ฮองเฮามีพระพักตร์บึ้งตึงนางตบพระอุระด้วยสีอารมณ์เสียพระทัยและเศร้าพระทัยหลังจากรับสั่งให้ตบปากฉินเหยี่ยนเย่ว์ ก็โค้งคำนับฮ่องเต้เอ่ยเตือนด้วยความหวังดี “ฮ่องเต้ โปรดยกโทษให้หม่อมฉันที่ตัดสินใจเองด้วยเพคะ ในฐานะผู้ดูแลวังหลัง ควรจะสั่งสอนเหล่าคนรุ่นหลังให้ดี”“บัดนี้สะใภ้เจ็ดพูดจาไม่สุภาพและหยาบคาย
ดังนั้นถึงได้เลือกเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการเอ่ยปาก เพื่อให้ฮ่องเต้มีทางลงตามจังหวะและเป็นขั้นตอน และยืมพระนามของฮ่องเต้มาลงโทษฉินเหยี่ยนเย่ว์อีกครั้ง ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวกลับคิดไม่ถึงว่าฉินเหยี่ยนเย่ว์จะกำเริบเสิบสานต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้เช่นนี้“เมื่อครู่นี้ฮองเฮาตรัสว่าลูกหยาบคายต่อหน้าเสด็
ใบหน้าของตงฟางหลีเปลี่ยนไปเล็กน้อยคนเหล่านี้เอ่ยถึงคำว่า “พี่น้องฆ่าฟัน” สี่คำนี้อย่างรวดเร็วครั้งเสด็จพ่อยังเยาว์วัย ต้องผ่านการต่อสู้ที่เหี้ยมโหดมาก่อนถึงจะขึ้นครองบัลลังก์ พระองค์รู้สึกรังเกียจอย่างยิ่งกับวางอุบายระหว่างพี่น้อง ย้ำพวกเขาซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าต้องรักใคร่กัน และเกลียดเรื่องที่พี่น้องจะ
“ตามคำกล่าวของท่าน ตราบใดที่เหตุการณ์เกิดขึ้นในดินแดนของราชวงศ์ตงลู่ ตงลู่ก็จะเกี่ยวข้องด้วยหรือเพคะ? นี่มันตรรกะไร้เหตุผลแบบไหนกัน?”พระสนมเจิ้นถูกนางตำหนิกลับมา นางไม่มีคารมคมคายอะไร ถึงจะสามารถขยับมือได้แต่ก็ไม่ขยับปาก ถูกทำให้โกรธจนใบหน้าแดงก่ำและกำหมัดแน่น อดทนในการใช้อำนาจป่าเถื่อนแก้ปัญหา“เส
ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองไปยังตงฟางหลีโดยไม่รู้ตัวตงฟางหลีส่ายหัวเบา ๆ ส่งสัญญาณไม่ให้นางเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพระพันปีนิ้วของเขางอเล็กน้อย ทำท่าทางให้โขกหัวขออภัยโทษฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่เต็มใจเล็กน้อยนางลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วฝืนคุกเข่าลงมา “พระพันปีโปรดทรงอภัยโทษให้หม่อมฉันด้วยเพคะ เป็นเหยี่ยนเย่ว์ที่รีบร้อ
พระสนมเจิ้นปิดปากฉับอย่างไม่พอใจยิ่งด้วยนิสัยของมู่เหยี่ย การทำเรื่องเช่นนั้นออกมาถือว่าเป็นสิ่งที่ปกติที่สุดแล้วหากนางยังเอ่ยวาจาต่อไปอีก ผู้ที่โป้ปดทั้งที่ลืมตาก็คือนางเอง ผู้กระทำความผิดฐานหลอกลวงฮ่องเต้ก็จะเป็นนางเช่นกัน“หากมีสิ่งใดยากจะแยกแยะ เรียกขันทีสองคนนั้นมาถามก็สิ้นเรื่องแล้วนี่?” พระ
“ฉินเหยี่ยนเย่ว์ เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีกหรือไม่?” มู่เหยี่ยพูดด้วยความโกรธ “เสด็จพ่อเพคะ เป็นนางเองเพคะ นางนำม้าบุกเข้าไปในเรือน เป็นนางที่จงใจหาเรื่อง เป็นที่นางกำลังโกหกเพคะ เสด็จพ่อ พระองค์ต้องตัดสินให้หม่อมฉันด้วยเพคะ ลากนางออกไปสับนางเสีย หม่อมฉันอยากจะฆ่านางเพคะ”จนถึงตอนนี้ ร่างกายของนางยังคงทั
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าสาวใช้ของข้าถูกทุบตีจนได้รับบาดเจ็บ? เป็นเจ้าที่เห็นด้วยตาตัวเองหรือ? หรือว่าเจ้าทุบตีด้วยมือของตัวเอง?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดอย่างจริงจังเมื่อเห็นว่าเขาตกหลุมพรางสำเร็จ“ไม่ ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ” ขันทีน้อยรู้ตัวว่าเขาถูกหลอกเข้าแล้ว เลยตกใจมากจนหัวสมองขาวโพลน ไม่มีความสามารถไตร่ตรองแล้
“ข้าอยากให้นางตาย”“อ๊าก ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไปตายซะ”ดวงตาทั้งสองข้างของนางเป็นสีแดงโลหิต ใบหน้าดุร้าย มองบุคลิกที่มีเสน่ห์ในอดีตไม่ออกเลยสักนิดหมิ่นจูจ้องมองฉินเสวี่ยเย่ว์ที่โฉมหน้าเปลี่ยนไป พลางส่ายหัวเล็กน้อยฉินเสวี่ยเย่ว์ผู้นี้ ราวกับถูกแกะสลักจากแม่พิมพ์เดียวกันกับหมิ่นอวี้ไร้วิสัยทัศน์เช่นเดียว
เขตชานเมืองเมืองเหวินจิงในจวนหลังใหญ่อันเงียบสงบ มีลานเรือนที่ลึกมาก ๆ อยู่เมื่อข้ามทะเลสาบเทียมซึ่งมีใบบัวเหี่ยวเฉากระจายไปทั่ว รวมถึงป่าไผ่ สามารถเห็นศาลาสีแดงเล็กที่ซ่อนอยู่ท่ามกลางต้นหลิวได้รำไรในศาลาเล็ก ๆฉินเสวี่ยเย่ว์ที่ผมเผ้ายุ่งเหยิง และแทบจะสติฟั่นเฟือนอยู่รอมร่อคว้าตุ๊กตาที่ทำจากผ้าขา
จีอู๋เยียนท่าทีเคร่งขรึมเขายืนอยู่ตรงนั้น เหลือบตาหงส์ขึ้นเล็กน้อย ราวกับรอให้นางพูดต่อไปฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดจบแล้ว และกำลังรอคำตอบของเขา “ท่านเข้าใจใช่หรือไม่?”“หมดแล้ว?” จีอู๋เยียนถามหลังจากรอสักพัก“หมดแล้ว”“แค่นั้นหรือ?” จีอู๋เยียนมองนางราวกับมองคนโง่เขลา “ท่านคงมิได้กำลังเล่นตลกอยู่กระมัง?”เ
จีอู๋เยียนเหลือบมองลู่จิ้นที่ร้องเอะอะไม่หยุดทว่าไม่ได้สนใจเลยสักนิดเขามองฉินเหยี่ยนเย่ว์ด้วยสีหน้าเย็นชา ไอสังหารเยียบเย็น “ฉินเหยี่ยนเย่ว์ ความอดทนของข้ามีจำกัด แนะนำท่านอย่าได้ผลัดวันอีก”ลู่จิ้นถูกเมิน ทั่วทั้งใบหน้าล้วนเป็นสีทะมึน“จอมปีศาจ เจ้าหาเรื่องอยู่ใช่หรือไม่?”“เจ้าคิดว่าข้าจะกลัวเจ้
“เป็นไปได้หรือไม่ว่า คนที่ใช้วิธีการโหดร้ายเช่นนี้ทำร้ายเจ้าคือฉินเสวี่ยเย่ว์?” ตงฟางหลีถามคนที่เกลียดยัยหนูเข้ากระดูกไม่ได้มีมากมาย และฉินเสวี่ยเย่ว์ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในนั้นจุดหนึ่งที่สำคัญที่สุด คือฉินเสวี่ยเย่ว์มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหมิ่นจูที่ผิดแผกคนนั้นและในการสืบสวนของเขา หมิ่นจูเองก็มีควา
“เป็นผู้ใด?” ตงฟางหลีถามฉินเหยี่ยนเย่ว์ถอนหายใจลึก ๆ มือกำแขนเสื้อแน่นบนจดหมายที่นกกางเขนเงาส่งมา เป็นเรื่องที่นางไหว้วานให้พระชายาอ๋องเฉียนสืบสวนจริง ๆบนจดหมายไม่ได้มีเพียงข้อมูลที่เกี่ยวกับงูเพลิงแดงเท่านั้น พอเหมาะพอเจาะกับที่ยังมีข่าวของงูสวรรค์สีดำสนิทอีกด้วย!งูสวรรค์สีดำสนิทและงูเพลิงแดงสี
“พิษร้ายแรง?” ตงฟางหลีขมวดคิ้ว “เมื่อครู่ท่านมิใช่บอกว่าไม่รู้เรื่องพิษหรืออย่างไร?”“ข้าคร้านจะบอกเจ้าเท่านั้นเอง” ลู่จิ้นกลอกตาใส่ตงฟางหลี“ศิษย์น้องหญิง เจ้าอย่ากังวลเลย สิ่งนั้นถูกข้าจับไว้ได้แล้ว อยู่ตรงนี้” เขาโบกขวดกระเบื้องในมือไปมา“เหตุใดงูสวรรค์ถึงได้ปรากฏตัวที่นี่?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์สับสน
มือของฉินเหยี่ยนเย่ว์ตกลงบนหัวของเฮยตั้นพลางถอนหายใจลึก“หม่อมฉันไม่เป็นไรเพคะ พวกท่านไม่ต้องกังวล”“จะไม่เป็นไรได้อย่างไร? เมื่อครู่ข้าตกใจแทบตาย” ตงฟางหลียังคงหวาดผวาอยู่ในใจ“หม่อมฉันไม่เป็นไรจริง ๆ ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยกมือขึ้น สัมผัสแก้มซีดขาวของตงฟางหลีท่าทีของชายผู้นี้ผิดปกติแม้ว่าใบหน้าของเขา
ความโกรธของตงฟางหลียิ่งมากขึ้นเขาระงับอารมณ์หุนหันพลันแล่นที่จะทุบหัวของลู่จิ้นสักหมัด ถามด้วยเสียงทุ้มลึก “เหยียนเย่ว์ อาการเป็นอย่างไรบ้าง?"“ยังไหว”“ยังไหว หมายความว่าอย่างไร?” ตงฟางหลียังคงหวาดกลัวกับเหตุการณ์น่าหวาดผวาเมื่อครู่นั้น ครั้นได้ยินคำตอบส่งเดชของลู่จิ้น จึงอดไม่ได้ที่จะขึ้นเสียง“ค