หิมะที่ตกหนักในยามราตรีเช่นนี้ ทำให้ถนนลื่นมากนัก ด้วยทางเดินของรถม้าที่เป็นหลุมเป็นบ่อ ทำเอาหัวของฉินเหยี่ยนเย่ว์กระแทกไปมา ทำให้นางหาได้นอนหลับอย่างมีความสุขไม่ตงฟางหลีมีท่าทีลังเลอยู่นาน ก่อนจะดึงตัวฉินเหยี่ยนเย่ว์เข้ามานอนบนตักของเขาพร้อมทั้งถอดเสื้อคลุมขนสัตว์ของตนเองออกมาคลุมบนตัวนาง“ข้าคิด
นี่ไม่ใช่สิ ร่างกายที่ทำงานหนักเกินไปประคับประคองไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว“นางจะเป็นเช่นไรบ้าง?” ตงฟางหลีถาม“จริง ๆ แล้วปัญหาของพระชายามิได้ใหญ่โต เพียงแค่เหนื่อยและต้องการพักผ่อนเท่านั้นเอง หลับไปหนึ่งตื่นน่าจะดีขึ้นบ้าง” ลู่ซิวเอ่ยตอบ “นางยังมีไข้อยู่ อาจต้องเพิ่มความชื้นสักสองสามครั้ง แล้วยังต้องหาสาว
ตงฟางหลีชะงักงันเขาเคยเห็นนางหลายด้าน แต่เพียงอย่างเดียวที่เขากลับไม่เคยเห็นคือนางร้องไห้อย่างขมขื่นโดยไม่รู้ตัว เขาก็เดินกลับมาอีกครั้งฉินเหยี่ยนเย่ว์นอนหลับไม่ค่อยสบายเท่าใดน้ำตาไหลออกมาจากหางตาของนาง สีหน้าเจ็บปวดรวดร้าว“พ่อแม่ อย่าไปนะ ขอร้องล่ะ”“อย่าทิ้งหนูไป”เสียงสะอื้นไห้ทะลุผ่านก้นบึ้
หลังจากตื่นจากความฝัน ภาพเช่นนี้ก็ปรากฏขึ้นแล้ว“เมื่อคืนเจ้าจับข้าไว้ไม่ปล่อยเลย” ตงฟางหลีมองฉินเหยี่ยนเย่ว์ซึ่งเห็นได้ชัดว่าสับสน รอยยิ้มกว้างขึ้น ก่อนจะใช้น้ำเสียงเย็นชาที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาพูดขึ้น“เจ้าร้องไห้และบอกข้าว่าอย่าไป ครั้นข้าไปเจ้าก็ร้องไห้หนัก น่ารำคาญยิ่งนัก ถ้ามิใช่ว่าข้าง่วงมาก ก
หิมะตกทั้งคืนไม่หยุดทั้งบนโคมไฟและบนต้นไม้ ต่างถูกปกคลุมไปด้วยกลุ่มหมอกชั้นหนา บริสุทธิ์และงดงามสุดลูกหูลูกตานับหมื่นลี้ท้องฟ้ายังมืดและหนาวเหน็บมากแม้จะมีเตาอุ่นและผ้าห่มผืนหนาในรถม้า แต่ฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็ยังคงตัวสั่นเทาจากความหนาวเย็น“ไข้ขึ้นอีกแล้วหรือ?” ตงฟางหลียื่นเตาอุ่นมือให้นาง“เปล่าเพคะ
“อืม” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่กล้าสบตาเขามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดมาก ฮอร์โมนแปลก ๆ จะหลั่งออกมาโดยไม่ตั้งใจสิ่งที่เรียกว่ารักแรกพบและการใช้เวลาร่วมกันเป็นเวลานานจนพัฒนาความรู้สึก ล้วนกระตุ้นกลไกของฮอร์โมนในช่วงเวลาหนึ่ง ทำให้คนสองคนที่อยู่ตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิงดึงดูดเข้าหากันนางแน่ใจว่าปฏิก
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ละอายใจเล็กน้อยนางหมกมุ่นอยู่กับความคิดที่ว่าตงฟางหลีต้องการทำให้ซูเตี่ยนฉิงทรมานน้อยลง ความหึงหวงจึงบังเกิด เป็นตายนางก็ไม่ให้ยาถอนพิษแล้วยังโกรธเขาเรื่องยาถอนพิษด้วยตอนนี้ดูเหมือนเป็นนางที่โง่เกินไป“หม่อมฉันขอโทษ” นางเอ่ยขึ้น “เมื่อวานเป็นหม่อมฉันที่มุทะลุเอง ถ้าหม่อมฉันเชื่อฟัง
เขาชะงักก่อนจะกล่าวเสริม “ไม่มีผู้ใดสามารถคาดเดาได้ว่าเสด็จพ่อทรงพระราชดำริอะไรอยู่ในพระทัย เจ้าก็อย่าคาดเดามั่วซั่ว เพียงแก้ปัญหาในแบบของเจ้าเองก็พอ”หากมีอะไรผิดพลาด…ยังมีเขาอยู่ฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้ว่าเขาอนุญาตจึงพยักหน้าอย่างหนักแน่นในเวลานี้ คนทั้งคู่มาถึงหน้าตำหนักเป่าลู่แล้ว“ท่านอ๋องเจ็ดเสด็จ
“นางสิสมควรตาย ไม่ใช่ข้า พวกท่านจับคนผิดแล้ว”ฉินเสวี่ยเย่ว์ไม่สามารถส่งเสียงใด ๆ ออกมาได้อีกแล้ว ได้แต่ตะโกนอยู่ในใจเท่านั้นเลือดสาดกระจายเต็มพื้น ย้อมทั้งห้องกลายเป็นสีแดงฉานนางล้มจมกองโลหิต ยืดคอไปข้างหน้าอย่างสิ้นหวัง ก่อนเสียชีวิตยังไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่กระทั่งตายนางก็ยังไม่เข้าใจ เ
ปวดหัว!ปวดหัวหนักมาก!ปวดหัวจนจะตายอยู่แล้ว!ความเจ็บปวดที่น่าหวาดกลัวและไม่อาจควบคุมได้มาเยือนกะทันหันเช่นเดียวกับทหารเรือนพันม้าเรือนหมื่น พุ่งพรวดเข้ามาอย่างรวดเร็วและดุเดือดมากจนไม่ทันได้โต้ตอบเลย“อ๊าก ทำไมกัน? หัวข้าปวดหัวเหลือเกิน”“เหตุใดถึงเป็นข้า?”“อ๊าก ปวด ปวดมากเลย”“ท่านน้า ช่วยข้าด้
“เสวี่ยเอ๋อร์ไม่จำเป็นต้องกังวลอีก เพราะเกรงว่าเจ้าอาจจะไม่มีวันได้พบกับฉินเหยี่ยนเย่ว์อีกแล้วล่ะ” หมิ่นจูกล่าว “ข้าไม่สบาย เจ้ากินอาหารให้อิ่มท้องเถอะ”ฉินเสวี่ยเย่ว์ไม่วางใจนางทุบประตูอย่างแรง “ท่านน้า ท่านน้า ท่านทำอีกครั้งเถอะ ถ้าฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่ตายอีกเจ็ดแปดครั้งข้าก็ไม่พอใจหรอกนะ”หมิ่นจูหล
หลังจากที่หมิ่นจูดื่มชาครบสามแก้วรวด ก็หยิบเหรียญทองแดงสามเหรียญออกมาจากด้านในแขนเสื้อนางเห็นสัญลักษณ์การทำนายจากเหรียญ ดวงตาหรี่ลงเดินเตร่ร่ำไห้เป็นสายโลหิต ทรายเหลืองเต็มนภา และพลังชีวิตทั้งหมดก็กลายเป็นฝุ่นในชั้นดินลึก——เป็นคำทำนายที่ไม่ดีอย่างยิ่งยวดหมิ่นจูจ้องมองสัญลักษณ์นี้อยู่นานแม้ว่าเป
“ข้าอยากให้นางตาย”“อ๊าก ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไปตายซะ”ดวงตาทั้งสองข้างของนางเป็นสีแดงโลหิต ใบหน้าดุร้าย มองบุคลิกที่มีเสน่ห์ในอดีตไม่ออกเลยสักนิดหมิ่นจูจ้องมองฉินเสวี่ยเย่ว์ที่โฉมหน้าเปลี่ยนไป พลางส่ายหัวเล็กน้อยฉินเสวี่ยเย่ว์ผู้นี้ ราวกับถูกแกะสลักจากแม่พิมพ์เดียวกันกับหมิ่นอวี้ไร้วิสัยทัศน์เช่นเดียว
เขตชานเมืองเมืองเหวินจิงในจวนหลังใหญ่อันเงียบสงบ มีลานเรือนที่ลึกมาก ๆ อยู่เมื่อข้ามทะเลสาบเทียมซึ่งมีใบบัวเหี่ยวเฉากระจายไปทั่ว รวมถึงป่าไผ่ สามารถเห็นศาลาสีแดงเล็กที่ซ่อนอยู่ท่ามกลางต้นหลิวได้รำไรในศาลาเล็ก ๆฉินเสวี่ยเย่ว์ที่ผมเผ้ายุ่งเหยิง และแทบจะสติฟั่นเฟือนอยู่รอมร่อคว้าตุ๊กตาที่ทำจากผ้าขา
จีอู๋เยียนท่าทีเคร่งขรึมเขายืนอยู่ตรงนั้น เหลือบตาหงส์ขึ้นเล็กน้อย ราวกับรอให้นางพูดต่อไปฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดจบแล้ว และกำลังรอคำตอบของเขา “ท่านเข้าใจใช่หรือไม่?”“หมดแล้ว?” จีอู๋เยียนถามหลังจากรอสักพัก“หมดแล้ว”“แค่นั้นหรือ?” จีอู๋เยียนมองนางราวกับมองคนโง่เขลา “ท่านคงมิได้กำลังเล่นตลกอยู่กระมัง?”เ
จีอู๋เยียนเหลือบมองลู่จิ้นที่ร้องเอะอะไม่หยุดทว่าไม่ได้สนใจเลยสักนิดเขามองฉินเหยี่ยนเย่ว์ด้วยสีหน้าเย็นชา ไอสังหารเยียบเย็น “ฉินเหยี่ยนเย่ว์ ความอดทนของข้ามีจำกัด แนะนำท่านอย่าได้ผลัดวันอีก”ลู่จิ้นถูกเมิน ทั่วทั้งใบหน้าล้วนเป็นสีทะมึน“จอมปีศาจ เจ้าหาเรื่องอยู่ใช่หรือไม่?”“เจ้าคิดว่าข้าจะกลัวเจ้
“เป็นไปได้หรือไม่ว่า คนที่ใช้วิธีการโหดร้ายเช่นนี้ทำร้ายเจ้าคือฉินเสวี่ยเย่ว์?” ตงฟางหลีถามคนที่เกลียดยัยหนูเข้ากระดูกไม่ได้มีมากมาย และฉินเสวี่ยเย่ว์ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในนั้นจุดหนึ่งที่สำคัญที่สุด คือฉินเสวี่ยเย่ว์มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหมิ่นจูที่ผิดแผกคนนั้นและในการสืบสวนของเขา หมิ่นจูเองก็มีควา