บุรุษร่างสูงใหญ่พลางคุกเข่าคำนับด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด หากแต่สีหน้ากลับเจือไปด้วยความยินดี “ขอบพระทัยพระชายาอ๋องเจ็ดที่ช่วยชีวิตนางเอาไว้ บุญคุณในครานี้ช่างใหญ่หลวงยิ่งนัก กระหม่อมจะมิมีวันลืมเลยพ่ะย่ะค่ะ”ฉินเหยี่ยนเย่ว์แย้มยิ้มให้กับเขา “ขอแสดงความยินดีกับท่านด้วย ทั้งแม่และลูกปลอดภัยแล้ว”“มีอีกอย
“ซวี่เอ๋อร์” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตกตะลึงไปในทันทีทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยังไม่ทันได้สติกลับมา“ข้าไม่เป็นอะไร” ตงฟางซวี่เช็ดเลือดออกจากมุมปากของนาง “ช่างเป็นคนที่เก่งกาจ แข็งแกร่งยิ่งนัก ข้ายังมิเคยพบเจอคนที่แข็งแกร่งเช่นนี้มาก่อนเลย”ตงฟางซวี่ขยับคอไปมาเล็กน้อย ก่อนจะหักข้อมือจนเสียงดัง
สาวใช้นางนั้นหาได้ยอมรับหรือปฏิเสธออกมาไม่ เพียงแต่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ข้าอยากจะรู้ว่าท่านมีฝีมือไปถึงขั้นไหน ทว่า พระชายาอ๋องเจ็ดทำให้ข้าได้เปิดหูเปิดตายิ่งนัก”ฉินเหยี่ยนเย่ว์กำมือแน่นด้วยความโกรธเกรี้ยว ผู้หญิงที่ท้องเป็นผู้บริสุทธิ์ เด็กก็เป็นผู้บริสุทธิ์เช่นกันคนผู้นี้ เพียงเพื่อ
“จุดประสงค์ของข้า เจ้าน่าจะเข้าใจ” เขาจ้องมองไปยังแหวนของนาง“เจ้าอยากได้สิ่งนี้หรือ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถอดแหวนออกมา “ข้าสามารถให้เจ้าได้ แต่ข้าบอกเจ้าชัด ๆ ได้เลยนะ ว่าของสิ่งนี้มีเพียงข้าเท่านั้นที่สามารถใช้ได้”“จริงหรือ?” เขายื่นมือออกมาฉินเหยี่ยนเย่ว์วางแหวนลงในมือของเขาโดยไม่ลังเลดูเหมือนเขาคา
“ได้” มือสังหารนำเสื้อผ้าของสาวใช้ที่เอามาจากที่ไหนสักแห่งโยนให้นางฉินเหยี่ยนเย่ว์ถอดเสื้อคลุมออกอย่างเอาจริงเอาจัง ครั้นกำลังจะพับมัน มือก็หยุดชะงัก “ท่านมือสังหาร เจ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่าเจ้ามีนามว่าอะไร?”มือสังหารหรี่ตาลง“ในเมื่อข้าต้องตามเจ้าไป เอาแต่เรียกเจ้าว่าท่านมือสังหารไม่ได้กระมัง? เจ้า
รถม้าวิ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่รวดเร็วมาก ไม่รู้ว่าวิ่งไปนานเท่าใดแล้วยิ่งฟ้ามืด อากาศก็ยิ่งหนาวเดิมทีนางที่ขี้หนาวอยู่แล้ว ครั้นถูกความหนาวเย็นโจมตี จึงขดตัวเป็นก้อน“เจ้าจะพาข้าไปที่ใด?” หลังจากผ่านไปนาน นางก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น “โรงฆ่าสัตว์? ห้องลับ? ตลาดค้ามนุษย์?”นางคิดถึงความเป็นไปได้ต่
“เทพพิษรึ? ฮ่าฮ่า ล้วนเป็นชื่อที่คนน่าเบื่อบางคนตั้งให้” ไป๋หลินยวนกล่าวนี่เท่ากับการยอมรับแล้วฉินเหยี่ยนเย่ว์ถอนหายใจคนเหล่านี้รอบข้างนางไม่มีใครธรรมดาเลย แม้แต่อสรพิษที่นางพบโดยบังเอิญล้วน ก็ยังเป็นคนวิปริตในตำนานทั้งนั้น“นี่ แม่นางฉิน” เสียงของไป๋หลินยวนแผ่วเบา “เมื่อครู่ ข้ารู้สึกเหมือนว่าท่
นางเดินตามจีอู๋เยียนจากไปม้าวิ่งหนีไปนานแล้ว รถม้าเองก็พังเสียหายพวกเขาทำได้เพียงเดินเท้าเท่านั้นในที่รกร้างนอกเมือง หิมะสูงประมาณน่องขาทำให้เดินลำบากมากหลังจากเดินบนหิมะประมาณครึ่งชั่วยาม ฟ้าก็มืดแล้วยิ่งก้าวไปข้างหน้าเพียงใด หิมะก็ยิ่งตกหนักขึ้น ทำให้พวกเขาก้าวย่างอย่างยากลำบากโดยเฉพาะฉินเหย
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได