นี่ไม่ใช่สิ ร่างกายที่ทำงานหนักเกินไปประคับประคองไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว“นางจะเป็นเช่นไรบ้าง?” ตงฟางหลีถาม“จริง ๆ แล้วปัญหาของพระชายามิได้ใหญ่โต เพียงแค่เหนื่อยและต้องการพักผ่อนเท่านั้นเอง หลับไปหนึ่งตื่นน่าจะดีขึ้นบ้าง” ลู่ซิวเอ่ยตอบ “นางยังมีไข้อยู่ อาจต้องเพิ่มความชื้นสักสองสามครั้ง แล้วยังต้องหาสาว
ตงฟางหลีชะงักงันเขาเคยเห็นนางหลายด้าน แต่เพียงอย่างเดียวที่เขากลับไม่เคยเห็นคือนางร้องไห้อย่างขมขื่นโดยไม่รู้ตัว เขาก็เดินกลับมาอีกครั้งฉินเหยี่ยนเย่ว์นอนหลับไม่ค่อยสบายเท่าใดน้ำตาไหลออกมาจากหางตาของนาง สีหน้าเจ็บปวดรวดร้าว“พ่อแม่ อย่าไปนะ ขอร้องล่ะ”“อย่าทิ้งหนูไป”เสียงสะอื้นไห้ทะลุผ่านก้นบึ้
หลังจากตื่นจากความฝัน ภาพเช่นนี้ก็ปรากฏขึ้นแล้ว“เมื่อคืนเจ้าจับข้าไว้ไม่ปล่อยเลย” ตงฟางหลีมองฉินเหยี่ยนเย่ว์ซึ่งเห็นได้ชัดว่าสับสน รอยยิ้มกว้างขึ้น ก่อนจะใช้น้ำเสียงเย็นชาที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาพูดขึ้น“เจ้าร้องไห้และบอกข้าว่าอย่าไป ครั้นข้าไปเจ้าก็ร้องไห้หนัก น่ารำคาญยิ่งนัก ถ้ามิใช่ว่าข้าง่วงมาก ก
หิมะตกทั้งคืนไม่หยุดทั้งบนโคมไฟและบนต้นไม้ ต่างถูกปกคลุมไปด้วยกลุ่มหมอกชั้นหนา บริสุทธิ์และงดงามสุดลูกหูลูกตานับหมื่นลี้ท้องฟ้ายังมืดและหนาวเหน็บมากแม้จะมีเตาอุ่นและผ้าห่มผืนหนาในรถม้า แต่ฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็ยังคงตัวสั่นเทาจากความหนาวเย็น“ไข้ขึ้นอีกแล้วหรือ?” ตงฟางหลียื่นเตาอุ่นมือให้นาง“เปล่าเพคะ
“อืม” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่กล้าสบตาเขามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดมาก ฮอร์โมนแปลก ๆ จะหลั่งออกมาโดยไม่ตั้งใจสิ่งที่เรียกว่ารักแรกพบและการใช้เวลาร่วมกันเป็นเวลานานจนพัฒนาความรู้สึก ล้วนกระตุ้นกลไกของฮอร์โมนในช่วงเวลาหนึ่ง ทำให้คนสองคนที่อยู่ตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิงดึงดูดเข้าหากันนางแน่ใจว่าปฏิก
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ละอายใจเล็กน้อยนางหมกมุ่นอยู่กับความคิดที่ว่าตงฟางหลีต้องการทำให้ซูเตี่ยนฉิงทรมานน้อยลง ความหึงหวงจึงบังเกิด เป็นตายนางก็ไม่ให้ยาถอนพิษแล้วยังโกรธเขาเรื่องยาถอนพิษด้วยตอนนี้ดูเหมือนเป็นนางที่โง่เกินไป“หม่อมฉันขอโทษ” นางเอ่ยขึ้น “เมื่อวานเป็นหม่อมฉันที่มุทะลุเอง ถ้าหม่อมฉันเชื่อฟัง
เขาชะงักก่อนจะกล่าวเสริม “ไม่มีผู้ใดสามารถคาดเดาได้ว่าเสด็จพ่อทรงพระราชดำริอะไรอยู่ในพระทัย เจ้าก็อย่าคาดเดามั่วซั่ว เพียงแก้ปัญหาในแบบของเจ้าเองก็พอ”หากมีอะไรผิดพลาด…ยังมีเขาอยู่ฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้ว่าเขาอนุญาตจึงพยักหน้าอย่างหนักแน่นในเวลานี้ คนทั้งคู่มาถึงหน้าตำหนักเป่าลู่แล้ว“ท่านอ๋องเจ็ดเสด็จ
ฮองเฮามีพระพักตร์บึ้งตึงนางตบพระอุระด้วยสีอารมณ์เสียพระทัยและเศร้าพระทัยหลังจากรับสั่งให้ตบปากฉินเหยี่ยนเย่ว์ ก็โค้งคำนับฮ่องเต้เอ่ยเตือนด้วยความหวังดี “ฮ่องเต้ โปรดยกโทษให้หม่อมฉันที่ตัดสินใจเองด้วยเพคะ ในฐานะผู้ดูแลวังหลัง ควรจะสั่งสอนเหล่าคนรุ่นหลังให้ดี”“บัดนี้สะใภ้เจ็ดพูดจาไม่สุภาพและหยาบคาย