เขาออกจากห้องหนังสือ ไปหาอูหนูทันที และได้ขอยาพิเศษมาหนึ่งห่อหลังจากนั้น เทยานี้ลงในน้ำชา แล้วสั่งให้คนรับใช้ยกไปให้ฉู่เจียวเจียวฉู่เจียวเจียวเพิ่งดื่มเสร็จ ก็ปวดท้องอย่างรุนแรง โดยเฉพาะข้างล่าง ยิ่งมีของเหลวไหลออกมากองใหญ่เมื่อสาวใช้เห็น ตกใจมาก รีบไปตามหมอมาทันทีเมื่อตรวจดู พบว่าเป็นสัญญาณของการคลอดก่อนกำหนดทันใดนั้นทั้งจวนอ๋องหลีวุ่นวาย“ใครก็ได้ พระชายาคลอดก่อนกำหนด!”“หมอตำแยอยู่ไหน!”“น้ำร้อน! เร็ว…”ทุกคนมารวมตัวกันนอกลานเรือน วิ่งมาตรงนี้ วิ่งไปตรงนั้น ยุ่งทางนี้ ยุ่งทางนั้น คนที่ตักน้ำก็ตักน้ำ คนที่ไปเอาของก็เอาของ คนที่ไปเรียกคนก็ไปเรียกคน ล้วนกังวลทุกคนภายในห้อง ประตูถูกปิดไว้ เสียงกรีดร้องดังขึ้นไม่หยุดเฟิงเจิ้งหลีเดินมาหยุดอยู่ตรงประตูเรือนอย่างใจเย็น เขามองประตูห้องที่ถูกปิดสนิท มีประกายครุ่นคิดปรากฏในแววตาสาวใช้รายงานอย่างรีบร้อน“ท่านอ๋อง หมอบอกว่าพระชายาคลอดก่อนกำหนดหนึ่งเดือน ร่างกายอ่อนแอมาก ประกอบกับขาดสารอาหาร เกรงว่าเด็ก…เกรงว่าคลอดยากมาก…”เขากล่าว“รักษาชีวิตเด็กไว้”สาวใช้เบิกตาอย่างตะลึงงัน ราวกับไม่กล้าเชื่อในสิ่งที่ได้ยินเขากวาดมอ
“ซี้ด…”ความเจ็บปวดนี้ ท่วมท้นดุจภูเขาถล่มลงมา รุนแรงขึ้นทีละระลอกจนอดกลั้นไม่ไหวร่างกายช่วงล่าง ร้อนเล็กน้อยฉู่เชียนหลีกุมท้อง สีหน้าเปลี่ยนฉับพลัน เจ็บจนขมวดคิ้วดูเหมือนว่าใกล้จะคลอดแล้ว“เจ้าเป็นอะไร?” เฟิงเจิ้งหลีจะเดินเข้ามา ปรากฏว่าถูกนางปัดทิ้ง “ใครก็ได้ ไล่เฟิงเจิ้งหลีออกไป!”“เสียวฉู่…”“ไสหัวไป! ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือ?”ฉู่เชียนหลีเกลียดที่ได้เห็นใบหน้านี้ของเขา นางตะคอกเสียงดัง พลันยิ่งปวดท้องรุนแรงขึ้นแล้ว นางทรุดนั่งลงบนบันได ลมหายใจก็ถี่ขึ้นเรื่อยๆเขาคว้ามือของนางไว้ ฝ่ามือร้อนชื้น“เจ้าจะคลอดแล้ว?”เขาแสร้งประหลาดใจ จากนั้นตะโกนออกไปข้างนอก“ใครก็ได้ รีบมาเร็ว!”เสียงเรียกดังขึ้น เหล่าคนรับใช้รีบมา เมื่อทราบอาการของพระชายา หมอตำแยกับสาวใช้ที่เตรียมไว้ล่วงหน้า รีบประคองพระชายาเข้าห้องแล้วปิดประตู“เตรียมน้ำร้อน!”“กรรไกร!”“คนที่ไม่เกี่ยวข้องอย่าเข้ามา”“เร็ว…”เหล่าคนรับใช้ยุ่งมาก วิ่งไปวิ่งมา ร้อนใจจนเหงื่อท่วมศีรษะ ถงเฟยและคนอื่นก็มาถึงในทันทีภายในเรือนหานเฟิง มีคนยืนเต็มไปหมดภายในห้องที่ประตูปิดสนิท เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดที่ดังขึ้นเป็นร
จวนอ๋องเฉินพลบค่ำมาถึง ราตรีมาเยือน เสียงภายในห้องยังคงไม่หยุดเสียที คนที่อยู่ข้างนอกร้อนใจขึ้นเรื่อยๆ แต่ละคนวิตกกังวล“นี่มันสามชั่วยามกว่าแล้ว เหตุใดยังไม่คลอดอีก?”“เหตุใดจึงนานเช่นนี้?”“คงไม่ได้เกิดเรื่องอะไรกระมัง?”พระชายาอ๋องติ้ง หลิงเชียนอี้ จิ่งอี้และคนอื่น หลังจากได้รับข่าว ก็รีบมาตั้งแต่ตอนเย็น คนกลุ่มใหญ่ยืนรอข้างนอก ทุกคนต่างก็ร้อนใจความสนใจของทุกคนล้วนอยู่ภายในห้อง ไม่มีใครสังเกตเห็นอ๋องหลีที่อยู่นอกเรือนหานเฟิงฉู่เชียนหลีเจ็บมาสามชั่วยามกว่าแล้ว เฟิงเจิ้งหลีก็ยืนอยู่ข้างนอก ไม่ห่างแม้แต่ก้าวเดียวสามชั่วยามกว่าเช่นกันเฟิงเจิ้งหลียืนข้างนอกสุด จุดที่ไม่สะดุดตาที่สุด เขามองไปทางห้องปีกข้างจากระยะไกลด้วยสายตาเรียบเฉย แววตาไร้อารมณ์ สงบไร้คลื่นไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไรองครักษ์ลับปรากฏตัวเงียบๆ รายงานเสียงเบา“นายท่าน พระชายาคลอดแล้ว เป็นลูกสาวขอรับ”เมื่อเขาได้ยิน แววตาเย็นลงเล็กน้อยลูกสาว?ไร้ประโยชน์?เป็นท้องไม่ได้เรื่องจริงๆแต่ไม่เป็นอะไรเฟิงเย่เสวียน เจ้าคิดว่าเจ้ากลับมาอย่างปลอดภัยพร้อมกับชัยชนะ ทั้งหมดนี้ก็จบแล้วหรือ? เจ้าดูถูกข้าเกินไปแล้ว
หมอหญิงเว่ยขานรับคำหนึ่ง ก็ถือกล่องยาของตัวเอง เดินตามหมอตำแยเข้าไปในห้องแล้วตอนที่ก้าวข้ามธรณีประตู หางตานางเหลือบมองข้างหลังแวบหนึ่งทิศทางนั่น…คนที่ยืนอยู่คืออ๋องหลีสบตากันแวบหนึ่ง ละสายตาอย่างเงียบๆ เข้าไปในห้องแล้ว ปิดประตู ตัดการมองเห็นภายนอกและภายใน“พระสนมถงเฟย ท่านดูท่านสิ เป็นโตเป็นผู้ใหญ่เช่นนี้แล้ว ยังสะเพร่าเช่นนี้อีก เรื่องใหญ่อย่างคลอดลูกก็ไม่บอกฝ่าบาทสักคำ ไม่ให้ความสำคัญจริงๆ” เต๋อฝูหนีบแส้ไว้ที่ข้อพับ ถอนหายใจหนักๆ ทีหนึ่ง ถงเฟยยิ้มอย่างขมขื่น“เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ข้าก็ไม่อยากให้เป็นเช่นนี้เสียหน่อย ก่อนเฟิงเย่เสวียนออกจากเมืองหลวง เขาเตรียมพร้อมทุกอย่างแล้ว ใครจะรู้ว่าท้องฉู่เชียนหลีใหญ่เกินไป กลายเป็นคลอดยากไปได้ล่ะ”“หากรู้จะเป็นเช่นนี้ ก็ไม่ควรบอกให้นางกินเยอะตั้งแต่แรกแล้ว”“ดูเหมือนอาหารดีเกินไป เลี้ยงทารกในครรภ์ดีเกินไป ก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไร…”เฮ้อ…ชีวิตไม่ง่ายจริงๆ ถงเฟยถอนหายใจถ้าหากฉู่เชียนหลีเป็นอะไรไป เกรงว่านางจะไม่ให้อภัยตัวเองทั้งชีวิต“โชคดีที่ข้ามาทันเวลา รอดูหมอหลวงอาวุโสหยางกับหมอหญิงเว่ยว่าอย่างไรเถอะ ใช่แล้ว ฝ่าบาทบอกว่าไ
หมอตำแยอุ้มเด็กที่ยังไม่ได้ล้างตัว วิ่งไปที่หน้าเตียงด้วยความดีใจ“ขอแสดงความยินดีกับพระชายา เป็นคุณหนูเจ้าค่ะ อ้วนมากๆ เกรงว่าหนักแปดชั่งเลยเจ้าค่ะ!”เด็กที่เพิ่งคลอดออกมาหนังย่น บนตัวยังเต็มไปด้วยน้ำคร่ำและคราบเลือด หลับตา ใบหน้าเล็กกลมๆ อวบๆ ศีรษะก็ใหญ่ๆโดยทั่วไป ทารกมีน้ำหนักประมาณห้าชั่งคือปกติ เด็กคนนี้หนักถือแปดชั่ง นับว่าเป็นทารกน้อยที่อ้วนมากๆฉู่เชียนหลีฝืนยกเปลือกตา มองอย่างยากลำบากแวบหนึ่ง พยายามยกมือที่เต็มไปด้วยเหงื่อขึ้น ยังสัมผัสไม่โดน ก็หมดสติด้วยความอ่อนเพลียแล้ว…“พระชายา!”“ไม่ต้องห่วง นางแค่เหนื่อยเกินไป” หมอหญิงเว่ยกล่าว “ไปล้างตัวเด็ก ตัดสายสะดือ ทำความสะอาดก่อน”“เฮ้อ ได้ ได้!”หมอตำแยกับผู้ช่วยรีบลงมือทันที หมอหญิงเว่ยที่หนักสองร้อยกว่าชั่งนั่งอยู่หน้าเตียง กวาดสายตามองเด็กอ้วนคนนั้น ครุ่นคิดครู่หนึ่งผ่านไปสักพักถอนสายตากลับตอนที่กำลังลุกขึ้น เหลือบเห็นท้องที่ยังนูนอยู่ของฉู่เชียนหลี หนังท้องกระตุกเบาๆ ทีหนึ่งโดยบังเอิญ พลันนางสะท้านทันทีเหมือนนึกถึงอะไรบางอย่าง รีบก้มลงไป ใช้ฝ่ามือกดท้องของนางเมื่อสัมผัสยังมีเด็กอีกหนึ่งคน!พระชายาท
จวนอ๋องหลีภายในห้องปีกข้าง ฉู่เจียวเจียวนอนอยู่บนเตียง ยังคงหลับสนิท ใช้กำลังมากเกินไป เหนื่อยจนไม่สามารถบรรเทาลงได้ในเวลาอันสั้นหน้าเตียง มีเตียงโยกเล็กๆ ตั้งอยู่ มีเด็กทารกที่ถูกห่อด้วยผ้าห่อทารกนอนอยู่ข้างในทารกกำลังนอนหลับ ใบหน้าเล็กอ้วนท้วน ปากอวบอิ่ม มือน้อยๆ กำหมัด วางอยู่ตรงสองข้างของศีรษะ หลับสบาย ปากขยับพ่นฟองน้ำคร่ำออกมาเป็นระยะน่ารักมากเอี๊ยด…ประตูเปิดแล้ว“ท่านอ๋อง ท่านกลับมา…”“ออกไป”เฟิงเจิ้งหลีสั่งให้สาวใช้ออกไป แล้วเดินเข้าห้องปีกข้าง ไปหยุดอยู่ที่หน้าเตียงเล็กๆก้มมองลงไปภายใต้แสงเทียน ผิวอันบอบบางของเด็กชายขาวนุ่มละมุนและจ้ำม่ำ เห็นแล้วอดไม่ได้อยากหยิกสักทีเขาเอื้อมฝ่ามือใหญ่ออกไป ค่อยๆ แตะที่คิ้วของเด็กทารกคิ้วที่บางและโก่งละเอียดอ่อนมากฉู่เชียนหลี เขาเหมือนเจ้าจริงๆ…มีอุบายอันลึกล้ำแลบผ่านแววตาเฟิงเจิ้งหลีเดิมทีอยากให้ฉู่เชียนหลีกับฉู่เจียวเจียวคลอดวันเดียวกัน จากนั้นค่อยให้หมอหญิงเว่ยสลับลูกของพวกนาง แต่คิดไม่ถึงว่าฉู่เชียนหลีจะตั้งครรภ์ลูกฝาแฝด และยังให้กำเนิดลูกชายหนึ่งคนนี่คือเด็กผู้ชายคนแรกของราชวงศ์เป็นหลานชายคนแรกของฮ่องเต้
“ใช่แล้ว น้าสะใภ้” หลิงเชียนอี้กล่าว “ผู้ใหญ่และเด็กปลอดภัยจึงจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุด พี่สาวมีโภชนาการที่ดีกว่า รอพี่สาวโตแล้ว ต้องดูแลน้องสาวให้มากๆ”เพิ่งสิ้นเสียง หนูน้อยที่อวบอ้วนร้องทีหนึ่ง“ยียา…”นิ้วโป้งที่ถูกดูจนเปียก สะบัดแขนทีหนึ่ง ก็กระเด็นไปหาน้องสาวที่อยู่ข้างๆ“อุแว้!”น้องสาวสะดุ้งตื่นจากฝัน เริ่มร้องไห้อุแว้ๆ เสียงดังทันทีหลิงเชียนอวี้ “...”ตกลงกันว่าพี่สาวจะดูแลน้องสาวไม่ใช่หรือ?“อุแว้…” น้องสาวพลางโบกมือ พลางร้องไห้เสียงดังฉู่เชียนหลีรีบปลอบใจ “โอ๋ๆ ไม่ร้อง ไม่ร้องนะ…”แต่นางเป็นมือใหม่ ประกอบกับไม่มีประสบการณ์ และเป็นครั้งแรกด้วย การกระทำจึงค่อนข้างเงอะงะและแข็ง นางถึงขั้นไม่ยอมใช้แรง กลัวจะเผลอบีบนางจนแหละ“อุแว้!”“ไม่ร้องนะ หิวใช่หรือไม่?”“อุแว้…”นางทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย น้องสาวร้องไห้เสียงดังมากหันมาดูพี่สาว นอนอยู่ในผ้าห่อทารกเงียบๆ นางลืมตาเผยให้เห็นลูกตาที่แวววาวเหมือนลูกองุ่นดำ พลางกัดนิ้วมือ มองไปทางน้องสาวอย่างกะพริบๆและเท้าน้อยก็กำลังถีบ ปากก็ร้อง“ยียา ยียา…”“ซนจริงๆ!”ถงเฟยจิ้มหน้าผากนางเบาๆ ทีหนึ่ง และแสร้งตำหนิ“เจ้าเป็นพี่ส
“ข่าวนี้หากพูดออกมา น้าสะใภ้ อารมณ์ของท่านอาจจะแปรปรวนอย่างมาก…ท่านสัญญากับข้าก่อน จะใจเย็นๆ แล้วข้าจะบอกท่าน”หลิงเชียนอี้กล่าวกับนางอย่างจริงจังฉู่เชียนหลีชะงักครู่หนึ่งความหมายของเขาคือ…หรือเฟิงเย่เสวียนประสบเรื่องไม่คาดคิดจริงๆ…เมื่อคิดถึงตรงนี้ หัวใจจมดิ่งทันที เหมือนตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง“เจ้าเด็กนี่ ซนนัก!” ถงเฟยบิดหูของเขาทันที “เจ้าพูดเช่นนี้ ไม่ใช่จงใจทำให้เสียวฉู่กลัวหรือ? นางเพิ่งคลอดลูกเสร็จ เจ้ายังมาเล่นพิเรนทร์เช่นนี้อีก!”“อ๊ะ เจ็บ…”“เสียวฉู่ เจ้าอย่าฟังเขาพูดเหลวไหล วันนี้เช้า ในวังได้ส่งรายงานทหารฉบับล่าสุดมา เฉินเอ๋อร์ชนะสงครามแล้ว กำลังกลับมาพร้อมกับชัยชนะ อีกไม่กี่วันก็จะถึงเมืองหลวงแล้ว!”“!”ม่านตาฉู่เชียนหลีหดหัวใจที่จมลงสู่หุบเหวเมื่อครู่ ถูกดีดกลับมาฉับพลันอารมณ์แปรปรวนอยู่ระหว่างสองขั้ว ขึ้นลงอย่างรุนแรง ราวกับนั่งอยู่บนเฮลิคอปเตอร์ จากโศกเศร้า กลายเป็นปลื้มปีติ“เขา…เขากำลังอยู่ระหว่างทางกลับ? จริงหรือ?” นางถามอย่างไม่กล้าเชื่อ“หรือคิดว่าข้าจะโกหกเจ้า?” ถงเฟยล้วงจดหมายในแขนเสื้อออกมา “เจ้าดูเองสิ!”ฉู่เชียนหลีรีบเปิดทันทีเป็นเรื่องจริง!
เนื่องจากอ๋องเฉินถูกจับ บรรยากาศในทำเนียบจึงตึงเครียดมาก ทุกคนตั้งสติ ฟังคำสั่งของพระชายา ยืนเฝ้าประจำจุดของตัวเองอย่างเข้มงวดฉู่เชียนหลีออกคำสั่งปิดข่าว ห้ามแพร่งพรายเด็ดขาด เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความตื่นตระหนกที่ไม่จำเป็นนอกทำเนียบอีกด้านของถนนจวินลั่วยวนนั่งอยู่บนบันได ระหว่างเข่าที่ชนกัน มีลูกอมที่เพิ่งซื้อมาวางอยู่หลายถุงนางกัดไม้เสียบเล็กๆ ไว้ พลางเลียลูกอม ดวงตาที่สวยงามคู่นั้น มองเห็นที่ทหารที่วิ่งไปวิ่งมาด้วยสีหน้าร้อนใจ จากประตูใหญ่ของทำเนียบที่เปิดกว้าง เหมือนกับว่าเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นนางหรี่ตาเลียมุมปาก“หวานจัง”ซวงซวงกล่าวเสียงเบา “องค์หญิง ขนมนี่หวานเกินไป ท่านกินน้อยหน่อย ระวังฟันผุนะเจ้าคะ”“ซวงซวง ขนมนี่ไม่หวาน ความหมายของข้าคือ ข้ามีความสุข”จวินลั่วยวนลุกขึ้นยืน โยนถุงลูกอมให้ซวงซวง อมไว้ในปากหนึ่งชิ้น เดินกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขซวงซวงสงสัยมีความสุข?มีความสุขอะไร?ก็แค่กินขนม ก็มีความสุขเช่นนี้แล้ว? หรือเป็นเพราะองค์ชายรองมา องค์หญิงมีความสุขมาก?ศาลาพักม้าจวินลั่วยวนเพิ่งกลับมา เห็นผู้ชายคนหนึ่งที่ท่าทางเหมือนรองแม่ทัพ กำลังรายง
ฉู่เชียนหลีเป็นคนประเภทชอบลงมือทำ พูดแล้วก็ทำเลยบ่ายวันนั้น อวิ๋นอิงก็ไปซื้อเรียนสำหรับเด็กมาแล้ว ในหนังสือมีภาพว่า และตัวอักษรขนาดใหญ่ เหมาะกับเด็กอายุสามสี่ขวบที่เพิ่งหัดอ่านฉู่เชียนหลีถือหนังสือ สอนเด็กทั้งสองอย่างอดทน“แมลงปอ”“เว่ยซี จื่อเยี่ย ดู อันนี้เรียกว่าแมลงปอ มีปีกยาวๆ หนึ่งคู่ และยังมีตาที่โต”“นี่คือผีเสื้อ มา อ่านตามแม่ ฮวาหูเตี๋ย”เว่ยซีมองนมจนน้ำลายไหล ดูน่าสงสารมากจื่อเยี่ยอ้าปากส่งเสียงอีอาๆ แต่พูดไม่ชัด ไม่สามารถออกเสียงที่ถูกต้อง หัดพูดจนแก้มสีชมพูจะกลายเป็นสีแดงแล้ว“ฮวา…ฝู…ฝู…ฝูเตี๋ย…”“ไม่ถูก ฮวาหูเตี๋ย”“ฮวา…ฝู…เตีย…เตียเตี่ย!”พลันจื่อเยี่ยตาเป็นประกาย จู่ๆ ก็โบกมือน้อยเหมือนผีเสื้อกระพือปีก ปากก็ตะโกนอย่างสนุกสนาน“เตียเตี่ย!”ความหมายของเขาเหมือนกำลังบอกว่า เตียเตี่ย[1]เป็นผีเสื้อ “...”อวิ๋นอิงอุ้มเจี๋ยวเจี๋ยวยืนดูที่ข้างๆ รู้สึกเพียงภาพนี้โหดร้ายและไร้มนุษยธรรมมาก จู่ๆ ก็สงสารเว่ยซีกับจื่อเยี่ยอย่างอธิบายไม่ถูกเด็กบ้านอื่นเริ่มเรียนตอนอายุห้าขวบแต่ของพระชายา หนึ่งขวบก็เริ่มเรียนแล้วนางก้มหน้า มองใบหน้าเล็กของลูกสาว กล่าวเสียงเบา
สองวันต่อจากนั้น ค่อนข้างสงบเพียงแต่สงครามกำลังจะปะทุขึ้นแล้ว เมื่อครึ่งเดือนก่อน อ๋องเฉินยึดเมืองเจียหนานได้ในคราวเดียว เพื่อโต้ตอบ ฮ่องเต้หลีเลือกที่จะร่วมมือกับแคว้นซีอวี้ ได้รับม้าศึก อาวุธ และยอดทหารที่หนึ่งคนสามารถสู้สิบคน เตรียมพร้อมลงสนามรบทุกเมื่อ สงครามดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ“กลับมาอย่างปลอดภัยนะ”ฉู่เชียนหลีผูกสายรัดเอวของเสื้อเกราะอ่อน สวมเสื้อเพ้าชั้นนอก และจัดแจงให้เฟิงเย่เสวียน ก่อนออกเดินทาง โอบเอวของเขาไม่ยอมปล่อยเป็นเวลานานเฟิงเย่เสวียนลูบศีรษะน้อยๆ ของนาง“อยู่บ้านดูแลเว่ยซีกับจื่อเยี่ยให้ดี อย่างมากข้าไปสองวันก็กลับ”“ระวังตัวด้วย”“อืม”จูบกลางหว่างคิ้วของนาง ถือกระบี่เดินจากไปฉู่เชียนหลีไปส่งถึงประตูใหญ่ กระทั่งมองไม่เห็นแผ่นหลังของเขา จึงจะกลับจวนร่างกายของอวิ๋นอิงฟื้นตัวได้ดี สีหน้าก็ดูดีขึ้นมาก มีกู่แพทย์คอยบำรุงรักษา สุขภาพของนางค่อยๆ ดีขึ้น และไม่กระอักเลือดแล้ว“พระชายา งานเลี้ยงอายุครบหนึ่งปีของเว่ยซีกับจื่อเยี่ย จะเชิญใครบ้างเจ้าค่ะ?” อวิ๋นอิงกำลังวางแผนพริบตาเดียว ยังเหลืออีกเจ็ดวัน เจ้าเด็กน้อยทั้งสองก็จะอายุหนึ่งปีแล้วเวลาผ่านไปเร็วมาก
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าจวินลั่วยวนเปลี่ยนฉับพลัน กลิ่นอายรอบกายขรึมลง มีความตื่นตระหนกสายหนึ่งแลบผ่านแววตาอย่างรวดเร็วพริบตาเดียวไม่นานก็สงบลง บนใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ“ท่านหมายความว่าอย่างไร?”“นี่ท่านพูดอะไรของท่าน!”นางสะบัดมือของจวินชิงอวี่หลุด ลุกขึ้นยืน ทั่วร่างเต็มไปด้วยความโกรธที่ถูกปรักปรำ“ข้าเป็นน้องสาวแท้ๆ ของท่าน ท่านกลับคิดว่าข้าทำเรื่องที่ไร้มโนธรรมเช่นนี้? เสด็จพี่สาม ก่อนที่ท่านจะพูด เคยถามใจตัวเองดูหรือไม่!”นางคำรามออกมาอย่างแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม ดวงตาก็กลายเป็นสีแดงไปแล้วจวินชิงอวี่รักนางมาก ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่เคยตำหนินางแม้แต่คำเดียวแต่…“ยวนเอ๋อร์ เดิมทีคนที่วางยา เป็นคนตัดฟืนของทำเนียบเจียงหนาน รับคำสั่งจากฮองเฮาตงหลิง วางยาพิษทำร้ายพี่น้องฝาแฝด ถูกพระชายาอ๋องเฉินจับได้”“แต่เมื่อวานเจ้าส่งคนไปทำเนียบ คนตัดฟืนคนนี้ก็มาอยู่ที่ศาลาพักม้าแล้ว”“กลางคืน เสด็จแม่ก็ถูกพิษแล้ว”นำทั้งหมดนี้มาเชื่อมโยงกัน จะไม่ให้เขาสงสัยได้อย่างไร?จวินลั่วยวนเบิกตากว้าง“ข้าเป็นห่วงความร่วมมือของแคว้นหนานยวนกับอ๋องเฉิน ส่งคนไปลองถามดู ท่านกลับคิดว่าข้าติดสิ
ความจริงเป็นไปตามที่ฉู่เชียนหลีคาดการณ์หลังจากจวินชิงอวี่ตามจวินลั่วยวนทัน ปลอบใจนางอยู่นาน เขารับประกันและใช้คำพูดดีๆ สารพัด จึงจะสามารถทำให้น้องสาวหายโกรธกลับถึงศาลาพักมา ก็พลบค่ำแล้วฮองเฮาหนานยวนฟื้นแล้ว“เสด็จแม่ ท่านฟื้นแล้ว!”“เสด็จแม่ ท่านรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่? เจ็บคอหรือไม่?”จวินชิงอวี่ถามอย่างประหม่า จวินลั่วยวนรินน้ำอุ่นมาหนึ่งแก้ว ทั้งสองเฝ้าอยู่ที่หน้าเตียง มองมารดาด้วยความห่วงใยฮองเฮาหนานยวนรู้สึกเจ็บแบบแสบร้อนในลำคอ แค่ขยับเล็กน้อยก็เจ็บแสบมาก แม้กลืนน้ำก็เจ็บจนหน้าซีดนางเม้มปาก ไม่พูดสักคำจวินชิงอวี่จับมือของนาง กล่าวอย่างปวดใจ“เสด็จแม่ ท่านไม่ต้องกังวล พวกเราใช้ยาที่ดีที่สุดแล้ว ต้องดีขึ้นแน่นอน ทักษะการแพทย์ของพระชายาอ๋องเฉินเลิศล้ำ มีนางอยู่ ท่านจะต้องหายดีแน่นอน”จวินลั่วยวนพยักหน้า“ใช่แล้ว เสด็จแม่ ท่านก็อย่าเสียใจไปเลย อีกสามถึงห้าปีก็หายแล้ว”“...”คำพูดนี้ ฟังดูก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรแต่หากตั้งใจฟัง สำหรับฮองเฮาหนานยวนที่ชอบร้องเพลง ไม่ใช่จงใจพูดเสียดสีหรอกหรือ?ฮองเฮาหนานยวนถือแก้วน้ำ พิงอยู่ตรงหัวเตียง ค่อยๆ หลุบตา พูดไม่ออก และไม่อยา
จวินลั่วยวนตื่นตระหนกแล้วนางคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะตกหลุมพรางของฉู่เชียนหลี ตอนนี้ไม่สามารถทำให้นางตาย และยังทำให้เสด็จพี่สามสงสัย ไม่เพียงไม่ได้อะไรเลย แถมยังเสียอีกต่างหาก“เสด็จ เสด็จพี่สาม…”จบแล้ว!นางจะสูญเสียความรักของเสด็จพี่สามไม่ได้!จะปล่อยให้นางแพศยาฉู่เชียนหลีทำสำเร็จไม่ได้เด็ดขาด!สมองของจวินลั่วยวนแล่นอย่างรวดเร็ว ในเวลาสั้นๆ สองวินาที คิดแผนรับมือได้แล้ว เบ้าตาแดงก่ำโดยตรง มีน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาที่กลมโต นางกล่าว“เสด็จพี่สาม ดีจังที่ท่านไม่เป็นอะไร!”“ข้าได้ยินซวงซวงบอกว่าท่านกับพระชายาอ๋องเฉินออกมาด้วยกัน และยังมาสถานที่ลับเช่นนี้อีก ข้าคิดว่าพวกท่านทำ…เรื่องอะไรที่ให้คนอื่นรู้ไม่ได้เสียอีก”“ข้าเป็นห่วงท่านจึงตามมา เสด็จพี่สาม ท่านไม่โทษข้ากระมัง?”น้ำตาแห่งความกังวลและไร้เดียงสาไหลออกมาจากหางตาของนางจวินชิงอวี่ชะงักเล็กน้อย“เป็นห่วง?”“ใช่แล้ว ท่านเป็นพี่ชายของข้า พระชายาอ๋องเฉินก็เป็นผู้หญิงที่มีสามีแล้ว พวกท่านสองคนอยู่ในห้องเดียวกัน และยังอยู่ด้วยกันนานเช่นนี้ จะไม่ให้คิดมากได้อย่างไร?”ทุกคำพูดของจวินลั่วยวนฟังดูมีเหตุผลมาก“ข้าคิดว่าพวกท่านกำลัง…
หลังจากหัวเราะอย่างเย้ยหยัน นางไม่พูดอะไรอีก โคจรกำลังภายใน ประสานฝ่ามือกับจวินชิงอวี่จวินชิงอวี่รู้สึกเพียงมีกำลังภายในที่เย็นเฉียบสายหนึ่งไหลเข้าสู่ร่างกาย ความเย็นและความร้อนประสานกัน ปรับสมดุลให้กันและกัน เขารีบหลับตา โคจรเคล็ดวิชาเหมันต์ภายในห้อง เข้าสู่ความเงียบ…นอกประตูองครักษ์ลับเฝ้าไว้นอกประตูใหญ่ รถม้าคันหนึ่งค่อยๆ แล่นเข้ามาหยุดอยู่ที่ตรงข้ามกับบ้าน มือเล็กๆ ที่ขาวนวลข้างหนึ่งเลิกม่านขึ้น แล้วกระโดดลงมา“ที่นี่หรือ?”จวินลั่วยวนยืนอย่างมั่นคง เงยหน้ามองไปเป็นสถานที่ที่เงียบสงบซวงซวงกล่าวเสียงเบา “เจ้าค่ะองค์หญิง องค์ชายสามกับพระชายาอ๋องเฉินเข้าไปข้างในสามเค่อแล้ว”จวินลั่วยวนหรี่ตา“แม้แต่โรคร้อนก็สามารถรักษา ฉู่เชียนหลีคนนี้พอจะมีความสามารถอยู่บ้าง”ทักษะการแพทย์ดี มีประโยชน์อะไร?สุดท้ายก็ต้องตายอยู่ดีไม่ใช่หรือ?เมื่อวานตอนอยู่หอน้ำชา ได้ยินบทสนทนาของพวกเขาสองคน เมื่อไรที่เริ่มรักษา ห้ามถูกขัดจังหวะเด็ดขาด จะส่งผลให้กำลังภายในย้อนกลับ ทั้งสองจะกระอักเลือดจนตายขอแค่นางบุกเข้าไป ก็สามารถเอาชีวิตของฉู่เชียนหลีเพียงแต่…น่าเสียดายน่าเสียดายที่เสด็จ
“ดื่มเยอะๆ”“...เสด็จแม่ยังไม่ฟื้นหรือ?”“หมอบอกว่าอาจจะต้องพรุ่งนี้ เสด็จพี่สาม ฉู่เชียนหลีโกหก ไม่ว่าเวลาไหน ท่านก็ห้ามเชื่อคำพูดของนางเด็ดขาด และไม่ว่ายวนเอ๋อร์ทำอะไร ก็ล้วนทำเพราะหวังดีต่อท่านพี่ ยวนเอ๋อร์ให้ความสำคัญกับคนในครอบครัวยิ่งกว่าชีวิตของตัวเอง”จวินลั่วยวนเงยหน้า กล่าวอย่างจริงจังมากจวินชิงอวี่เชื่อคำพูดของนางอย่างไม่มีเงื่อนไขเขามีแค่น้องสาวคนเดียว เขาไม่ตามใจแล้วใครจะตามใจ? เขาไม่รักแล้วใครจะรัก?“เป็นเด็กดีนะ”วันรุ่งขึ้นตามที่นัดหมายกับฉู่เชียนหลี เดิมทีจวินชิงอวี่ไม่อยากไป ยี่สิบกว่าปีมานี้ มีหมอนับไม่ถ้วนเคยรักษาเขา ไม่มีใครสามารถรักษาโรคร้อนของเขาได้เลยกล่าวอีกนัยคือ เขาไม่เชื่อฉู่เชียนหลี แต่การเดิมพันนั่น…เขาไม่เคยสงสัยยวนเอ๋อร์การเดิมพันนี้ ก็ย่อมไม่จำเป็นต้องมีองครักษ์ลับกล่าว “องค์ชาย ท่านไปดีกว่า ในแคว้นตงหลิง ไม่มีใครไม่รู้ว่าทักษะการแพทย์ของพระชายาอ๋องเฉินเลิศล้ำ ถ้าหากนางสามารถรักษาได้จริงๆ ต่อไปท่านก็ไม่ต้องเจ็บปวดเพราะโรคกำเริบแล้ว”หลังจากจวินชิงอวี่ครุ่นคิด สุดท้ายก็ตัดสินใจไปชานเมืองบ้านหลังหนึ่งที่เงียบสงบเอี๊ยด…“ท่านมา
“เช่นนั้นพวกเราเหมือนเดิมพันกัน”“เดิมพันก็เดิมพัน!”นอกหอน้ำชาจวินลั่วยวนมาถึง หลังจากสอบถามข้อมูลคร่าวๆ จากเด็กในร้าน ก็ย่องขึ้นไปบนชั้นสอง เข้าใกล้ห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง เพิ่งแนบหูเข้าไป ก็ได้ยินเสียงสนทนาข้างในเสียงของฉู่เชียนหลี“โรคร้อนอันตรายมาก แค่ไม่ระวังเล็กน้อยก็จะกำเริบ ตอนที่ข้ารักษาเจ้า ต้องเปิดจุดชีพจร กรีดเปิดแผลบนมือและเท้าสี่จุด ใช้เลือดของข้าแลกกับเจ้าครึ่งหนึ่ง ในระหว่างนี้ห้ามถูกรบกวนเด็ดขาด”ลดเสียงกล่าวอย่างจริงจัง“ไม่เช่นนั้น กำลังภายในจะย้อนกลับ ห้ามเลือดไม่ได้ ถึงเวลา ข้าจะตาย เจ้าก็เจ้าตาย”จวินลั่วยวนประหลาดใจฉู่เชียนหลีสามารถรักษาโรคร้อน?ยิ่งกว่านั้น!ประเด็นสำคัญคือ!ห้ามถูกขัดจังหวะกลางคันเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นฉู่เชียนหลีกับองค์ชายสามล้วนจะตาย!ฉู่เชียนหลีตายแล้ว ตำแหน่งพระชายาอ๋องเฉินก็ว่าง อยากได้อ๋องเฉิน ก็ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือแล้วไม่ใช่หรือ?ทันใดนั้น แววตาเร่าร้อนทันทีตื่นเต้นคาดหวังแทบรอไม่ไหวนางกำลังจะเป็นพระชายาอ๋องเฉินแล้ว!การสนทนาภายในห้องกินเวลานานหนึ่งเค่อ ก่อนจะจบลง จวินลั่วยวนรีบวิ่งไปซ่อนตัวที่หัวมุม ประตูห้องเปิดออ