดเร็ว สองกองทัพต่างวิ่งถือดาบธนูเข้าหากัน เหมือนกับเคืองแค้นกันมาหลายภพหลายชาติเหล่าทหารกองทัพเมืองศิลานครนำทัพโดย แม่ทัพวิศรุฒนั้นร่างกายค่อนข้างแกร่งฝีมือดี เพราะผ่านศึกสงครามและฝึกฝนอย่างหนัก ในทางกลับกันฝีมือของกองทัพเสือเข้มร่างกายได้หาแข็งแกร่งไม่ ฝีมือใช่ว่าจะดีมากมาย แต่ที่ชนะกองทัพของราชาวิหคเพราะรบแบบกองโจร และแผนการอันแยบยล ในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ถึงแม้จะมีทหารโดยแท้ปะปนมาด้วย แต่หาเทียบเหล่าทหารแม่ทัพวิศรุฒได้ โดยการครั้งนี้มีเสือเข้มนำกองทัพออกรบ แต่บรรดาทหารไม่ได้ออกมาทั้งหมดแม่ทัพวิศรุฒก็รู้ดีเช่นกัน เพราะทราบข่าวจากการสู้รบของเสือเข้มจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา เขาจึงเตรียมการไว้อย่างดี เมื่อเขาได้นำทัพมาถึงกลางสนามรบ แต่ไม่สามารถฝ่าเข้าไปได้ในทันที เพราะเสือเข้มออกมาสู้ประจันหน้า และพร้อมกับสองข้างฝั่งมีกองโจรดักอยู่ คอยยิ่งธนูไม่ขาดสายถึงเป็นเช่นนั้นแม่ทัพวิศรุฒหากลัวไม่ เพราะสองฝั่งเขาให้จอมและทันเดินทัพออกห่างออกไปไกล เมื่อถึงเวลารบจ
ศีรษะที่กระแทกลงบนโน๊ตบุ๊ค ทำให้ได้แรงกระเทือนสลบวูบไปชั่วครู่ เมื่อได้สติดวงตาคู่นี้จึงลืมขึ้นทันที พร้อมหันไปมองเสียงประตูที่เปิดออก ซึ่งเห็นชายหนุ่มที่คลับคล้ายคลับคลาเหมือนคนรู้จัก แต่แล้วเขาก็ไม่ได้คิดอะไรนาน เพราะผู้ชายตรงหน้าหันมามอง และรู้ได้ทันทีว่าเป็นเป็ก“ถึงเราจะโกรธนาย แต่สิ่งที่นายให้เราทำ เราก็จะทำให้นายเป็นครั้งสุดท้าย” เมื่อเป็กพูดจบเขาก็เดินออกจากประตูไปในทันใด พร้อมปิดประตูจนเสียงดังลั่นสนั่นมือน้อยๆ กำที่ศีรษะสายตามองไปรอบๆ ดวงตาคู่นั้นถึงกับเบิกโพลงทันใด เพราะสิ่งที่เห็นเป็นห้องนอนอันคุ้นเคย มือนั้นรีบมาจับศีรษะและบริเวณลำคอทันใด“เรายังไม่ตาย” ยิวพูดขึ้นลอยๆ แล้วความแปลกใจและตื่นตระหนกยิวคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ตอนอยู่ลานประหาร สิ่งสุดท้ายที่จำได้คือแค่รับสัมผัสจากคมดาบเพียงชั่ววินาที หลังจากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้แม้แต่นิด ยิวคิดวนมาวนไปหลายรอบพร้อมหันหน้าไปมา จนเห็นโน๊คบุ๊คเปิดอยู่เขาจึงจับเม้าท์คลิกเปิดดูทันใด และสิ่งที่เขาเห็นเป็นคลิปวีดีโอตัวเขาเองกับพีคกำลังนอนกอดกัน“อะไรกันนี่ มันไม่ใชเรานี่หน่า” ยิวปิดวีดีโอนั้นทันทีเมื่อปิดวีดีโอเสร็จเขาได้เห็นเว็บเขี
ข่าวทำสงครามของแม่ทัพวิศรุฒรบชนะดังไปทั่วแคว้นแดนดิน ทั้งสองเมืองต่างเฉลิมฉลองอึกทึกครึกโครม เพราะในช่วงเวลานี้ได้เป็นพันธมิตรกัน หลังจากงานอันเป็นมงคลได้ผ่านไป แม่ทัพวิศรุฒซึ่งในเวลานี้เป็นราชาวิศรุฒ ได้ทราบข่าวร้ายในทันใด เมื่อจอมได้รีบมาบอกข่าวนี้ทันทีเมื่อได้ยินเรื่องราวไม่ดี“พระองค์ ราชาศิลาจะประหารชีวิตองค์ชายเมธีพระเจ้าค่ะ” จอมหน้านิ่วคิ้วขมวด“ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เพราะเหตุผลใดเล่า” แม่ทัพวิศรุฒมีสีหน้าวิตกกังวลยิ่งนัก“ได้ข่าวมาองค์ชายเมธีได้ฆ่าองค์ชายศิธาตายพระเจ้าค่ะ”“ไม่น่าใช่ อ่อนแอขนาดนั้น”“กระหม่อมก็ไม่รู้ แต่สายรายงานข่าวมาเช่นนี้พระเจ้าค่ะ พระองค์จะทำเช่นไรข้าอดเป็นห่วงองค์ชายเมธีไม่ได้ ถึงแม้จะไม่ใช่ตัวจริงอย่างน้อยพระองค์ท่านก็มีบุญแก่กระหม่อม”“ไม่ต้องห่วงข้าจะกลับเมืองศิลานคร แต่ข้าจะขี่ม้าไปคนเดียว เพราะจะได้ไวขึ้นกว่าไปเป็นกองทัพ”“กระหม่อมขอเสด็จตามไปด้วยนะพระเจ้าค่ะ”“ได้ ออกเดินทางวันนี้เลยเดี๋ยวไม่ทันการณ์” ราชาวิศรุฒถอนหายใจเฮือกใหญ่“พระเจ้าค่ะ กระหม่อมไปเตรียมม้าและข้าวของจำเป็นก่อนนะพระเจ้าค่ะ”“อืม”“กระหม่อมทูลลา”ราชาวิศรุฒยืนนิ่งครุ่นคิดและหวาดหวั่
กัสหยุดเขียนนิยายไปหลายวัน และเริ่มตีตัวออกห่างเป็กแล้วเข้าหาพีคในช่วงเวลาเดียวกัน ค่ำคืนนี้จึงเป็นแผนเผด็จศึกและเสร็จศึกให้จบสิ้น เขาจึงรีบโทรหาพีคในทันใด“ฮัลโหลมีอะไรหรือเปล่าน้องกัส”“พี่พีค” กัสร้องสะอื้นไห้ออกมา“เป็นอะไรบอกพี่มา”“เป็กเขาทิ้งกัสไปแล้ว เขาบอกเบื่อกัสไม่อยากคบเป็นแฟนอีกต่อไป”มีแต่เสียงสะอื้นไห้ของกัสแต่ไร้เสียงใดๆ ของพีค จนกัสรู้สึกใจหายและผิดหวังในสิ่งที่ทำลงไปไม่เกิดผล“ใจเย็นๆ ในเมื่อเขาไม่รักเราแล้ว ก็ปล่อยเขาไปเหมือนอย่างพี่กับเขื่อนไง อย่าเสียใจไปเลย”“แต่ อืม กัสยังคิดอดไม่ได้ครับ” กัสกลับมาดีใจอีกครั้ง“ไม่ต้องคิดอะไรมาก เอาอย่างนี้พี่จะไปอยู่เป็นเพื่อนก็แล้วกัน ในเมื่อเป็กเลิกกับกัสกันไปแล้ว พี่ไปอยู่ด้วยคงไม่เป็นปัญหาอะไรหรอก ถ้างั้นรอพี่อยู่ที่ห้องนะอย่าคิดอะไรมาก พี่จะรีบไปเดี่ยวนี้ ทำใจดีๆ ไว้นะน้องกัส”“ครับ ขอบใจพี่พีคมากที่คอยดูแลกัสตลอดมา”“อืม ไม่เป็นไร”เมื่อพีคได้วางหูโทรศัพท์มือถือ กัสถึงกับอมยิ้มและเตรียมแผนการต่อไว้อย่างดี หลังจากนั้นกัสนิ่งรอพีคมายังห้องอย่างใจจดใจจ่ออย่างมีความหวัง และคาดฝันในสิ่งที่วางแผนไว้ ซึ่งเวลาที่เฝ้ารอไม่ได้นานมา
เวลาที่แม่ทัพวิศรุฒรอคอยได้มาถึง เมื่อถึงเวลาเขาบุกเข้าไปในเมืองเมฆาบุรีทันที แต่ยังไปไม่ถึงป้อมปราการ ทัพเสือเข้มวิ่งกรู่เข้ามาอย่างรวดเร็ว สองกองทัพต่างวิ่งถือดาบธนูเข้าหากัน เหมือนกับเคืองแค้นกันมาหลายภพหลายชาติเหล่าทหารกองทัพเมืองศิลานครนำทัพโดย แม่ทัพวิศรุฒนั้นร่างกายค่อนข้างแกร่งฝีมือดี เพราะผ่านศึกสงครามและฝึกฝนอย่างหนัก ในทางกลับกันฝีมือของกองทัพเสือเข้มร่างกายได้หาแข็งแกร่งไม่ ฝีมือใช่ว่าจะดีมากมาย แต่ที่ชนะกองทัพของราชาวิหคเพราะรบแบบกองโจร และแผนการอันแยบยล ในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ถึงแม้จะมีทหารโดยแท้ปะปนมาด้วย แต่หาเทียบเหล่าทหารแม่ทัพวิศรุฒได้ โดยการครั้งนี้มีเสือเข้มนำกองทัพออกรบ แต่บรรดาทหารไม่ได้ออกมาทั้งหมดแม่ทัพวิศรุฒก็รู้ดีเช่นกัน เพราะทราบข่าวจากการสู้รบของเสือเข้มจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา เขาจึงเตรียมการไว้อย่างดี เมื่อเขาได้นำทัพมาถึงกลางสนามรบ แต่ไม่สามารถฝ่าเข้าไปได้ในทันที เพราะเสือเข้มออกมาสู้ประจันหน้า และพร้อมกับสองข้างฝั่งมีกองโจรดักอยู่ คอยยิ่งธนูไม่ขาดสายถึงเป็นเช่นนั้นแม่ทัพวิศรุฒหากลัวไม่ เพราะสองฝั่งเขาให้จอมและทันเดินทัพออกห่างออกไปไกล เมื่อถึงเวลารบจ
กัสยังไม่ได้เริ่มเขียนนิยายแม้แต่คำเดียว เป็กก็มาถึงยังห้องนอนอย่างรวดเร็ว จึงมีความจำเป็นต้องหยุดทุกอย่างไว้แค่นั้น“เราทำให้นายทุกอย่างเลยนะ ว่าแต่นายจะทำอะไรให้เราบ้างล่ะในคืนนี้” เป็กกอดร่างของยิวไว้แน่นพร้อมบรรจงจูบทั่วใบหน้า ไม่ว่างเว้นแม้แต่ส่วนเดียว“ไปอดอยากมาจากไหน” กัสยังนิ่งเฉยไม่ขัดขืนแต่อย่างใด“ใช่ อดอยาก อมให้หน่อย” เป็กหยุดสัมผัสเรือนกายของกัสและปลดอาภรณ์ทุกชิ้นออกไม่มีเหลือ พร้อมกับล้มตัวลงนอนข้างๆ กัสที่นั่งยิ้มแต่ใจนั้นแสนเบื่อหน่ายกัสไม่สามารถที่จะปฏิเสธการนี้ได้ เขาจึงจับท่อนเอ็นของเป็กที่กำลังแข็งตั้งตระหง่าชูชัน พร้อมกับก้มใบหน้า ใช้ริมฝีปากสัมผัสท่อนเอ็นส่วนปลายสีชมพูอ่อนๆ จากทีแรกรู้สึกเบื่อหน่ายแต่เมื่อเห็นท่อนเอ็น ทำให้มีอารมณ์ร่วมมากขึ้นกัสจึงใช้ปลายลิ้นสัมผัสไล้เลียวนมาวนไปอย่างใคร่กระหาย“อืม อืม อืม” เป็กครางออกมาด้วยความเสียวซ่านอย่างถึงใจ“จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ” เสียงอมรูดท่อนเอ็นดังอย่างต่อเนื่องริมฝีปากอันเล็กรูดท่อนเอ็นขึ้นลงอย่างช้าๆ และใช้ปลายลิ้นตวัดเลียไปมา พร้อมกับเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนร่างของเป็กสั่นสะท้าน ความรู้สึกสยิวท่อนเอ็นอย่างต่อเนื่อง
ยิวนั่งหมดอะไรตายอยากในห้องบรรทมอย่างเงียบเหงา ด้วยไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อจากนี้ หมดสิ้นหนทางอย่างไร้ที่หมาย เขาถึงกับถอนหายใจถี่ก้มมองลงพื้นด้วยความกลัดกลุ้มในใจอย่างรวดร้าว แต่แล้วเมื่อเขาได้ยินเสียงประตูเปิดออก ความรู้สึกนั้นได้จางหายไปในทันที เมื่อร่างขององค์ชายศิธาปรากฏ“นั่งเหงาเลยนะองค์ชายเมธี”“ถ้ามาพูดแค่นี้ไม่น่าต้องเสด็จมาก็ได้”“ข้ามีเรื่องจะบอกองค์ชายถึงมานี่ เรื่องนี้ข้าเท่านั้นที่ต้องบอก จะได้สมน้ำสมเนื้อกับองค์ชาย”“เรื่องอะไร” ยิวให้ไปทั้งใบหน้ามององค์ชายศิธาที่ยืนยิ้มอย่างเย้ยหยัน“แม่ทัพวิศรุฒออกเดินทางไปยังเมืองเมฆาบุรีแล้ว”ยิวไม่ได้ตอบโต้อะไร เพราะเขารู้สึกใจหายหวั่นๆ อยู่เหมือนกัน เพราะนั่นเท่ากับเขาอยู่ที่นี่อย่างไร้ความหมาย“รู้ไหม ทำไมแม่ทัพวิศรุฒถึงไปยังเมฆาบุรี”“ข้าไม่รู้”“เพราะที่เมฆาบุรีเกิดการกบฏอีกครั้ง และคนก่อกบฏก็เป็นเสือเข้ม องครักษ์ขององค์ชายนี่ใช่ไหม”ดวงตาของยิวเบิกโตตื่นเต้นไม่คาดคิดว่าเสือเข้มจะทำได้จริงๆ และนั่นเขาก็หวั่นๆ ว่าจะเกิดร้ายไม่ดีกับแม่ทัพวิศรุฒ“เพลานี้เมืองเมฆาบุรีกำลังวุ่นวาย เสด็จพ่อของข้าจึงสั่งจัดการให้สิ้นซาก”“บอกข้าทำไม” ยิว
ค่ำคืนที่หาบทละครเวที พีคกำลังขะมักเขม้นทำอย่างจริงใจ แต่ในช่วงเวลาเดียวกันพีคได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เมื่อดูชื่อที่ปรากฏเป็นกัส พีคจึงรีบรับทันทีเพราะปกติไม่เคยโทรมาแต่อย่างใด “ฮัลโหล น้องกัสมีอะไรหรือเปล่า” “มี แต่ กัสไม่อยากบอกพี่เลยครับ” “เรื่องอะไร บอกมาเลยถ้าไม่บอกพี่โกรธจริงๆนะ” “ก็เรื่องของเขื่อนไงครับ คือ ว่า เอ่อ อ่า อืม” “พูดมาเลยว่าเรื่องอะไร” “คือ เรื่องเด็กคนนั้นน่ะของเขื่อน เท่าที่กัสสังเกตหน้าจะมีอะไรมากกว่าเพื่อนร่วมงานอย่างแน่นอน” “พี่ก็สงสัยแต่พี่ไม่มีหลักฐานอะไร” “คือ คืนนี้พี่ลองไปหาเขื่อนที่ห้องพักแบบไม่ให้รู้ตัวสิครับ” “น้องกัสรู้อะไรมาเหรอ” “อืม กัสไม่พูดดีกว่าพี่พีคไปดูเองเถอะ” “อืม ก็ได้ ขอบใจกัสมากนะ” “ไม่เป็นไรครับ” เมื่อพีคกดวางโทรศัพท์มือถือ ก็ขับรถไปหาเขื่อนในทันที โดยไม่บอกกล่าวอะไรทั้งนั้น เพราะตอนนี้ค่อนข้างให้ความเชื่อใจกัสมากกว่าเขื่อนเสียอีก พีคขับรถไปอย่างกระวนกระวายยิ่งนัก ด
เสือเข้มผู้โหดเหี้ยมได้มีความรักโดยอย่างไม่ตั้งใจ จากเมื่อก่อนอยากอยู่ไปเรื่อยๆแต่ในปัจจุบันความคิดนั้นได้เปลื่ยนไปอย่างมาก เพราะยิวได้สร้างห้องแห่งรักไว้ในหัวใจ จึงทำให้เสือเข้มเกิดความทะเยอะทะยานอยากได้ยิวมาครอบครองเขาจึงต้องทำทุกวิถีทาง เพื่อจะทวงราชบัลลังก์คืนแกตัวเขาและยิว การรวบรวมกำลังพลในค่ายเสือ ถึงจะไม่ได้มากมายเท่ากับกองทัพแห่งเมืองเมฆาบุรี ที่ตอนนี้เปลื่ยนชื่อเป็นเมืองวิหค กว่าที่เสือเข้มจะระดมบรรดาโจรทั่วเมืองเมฆาบุรีได้ใช้เวลานานพอสมควร และได้ติดต่อจากเมืองอื่นๆอีกมากมายเพื่อมาช่วยในครั้งนี้ โดยมีผลตอบแทนพื้นที่บางส่วนให้ไว้อาศัยอยู่ และทรัพย์สินในวังอันมีค่าบางส่วน ในที่สุดวันที่เสือเข้มรอคอยก็มาถึง เขาได้บุกเข้าเมืองเมฆาบุรีแบบกองโจร ไม่ได้ปะชิดสู้ตรงๆ เพราะขืนทำอย่างนั้นไม่มีทางที่จะชนะแม่ทัพวิหคและอำมาตย์มงคลได้อย่างแน่นอน โดยการครั้งนี้เสือเข้มเป็นผู้วางแผนและสั่งการเองทุกอย่าง โดยเริ่มต้นยามค่ำคืนอันเงียบสงัดและเผลอไผลไม่คาดคิดว่าจะมีเหตุการณ์อันร้ายแรงเกิดขึ้น “พี่น้องทุกคนพร้อมกันหรือยัง”เสือเข้มประกาศก้องใกล้ๆเมืองชั
เมื่อไม่ได้มีการซ้อมละครเวทีเขื่อนจนมีเวลาให้กับงานที่ทำมากขึ้น ไม่ว่าจะหลังเลิกงานหรือแม้แต่วันเสาร์อาทิตย์เขื่อนทุ่มเวลานั้นอย่างเต็มที่ จนทำให้ไม่มีเวลาไปมาหาสู่กับพีคอย่างเช่นแต่ก่อน และมีอยู่อีกเหตุหนึ่งนั้นเขื่อนได้มีความใกล้ชิดกับเพื่อนร่วมงานคนใหม่มากขึ้น ตอนกลับห้องหรือไปไหนหลังจากเลิกงาน ก็ไปด้วยกันตลอดเวลา จึงทำให้ความสัมพันธ์ของพีคกับเขื่อนได้จืดจางลงไปอย่างไม่ค่อยรู้ตัวหลังจากเลิกงานวันนี้ก็เป็นอีกวันที่เขื่อนได้กลับพร้อมกับหนุ่มรุ่นน้อง ที่ได้พึ่งได้มาทำงานได้ไม่นานแต่ความสนิทสนมกันนั้นแสนมาก“เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเห็นพี่พีคมารับพี่เขื่อนเลยครับ” เจษเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าใคร่สงสัย และมีความดีใจอยู่พอสมควร“พี่พีคไม่ค่อยว่าง เพราะตั้งแต่ไม่ได้แสดงละครด้วยกัน พี่พีคเขาต้องหาบทละครมาสร้างอีก ช่วงนี้เลยห่างๆ กันไป”“อ่อ ถึงว่าสิทำไมไม่ค่อยเห็นพี่พีค แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกครับเพราะถึงอย่างไงพี่เขื่อนยังมีผมอยู่เป็นเพื่อน” เจษอมยิ้มนิดๆ“อืม” เขื่อนไม่ได้พูดอะไรต่อจากนี้ ได้แต่ยืนรอรถเมล์เที่ยวสุดท้ายที่จะกลับห้อง“โชคดีนะ ที่เราสองคนอยู่ใกล้ๆ ขึ้นรถสายเดียวกัน” เจษยังยืนยิ้มอยู่ไม่วาย“พ