“ข่าวนี้หากพูดออกมา น้าสะใภ้ อารมณ์ของท่านอาจจะแปรปรวนอย่างมาก…ท่านสัญญากับข้าก่อน จะใจเย็นๆ แล้วข้าจะบอกท่าน”หลิงเชียนอี้กล่าวกับนางอย่างจริงจังฉู่เชียนหลีชะงักครู่หนึ่งความหมายของเขาคือ…หรือเฟิงเย่เสวียนประสบเรื่องไม่คาดคิดจริงๆ…เมื่อคิดถึงตรงนี้ หัวใจจมดิ่งทันที เหมือนตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง“เจ้าเด็กนี่ ซนนัก!” ถงเฟยบิดหูของเขาทันที “เจ้าพูดเช่นนี้ ไม่ใช่จงใจทำให้เสียวฉู่กลัวหรือ? นางเพิ่งคลอดลูกเสร็จ เจ้ายังมาเล่นพิเรนทร์เช่นนี้อีก!”“อ๊ะ เจ็บ…”“เสียวฉู่ เจ้าอย่าฟังเขาพูดเหลวไหล วันนี้เช้า ในวังได้ส่งรายงานทหารฉบับล่าสุดมา เฉินเอ๋อร์ชนะสงครามแล้ว กำลังกลับมาพร้อมกับชัยชนะ อีกไม่กี่วันก็จะถึงเมืองหลวงแล้ว!”“!”ม่านตาฉู่เชียนหลีหดหัวใจที่จมลงสู่หุบเหวเมื่อครู่ ถูกดีดกลับมาฉับพลันอารมณ์แปรปรวนอยู่ระหว่างสองขั้ว ขึ้นลงอย่างรุนแรง ราวกับนั่งอยู่บนเฮลิคอปเตอร์ จากโศกเศร้า กลายเป็นปลื้มปีติ“เขา…เขากำลังอยู่ระหว่างทางกลับ? จริงหรือ?” นางถามอย่างไม่กล้าเชื่อ“หรือคิดว่าข้าจะโกหกเจ้า?” ถงเฟยล้วงจดหมายในแขนเสื้อออกมา “เจ้าดูเองสิ!”ฉู่เชียนหลีรีบเปิดทันทีเป็นเรื่องจริง!
หลิงเชียนอี้เห็นนางจะป้อนนม ย่อมไม่สะดวกอยู่ในห้อง หมุนกายก็ออกไปแล้วตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่มองอวิ๋นอิงแม้แต่แวบเดียว ราวกับว่าไม่เคยรู้จักอวิ๋นอิงอวิ๋นอิงยืนอยู่ที่ข้างๆ ก้มหน้าต่ำ มองไม่เห็นการแสดงออกบนใบหน้า แต่ว่าสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจน นางเงียบกว่าเมื่อก่อนเยอะมากนางกลายเป็นคนเงียบขรึม กลายเป็นคนไม่ชอบพูดแล้วเมื่อเยว่เอ๋อร์สังเกตเห็น นางถามเสียงเบาๆ“อวิ๋นอิง เจ้าไม่ลองถามท่านโหวน้อยหน่อยหรือ? ท่านโหวน้อยกำลังจะแต่งงานกับคุณหนูกู้แล้วนะ หรือเจ้าเต็มใจยอมแพ้ทั้งเช่นนี้?”อวิ๋นอิงก้มหน้า ไม่ได้ตอบคำถามนี้ เพียงแค่กล่าวเสียงเบา“ข้าไปดูน้ำแกงที่ห้องครัว”กล่าวจบก็ไปแล้วเยว่เอ๋อร์กระทืบเท้าแต่ละคนราวกลับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ทำตัวลับๆ ล่อๆ?บนเตียงภายใต้การสอนของแม่นม ฉู่เชียนหลีใช้ท่าที่ถูกต้อง ลองป้อนนมครั้งแรกแต่น้องสาวยังร้องไห้อยู่ร้องไปร้องมา ก็อาเจียนน้ำนมแล้ว“พระชายา นางกินอิ่มแล้วเจ้าค่ะ หลังจากที่เด็กกินอิ่ม เขย่าโดนเล็กน้อยก็อาเจียนน้ำนม เป็นเรื่องปกติเจ้าค่ะ” แม่นมกล่าว“อุแว้…”น้องสาวกินอิ่มแล้ว ยังคงร้องไห้“ฉี่ใส่กางเกงแล้ว?”“ไม่ฉี่เจ้าค่ะ
ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา อ๋องหลีทำงานดีมาก สร้างผลงานมากมาย บารมีสูงส่งในหมู่ราษฎร สิ่งสำคัญที่สุดคือ เขาให้กำเนิดพระนัดดาองค์โต ทำให้ราชวงศ์มีผู้สืบทอดเฉพาะเรื่องพระนัดดาองค์โต ก็เพียงพอที่จะแต่งตั้งเขาเป็นรัชทายาทบนตำหนัก เกือบสองในสามของขุนนางคุกเข่า สนับสนุนอ๋องหลีเฟิงเจิ้งหลีที่ยืนอยู่หน้าเหล่าขุนนางประสานมือ กล่าวอย่างถ่อมตน“หม่อมฉันอายุน้อย ยังขาดวุฒิภาวะ ยากจะรับภารกิจอันใหญ่หลวงเช่นนี้ ใต้เท้าทุกท่านแค่เสนอความคิดเห็น เสด็จพ่อไม่ต้องใส่ใจพ่ะย่ะค่ะ”เขาปฏิเสธอย่างไม่เย่อหยิ่งและใจเย็น ท่าทางที่รู้จักรุกและถอยอย่างมีชั้นเชิง ทำให้ขุนนางหลายคนมองด้วยสายตาที่พึงพอใจเวลาย่ามใจ ไม่เย่อหยิ่งเวลาผิดพลาด ไม่ท้อแท้มีแต่คนที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ จึงจะสามารถเป็นผู้นำของพวกเขา นำพาแคว้งตงหลิงก้าวสู่จุดที่สูงกว่าฮ่องเต้ที่อยู่ข้างบนสุดมือของฮ่องเต้วางอยู่บนที่วางแขน ใช้นิ้วเคาะไปพลาง ปิดปากแน่น มองเฟิงเจิ้งหลีด้วยสายตาที่ซับซ้อนทุกคนรู้ว่าอ๋องหลีเป็นคนจิตใจดีมีเพียงเขาที่รู้ว่า อ๋องหลีไม่ได้ธรรมดาเหมือนที่เห็น เขาดูเป็นคนอ่อนโยนไร้พิษสง แต่ในความเป็นจริง ทุกย่างก้าวของเขา
ไม่นาน เฟิงเจิ้งหลีก็อุ้มผ้าห่อทารกเล็กๆ เดินเข้ามายังไม่ทันหยุดเดิน ฮ่องเต้ก็เดินพรวดเข้าไป เอื้อมสองมือออกไปอย่างแทบรอไม่ไหว “รีบเอามาให้เราดูหน่อย!”อุ้มไว้ในอ้อมแขน ได้กลิ่นหอมของนมเขากำลังนอนหลับใบหน้าน้อยๆ ที่จ้ำม่ำ กลมมนน่ารัก ดูเปล่งปลั่ง ผิวขาวนุ่มละมุนบอบบาง เรียบเนียนดุจผ้าไหม ขนตายาวโค้งงอ อวัยวะสัมผัสทั้งห้าประณีตมาก มือน้อยๆ สองข้างกำแน่น นอนหลับสนิทฮ่องเต้มองอย่างตื่นเต้น“เต๋อฝู เจ้ามาดู คิ้วของเด็กคนนี้ เหมือนเรามาก!”เต๋อฝู “...”นี่เป็นลูกของอ๋องหลี ควรจะเหมือนอ๋องหลีไม่ใช่หรือ? เหตุใดจึงเหมือนท่านไปได้?เมื่อเดินเข้าไปดูโอ้!เหมือนจะไม่ค่อยเหมือนอ๋องหลีจริงด้วย และไม่เหมือนพระชายาอ๋องหลีมากนัก โครงหน้าเล็กๆ นั่น คล้ายฮ่องเต้สามส่วน“ดูปากน้อยๆ ที่ห่อยื่นออกมาของเขาสิ เหตุใดเราจึงรู้สึกว่า เหมือนเฟิงเย่เสวียนตอนโกรธสมัยเด็กเลย?”“...” เต๋อฝูกำหมัด ปิดปาก “แค่กๆ!”กระแอมสองทีเป็นการเตือนพ่อของเด็กอยู่ที่นี่ ฮ่องเต้กลับบอกว่าเด็กเหมือนผู้ชายคนอื่น นี่ไม่ใช่กำลังเหยียบย่ำทำให้อ๋องหลีอับอายหรือ?ฮ่องเต้นึกขึ้นได้ รีบหุบปากทันที“หลีเอ๋อร์อย่าเก็บเอ
จวนอ๋องเฉินพูดถึงก็แปลก พระชายาคลอดลูกสองคน พี่สาวเรียบร้อยมาก กินอิ่มก็นอน ตื่นมาก็กิน มีสดใสชีวิตชีวา ดูแลง่ายมาก ส่วนน้องสาวเหมือนถูกเข็มทิ่มแทงทั้งร่าง ร้องไห้ตั้งแต่เช้ายันเย็น กลางคืนก็ยังร้อง ทำเอาฉู่เชียนหลีไม่ได้นอนทั้งคืนเดิมทีร่างกายก็อ่อนเพลียอยู่แล้ว คราวนี้ยิ่งอ่อนเพลียแล้ว สีหน้าก็ดูไม่ดีนักเยว่เอ๋อร์เห็นดังนี้ กล่าวอย่างปวดใจ“พระชายา หรือไม่อุ้มนางไปให้แม่นมดูแลเถอะ เมื่อคืนท่านแทบไม่ได้พักผ่อนเลย ระวังเป็นโรคหลังคลอดบุตรนะเจ้าคะ”ฉู่เชียนหลีปวดใจลูก จะมีเวลามาสนใจตัวเองได้อย่างไร?อุ้มมาทั้งคืน แขนเมื่อยหมดแล้ว แต่น้องสาวมักจะหลับไม่สนิท นอนสักพัก ร้องไห้สักพัก นอนสักพัก ร้องไห้อีกสักพักเป็นช่วงๆ เป็นเช่นนี้ทั้งกลางวันกลางคืนเยว่เอ๋อร์ อวิ๋นอิง ถงเฟย และคนอื่นผลัดกันดูแล แต่ก็กล่อมนางไม่อยู่ถงเฟยจนปัญญาแล้วจริงๆ“เป็นเพราะตอนที่อยู่ในท้อง มักจะถูกพี่สาวรังแก ดังนั้นนางจึงดูดสารอาหารได้ไม่ดี จึงดูแลยากเช่นนี้?”อวิ๋นอิงขมวดคิ้ว มีการคาดเดาที่ไม่เป็นมงคลอย่างหนึ่งในสมอง“พระชายา ความคิดของเด็กทารกนั้นเรียบง่าย มีแต่ตอนหิวจึงจะร้องไห้ แต่คุณหนูรองร้องไห้ห
“อีกทั้ง โรคที่รักษาไม่หายจะมีได้อย่างไร? ขอแค่ใช้ยาถูก ใช้วิธีที่ถูกต้อง ใช้ยาให้ถูกกับอาการ ไม่มีอุปสรรคอะไรที่ผ่านไม่ได้เจ้าค่ะ อีกอย่างทักษะการแพทย์ของพระชายาเก่งกาจเช่นนี้ ท่านต้องมั่นใจในตัวเองสิ ถ้าหากแม้แต่ท่านก็คิดเช่นนั้น ก็เท่ากับคุณหนูรองป่วยระยะสุดท้าย ต้องตายอย่างไร้ข้อกังขาหรือ?” อวิ๋นอิงกล่าวคำพูดของนางเตือนสติฉู่เชียนหลีกะทันหันใช่แล้ว!น้องสาวโชคร้ายมามากแล้ว เอาแต่ร้องไห้กับโทษตัวเอง ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ต้องหาทางเยียวยา จึงจะเป็นวิธีที่ถูกต้องแม้น้องสาวเป็นโรคหัวใจโดยกำเนิด ขอแค่กินยาระยะยาว และดูแลสุขภาพให้ดี ตราบใดที่ไม่ถูกกระตุ้นอารมณ์อย่างรุนแรง โดยทั่วไปจะไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันขอแค่ระวังให้มากๆ นางยังสามารถเป็นเหมือนคนทั่วไปเอาแต่เสียใจ จนลืมเรื่องสำคัญไปเลยฉู่เชียนหลีนั่งตัวตรงขึ้นเล็กน้อย รีบเช็ดน้ำตาทั้งสองข้างออก วางน้องสาวที่กว่าจะนอนหลับลงในอ้อมแขนเยว่เอ๋อร์“เยว่เอ๋อร์ เจ้าอุ้มนางไปนอนก่อน ระวังหน่อยนะ พยายามวางนางให้เบาที่สุด อย่าทำให้นางตกใจ”“เจ้าค่ะ”เยว่เอ๋อร์อุ้มอย่างระมัดระวัง ไปวางลงอย่างเบามือที่สุดเท่าที่จะทำได้“อวิ๋นอิง
หากเปลี่ยนเป็นเมื่อก่อน เมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำพูดนี้ ก็คงตกใจจนสะดุ้ง แต่ตอนนี้นางเคยชินกับความคิดที่ผิดเพี้ยนของเฟิงเจิ้งหลีแล้วไม่มีเรื่องอะไรที่เฟิงเจิ้งหลีทำไม่ลง“เจ้ายังฝันอยู่กระมัง? แม้เจ้าได้ให้กำเนิดพระนัดดาองค์โต ฝ่าบาทกลับไม่แต่งตั้งเจ้าเป็นรัชทายาท แสดงว่าเขาไม่ชอบเจ้า ประกอบกับเฟิงเย่เสวียนกำลังกลับเมืองหลวงแล้ว เจ้าคิดว่ามีลูกชายแล้วทุกอย่างก็จบหรือ?”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างเย็นชาช่วงที่เฟิงเย่เสวียนออกรบ เรื่องสกปรกที่เขาทำลับหลังเหล่านั้น เฟิงเย่เสวียนจะไม่รู้หรือ?ด้วยนิสัยของเฟิงเย่เสวียน ระหว่างพวกเขาสองคน ไม่ตายไม่เลิก“เฟิงเจิ้งหลี นี่เป็นเรื่องที่เจ้าก่อขึ้น นอกจากตาย ไม่มีวิธีอื่นที่จะหยุดเรื่องนี้ ไม่ว่าระหว่างพวกเจ้าจะจบลงอย่างไร ชนะก็ดี แพ้ก็ดี หัวใจของข้าล้วนอยู่กับจวนอ๋องเฉิน”“ใครก็ได้ ส่งแขก”หมุนกายกลับอย่างเย็นชา ปิดประตู ตัดขาดการมองเห็นปัง…มีลมเย็นพัดเข้าไปปะทะหน้าเฟิงเจิ้งหลีเย็นเล็กน้อยเฟิงเจิ้งหลีหลุบตา ลูบปลายจมูกที่เย็นเฉียบเบาๆไม่ว่าเป็นหรือตาย หัวใจของนางก็จะไม่เปลี่ยน?นางช่างไร้ความรู้สึกกับเขาจริงๆ หรือกล่าวอีกนัยก็คือไม่
นางอยากป้อน กลับถูกต่อต้านรุนแรงยิ่งขึ้น กลับกับมันทำให้รู้สึกเด็กอยู่ในอ้อมแขนของนาง เหมือนกำลังมีเข็มทิ่มแทงเขาเมื่อหมอมอเห็น จึงรีบกล่าว“พระชายา ท่านเพิ่งดูแลเด็กครั้งแรก ยังไม่มีประสบการณ์ อาจเพราะนายน้อยรู้สึกอึดอัด จึงร้องไห้หนักเช่นนี้ หรือไม่ให้บ่าวอุ้มไปให้แม่นมป้อนก่อน ท่านเรียนรู้อีกสักหน่อย พรุ่งนี้ค่อยป้อนนายน้อย”ฉู่เจียวเจียวเอาเด็กคนนี้ไม่อยู่จริงๆ ได้แต่ส่งให้หมอมอ“ก็ดี”“รอเขากินอิ่ม นอนหลับแล้ว ค่อยอุ้มมาให้ข้า”“เจ้าค่ะ” หมอมออุ้มเด็กถอยออกไปแล้วภายในห้อง เหลือเพียงสองคนทันทีบรรยากาศเงียบสงัดหลายวินาทีหลังจากผ่านไปเจ็ดแปดวินาที ฉู่เจียวเจียวจึงจะรู้ตัวว่าตนยังเปลือยหน้าอกอยู่ อีกทั้งภายใต้การจ้องมองของเฟิงเจิ้งหลี หน้าแดงเหมือนกุ้งที่ถูกต้มจนสุก รีบดึงเสื้อลงแต่เสื้อผ้าเป็นของก่อนคลอด สองวันนี้เริ่มมีน้ำนม บวมมาก และใหญ่กว่าเดิม จึงค่อนข้างคับดึงอยู่สองสามทีไม่เหมือนปิด กลับเหมือนการยั่วยวนมากกว่าฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งยื่นเข้ามา“ข้าเอง”มือซ้ายของเฟิงเจิ้งหลีกดไหล่นาง มือขวาจับมุมหนึ่งของเสื้อ ยกขึ้นเล็กน้อย ขยายพื้นที่ แล้วดึงลงมา สวมได้อย่าง
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู
พลันฉู่เชียนหลีแน่นหน้าอก“หยุดนะ…”“อย่าเข้ามา!”ฉู่เจียวเจียวถอยหลังสามก้าว มือซ้ายจับเด็ก มือขวาถือมีดสั้น มีดสั้นที่แวววาวจ่ออยู่บนผิวอันบอบบางของเด็ก กรีดจนรอยเลือดออกแล้วเลือดไหลออกมาแล้ว“จู่ๆ เจ้าก็มาเป็นห่วงข้า และยังพยายามอยากอุ้มลูกทุกวิถีทาง ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าไม่ได้มีเจตนาดี”นางยิ้มอย่างเย็นชา“เหอะ! ดูเหมือนฮ่องเต้ที่แกไม่ตายสักทีนั่นเป็นคนบอกเรื่องนี้กับเจ้าสินะ!”ไอ้แก่ เป็นอัมพาตเฉียบพลันยังไม่ยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมอีกต่อให้รู้ความจริงแล้วอย่างไร?ชีวิตของเด็กคนนี้อยู่ในมือนาง“ฉู่เชียนหลีนะฉู่เชียนหลี เจ้าคิดอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงกระมังว่า เจ้าเลี้ยงลูกสาวข้า ข้าเลี้ยงลูกชายเจ้า และก็ต้องขอบคุณลูกชายคนดีคนนี้ของเจ้า กลายเป็นตัวช่วยที่สำคัญของอ๋องหลี” นางเผยอมุมปาก รอยยิ้มนั้นน่ากลัวมากฉู่เชียนหลียืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ไม่กล้าขยับ“เจ้าต้องการอะไร?”ฉู่เชียนหลีจ้องมีดสั้นในมือนาง กลัวว่านางจะพลั้งเผลอกรีดโดนคอของเด็กตั้งครรภ์สิบเดือนลูกชายเป็นก้อนเนื้อชิ้นหนึ่งที่ตกลงมาจากร่างกายนางนางไม่กล้าเดิมพัน และเดิมพันไม่ไหวฉู่เจียวเจียวกล่าว “ข้าต้องก
กลางดึกกำลังถึงช่วงที่คนเงียบสงบ คนกลุ่มหนึ่งวิ่งไปที่ตำหนักเจาหยางราวกับคลื่นยักษ์ ตอนที่ใกล้จะถึง ฉู่เชียนหลีตวาดสั่งให้พวกเขาหยุด“พวกเจ้าอยู่ห่างๆ อยากเข้าใกล้!”พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความเป็นห่วง “พระชายา พวกเราต้องไปเอาพระนัดดาองค์โตกลับมา นั่นเป็นเลือดเนื้อของท่านกับท่านอ๋องนะ”“ข้ารู้!”ก็เพราะรู้ จึงไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้“ไปทำอะไรคนเยอะแยะ ถ้าหากบีบจนฉู่เจียวเจียวไม่มีทางเลือก นางทำอะไรขึ้นมา…”ฉู่เชียนหลีแทบจะเป็นบ้าแล้ว ร้อนรนเหมือนมดที่อยู่บนกระทะร้อน ทั้งร้อนใจทั้งไม่สบายใจ น้ำเสียงก็ค่อนข้างฉุนเฉียวไม่อยากพูดมาก วิ่งเข้าไปในตำหนักเจาหยางเพียงลำพัง คนอื่นรออยู่ที่ข้างนอก ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามภายในตำหนักฉู่เจียวเจียวกำลังกล่อมจื่อเยี่ย ฉู่เจียวเจียวมาแล้ว นางมองเด็กน้อยที่อ้วนสมบูรณ์ กล่าวโดยไม่เงยหน้า“พระชายาอ๋องเฉิน ลูกของข้าเพิ่งนอนหลับ ”โปรดให้อภัย ข้าอุ้มเขาไว้ ร่างกายหนัก ไม่สะดวกลุกขึ้นยืน สายตาฉู่เชียนหลีมองไปที่ตัวเด็กเด็กน้อยอ้วนสมบูรณ์ ใบหน้าจ้ำม่ำ คิ้วละเอียดอ่อน หน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดู คล้ายเฟิงเจิ้งเว่ยซีแปดส่วนเหตุใดเมื่อก่อนนางไม่สังเกต
อวิ๋นอิงถูกนางทำเอาตกใจจนหน้าซีด รีบถาม“พระชายา มีอะไรหรือ? เหตุใดกะทันหันเช่นนี้?”“รีบไป!”มือทั้งสองข้างของฉู่เชียนหลีเย็นเฉียบ เสียงนั้นเกือบจะคำรามออกมา แม้แต่คอก็กำลังสั่นสะเทือนคนข้างล่างไม่กล้ารอช้า รีบไปตามหาคนทันทีเฟิงเย่เสวียนประหม่า “เชียนหลี นี่เจ้าเป็นอะไร?”“ข้าอาจจะเข้าใจผิด อาจจะทำผิดพลาด ข้าอาจจะ…ข้า ข้า…” ฉู่เชียนหลีพูดวนไม่ปะติดปะต่อ พูดอยู่ดีๆ เบ้าตาก็แดงแล้วหัวใจเหมือนถูกแมวข่วน กระสับกระส่ายนางกุมเสื้อตรงหน้าอก หายใจอย่างอึดอัดขออย่าให้มันเป็นเรื่องจริง…ขออย่า…นางทรมานจังนางไม่ใช่แม่ที่ดี กลัวรู้ความจริง แต่ก็อยากรู้ความจริงหลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม ผู้คนร้อยกว่าคนเข้าวังในคืนนั้น มีคนของจวนอ๋องเฉิน หมอ หมอตำแย ผู้ช่วยหมอ และยังมีองครักษ์ลับ ทหารยาม หมอหญิงเว่ยก็อยู่เมื่อหนึ่งเดือนกว่าก่อน ตอนที่ฉู่เชียนหลีคลอดลูก คนเหล่านี้อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนเมื่อฉู่เชียนหลีเห็นพวกเขา รีบถามทันที“วันที่ข้าคลอดลูก เคยมีคนแปลกหน้ามาหรือไม่?”ทุกคนหันมองกันและกัน ล้วนส่ายศีรษะ“พระชายา เรื่องสำคัญอย่างท่านคลอดลูก พวกเราจับตาดูอย่างเข้มงวด ในจวนมีแต่คนข
นางกำนัลรีบนำพู่กันมาฉู่เชียนหลีเอาพู่กันจุ่มน้ำหมึก แล้วใส่ในมือฮ่องเต้ร่างกายของฮ่องเต้เป็นอัมพาต ไม่ควบคุมมือไม่ได้ ไม่สามารถจับพู่กันด้วยซ้ำ ปากของเขาเบี้ยว ใช้แรงทั้งหมดหนีบด้ามพู่กันด้วยนิ้วชี้กับนิ้วกลาง อาศัยแรงกระตุกของร่างกาย ลงพู่กันบนกระดาษอย่างเบี้ยวไปเบี้ยวมาเพียงไม่กี่ขีด เขียนอย่างยากลำบาก บนหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อแนวเฉียง…แนวตั้ง…สองคำ ทั้งหมดสี่ขีดเขียนเสร็จ พู่กันก็ร่วงตกบนพื้น เขาเหนื่อยจนหอบบนเตียง ขยับไม่ได้อีกแล้ว“ลูกชาย…” อวิ๋นอิงอุทานเบาๆ “คนที่ฝ่าบาทคิดถึงคือลูกชาย?”ฉู่เชียนหลีถือกระดาษ แม้สองคำนี้เขียนได้คดเคี้ยวมาก แต่เนื่องจากลายเส้นเรียบง่าย จึงมองออกในปราดเดียวว่ามันคือคำว่า ‘ลูกชาย’นี่เขาอยากบอกอะไรนาง?“หรือเป็นอ๋องหลี?” อวิ๋นอิงคาดเดาฉู่เชียนหลีส่ายศีรษะโดยไม่ต้องคิด“อ๋องหลีวางยาพิษเขา กบฏวังชิงราชบัลลังก์ มีความทะเยอทะยาน ฝ่าบาทไม่มีทางคิดถึงอ๋องหลี”นางกล่าววิเคราะห์“ส่วนอ๋องหลีหลังจากขึ้นบัลลังก์ ไม่ฆ่าผู้บริสุทธิ์ องค์ชายท่านอื่นอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเหมือนเมื่อก่อน ไม่มีอันตราย ฮ่องเต้ก็ไม่มีทางคิดถึงองค์ชายท่านอื่น”อวิ๋