พระราชวังคลายทุกข์“อินจิ๋น และจิ้งอันอันถวายพระพรเสด็จพ่อกับเสด็จแม่”เสี้ยนตี้กับไทเฮาที่มีพระพักตร์เต็มเปี่ยมไปด้วยเมตตา มองไปยังอันอันสายสายตาอ่อนโยน“จิ๋นเอ่อร์ ตกลงใจแล้วใช่หรือไม่กงกงเพิ่งจะแจ้งข่าวกับแม่เมื่อเช้านี้เรื่องที่ลูกตัดสินใจแต่งตั้งฮองเฮา”“เสด็จแม่ลูก ตกลงใจมั่นเหมาะแล้วไม่มีเปลี่ยนใจ”“ก็ไม่เห็นว่าจะต้องกังวลเรื่องอื่นใดหากนี่เป็นการตัดสินใจของฮ่องเต้”เสี้ยนตี้พูดไปพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ“เสด็จแม่ลูกมาขอ พระเมตตา”ไทเฮายิ้ม“เรื่องใดกัน หรือว่าต้องการให้แม่ร่วมแสดงความยินดีในการแต่งตั้งฮองเฮา แม่คิดไว้ว่าอย่างไรก็คงไม่อาจละเลยฮ่องเต้กับฮองเฮา”“เสด็จเรื่องนั้นลูกซาบซึ้งในพระเมตตายิ่งแล้ว แต่อันอัน นางเป็นเพียงสามัญชน เป็นเพียงคนธรรมดาเกรงว่า เกรงว่าหากมีใครมาพูดเรื่องนี้ลูกคงอดที่จะสั่งลงทัณฑ์พวกปากมากเสียมิได้”“ฮ่องเต้ก็ อ้างไปว่าฮองเฮาเป็นพระญาติของไทเฮา เสียเกรงว่าจะไม่มีใครกล้าครหา”เสี้ยนตี้ชี้ช่องให้ในทันที ไทเฮายิ้มอ่อนโยน“อย่างที่เสด็จพ่อเจ้าพูด ดีไหม”อินจิ๋นกุมมืออันอันไว้แน่น“ลูกซาบซึ้งในน้ำพระทัยของทั้งสองพระองค์ก้มลงคุกเข่าตรงหน้าพร้อมกับอันอัน”“ดูรึ
“แล้วหลักฐานนี่เล่าไปศาลไหนฝ่าบาทก็แพ้”“ข้าๆๆๆ ยอมแล้วความจริงข้า เรื่องมันยาวเจ้าอยากฟังหรือไร”“อันอันอยากจะฟัง”แต่มันเป็นเรื่องน่าอาย”“อันอันไม่อาย”“อืม ก็ได้ข้ายอมแล้ว ความจริงวันนั้นวันที่ ข้าเห็นเจ้าในวันที่ข้าเอาอาภรณ์ไปส่งให้เจ้า ในห้องของเจ้าแล้วๆๆ ”หันหน้าหนีอันอันเสีย“แล้วอะไรบอกมา”อันอันส่งเสียงเข้มดุ“แล้วๆๆ ข้า ก็เห็นเจ้าในสภาพที่มีอาภรณ์ปิดบังร่างกายหมิ่นเหม่ ทั้งเนินอกทั้งผมยาวสลวย แล้วยังกลิ่นหอมจากกายเจ้า ข้าข้า...ข้าจึง กลับมาที่ห้องทั้งๆ ที่”ก้มมองเป้าตัวเอง“ฝ่าบาท พูดความจริงมาเสียทั้งหมด”“ข้าจึงกลับมาที่ห้องแล้ว ๆๆ ใช้”“ใช้ใคร”“ใช้ นางทั้งทั้งห้าบำบัด อารมณ์เปลี่ยวของข้า จนสำเร็จเสร็จสิ้น อันอันนั่นเป็นครั้งเดียวในห้องที่อาจทำให้ …มีหลักฐานชัดเจนเป็นเพราะข้าเร่งเร่าจังหวะด้วยความเพลิดเพลินไปหน่อย ข้าไม่ได้มีอะไรกับนางในคนไหนทั้งสิ้น”อันอันยกมือขึ้นปิดปากกลั้นหัวเราะแทบตาย ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง“ข้าเห็นเจ้า ครั้งใดหรือใกล้ชิดเจ้าครั้งใดมักจะทำให้เกิดเรื่องน่าอาย”อยากจะบอกว่าพุ่งกระฉูดก่อนจะได้ห้ามใจ“ฝ่าบาทพอแล้วอันอันเข้าใจแล้ว”พูดไปยิ้มไป แก้มแดงด
นางกำนัลเปิดประตูออกช้าๆ อินจิ๋น แทรกกายเข้าข้างใน ภายในห้องที่เงียบเหงาร้างไร้อินจิ๋นขมวดคิ้วก้าวเข้าไปยังแท่นนอนด้านในสุด บนแท่นนอนที่ผ้าห่มปกคลุมอินจิ๋น ทรุดกายลงนั่งบนแท่นนอนเอื้อมมือเปิดผ้าห่มออกช้าๆ แล้วถึงกับต้องสะบัดผ้าห่มออกอย่างแรง“เสี่ยวจื้อ เสี่ยวจื้อ นายหญิงนายหญิงของเจ้าเล่าทั้งเสี่ยวจื้อและนางกำนัลต่างวิ่งเข้ามาในห้องดวงตาตื่นตระหนก“นายหญิงหายไป”เสี่ยวจื้ออุทาน นางกำนัลเข่าอ่อนทรุดกายลงโขกศีรษะลงกับพื้นถี่ๆก่อนหน้านั้น“ของว่างของใครกัน”ฟางหลันในอาภรณ์นางกำนัล เอ่ยปากถามนางกำนัลที่กำลังยกขนมและชายังที่พำนักของอันอัน“ของเหล่านี้เป็นของนายหญิงอันอัน สำหรับช่วงเวลาบ่าย”“อืมฝ่าบาทให้ข้ามายกไปเดี๋ยวนี้เกรงว่าจะเลยเวลาของว่างของนายหญิง อืม ลืมบอกไปฝ่าบาทให้เจ้ายกของว่างที่ ท้องพระโรงอีกชุดเอาของว่างชนิดเดียวกันนี้”นางกำนัลส่งถาดของว่างในมือให้กับฟางหลันในทันทีฟางหลันยิ้มบางๆ ยกถาดของว่างหายไปยังที่พำนักของอันอัน“คุณหนู ข้าน้อยรออยู่แล้ว”บ่าวรับใช้ในจวนขุนพล ในอาภรณ์ขันที“อืม ข้าจัดการเรียบร้อยแล้วเจ้าแค่ นำนางออกทางประตูหลังใส่ไว้ในเกี้ยวที่ข้าเตรียมไว้แล้ว แล้วนำเก
ฟางหลัน ขยับกายในอาภรณ์นางกำนัล“นายหญิง”อันอันเงยหน้าขึ้นช้าๆ กำลังพิศมองพับผ้าสีต่างๆที่อินจิ๋นประทานมาเพื่อให้ อันอันเลือกไปตัดเย็บอาภรณ์เสียใหม่ทั้งหมด “ฟางหลันทำไมวันนี้มาใน อาภรณ์นางวกำนัลได้”“ฝ่าบาทให้ฟางหลันนำของว่างเหล่านี้มาส่งให้กับนายหญิงฟางหลันพบฝ่าบาทที่ยกเครื่องเสวยด้วยองค์เองจึงอาสาแต่ทว่า ฝ่าบาทกับยืนยันว่าจะยกมาเองทั้งๆที่ยังไม่ทันได้พัก”“ความจริงไม่ต้องยุ่งยากฝ่าบาทใส่ใจข้าเหลือเกิน”“นายหญิงเจ้าข้าฟางหลันมีเรื่องอยากจะขออภัยนายหญิงกับเรื่องที่ผ่านมา”“ข้าไม่ได้ถือโทษโกรธเจ้าแต่อย่างใด”“ฟางหลันตั้งใจ ทำหน้าที่ลูกที่ดี ตอบแทนบุญคุณคิดว่าหากฝ่าบาทโปรดปรานฟางหลันย่อมทำให้ท่านพ่อพ้นผิด จึงตั้งใจกับเรื่องนี้มากไปหน่อยแต่ในเมื่อเห็นว่า ฝ่าบาทอย่างไรเสียก็เลือกนายหญิงอยู่ดีฟางหลันจึงทำใจแค่เพียงได้มารับใช้ใกล้ชิด นายหญิงให้นายหญิงที่ใครๆต่างบอกฟางหลันว่าใจดีมีเมตตายิ่งนักช่วยเกลี่ยกล่อมฝ่าบาทเรื่องบิดาข้า”“เจ้ากตัญญูยิ่งนัก หากอยากจะอยุ่ในวังหลวงข้าจะให้ฝ่าบาทประทานตำแหน่งและเบี้ยหวัดให้เจ้า” ฟางหลัน กัดฟันก้มหน้ามองมือคำพูดของอันอันยิ่งตอกย้ำว่าไม่ว่าอันอันจะพูดอะไ
ฟางหลันย่อกายลงอีกครั้ง“ฝ่าบาท ฟางหลันไม่ได้ กระทำเรื่องชั่วช้าเพียงนั้น ฝ่าบาทจะมองฟางหลันในแง่ร้ายเกินไปแล้ว”“มีเพียงเจ้าที่คิดทำเรื่องเช่นนั้นหากไม่ใช่เจ้าก็จะต้องเป็นบิดาเจ้า”เสียงเข้มดุดันต่างจากอินจิ๋นคนเดิม“ท่านพ่อซื่อตรงภักดีจะทำเรื่องที่ ผิดต่อฝ่าบาทได้อย่างไร”“เลิกโป้ปดได้แล้วบอกมา อันอันนางอยู่ไหน”“ องค์หญิงใหญ่ชิงซี มีสิ่งของติดตัวกลับไปแคว้นฉีมากมาย ฝ่าบาท ไม่ยอมให้ใครตรวจสอบขบวนเสด็จขององค์หญิงใหญ่องค์หญิงขุ่นเคืองเรื่องที่ฝ่าบาทแต่งตั้งฮองเฮายิ่งกว่าผู้ใดเกรงว่า จะเป็นองค์หญิงที่ทำเรื่องเช่นนี้ฝ่าบาทมา กล่าวโทษฟางหลันและท่านพ่อไม่ รังแกกันไปหน่อยหรือ”“ข้าไม่ไว้ใจเจ้า บิดาเจ้าแม้จะภักดีแต่เจ้าฟางหลันเจ้าคิดว่าข้าปิดหูปิดตาหรือไรเรื่องของเจ้าคิดว่าข้าไม่เคยสืบสาวราวเรื่องมาก่อนหรือไร”ฟางหลันยิ้มหยัน“ฝ่าบาทใช้เวลากับข้าที่นี่มาคอยคาดคั้นข้าที่นี่ป่านนี้องค์หญิงใหญ่มิสังหาร นายหญิงอันอันไปแล้วหรือไร”อินจิ๋นตาลุกวาวตวัดกระบี่ ลงบนลำคอขาว สะบัดมือตัดเกล้าผมยาวสลวยของฟางหลันจนขาดสะบั้น“ข้าไม่มีทางรามือหากว่าเป็นเจ้า”ฟางหลันถลาเข้ากอดรวบเอวหนา“ฝ่าบาทฟางหลัน มีใจให้
“เห็นไหมข้าน้อยบอกแล้วองค์หญิงคิดเช่นนี้ได้ใจจึงเป็นสุข ใบหน้างดงามขึ้นมาในทันที”จงเจี้ยนชมเสียตรงๆ อันอันอดขำกับท่าทีซื่อๆ ของขุนพลจงเจี้ยนเสียไม่ได้ ชิงซีค้อนประหลับประเหลือก“อันอันขอบพระทัยองค์หญิงที่เข้าใจ แต่แคว้นฉีและบิดาขององค์หญิงเล่า”“จริงด้วยข้าลืมไปเสียสนิท เช่นนั้นข้าควรรีบเดินทางกลับแคว้นฉีเพื่อห้ามปรามกองทัพของแคว้นฉีที่กำลังจะยกเข้ามาประชิดชายแดนแคว้นหาน”"องค์หญิงอันอันไปด้วยเพื่อแสดงความจริงใจ ในครั้งนี้ถือเสียว่าอันอันเดินทางมาส่งองคืหญิงด้วยตัวเอง บางที่การกระทำอาจใช้ได้ดีกว่าคำพูดอันอันอยากแสดงความจริงใจ”“แต่ อีกไม่ถึงเดือนเจ้าก็จะต้องรับตำแหน่งฮองเฮาแล้วฤกษ์ดีไม่อาจเปลี่ยนแปลง อันอันเจ้าไม่กลัวว่าจะไม่ทันกลับไปรับตำแหน่งฮองเฮาหรือไร”“เรื่องความสงบสุขและความสัมพันธ์สองแคว้นก็สำคัญไม่น้อยหากอันอันแต่งกับฝ่าบาทแล้วก่อให้เกิดสงครามอันอันก็คงไม่อาจมีความสุขบนตำแหน่งฮองเฮา“ข้าคิดไม่ออกว่าฝ่าบาทจะต้องทรมานแค่ไหนกันเมื่อพบว่าเจ้าหายไป”“นายหญิงในเมื่อท่านคิดได้เช่นนี้เช่นนั้นจงเจี้ยนจะส่งม้าเร็วบอกเล่าเรื่องราวของนายหญิงกับฝ่าบาท และจะรีบพานายหญิงเดินทางวกกลับไปยังด่
“ท่านขุนพล แม่นางจิ้งเล่า”ชิงซีอดห่วงอันอันไม่ได้“สองคนยิ่งทำให้ห่วงหน้าพะวงหลังข้าพาองค์หญิงไปยังที่ปลอดภัยแล้วกลับมาช่วยนายหญิงอันอันอีกที”“แต่ตอนนี้กำลังจะพลบค่ำ อันอันจะปลอดภัยหรือไม่”“กองทหารของข้าล้วนมีฝีมือห่วงแต่ว่าพวกท่านทั้งสองอยู่ล่อตาตาล่อใจที่นั่นเกรงว่าจะยิ่งคุ้มกันยากพาท่านออกมาเสียอย่างไรเหล่าทหารก็ไม่มีทางปล่อยให้นายหญิงอันอันได้รับอันตราย”“แล้วเราสองคนจะไปไหนนี่ก็มาไกลแล้ว”“ไม่ต้องห่วงเส้นทางสายนี้แม้ข้าจะไม่เคยสัญจรแต่ก็เคยดูแผนที่มาบ้างคงพอจะ พาองค์หญิงไปยังจุดนัดพบที่เตรียมไว้กับนายกองของข้า”กระตุกบังเหียนม้าให้หยุดลงใต้ร่มไม้หนาที่หากไม่สังเกตดีดี จะมองไม่เห็นมองเห็นปากถ้ำ“ถึงแล้วองค์หญิงจะต้องรออยู่ที่นั่นข้ากับไปช่วยนายหญิงอันอันแล้วจะกลับมาหาท่านพร้อมกับขบวนของเรา”ชิงซีสีหน้าตื่นกลัว กอดแขนจงเจี้ยนไว้แน่น“ท่านไม่ต้องไปได้ไหม”“เมื่อครู่ข้ายังเห็นว่าท่านห่วงใยนายหญิงอันอันมาคราวนี้”“อันอันนางเข้มแข็งกว่าข้า นางคงไม่ปล่อยให้ตัวเองเป็นอันตรายแล้วอีกอย่างนายกองของท่านและทหารนับร้อยคงไม่ปล่อยให้อันอันพบกับอันตรายแต่ข้าสิท่านเห็นไหมข้าต้องอยู่ที่นี่เพียงล
เพียงกลั้นหายใจ ทุกอย่างก็เป็นไปตามครรลองของมันชิงซียิ้มเมื่อจงเจียนพลิกร่างใหญ่ขึ้นทาบทับ เอวหนาขยับขึ้นลงรัวเร็ว เสียงครางเบาๆ เล็ดลอดออกมาแค่พองามตามจังหวะขยับกาย ทั้งๆ ที่อยากจะเปล่งเสียงร้องมากกว่านั้น แต่เกรงว่าจะไม่งาม มืออุ่นของจงเจี้ยนจับเอวบางให้พลิกขึ้นด้านบนปล่อยให้ชิงซีควบม้าเสียอย่างที่ตั้งใจ สวรรค์ลอยเด่นตรงหน้าคนทั้งคู่ แม้จะผิดที่ผิดทาง แต่ทว่าจงเจี้ยนผู้ไม่เคยผ่านหญิงใดมีหรือจะระงับใจได้ ชิงซีผู้ซึ่งในทุกวันนั่งเฝ้าตำรากามสูตรด้วยอายุที่เพิ่มขึ้นในทุกวัน หมายจะมัดใจบุรุษในการร่วมหอในครั้งแรก จึงกลายเป็นว่าการรอคอยของทั้งสองสิ้นสุดลงในทันทีเมื่อร่างสองร่าง ขย่มเขย่าจนฉุดดึงกันขึ้นสวรรค์ที่ตั้งตารอมานานแสนนาน“อ่าาาาา องค์หญิงจงเจี้ยนไม่อาจขาดท่านได้อีกแล้ว”น้ำเสียงแหบพร่า ชิงซีกดริมฝีปากกับปากอุ่นแทนคำตอบฟุบหน้าลงบนอกอวบ ที่อยากจะขย้ำขยี้เสียอีกที“ท่านขุนพลลลลล”“ท่านขุนพล”เสียงเรียกดังมาจากแมกไม้หนาทึบดังแว่วเข้ามาภายในถ้ำ ชิงซีรวบอาภรณ์ขึ้นสวมใส่ จงเจี้ยนตวัดสายรัดเอวรัดเอวกิ่วให้กับชิงซีอย่างรู้งาน ส่วนเขาสะบัดเสื้อขึ้นสวมใส่อย่างเร่งรีบขบวนทัพที่ตามมาถึงที่ ไม