ดังนั้นถึงได้เลือกเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการเอ่ยปาก เพื่อให้ฮ่องเต้มีทางลงตามจังหวะและเป็นขั้นตอน และยืมพระนามของฮ่องเต้มาลงโทษฉินเหยี่ยนเย่ว์อีกครั้ง ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวกลับคิดไม่ถึงว่าฉินเหยี่ยนเย่ว์จะกำเริบเสิบสานต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้เช่นนี้“เมื่อครู่นี้ฮองเฮาตรัสว่าลูกหยาบคายต่อหน้าเสด็
ใบหน้าของตงฟางหลีเปลี่ยนไปเล็กน้อยคนเหล่านี้เอ่ยถึงคำว่า “พี่น้องฆ่าฟัน” สี่คำนี้อย่างรวดเร็วครั้งเสด็จพ่อยังเยาว์วัย ต้องผ่านการต่อสู้ที่เหี้ยมโหดมาก่อนถึงจะขึ้นครองบัลลังก์ พระองค์รู้สึกรังเกียจอย่างยิ่งกับวางอุบายระหว่างพี่น้อง ย้ำพวกเขาซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าต้องรักใคร่กัน และเกลียดเรื่องที่พี่น้องจะ
“ตามคำกล่าวของท่าน ตราบใดที่เหตุการณ์เกิดขึ้นในดินแดนของราชวงศ์ตงลู่ ตงลู่ก็จะเกี่ยวข้องด้วยหรือเพคะ? นี่มันตรรกะไร้เหตุผลแบบไหนกัน?”พระสนมเจิ้นถูกนางตำหนิกลับมา นางไม่มีคารมคมคายอะไร ถึงจะสามารถขยับมือได้แต่ก็ไม่ขยับปาก ถูกทำให้โกรธจนใบหน้าแดงก่ำและกำหมัดแน่น อดทนในการใช้อำนาจป่าเถื่อนแก้ปัญหา“เส
ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองไปยังตงฟางหลีโดยไม่รู้ตัวตงฟางหลีส่ายหัวเบา ๆ ส่งสัญญาณไม่ให้นางเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพระพันปีนิ้วของเขางอเล็กน้อย ทำท่าทางให้โขกหัวขออภัยโทษฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่เต็มใจเล็กน้อยนางลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วฝืนคุกเข่าลงมา “พระพันปีโปรดทรงอภัยโทษให้หม่อมฉันด้วยเพคะ เป็นเหยี่ยนเย่ว์ที่รีบร้อ
พระสนมเจิ้นปิดปากฉับอย่างไม่พอใจยิ่งด้วยนิสัยของมู่เหยี่ย การทำเรื่องเช่นนั้นออกมาถือว่าเป็นสิ่งที่ปกติที่สุดแล้วหากนางยังเอ่ยวาจาต่อไปอีก ผู้ที่โป้ปดทั้งที่ลืมตาก็คือนางเอง ผู้กระทำความผิดฐานหลอกลวงฮ่องเต้ก็จะเป็นนางเช่นกัน“หากมีสิ่งใดยากจะแยกแยะ เรียกขันทีสองคนนั้นมาถามก็สิ้นเรื่องแล้วนี่?” พระ
“ฉินเหยี่ยนเย่ว์ เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีกหรือไม่?” มู่เหยี่ยพูดด้วยความโกรธ “เสด็จพ่อเพคะ เป็นนางเองเพคะ นางนำม้าบุกเข้าไปในเรือน เป็นนางที่จงใจหาเรื่อง เป็นที่นางกำลังโกหกเพคะ เสด็จพ่อ พระองค์ต้องตัดสินให้หม่อมฉันด้วยเพคะ ลากนางออกไปสับนางเสีย หม่อมฉันอยากจะฆ่านางเพคะ”จนถึงตอนนี้ ร่างกายของนางยังคงทั
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าสาวใช้ของข้าถูกทุบตีจนได้รับบาดเจ็บ? เป็นเจ้าที่เห็นด้วยตาตัวเองหรือ? หรือว่าเจ้าทุบตีด้วยมือของตัวเอง?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดอย่างจริงจังเมื่อเห็นว่าเขาตกหลุมพรางสำเร็จ“ไม่ ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ” ขันทีน้อยรู้ตัวว่าเขาถูกหลอกเข้าแล้ว เลยตกใจมากจนหัวสมองขาวโพลน ไม่มีความสามารถไตร่ตรองแล้
“สิ่งที่มู่เหยี่ยพูดมาเป็นความจริงอย่างนั้นหรือ?” สีหน้าฮ่องเต้เปลี่ยนเล็กน้อย เอ่ยถามด้วยเสียงเย็นชา“เป็นความจริงเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์หยิบปิ่นปักผมอันหนึ่งออกมาจากกระเป๋าลับในแขนเสื้อ ปิ่นปักผมใช้ผ้าเช็ดหน้าห่อเอาไว้ บนผ้าเช็ดหน้ายังเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดอีกเล็กน้อย“นี่คืออาวุธที่ใช้สังหารคนเพคะ”