“เห็นไหมข้าน้อยบอกแล้วองค์หญิงคิดเช่นนี้ได้ใจจึงเป็นสุข ใบหน้างดงามขึ้นมาในทันที”จงเจี้ยนชมเสียตรงๆ อันอันอดขำกับท่าทีซื่อๆ ของขุนพลจงเจี้ยนเสียไม่ได้ ชิงซีค้อนประหลับประเหลือก“อันอันขอบพระทัยองค์หญิงที่เข้าใจ แต่แคว้นฉีและบิดาขององค์หญิงเล่า”“จริงด้วยข้าลืมไปเสียสนิท เช่นนั้นข้าควรรีบเดินทางกลับแคว้นฉีเพื่อห้ามปรามกองทัพของแคว้นฉีที่กำลังจะยกเข้ามาประชิดชายแดนแคว้นหาน”"องค์หญิงอันอันไปด้วยเพื่อแสดงความจริงใจ ในครั้งนี้ถือเสียว่าอันอันเดินทางมาส่งองคืหญิงด้วยตัวเอง บางที่การกระทำอาจใช้ได้ดีกว่าคำพูดอันอันอยากแสดงความจริงใจ”“แต่ อีกไม่ถึงเดือนเจ้าก็จะต้องรับตำแหน่งฮองเฮาแล้วฤกษ์ดีไม่อาจเปลี่ยนแปลง อันอันเจ้าไม่กลัวว่าจะไม่ทันกลับไปรับตำแหน่งฮองเฮาหรือไร”“เรื่องความสงบสุขและความสัมพันธ์สองแคว้นก็สำคัญไม่น้อยหากอันอันแต่งกับฝ่าบาทแล้วก่อให้เกิดสงครามอันอันก็คงไม่อาจมีความสุขบนตำแหน่งฮองเฮา“ข้าคิดไม่ออกว่าฝ่าบาทจะต้องทรมานแค่ไหนกันเมื่อพบว่าเจ้าหายไป”“นายหญิงในเมื่อท่านคิดได้เช่นนี้เช่นนั้นจงเจี้ยนจะส่งม้าเร็วบอกเล่าเรื่องราวของนายหญิงกับฝ่าบาท และจะรีบพานายหญิงเดินทางวกกลับไปยังด่
“ท่านขุนพล แม่นางจิ้งเล่า”ชิงซีอดห่วงอันอันไม่ได้“สองคนยิ่งทำให้ห่วงหน้าพะวงหลังข้าพาองค์หญิงไปยังที่ปลอดภัยแล้วกลับมาช่วยนายหญิงอันอันอีกที”“แต่ตอนนี้กำลังจะพลบค่ำ อันอันจะปลอดภัยหรือไม่”“กองทหารของข้าล้วนมีฝีมือห่วงแต่ว่าพวกท่านทั้งสองอยู่ล่อตาตาล่อใจที่นั่นเกรงว่าจะยิ่งคุ้มกันยากพาท่านออกมาเสียอย่างไรเหล่าทหารก็ไม่มีทางปล่อยให้นายหญิงอันอันได้รับอันตราย”“แล้วเราสองคนจะไปไหนนี่ก็มาไกลแล้ว”“ไม่ต้องห่วงเส้นทางสายนี้แม้ข้าจะไม่เคยสัญจรแต่ก็เคยดูแผนที่มาบ้างคงพอจะ พาองค์หญิงไปยังจุดนัดพบที่เตรียมไว้กับนายกองของข้า”กระตุกบังเหียนม้าให้หยุดลงใต้ร่มไม้หนาที่หากไม่สังเกตดีดี จะมองไม่เห็นมองเห็นปากถ้ำ“ถึงแล้วองค์หญิงจะต้องรออยู่ที่นั่นข้ากับไปช่วยนายหญิงอันอันแล้วจะกลับมาหาท่านพร้อมกับขบวนของเรา”ชิงซีสีหน้าตื่นกลัว กอดแขนจงเจี้ยนไว้แน่น“ท่านไม่ต้องไปได้ไหม”“เมื่อครู่ข้ายังเห็นว่าท่านห่วงใยนายหญิงอันอันมาคราวนี้”“อันอันนางเข้มแข็งกว่าข้า นางคงไม่ปล่อยให้ตัวเองเป็นอันตรายแล้วอีกอย่างนายกองของท่านและทหารนับร้อยคงไม่ปล่อยให้อันอันพบกับอันตรายแต่ข้าสิท่านเห็นไหมข้าต้องอยู่ที่นี่เพียงล
เพียงกลั้นหายใจ ทุกอย่างก็เป็นไปตามครรลองของมันชิงซียิ้มเมื่อจงเจียนพลิกร่างใหญ่ขึ้นทาบทับ เอวหนาขยับขึ้นลงรัวเร็ว เสียงครางเบาๆ เล็ดลอดออกมาแค่พองามตามจังหวะขยับกาย ทั้งๆ ที่อยากจะเปล่งเสียงร้องมากกว่านั้น แต่เกรงว่าจะไม่งาม มืออุ่นของจงเจี้ยนจับเอวบางให้พลิกขึ้นด้านบนปล่อยให้ชิงซีควบม้าเสียอย่างที่ตั้งใจ สวรรค์ลอยเด่นตรงหน้าคนทั้งคู่ แม้จะผิดที่ผิดทาง แต่ทว่าจงเจี้ยนผู้ไม่เคยผ่านหญิงใดมีหรือจะระงับใจได้ ชิงซีผู้ซึ่งในทุกวันนั่งเฝ้าตำรากามสูตรด้วยอายุที่เพิ่มขึ้นในทุกวัน หมายจะมัดใจบุรุษในการร่วมหอในครั้งแรก จึงกลายเป็นว่าการรอคอยของทั้งสองสิ้นสุดลงในทันทีเมื่อร่างสองร่าง ขย่มเขย่าจนฉุดดึงกันขึ้นสวรรค์ที่ตั้งตารอมานานแสนนาน“อ่าาาาา องค์หญิงจงเจี้ยนไม่อาจขาดท่านได้อีกแล้ว”น้ำเสียงแหบพร่า ชิงซีกดริมฝีปากกับปากอุ่นแทนคำตอบฟุบหน้าลงบนอกอวบ ที่อยากจะขย้ำขยี้เสียอีกที“ท่านขุนพลลลลล”“ท่านขุนพล”เสียงเรียกดังมาจากแมกไม้หนาทึบดังแว่วเข้ามาภายในถ้ำ ชิงซีรวบอาภรณ์ขึ้นสวมใส่ จงเจี้ยนตวัดสายรัดเอวรัดเอวกิ่วให้กับชิงซีอย่างรู้งาน ส่วนเขาสะบัดเสื้อขึ้นสวมใส่อย่างเร่งรีบขบวนทัพที่ตามมาถึงที่ ไม
องครักษ์เกราะทอง กระตุกบังเหียนม้าให้หยุดการเดินทางเร่งวันเร่งคืนจนไม่ได้พัก แม้จะเหนื่อยเพียงใดก็เข้าใจดีว่า อินจิ๋นห่วงใยว่าที่ฮองเฮายิ่งกว่าสิ่งใด“ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมจงเจี้ยนจึงเดินทางไปในเส้นทางเดียวกันกับองค์หญิงใหญ่”“ฝ่าบาทเป็นไปได้มาก ว่าท่านขุนพบจงใจอารักขาองค์หญิงใหญ่ ด้วยเส้นทางไปยังด่านปงเปียงต้องผ่านหุบเขาคนโฉดที่มีโจรดักปล้นคนเดินทางชุกชุม”“จงเจี้ยนคิดแทนข้าเพียงนั้น เชียวหรือ”“ฝ่าบาทเมื่อพบทั้งสองจึงจะกระจ่างแจ้ง”อินจิ่นถอนหายใจ ในตอนนี้คิดถึงอันอัน ที่สุดป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้างกลัวเหลือเกินว่าจะต้องพบกับความลำบากและอาจถูกผู้ใดทำร้ายหากผ่านไปยังหุบเขาคนโฉดเกรงว่าจะพบเจอโจรป่าอันอันจะปลอดภัยหรือไม่ชิงซีขยับกายซุกหน้าลงบนอกกว้างของจงเจี้ยน ในกระโจมกว้าง“องค์หญิงเราสองคน ทำแบบนี้คนอื่นจะรู้กันหมดว่าเรา เรา…”ชิงซีหน้าเง้า“คิดว่าเขาไม่รู้กันหรือไรท่านไปออกตัวเพียงนั้น”“ข้าอยากให้คนเขารู้กันหมดว่าข้ารักเจ้า รักหมดใจชีวิตนี้ไม่อาจอยู่ได้ถ้าไม่มีเจ้า แต่ชิงซี ข้าอยากทำทุกอย่างให้ถูกต้อง เพียงแค่ได้เผยความในใจ และเอ่ยปากสู่ขอเจ้าต่อหน้าฝ่าบาทแคว้นฉีเสียก่อน”ชิงซีอมยิ้
อันอันตกใจไม่น้อยที่จู่ๆ ชิงซีก็มีน้ำตาบนเกี้ยวที่นั่งมาด้วยกัน“ความจริงข้าพยายามจะไม่คิดเป็นอื่นใด แต่อันอันเจ้าเห็นไหม หลายวันมานี้ท่านขุนพลเฉยชากับข้ายิ่งนัก”ยังปาดน้ำตา“อันอัน จะลองถามท่านขุนพลดูด้วยความเป็นท่านขุนพลซื่อๆ เพียงนั้นคงไม่กล้า โป้ปดว่าทำไมถึงกล้าเฉยชากับองค์หญิง”อันอันรับปากมั่นเหมาะชิงซี ยิ้มน้อยๆ“ข้าไม่ได้ห่วงเรื่องอื่นห่วงแต่ ท่านขุนพลใจไม่สู้เรื่องที่จะสู่ขอข้าต่อหน้าเสด็จพ่อ เสด็จพ่อนับว่าเป็นฮ่องเต้ที่ ห้าวหาญดุดันคนหนึ่งทีเดียว”“อันอัน สัญญาว่าจะช่วยพูดเรื่องนี้กับฝ่าบาทเชื่อว่าหากฝ่าบาทรักและปรารถนาดีต่อองค์หญิงฝ่าบาทจะต้องมองเห็นความจริงใจในตัวท่านขุนพล"ชิงซียิ้มเสียงฝีเท้าม้าควบตะบึงมาด้วยความเร็ว จงเจี้ยนและเหล่าทหารรอบเกี้ยวของอันอันและชิงซีไว้"หยุดดดดด"อินจิ๋นกระตุกบังเหียนม้า ให้หยุดกระโดดลงมายืนหน้าเกี้ยว"ขุนพล หลงจงเจี้ยนถวายพระพรฝ่าบาท"อันอันเปิดม่านแล้วกระโดดลงจากเกี้ยววิ่งเข้าไปกอดอินจิ๋นด้วยความถวิลหาอย่างที่สุดอินจิ๋นกอดรวบร่างบางแนบกายไม่ปล่อยกดริมฝีปากลงบนหน้าผาก“คิดถึงเจ้ายิ่งนัก”อันอันปาดน้ำตา“ฝ่าบาทมาช้า”“ข้าผิดเองที่มัวแต่ยุ่
“จงเจี้ยนอยากแน่ใจว่าฝ่าบาทจะเป็นธุระสู่ขอองค์หญิงให้กับจงเจี้ยน”อินจิ๋นถอนหายใจมาเป็นก้างขวางคอทั้งๆ ที่เขากำลังจะตักตวงความหอมหวานที่ไม่พบเจอมาหลายวัน“ข้ารับปาก”จงเจี้ยนประสานมือวิ่งหายลับกลับไปบอกข่าวดีกับชิงซีขบวนเสด็จของอินจิ๋น มุ่งหน้ายังวังหลวงแคว้นฉีอันอันเปิดม่านออกเพื่อชื่นชม ร้านรวงและความเป็นอยู่ของชาวแคว้นฉี ชิงซีชี้ชวนให้ดูข้างของที่ขายเกลื่อนกลาด บุรุษหนุ่มผู้หนึ่งยืนอยู่ข้างทาง รูปร่างสูงโปร่งใบหน้าคมคาย ละม้ายใบหน้าของชิงซี สายตาคมจับจ้องใบหน้าผ่องใสของอันอันไม่วางตา กระตุกยิ้มที่ริมฝีปาก“นางสวรรค์หรือไร เจ้าเห็นไหมนางคงเป็น องค์หญิงหรือพระญาติของฮ่องเต้แคว้นหานเป็นแน่”สายตายังจับจ้องอันอันไม่วางตา“ไหนคนของเราบอกว่าอินจิ๋นก็เดินทางมาด้วย”“ไท่จือ เบื้องหน้านั่นขุนพลจงเจี้ยน ถัดมาเป็นอินจิ๋นฮ่องเต้ที่แม้จะแต่งกายอำพรางทว่าใบหน้าหล่อเหลาอีกทั้งบารมีเปล่งปลั่ง ไม่เหมือนทหารนายกองหรือองครักษ์”“เจ้าแน่ใจหรือ”“ไท่จือข้างๆ อินจิ่นนั่น เป็นองครักษ์เกราะทองที่แม้จะเพียงพาม้าเดินเคียงข้างแต่พร้อมจะอารักขาสุดกำลัง”ชิงกวานยิ้มหยัน“จะฆ่าอินจิ๋นฮ่องเต้ก่อน หรือว่าชิงตัว
“แต่ฝ่าบาทจงเจี้ยนกังวลเรื่องความปลอดภัย”“ชิงซีไม่ปล่อยให้มีการเข้าใจผิด ไม่มีใครต้องไปไหนทั้งนั้น เราจะเข้าไปพร้อมกันหากครั้งนี้เกิดอะไรขึ้นกับฝ่าบาทแคว้นหานข้าคงไม่ให้อภัยตัวเองแล้วยังจะมีหน้าไปพูดกับอันอันว่าอย่างไร”เขต วังหลวงแคว้นฉีที่ยิ่งใหญ่งดงามไม่แพ้แคว้นหาน“หยุดดดด”ทหารยามใช้ทวนในมือกางกั้นไว้ ชิงซีก้าวลงจากเกี้ยวตรงหน้าประตูวังหลวง“ถวายพระพรองค์หญิงใหญ่”“รู้ก็ดีแล้วนี่คือกองกำลังจากแคว้นหานที่อารักขาข้ามาถึงนี่ พวกเจ้ากล้าขวางอันคันตุกะที่ดี เชียวหรือ”ทหารยาม ยกมือขึ้นตรงหน้า“ข้าน้อยผิดไปแล้วเชิญองค์หญิง และแขกเมืองด้านใน”ชิงซี เดินนำคนทั้งหมดเข้าไปยัง วังหลวงแคว้นฉีที่ยอ่งใหญ่ ไม่แพ้แคว้นหานท้องพระโรงบนบัลลังก์สูง ฮ่องเต้แคว้นฉีวัยกลางคนนามชิงไฉ่ในอาภรณ์เสื้อคลุมมังกรเลื้อมลายทอง นั่งสง่าอยู่ด้านบน สนมและนางกำนัลอีกทั้งขันทีรายล้อม“อินจิ๋นฮ่องเต้ ถวายพระพรฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี”ชิงไฉ่เลิกคิ้วสูงมองไปยังอินจิ๋นด้วยความชื่นชม“ฝ่าบาท มาถึงนี่เชียวรึ”“ข้าน้อย ตั้งใจมาทูลเชิญเสด็จด้วยตัวเองในงาน สถาปนาตำแหน่งฮองเฮาของแคว้นหาน อีกทั้งยังได้นำคนอารักขาองค์หญิงใหญ่ม
“พวกเจ้าไปนำตัวนางจากตำหนักข้ามา ที่นี่”สั่งคนสนิทและองครักษ์เบาๆอินจิ๋นถอนหายใจโล่งอก“อินจิ๋นขอบพระทัยฝ่าบาทที่ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์สองแคว้น”ชิงไฉ่โบกมือไปมา“ข้าผิดกับฝ่าบาท คนของแคว้นฉีผิดกับฝ่าบาทจึงต้องขออภัย หาใช่ดันทุรังไม่”คนสนิทมาพยุงชิงกวานให้ลุกขึ้นยืนทั้งยังก้มหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลายคล้ายกับดังถูกตบหน้าต่อธารกำนัล ร้ซึ่งคนคอยปกป้อง ชิงไฉ่ฮ่องเต้ที่เคยปกป้องมาตลอดบัดนี้กลับมีเพียงออกตัวก็เท่านั้น“ไท่จือไปเถิด”ส่ายหน้าไปมาก่อนจะทะลึ่งพลวดดึงมีดสั้นที่พกติดตัวมาตลอดออกมาจากแขนเสื้อ พุ่งตัวเข้าหา ชิงไฉ่ที่ก้าวลงมาจากบัลลังก์เพื่อให้เกียรติกับอินจิ๋น มีดในมือ จ่อที่คอหอยของชิงไฉ่ มืออีกข้างล็อกแขนไว้แน่น หลายคนในที่นั้นต่างตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก“ชิงกวาน กล้าทำเรื่องเลวทรามเพียงนี้เชียวรึ ตายไปเป็นผีจะกล้ามองหน้าบรรพบุรุษหรือไร”ชิงไฉ่ตวาดลั่นหาได้สะทกสะท้านไม่ จงเจี้ยนขยับเข้าไปช้าๆ ด้วยสัญชาตญาณของ นักรบยามคับขัน“เสด็จพ่ออย่าบีบคั้นข้า ข้าไม่ได้อยากทำแบบนี้ ข้าเป็นองค์ชายเพียงคนเดียวสิ่งที่ต้องการหรือไม่ก็คือบัลลังก์ เสด็จพ่อทำใจเถิดว่าอย่างไรบัลลังก์นี้ก็จะต้องเ