“ได้” มือสังหารนำเสื้อผ้าของสาวใช้ที่เอามาจากที่ไหนสักแห่งโยนให้นางฉินเหยี่ยนเย่ว์ถอดเสื้อคลุมออกอย่างเอาจริงเอาจัง ครั้นกำลังจะพับมัน มือก็หยุดชะงัก “ท่านมือสังหาร เจ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่าเจ้ามีนามว่าอะไร?”มือสังหารหรี่ตาลง“ในเมื่อข้าต้องตามเจ้าไป เอาแต่เรียกเจ้าว่าท่านมือสังหารไม่ได้กระมัง? เจ้า
รถม้าวิ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่รวดเร็วมาก ไม่รู้ว่าวิ่งไปนานเท่าใดแล้วยิ่งฟ้ามืด อากาศก็ยิ่งหนาวเดิมทีนางที่ขี้หนาวอยู่แล้ว ครั้นถูกความหนาวเย็นโจมตี จึงขดตัวเป็นก้อน“เจ้าจะพาข้าไปที่ใด?” หลังจากผ่านไปนาน นางก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น “โรงฆ่าสัตว์? ห้องลับ? ตลาดค้ามนุษย์?”นางคิดถึงความเป็นไปได้ต่
“เทพพิษรึ? ฮ่าฮ่า ล้วนเป็นชื่อที่คนน่าเบื่อบางคนตั้งให้” ไป๋หลินยวนกล่าวนี่เท่ากับการยอมรับแล้วฉินเหยี่ยนเย่ว์ถอนหายใจคนเหล่านี้รอบข้างนางไม่มีใครธรรมดาเลย แม้แต่อสรพิษที่นางพบโดยบังเอิญล้วน ก็ยังเป็นคนวิปริตในตำนานทั้งนั้น“นี่ แม่นางฉิน” เสียงของไป๋หลินยวนแผ่วเบา “เมื่อครู่ ข้ารู้สึกเหมือนว่าท่
นางเดินตามจีอู๋เยียนจากไปม้าวิ่งหนีไปนานแล้ว รถม้าเองก็พังเสียหายพวกเขาทำได้เพียงเดินเท้าเท่านั้นในที่รกร้างนอกเมือง หิมะสูงประมาณน่องขาทำให้เดินลำบากมากหลังจากเดินบนหิมะประมาณครึ่งชั่วยาม ฟ้าก็มืดแล้วยิ่งก้าวไปข้างหน้าเพียงใด หิมะก็ยิ่งตกหนักขึ้น ทำให้พวกเขาก้าวย่างอย่างยากลำบากโดยเฉพาะฉินเหย
จีอู๋เยียนนั่งขัดสมาธิอยู่ข้าง ๆภายใต้แสงสะท้อนของเปลวไฟ ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองเห็นได้ชัดเจนว่าบนใบหน้าของชายผู้นี้มีรอยฟกช้ำดำเขียวน่าสงสัยอยู่นางสัมผัสข้อมือของเขาโดยไม่รู้ตัวจู่ ๆ บนร่างของจีอู๋เยียนก็ปล่อยไอสังหารออกมา แทบจะในช่วงเวลาต่อมา มือของเขาก็ไปคว้าคอของฉินเหยี่ยนเย่ว์แล้ว “อยากตายรึ?”“อ
“เจ็บนิดหน่อยนะ เจ้าอดทนไว้ล่ะ” นางเทยาฆ่าเชื้อลงบนแผ่นหลังของเขาโดยตรงบาดแผลเกิดฟอง ส่งเสียงปุด ๆ ดังออกมาร่างกายของจีอู๋เยียนแข็งทื่ออย่างเห็นได้ชัด ทว่ายังคงไม่เปล่งเสียงร้องออกมาสักแอะหนึ่งหลังจากจัดการบาดแผลแล้ว เขาก็นั่งขัดสมาธิในถ้ำหิมะ ปิดเปลือกตาแน่น บนหน้าผากมีเหงื่อเย็นไหลซึมออกมาเล็กน
“เจ้าลักพาตัวข้า หรือว่าเจ้าต้องการใช้แหวนทำอะไร?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถามด้วยน้ำเสียงลุ่มลึกจีอู๋เยียนยังคงนิ่งเงียบฉินเหยี่ยนเย่ว์ผุดลุกขึ้นนั่ง “ไม่ช้าก็เร็วเจ้าจะต้องบอกข้าอยู่แล้ว จะเร็วกว่านิดหน่อยหรือช้ากว่านิดหน่อย มันมีอันใดต่างกันหรือ?”จีอู๋เยียนเพียงเหลือบมองนางอย่างเย็นชา ก่อนจะยกมือขึ้น
ครั้นฉินเหยี่ยนเย่ว์อยากจะมองออกไป นางรู้สึกถึงคำเตือนอันน่ากลัวของจีอู๋เยียน จึงหดตัวกลับมา เพียงคลุมร่างกายด้วยหนังเสือดาวแล้วปิดเปลือกตาลงตงฟางหลีค้นหาบริเวณใกล้เคียงเป็นเวลานาน หลังจากไร้ผลลัพธ์จึงพาทุกคนล่าถอยฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้ยินเสียงกีบม้าห่างออกไปเรื่อย ๆ หัวใจบีบรัดแน่นนางหวังสุดหัวใจว่า
“ภายหลัง ตู้จ้งได้เจอกับหญิงม่ายคนหนึ่ง หญิงม่ายยังมีบุตรวัยสามขวบด้วยคนหนึ่ง” สายตาของเขาผินมองไปนอกหน้าต่าง “นั่นก็คือช่างปักคนนั้น เป็นเพราะเขาถูกหลอกมาหลายครั้ง ข้าถึงได้ฝากให้เจ้าช่วยสืบสักหน่อย”ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอามือเท้าคาง นิ้วก็เคาะที่โต๊ะอย่างไม่เป็นจังหวะช่างปักคนนั้นหน้าตาหมดจด ใบหน้าดูใ
“พระชายาคิดว่าข้าโง่ เช่นนั้นข้าก็โง่” ตงฟางหลีฉวยจังหวะจุมพิตหน้าผากของนางก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากที่ไกล ๆตู้จ้งและตู้เหิงเกรงว่าคงจะมากันแล้วเขามุ่นหัวคิ้ว ประทับบนริมฝีปากของนางหนัก ๆ “ตู้จ้งจะมารายงานข่าว”“ต้องให้หม่อมฉันหลบหรือไม่?”ตงฟางหลีนัยน์ตาเป็นประกาย “อืม ข้าได้ให้คนตัดเย
“ท่านอธิบายให้หม่อมฉันฟังเสียดี ๆ!” ฉินเหยี่ยนเย่ว์หน้าบึ้งหันหน้าไปอีกทาง“ยามเช้าข้าให้เฝ่ยชุ่ยเอายาไปให้เจ้า เจ้าไม่ได้รับหรือ?” ตงฟางหลีผินใบหน้านางให้หันกลับมา เผชิญหน้ากับนาง “ข้าตั้งใจให้ลู่ซิวทำขึ้นมาในคืนเดียวเชียวนะ”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะนึกถึงขวดขนาดเล็กที่เฝ่ยชุ่ยมอบให้นาง
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจนิสัยของสองพี่น้องนี้ ช่างมีนิสัยตรงข้ามกันเสียจริงตงฟางหลีดื่มชาในถ้วยรวดเดียวหมดไอจากชาลอยบดบัง แสงดาวที่หว่างคิ้วน่ามองคู่นั้นประกายวับวาบยามที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์เหลือบตาขึ้นมอง ได้เห็นแสงดาวในแววตาของตงฟางหลีเข้าพอดีแสงนั้นสองสว่าง ดั่งดวงดาวนับพันหมื่นดวง
“ข้าถูกใส่ร้าย” ตงฟางหลีชูมือขึ้น “อยู่ดี ๆ คิดไปถึงเรื่องพวกนั้นได้อย่างไรกัน? มิใช่ตกลงกันแล้วหรือว่าจะไม่เอาเรื่องเก่าขึ้นมาพูดอีก? เรื่องในอดีตเป็นความผิดของข้า มิใช่ว่าเจ้าลงโทษข้าไปแล้วหรือ? พวกเราปรับความเข้าใจกันแล้วมิใช่หรือ?”“ลงโทษแล้ว แล้วก็ทุบตีไปแล้ว แต่หม่อมฉันยังอารมณ์ไม่ดีอยู่เพคะ”
ในขณะนั้นเองภายในศาลาสูงที่ลานด้านหลังของตำหลังหมิงอวี้ฉินเหยี่ยนเย่ว์กำลังดื่มชาตรงข้ามตงฟางหลีเมื่อครู่หลังจากตู้เหิงมาเคาะประตูรายงาน และถูกตงฟางหลีไล่ออกไป นางที่เดิมมิได้หลับสนิทก็ได้ตื่นขึ้นมา เมื่อสอบถามอย่างละเอียด ถึงได้รู้ว่าฮูหยินซูมาขอพบนางนึกสงสัยอยู่บ้างว่าฮูหยินซูเอาของขวัญอะไรมา
“ขอร้องเจ้าอย่าทำเช่นนี้ ปล่อยซวงเอ๋อร์ลงเถิด”ตู้เหิงหาได้สนใจไม่ลมหนาวพัดมาหวีดหวิวกลิ่นอายสังหารบนร่างกายของเขาแผ่กำจายไปทั่วทุกทิศทาง และเลือนราง และมีแนวโน้มว่าจะขยายตัวออกไป ฮูหยินซูตกใจจนขาอ่อนยวบ นางกลัวว่าซูเตี่ยนซวงจะถูกบีบคอตายจริง ๆ จึงเดินเข้ามาดึงแขนของตู้เหิงตู้เหิงไม่ชอบให้สตรีส
ซูเตี่ยนซวงคิดจะวิ่งไปทางตำหนักหมิงอวี้“ท่านจะทำอะไร?” ตู้เหิงขวางนางไว้ กลิ่นอายบนร่างกายพลันเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก “พระชายาไม่ต้อนรับแขก ท่านฟังภาษาคนไม่เข้าใจจริง ๆ หรือ?”“เจ้าสุนัขรับใช้หลีกไป” ซูเตี่ยนซวงถ่มน้ำลายใส่เขา “หากเจ้ากล้าขวางทางข้าอีก ข้าจะตีเจ้าให้ตายเสีย”“ท่านว่าอย่างไรนะ?”“ข้า
เมื่อเรื่องเกี่ยวพันกับชีวิตของบุตรสาว นางจำต้องถ่อมตนเข้าไว้ ทำได้เพียงกดเพลิงโทสะไว้ “องครักษ์ตู้ บุตรสาวคนเล็กไม่รู้จักความ ล่วงเกินที่ใดไปก็ขออภัยให้ด้วย ข้าขอโทษเจ้าแทนบุตรสาวคนเล็กด้วย”“ท่านแม่ ไยท่านต้องไปขอโทษบ่าวรับใช้คนนี้ด้วย?” ซูเตี่ยนซวงไม่พอใจ “ท่านดูท่าทีนี้ของเขาสิเจ้าคะ ไม่เห็นพวกเ