“ซี้ด…”ความเจ็บปวดนี้ ท่วมท้นดุจภูเขาถล่มลงมา รุนแรงขึ้นทีละระลอกจนอดกลั้นไม่ไหวร่างกายช่วงล่าง ร้อนเล็กน้อยฉู่เชียนหลีกุมท้อง สีหน้าเปลี่ยนฉับพลัน เจ็บจนขมวดคิ้วดูเหมือนว่าใกล้จะคลอดแล้ว“เจ้าเป็นอะไร?” เฟิงเจิ้งหลีจะเดินเข้ามา ปรากฏว่าถูกนางปัดทิ้ง “ใครก็ได้ ไล่เฟิงเจิ้งหลีออกไป!”“เสียวฉู่…”“ไสหัวไป! ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือ?”ฉู่เชียนหลีเกลียดที่ได้เห็นใบหน้านี้ของเขา นางตะคอกเสียงดัง พลันยิ่งปวดท้องรุนแรงขึ้นแล้ว นางทรุดนั่งลงบนบันได ลมหายใจก็ถี่ขึ้นเรื่อยๆเขาคว้ามือของนางไว้ ฝ่ามือร้อนชื้น“เจ้าจะคลอดแล้ว?”เขาแสร้งประหลาดใจ จากนั้นตะโกนออกไปข้างนอก“ใครก็ได้ รีบมาเร็ว!”เสียงเรียกดังขึ้น เหล่าคนรับใช้รีบมา เมื่อทราบอาการของพระชายา หมอตำแยกับสาวใช้ที่เตรียมไว้ล่วงหน้า รีบประคองพระชายาเข้าห้องแล้วปิดประตู“เตรียมน้ำร้อน!”“กรรไกร!”“คนที่ไม่เกี่ยวข้องอย่าเข้ามา”“เร็ว…”เหล่าคนรับใช้ยุ่งมาก วิ่งไปวิ่งมา ร้อนใจจนเหงื่อท่วมศีรษะ ถงเฟยและคนอื่นก็มาถึงในทันทีภายในเรือนหานเฟิง มีคนยืนเต็มไปหมดภายในห้องที่ประตูปิดสนิท เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดที่ดังขึ้นเป็นร
จวนอ๋องเฉินพลบค่ำมาถึง ราตรีมาเยือน เสียงภายในห้องยังคงไม่หยุดเสียที คนที่อยู่ข้างนอกร้อนใจขึ้นเรื่อยๆ แต่ละคนวิตกกังวล“นี่มันสามชั่วยามกว่าแล้ว เหตุใดยังไม่คลอดอีก?”“เหตุใดจึงนานเช่นนี้?”“คงไม่ได้เกิดเรื่องอะไรกระมัง?”พระชายาอ๋องติ้ง หลิงเชียนอี้ จิ่งอี้และคนอื่น หลังจากได้รับข่าว ก็รีบมาตั้งแต่ตอนเย็น คนกลุ่มใหญ่ยืนรอข้างนอก ทุกคนต่างก็ร้อนใจความสนใจของทุกคนล้วนอยู่ภายในห้อง ไม่มีใครสังเกตเห็นอ๋องหลีที่อยู่นอกเรือนหานเฟิงฉู่เชียนหลีเจ็บมาสามชั่วยามกว่าแล้ว เฟิงเจิ้งหลีก็ยืนอยู่ข้างนอก ไม่ห่างแม้แต่ก้าวเดียวสามชั่วยามกว่าเช่นกันเฟิงเจิ้งหลียืนข้างนอกสุด จุดที่ไม่สะดุดตาที่สุด เขามองไปทางห้องปีกข้างจากระยะไกลด้วยสายตาเรียบเฉย แววตาไร้อารมณ์ สงบไร้คลื่นไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไรองครักษ์ลับปรากฏตัวเงียบๆ รายงานเสียงเบา“นายท่าน พระชายาคลอดแล้ว เป็นลูกสาวขอรับ”เมื่อเขาได้ยิน แววตาเย็นลงเล็กน้อยลูกสาว?ไร้ประโยชน์?เป็นท้องไม่ได้เรื่องจริงๆแต่ไม่เป็นอะไรเฟิงเย่เสวียน เจ้าคิดว่าเจ้ากลับมาอย่างปลอดภัยพร้อมกับชัยชนะ ทั้งหมดนี้ก็จบแล้วหรือ? เจ้าดูถูกข้าเกินไปแล้ว
หมอหญิงเว่ยขานรับคำหนึ่ง ก็ถือกล่องยาของตัวเอง เดินตามหมอตำแยเข้าไปในห้องแล้วตอนที่ก้าวข้ามธรณีประตู หางตานางเหลือบมองข้างหลังแวบหนึ่งทิศทางนั่น…คนที่ยืนอยู่คืออ๋องหลีสบตากันแวบหนึ่ง ละสายตาอย่างเงียบๆ เข้าไปในห้องแล้ว ปิดประตู ตัดการมองเห็นภายนอกและภายใน“พระสนมถงเฟย ท่านดูท่านสิ เป็นโตเป็นผู้ใหญ่เช่นนี้แล้ว ยังสะเพร่าเช่นนี้อีก เรื่องใหญ่อย่างคลอดลูกก็ไม่บอกฝ่าบาทสักคำ ไม่ให้ความสำคัญจริงๆ” เต๋อฝูหนีบแส้ไว้ที่ข้อพับ ถอนหายใจหนักๆ ทีหนึ่ง ถงเฟยยิ้มอย่างขมขื่น“เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ข้าก็ไม่อยากให้เป็นเช่นนี้เสียหน่อย ก่อนเฟิงเย่เสวียนออกจากเมืองหลวง เขาเตรียมพร้อมทุกอย่างแล้ว ใครจะรู้ว่าท้องฉู่เชียนหลีใหญ่เกินไป กลายเป็นคลอดยากไปได้ล่ะ”“หากรู้จะเป็นเช่นนี้ ก็ไม่ควรบอกให้นางกินเยอะตั้งแต่แรกแล้ว”“ดูเหมือนอาหารดีเกินไป เลี้ยงทารกในครรภ์ดีเกินไป ก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไร…”เฮ้อ…ชีวิตไม่ง่ายจริงๆ ถงเฟยถอนหายใจถ้าหากฉู่เชียนหลีเป็นอะไรไป เกรงว่านางจะไม่ให้อภัยตัวเองทั้งชีวิต“โชคดีที่ข้ามาทันเวลา รอดูหมอหลวงอาวุโสหยางกับหมอหญิงเว่ยว่าอย่างไรเถอะ ใช่แล้ว ฝ่าบาทบอกว่าไ
หมอตำแยอุ้มเด็กที่ยังไม่ได้ล้างตัว วิ่งไปที่หน้าเตียงด้วยความดีใจ“ขอแสดงความยินดีกับพระชายา เป็นคุณหนูเจ้าค่ะ อ้วนมากๆ เกรงว่าหนักแปดชั่งเลยเจ้าค่ะ!”เด็กที่เพิ่งคลอดออกมาหนังย่น บนตัวยังเต็มไปด้วยน้ำคร่ำและคราบเลือด หลับตา ใบหน้าเล็กกลมๆ อวบๆ ศีรษะก็ใหญ่ๆโดยทั่วไป ทารกมีน้ำหนักประมาณห้าชั่งคือปกติ เด็กคนนี้หนักถือแปดชั่ง นับว่าเป็นทารกน้อยที่อ้วนมากๆฉู่เชียนหลีฝืนยกเปลือกตา มองอย่างยากลำบากแวบหนึ่ง พยายามยกมือที่เต็มไปด้วยเหงื่อขึ้น ยังสัมผัสไม่โดน ก็หมดสติด้วยความอ่อนเพลียแล้ว…“พระชายา!”“ไม่ต้องห่วง นางแค่เหนื่อยเกินไป” หมอหญิงเว่ยกล่าว “ไปล้างตัวเด็ก ตัดสายสะดือ ทำความสะอาดก่อน”“เฮ้อ ได้ ได้!”หมอตำแยกับผู้ช่วยรีบลงมือทันที หมอหญิงเว่ยที่หนักสองร้อยกว่าชั่งนั่งอยู่หน้าเตียง กวาดสายตามองเด็กอ้วนคนนั้น ครุ่นคิดครู่หนึ่งผ่านไปสักพักถอนสายตากลับตอนที่กำลังลุกขึ้น เหลือบเห็นท้องที่ยังนูนอยู่ของฉู่เชียนหลี หนังท้องกระตุกเบาๆ ทีหนึ่งโดยบังเอิญ พลันนางสะท้านทันทีเหมือนนึกถึงอะไรบางอย่าง รีบก้มลงไป ใช้ฝ่ามือกดท้องของนางเมื่อสัมผัสยังมีเด็กอีกหนึ่งคน!พระชายาท
จวนอ๋องหลีภายในห้องปีกข้าง ฉู่เจียวเจียวนอนอยู่บนเตียง ยังคงหลับสนิท ใช้กำลังมากเกินไป เหนื่อยจนไม่สามารถบรรเทาลงได้ในเวลาอันสั้นหน้าเตียง มีเตียงโยกเล็กๆ ตั้งอยู่ มีเด็กทารกที่ถูกห่อด้วยผ้าห่อทารกนอนอยู่ข้างในทารกกำลังนอนหลับ ใบหน้าเล็กอ้วนท้วน ปากอวบอิ่ม มือน้อยๆ กำหมัด วางอยู่ตรงสองข้างของศีรษะ หลับสบาย ปากขยับพ่นฟองน้ำคร่ำออกมาเป็นระยะน่ารักมากเอี๊ยด…ประตูเปิดแล้ว“ท่านอ๋อง ท่านกลับมา…”“ออกไป”เฟิงเจิ้งหลีสั่งให้สาวใช้ออกไป แล้วเดินเข้าห้องปีกข้าง ไปหยุดอยู่ที่หน้าเตียงเล็กๆก้มมองลงไปภายใต้แสงเทียน ผิวอันบอบบางของเด็กชายขาวนุ่มละมุนและจ้ำม่ำ เห็นแล้วอดไม่ได้อยากหยิกสักทีเขาเอื้อมฝ่ามือใหญ่ออกไป ค่อยๆ แตะที่คิ้วของเด็กทารกคิ้วที่บางและโก่งละเอียดอ่อนมากฉู่เชียนหลี เขาเหมือนเจ้าจริงๆ…มีอุบายอันลึกล้ำแลบผ่านแววตาเฟิงเจิ้งหลีเดิมทีอยากให้ฉู่เชียนหลีกับฉู่เจียวเจียวคลอดวันเดียวกัน จากนั้นค่อยให้หมอหญิงเว่ยสลับลูกของพวกนาง แต่คิดไม่ถึงว่าฉู่เชียนหลีจะตั้งครรภ์ลูกฝาแฝด และยังให้กำเนิดลูกชายหนึ่งคนนี่คือเด็กผู้ชายคนแรกของราชวงศ์เป็นหลานชายคนแรกของฮ่องเต้
“ใช่แล้ว น้าสะใภ้” หลิงเชียนอี้กล่าว “ผู้ใหญ่และเด็กปลอดภัยจึงจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุด พี่สาวมีโภชนาการที่ดีกว่า รอพี่สาวโตแล้ว ต้องดูแลน้องสาวให้มากๆ”เพิ่งสิ้นเสียง หนูน้อยที่อวบอ้วนร้องทีหนึ่ง“ยียา…”นิ้วโป้งที่ถูกดูจนเปียก สะบัดแขนทีหนึ่ง ก็กระเด็นไปหาน้องสาวที่อยู่ข้างๆ“อุแว้!”น้องสาวสะดุ้งตื่นจากฝัน เริ่มร้องไห้อุแว้ๆ เสียงดังทันทีหลิงเชียนอวี้ “...”ตกลงกันว่าพี่สาวจะดูแลน้องสาวไม่ใช่หรือ?“อุแว้…” น้องสาวพลางโบกมือ พลางร้องไห้เสียงดังฉู่เชียนหลีรีบปลอบใจ “โอ๋ๆ ไม่ร้อง ไม่ร้องนะ…”แต่นางเป็นมือใหม่ ประกอบกับไม่มีประสบการณ์ และเป็นครั้งแรกด้วย การกระทำจึงค่อนข้างเงอะงะและแข็ง นางถึงขั้นไม่ยอมใช้แรง กลัวจะเผลอบีบนางจนแหละ“อุแว้!”“ไม่ร้องนะ หิวใช่หรือไม่?”“อุแว้…”นางทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย น้องสาวร้องไห้เสียงดังมากหันมาดูพี่สาว นอนอยู่ในผ้าห่อทารกเงียบๆ นางลืมตาเผยให้เห็นลูกตาที่แวววาวเหมือนลูกองุ่นดำ พลางกัดนิ้วมือ มองไปทางน้องสาวอย่างกะพริบๆและเท้าน้อยก็กำลังถีบ ปากก็ร้อง“ยียา ยียา…”“ซนจริงๆ!”ถงเฟยจิ้มหน้าผากนางเบาๆ ทีหนึ่ง และแสร้งตำหนิ“เจ้าเป็นพี่ส
“ข่าวนี้หากพูดออกมา น้าสะใภ้ อารมณ์ของท่านอาจจะแปรปรวนอย่างมาก…ท่านสัญญากับข้าก่อน จะใจเย็นๆ แล้วข้าจะบอกท่าน”หลิงเชียนอี้กล่าวกับนางอย่างจริงจังฉู่เชียนหลีชะงักครู่หนึ่งความหมายของเขาคือ…หรือเฟิงเย่เสวียนประสบเรื่องไม่คาดคิดจริงๆ…เมื่อคิดถึงตรงนี้ หัวใจจมดิ่งทันที เหมือนตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง“เจ้าเด็กนี่ ซนนัก!” ถงเฟยบิดหูของเขาทันที “เจ้าพูดเช่นนี้ ไม่ใช่จงใจทำให้เสียวฉู่กลัวหรือ? นางเพิ่งคลอดลูกเสร็จ เจ้ายังมาเล่นพิเรนทร์เช่นนี้อีก!”“อ๊ะ เจ็บ…”“เสียวฉู่ เจ้าอย่าฟังเขาพูดเหลวไหล วันนี้เช้า ในวังได้ส่งรายงานทหารฉบับล่าสุดมา เฉินเอ๋อร์ชนะสงครามแล้ว กำลังกลับมาพร้อมกับชัยชนะ อีกไม่กี่วันก็จะถึงเมืองหลวงแล้ว!”“!”ม่านตาฉู่เชียนหลีหดหัวใจที่จมลงสู่หุบเหวเมื่อครู่ ถูกดีดกลับมาฉับพลันอารมณ์แปรปรวนอยู่ระหว่างสองขั้ว ขึ้นลงอย่างรุนแรง ราวกับนั่งอยู่บนเฮลิคอปเตอร์ จากโศกเศร้า กลายเป็นปลื้มปีติ“เขา…เขากำลังอยู่ระหว่างทางกลับ? จริงหรือ?” นางถามอย่างไม่กล้าเชื่อ“หรือคิดว่าข้าจะโกหกเจ้า?” ถงเฟยล้วงจดหมายในแขนเสื้อออกมา “เจ้าดูเองสิ!”ฉู่เชียนหลีรีบเปิดทันทีเป็นเรื่องจริง!
หลิงเชียนอี้เห็นนางจะป้อนนม ย่อมไม่สะดวกอยู่ในห้อง หมุนกายก็ออกไปแล้วตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่มองอวิ๋นอิงแม้แต่แวบเดียว ราวกับว่าไม่เคยรู้จักอวิ๋นอิงอวิ๋นอิงยืนอยู่ที่ข้างๆ ก้มหน้าต่ำ มองไม่เห็นการแสดงออกบนใบหน้า แต่ว่าสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจน นางเงียบกว่าเมื่อก่อนเยอะมากนางกลายเป็นคนเงียบขรึม กลายเป็นคนไม่ชอบพูดแล้วเมื่อเยว่เอ๋อร์สังเกตเห็น นางถามเสียงเบาๆ“อวิ๋นอิง เจ้าไม่ลองถามท่านโหวน้อยหน่อยหรือ? ท่านโหวน้อยกำลังจะแต่งงานกับคุณหนูกู้แล้วนะ หรือเจ้าเต็มใจยอมแพ้ทั้งเช่นนี้?”อวิ๋นอิงก้มหน้า ไม่ได้ตอบคำถามนี้ เพียงแค่กล่าวเสียงเบา“ข้าไปดูน้ำแกงที่ห้องครัว”กล่าวจบก็ไปแล้วเยว่เอ๋อร์กระทืบเท้าแต่ละคนราวกลับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ทำตัวลับๆ ล่อๆ?บนเตียงภายใต้การสอนของแม่นม ฉู่เชียนหลีใช้ท่าที่ถูกต้อง ลองป้อนนมครั้งแรกแต่น้องสาวยังร้องไห้อยู่ร้องไปร้องมา ก็อาเจียนน้ำนมแล้ว“พระชายา นางกินอิ่มแล้วเจ้าค่ะ หลังจากที่เด็กกินอิ่ม เขย่าโดนเล็กน้อยก็อาเจียนน้ำนม เป็นเรื่องปกติเจ้าค่ะ” แม่นมกล่าว“อุแว้…”น้องสาวกินอิ่มแล้ว ยังคงร้องไห้“ฉี่ใส่กางเกงแล้ว?”“ไม่ฉี่เจ้าค่ะ
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู
พลันฉู่เชียนหลีแน่นหน้าอก“หยุดนะ…”“อย่าเข้ามา!”ฉู่เจียวเจียวถอยหลังสามก้าว มือซ้ายจับเด็ก มือขวาถือมีดสั้น มีดสั้นที่แวววาวจ่ออยู่บนผิวอันบอบบางของเด็ก กรีดจนรอยเลือดออกแล้วเลือดไหลออกมาแล้ว“จู่ๆ เจ้าก็มาเป็นห่วงข้า และยังพยายามอยากอุ้มลูกทุกวิถีทาง ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าไม่ได้มีเจตนาดี”นางยิ้มอย่างเย็นชา“เหอะ! ดูเหมือนฮ่องเต้ที่แกไม่ตายสักทีนั่นเป็นคนบอกเรื่องนี้กับเจ้าสินะ!”ไอ้แก่ เป็นอัมพาตเฉียบพลันยังไม่ยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมอีกต่อให้รู้ความจริงแล้วอย่างไร?ชีวิตของเด็กคนนี้อยู่ในมือนาง“ฉู่เชียนหลีนะฉู่เชียนหลี เจ้าคิดอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงกระมังว่า เจ้าเลี้ยงลูกสาวข้า ข้าเลี้ยงลูกชายเจ้า และก็ต้องขอบคุณลูกชายคนดีคนนี้ของเจ้า กลายเป็นตัวช่วยที่สำคัญของอ๋องหลี” นางเผยอมุมปาก รอยยิ้มนั้นน่ากลัวมากฉู่เชียนหลียืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ไม่กล้าขยับ“เจ้าต้องการอะไร?”ฉู่เชียนหลีจ้องมีดสั้นในมือนาง กลัวว่านางจะพลั้งเผลอกรีดโดนคอของเด็กตั้งครรภ์สิบเดือนลูกชายเป็นก้อนเนื้อชิ้นหนึ่งที่ตกลงมาจากร่างกายนางนางไม่กล้าเดิมพัน และเดิมพันไม่ไหวฉู่เจียวเจียวกล่าว “ข้าต้องก
กลางดึกกำลังถึงช่วงที่คนเงียบสงบ คนกลุ่มหนึ่งวิ่งไปที่ตำหนักเจาหยางราวกับคลื่นยักษ์ ตอนที่ใกล้จะถึง ฉู่เชียนหลีตวาดสั่งให้พวกเขาหยุด“พวกเจ้าอยู่ห่างๆ อยากเข้าใกล้!”พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความเป็นห่วง “พระชายา พวกเราต้องไปเอาพระนัดดาองค์โตกลับมา นั่นเป็นเลือดเนื้อของท่านกับท่านอ๋องนะ”“ข้ารู้!”ก็เพราะรู้ จึงไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้“ไปทำอะไรคนเยอะแยะ ถ้าหากบีบจนฉู่เจียวเจียวไม่มีทางเลือก นางทำอะไรขึ้นมา…”ฉู่เชียนหลีแทบจะเป็นบ้าแล้ว ร้อนรนเหมือนมดที่อยู่บนกระทะร้อน ทั้งร้อนใจทั้งไม่สบายใจ น้ำเสียงก็ค่อนข้างฉุนเฉียวไม่อยากพูดมาก วิ่งเข้าไปในตำหนักเจาหยางเพียงลำพัง คนอื่นรออยู่ที่ข้างนอก ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามภายในตำหนักฉู่เจียวเจียวกำลังกล่อมจื่อเยี่ย ฉู่เจียวเจียวมาแล้ว นางมองเด็กน้อยที่อ้วนสมบูรณ์ กล่าวโดยไม่เงยหน้า“พระชายาอ๋องเฉิน ลูกของข้าเพิ่งนอนหลับ ”โปรดให้อภัย ข้าอุ้มเขาไว้ ร่างกายหนัก ไม่สะดวกลุกขึ้นยืน สายตาฉู่เชียนหลีมองไปที่ตัวเด็กเด็กน้อยอ้วนสมบูรณ์ ใบหน้าจ้ำม่ำ คิ้วละเอียดอ่อน หน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดู คล้ายเฟิงเจิ้งเว่ยซีแปดส่วนเหตุใดเมื่อก่อนนางไม่สังเกต
อวิ๋นอิงถูกนางทำเอาตกใจจนหน้าซีด รีบถาม“พระชายา มีอะไรหรือ? เหตุใดกะทันหันเช่นนี้?”“รีบไป!”มือทั้งสองข้างของฉู่เชียนหลีเย็นเฉียบ เสียงนั้นเกือบจะคำรามออกมา แม้แต่คอก็กำลังสั่นสะเทือนคนข้างล่างไม่กล้ารอช้า รีบไปตามหาคนทันทีเฟิงเย่เสวียนประหม่า “เชียนหลี นี่เจ้าเป็นอะไร?”“ข้าอาจจะเข้าใจผิด อาจจะทำผิดพลาด ข้าอาจจะ…ข้า ข้า…” ฉู่เชียนหลีพูดวนไม่ปะติดปะต่อ พูดอยู่ดีๆ เบ้าตาก็แดงแล้วหัวใจเหมือนถูกแมวข่วน กระสับกระส่ายนางกุมเสื้อตรงหน้าอก หายใจอย่างอึดอัดขออย่าให้มันเป็นเรื่องจริง…ขออย่า…นางทรมานจังนางไม่ใช่แม่ที่ดี กลัวรู้ความจริง แต่ก็อยากรู้ความจริงหลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม ผู้คนร้อยกว่าคนเข้าวังในคืนนั้น มีคนของจวนอ๋องเฉิน หมอ หมอตำแย ผู้ช่วยหมอ และยังมีองครักษ์ลับ ทหารยาม หมอหญิงเว่ยก็อยู่เมื่อหนึ่งเดือนกว่าก่อน ตอนที่ฉู่เชียนหลีคลอดลูก คนเหล่านี้อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนเมื่อฉู่เชียนหลีเห็นพวกเขา รีบถามทันที“วันที่ข้าคลอดลูก เคยมีคนแปลกหน้ามาหรือไม่?”ทุกคนหันมองกันและกัน ล้วนส่ายศีรษะ“พระชายา เรื่องสำคัญอย่างท่านคลอดลูก พวกเราจับตาดูอย่างเข้มงวด ในจวนมีแต่คนข
นางกำนัลรีบนำพู่กันมาฉู่เชียนหลีเอาพู่กันจุ่มน้ำหมึก แล้วใส่ในมือฮ่องเต้ร่างกายของฮ่องเต้เป็นอัมพาต ไม่ควบคุมมือไม่ได้ ไม่สามารถจับพู่กันด้วยซ้ำ ปากของเขาเบี้ยว ใช้แรงทั้งหมดหนีบด้ามพู่กันด้วยนิ้วชี้กับนิ้วกลาง อาศัยแรงกระตุกของร่างกาย ลงพู่กันบนกระดาษอย่างเบี้ยวไปเบี้ยวมาเพียงไม่กี่ขีด เขียนอย่างยากลำบาก บนหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อแนวเฉียง…แนวตั้ง…สองคำ ทั้งหมดสี่ขีดเขียนเสร็จ พู่กันก็ร่วงตกบนพื้น เขาเหนื่อยจนหอบบนเตียง ขยับไม่ได้อีกแล้ว“ลูกชาย…” อวิ๋นอิงอุทานเบาๆ “คนที่ฝ่าบาทคิดถึงคือลูกชาย?”ฉู่เชียนหลีถือกระดาษ แม้สองคำนี้เขียนได้คดเคี้ยวมาก แต่เนื่องจากลายเส้นเรียบง่าย จึงมองออกในปราดเดียวว่ามันคือคำว่า ‘ลูกชาย’นี่เขาอยากบอกอะไรนาง?“หรือเป็นอ๋องหลี?” อวิ๋นอิงคาดเดาฉู่เชียนหลีส่ายศีรษะโดยไม่ต้องคิด“อ๋องหลีวางยาพิษเขา กบฏวังชิงราชบัลลังก์ มีความทะเยอทะยาน ฝ่าบาทไม่มีทางคิดถึงอ๋องหลี”นางกล่าววิเคราะห์“ส่วนอ๋องหลีหลังจากขึ้นบัลลังก์ ไม่ฆ่าผู้บริสุทธิ์ องค์ชายท่านอื่นอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเหมือนเมื่อก่อน ไม่มีอันตราย ฮ่องเต้ก็ไม่มีทางคิดถึงองค์ชายท่านอื่น”อวิ๋