“อีกทั้ง โรคที่รักษาไม่หายจะมีได้อย่างไร? ขอแค่ใช้ยาถูก ใช้วิธีที่ถูกต้อง ใช้ยาให้ถูกกับอาการ ไม่มีอุปสรรคอะไรที่ผ่านไม่ได้เจ้าค่ะ อีกอย่างทักษะการแพทย์ของพระชายาเก่งกาจเช่นนี้ ท่านต้องมั่นใจในตัวเองสิ ถ้าหากแม้แต่ท่านก็คิดเช่นนั้น ก็เท่ากับคุณหนูรองป่วยระยะสุดท้าย ต้องตายอย่างไร้ข้อกังขาหรือ?” อวิ๋นอิงกล่าวคำพูดของนางเตือนสติฉู่เชียนหลีกะทันหันใช่แล้ว!น้องสาวโชคร้ายมามากแล้ว เอาแต่ร้องไห้กับโทษตัวเอง ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ต้องหาทางเยียวยา จึงจะเป็นวิธีที่ถูกต้องแม้น้องสาวเป็นโรคหัวใจโดยกำเนิด ขอแค่กินยาระยะยาว และดูแลสุขภาพให้ดี ตราบใดที่ไม่ถูกกระตุ้นอารมณ์อย่างรุนแรง โดยทั่วไปจะไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันขอแค่ระวังให้มากๆ นางยังสามารถเป็นเหมือนคนทั่วไปเอาแต่เสียใจ จนลืมเรื่องสำคัญไปเลยฉู่เชียนหลีนั่งตัวตรงขึ้นเล็กน้อย รีบเช็ดน้ำตาทั้งสองข้างออก วางน้องสาวที่กว่าจะนอนหลับลงในอ้อมแขนเยว่เอ๋อร์“เยว่เอ๋อร์ เจ้าอุ้มนางไปนอนก่อน ระวังหน่อยนะ พยายามวางนางให้เบาที่สุด อย่าทำให้นางตกใจ”“เจ้าค่ะ”เยว่เอ๋อร์อุ้มอย่างระมัดระวัง ไปวางลงอย่างเบามือที่สุดเท่าที่จะทำได้“อวิ๋นอิง
หากเปลี่ยนเป็นเมื่อก่อน เมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำพูดนี้ ก็คงตกใจจนสะดุ้ง แต่ตอนนี้นางเคยชินกับความคิดที่ผิดเพี้ยนของเฟิงเจิ้งหลีแล้วไม่มีเรื่องอะไรที่เฟิงเจิ้งหลีทำไม่ลง“เจ้ายังฝันอยู่กระมัง? แม้เจ้าได้ให้กำเนิดพระนัดดาองค์โต ฝ่าบาทกลับไม่แต่งตั้งเจ้าเป็นรัชทายาท แสดงว่าเขาไม่ชอบเจ้า ประกอบกับเฟิงเย่เสวียนกำลังกลับเมืองหลวงแล้ว เจ้าคิดว่ามีลูกชายแล้วทุกอย่างก็จบหรือ?”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างเย็นชาช่วงที่เฟิงเย่เสวียนออกรบ เรื่องสกปรกที่เขาทำลับหลังเหล่านั้น เฟิงเย่เสวียนจะไม่รู้หรือ?ด้วยนิสัยของเฟิงเย่เสวียน ระหว่างพวกเขาสองคน ไม่ตายไม่เลิก“เฟิงเจิ้งหลี นี่เป็นเรื่องที่เจ้าก่อขึ้น นอกจากตาย ไม่มีวิธีอื่นที่จะหยุดเรื่องนี้ ไม่ว่าระหว่างพวกเจ้าจะจบลงอย่างไร ชนะก็ดี แพ้ก็ดี หัวใจของข้าล้วนอยู่กับจวนอ๋องเฉิน”“ใครก็ได้ ส่งแขก”หมุนกายกลับอย่างเย็นชา ปิดประตู ตัดขาดการมองเห็นปัง…มีลมเย็นพัดเข้าไปปะทะหน้าเฟิงเจิ้งหลีเย็นเล็กน้อยเฟิงเจิ้งหลีหลุบตา ลูบปลายจมูกที่เย็นเฉียบเบาๆไม่ว่าเป็นหรือตาย หัวใจของนางก็จะไม่เปลี่ยน?นางช่างไร้ความรู้สึกกับเขาจริงๆ หรือกล่าวอีกนัยก็คือไม่
นางอยากป้อน กลับถูกต่อต้านรุนแรงยิ่งขึ้น กลับกับมันทำให้รู้สึกเด็กอยู่ในอ้อมแขนของนาง เหมือนกำลังมีเข็มทิ่มแทงเขาเมื่อหมอมอเห็น จึงรีบกล่าว“พระชายา ท่านเพิ่งดูแลเด็กครั้งแรก ยังไม่มีประสบการณ์ อาจเพราะนายน้อยรู้สึกอึดอัด จึงร้องไห้หนักเช่นนี้ หรือไม่ให้บ่าวอุ้มไปให้แม่นมป้อนก่อน ท่านเรียนรู้อีกสักหน่อย พรุ่งนี้ค่อยป้อนนายน้อย”ฉู่เจียวเจียวเอาเด็กคนนี้ไม่อยู่จริงๆ ได้แต่ส่งให้หมอมอ“ก็ดี”“รอเขากินอิ่ม นอนหลับแล้ว ค่อยอุ้มมาให้ข้า”“เจ้าค่ะ” หมอมออุ้มเด็กถอยออกไปแล้วภายในห้อง เหลือเพียงสองคนทันทีบรรยากาศเงียบสงัดหลายวินาทีหลังจากผ่านไปเจ็ดแปดวินาที ฉู่เจียวเจียวจึงจะรู้ตัวว่าตนยังเปลือยหน้าอกอยู่ อีกทั้งภายใต้การจ้องมองของเฟิงเจิ้งหลี หน้าแดงเหมือนกุ้งที่ถูกต้มจนสุก รีบดึงเสื้อลงแต่เสื้อผ้าเป็นของก่อนคลอด สองวันนี้เริ่มมีน้ำนม บวมมาก และใหญ่กว่าเดิม จึงค่อนข้างคับดึงอยู่สองสามทีไม่เหมือนปิด กลับเหมือนการยั่วยวนมากกว่าฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งยื่นเข้ามา“ข้าเอง”มือซ้ายของเฟิงเจิ้งหลีกดไหล่นาง มือขวาจับมุมหนึ่งของเสื้อ ยกขึ้นเล็กน้อย ขยายพื้นที่ แล้วดึงลงมา สวมได้อย่าง
หลังจากเฟิงเจิ้งหลีไป ฉู่เจียวเจียวเรียกสาวใช้ข้างกายตัวเองมา นางถามคำถามแปลกๆ“ลูกสาวทั้งสองของฉู่เชียนหลี มีอะไรผิดปกติหรือไม่?”สาวใช้ตะลึงเล็กน้อย ไม่ค่อยเข้าใจความหมายของคำถามนี้นางคิดแล้วคิดอีกกล่าวตอบอย่างครุ่นคิด“พระชายา ข้าได้ยินมาว่า ลูกสาวทั้งสองคนของพระชายาอ๋องเฉิน คนหนึ่งเลี้ยงง่าย คนหนึ่งชอบร้องไห้ เหมือนว่าเพราะโภชนาการไม่สมดุล มีเด็กคนหนึ่งผอมและตัวเล็กมาก ดูไม่แข็งแรง อีกทั้งยัง…”“พอแล้ว ออกไปเถอะ!”จู่ๆ น้ำเสียงของฉู่เจียวเจียวก็เย็นชาและเฉียบคม ไม่ได้ฟังต่อ หมุนกายก็นอนตะแคงหัวใจสาวใช้สั่นเล็กน้อยหลังพระชายาคลอดลูก เหมือนนิสัยจะเปลี่ยนไป เดี๋ยวอารมณ์ดี เดี๋ยวอารมณ์ร้าย ยากจะคาดเดานิสัยนางไม่กล้าพูดมาก รีบเดินจากไปทันทีวันรุ่งขึ้นเมื่อคืน ฉู่เชียนหลีแทบไม่ได้นอนเลย ดูแลน้องสาวที่ป่วยเป็นโรคหัวใจโดยกำเนิดอย่างไม่กลัวเหน็ดเหนื่อย ยาที่อวิ๋นอิงซื้อกลับมา นางผสมและทดลองทีละอย่างด้วยตัวเองอวิ๋นอิงเห็นแล้วปวดใจ เพิ่งคลอดลูก ไม่พักฟื้น แถมยังทำงานหนักฉู่เชียนหลีไม่สามารถพักฟื้นได้อย่างสบายใจเมื่อลูกร้องไห้ นางก็กังวล จะหลับลงได้อย่างไร?ในเตียงโยก
“นายน้อย!”สาวใช้ตกใจจนสะดุ้ง หัวใจเต้นแรงจนแทบพุ่งพรวดขึ้นมาที่คอ พลันกระโจนออกไปอย่างมือว่องตาไว ใช้สองมือรับเด็กเอาไว้เกือบตกพื้น…หัวใจที่เต้นแรงของสาวใช้สงบลงเล็กน้อย แล้วหันไปมองทางพระชายา สายตาอันดำมืดนั่น ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ทำให้นางรู้สึกกลัวอย่างไร้เหตุผล“พระชายา…”ตั้งแต่พระชายาคลอดลูก ก็ต่างไปจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิงแม้แต่นางเห็นแล้ว ก็รู้สึกกลัวเล็กน้อยฉู่เจียวเจียวขมวดคิ้วแน่น รู้สึกหงุดหงิดอย่างน่าประหลาด“อุแว้!”เด็กร้องไห้ไม่หยุด น้ำตาร่วงเป็นเม็ดๆ ใบหน้าน้อยๆ ที่ร้องไห้จนแดง ใครเห็นแล้วก็อยากทะนุถนอมยิ่งร้องไห้ นางยิ่งหงุดหงิดบ้าจริง!ร้องไห้อะไรนักหนา? น่ารำคาญ! กว่าฝ่าบาทจะตอบตกลงแต่งตั้งอ๋องหลีเป็นรัชทายาท ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย นางกำลังอารมณ์ดี ตั้งใจจะรีบกลับจวนโดยเร็ว เพื่อบอกข่าวดีกับเฟิงเจิ้งหลี แต่เด็กคนนี้ร้องไห้หนักมาก ทำลายอารมณ์ของนางรู้สึกรำคาญเป็นพิเศษ“อุ้มลงไป กล่อมเขา อย่าให้ข้าได้ยินเขาร้องไห้อีก!” ฉู่เจียวเจียวหันศีรษะไปด้านข้างอย่างหงุดหงิด“พระชายา แต่นายน้อยเป็นเลือดเนื้อของท่านน่ะเจ้าคะ…”“ข้าสั่งให้เจ้าลงไป เจ้าไม่เ
เมื่อเสียงตะโกนดังขึ้น บนถนนกำลังคึกคัก ชาวบ้านที่อยู่โดยรอบต่างหันมามองเห็นเพียง ฉู่เชียนหลีอุ้มทารกอ้วนๆ ที่อยู่ในผ้าห่อไว้ ส่วนฉู่เจียวเจียวรีบกระโดดลงมาจากรถม้า ไม่มีเวลาสนใจร่างกายที่ยังอ่อนเพลียหลังคลอด นางเดินเข้าไปอย่างโซซัดโซเซ“เอาลูกชายของข้าคืนมา!”นางยื่นมือสองข้างไปแย่งเด็กกลับคืนมา และตำหนิฉู่เชียนหลีด้วยความโกรธ“เจ้าไม่สามารถให้กำเนิดพระนัดดาองค์โต นั่นคือเจตนาสวรรค์ ต่อให้เจ้าริษยาข้า ก็ไม่ควรทำเรื่องที่ต่ำช้าเช่นนี้!”เมื่อทุกคนได้ยิน ก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจพระชายาอ๋องเฉินแย่งลูกชาย?!สวรรค์!“ได้ยินมาว่าพระชายาอ๋องเฉินคลอดฝาแฝด ล้วนเป็นผู้หญิง ตอนที่นางตั้งครรภ์ พวกเราเห็นท้องของนางทั้งโตทั้งกลม ต่างก็คิดว่าเป็นลูกชายเสียอีก”“ข้าได้ยินมาว่า แม้แต่ฝ่าบาทก็มั่นใจว่าในท้องของนางคือพระนัดดาองค์โต ยังไม่ทันได้คลอด ก็ประทานชื่อก่อนแล้ว”“ตอนนี้นางให้กำเนิดลูกสาวสองคน น่าจะผิดหวังและกดดันมากกระมัง?”“คนคนหนึ่งเมื่ออยู่ภายใต้ความกดดัน สามารถทำเรื่องที่แหกกฎได้ นางแย่งลูกชายที่พระชายาอ๋องหลีตั้งครรภ์สิบเดือน และคลอดออกมาด้วยความยากลำบากได้อย่างไร…”“ใช่!”ม
“เจ้ากล้าวางยาพิษพระนัดดาองค์โต!”เสียงตะคอกของฉู่เจียวเจียวดังมาก ทำให้ชาวบ้านโดยรอบได้ยินกันทุกคน และยิ่งทำให้ชาวบ้านตกใจมากพิษ!เพราะความริษยา พระชายาอ๋องเฉินจึงวางยาพิษกับเด็กทารกที่เพิ่งคลอดได้สามวัน!สวรรค์!ทันใดนั้น สายตาของทุกคนที่มองฉู่เชียนหลีกลายเป็นแปลกประหลาด…เยว่เอ๋อร์โกรธแล้ว “พระชายาอ๋องหลี ท่านพูดเหลวไหลอะไร! พระชายาแค่อุ้มเขาครู่เดียว ยังไม่ถึงห้าอึดใจก็ถูกท่านแย่งกลับไปแล้ว จะมีพิษได้อย่างไร! นี่ท่านเป็นโรคหลงผิดหรือ?”“อุแว้…”เสียงที่ร้องไห้ไม่หยุดของเด็ก ก็เหมือนกับเป็นหลักฐานที่หนักแน่น โต้กลับคำพูดของเยว่เอ๋อร์คำพูดของเยว่เอ๋อร์ดูไม่มีน้ำหนักทันทีชาวบ้านทุกคนไม่เชื่อ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ราวกับระลอกคลื่น“เมื่อครู่ข้าเห็นกับตา ตอนแรกพระนัดดาองค์โตไม่ได้ร้องไห้ หลังจากที่กลับถึงอ้อมแขนของแม่ ก็ร้องไห้ไม่หยุด นี่ไม่ได้แสดงให้เห็นว่ามีปัญหาหรอกหรือ?”“ใช่ พระนัดดาองค์โตต่อต้านเช่นนี้ แค่ดูก็รู้ว่าไม่สบาย”“หรือว่าถูกพิษจริงๆ?”“ถ้าหากนางฆ่าพระนัดดาองค์โตตาย ลูกสาวฝาแฝดที่นางคลอด ก็จะกลายเป็นที่โปรดปรานที่สุดในราชวงศ์แล้วไม่ใช่หรือ?”“ใช่…”เสียงก
มัวแต่ห่วงยืนกรานว่าเป็นฝีมือฉู่เชียนหลี จนลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท…ก็จริง หลังจากคลอดลูก สมรรถภาพด้านต่างๆ ของร่างกายลดลง แม้แต่ความจำก็ไม่ดีเป็นครั้งคราวอย่างที่เรียกว่าคลอดลูกหนึ่งครั้ง โง่ไปอีกสามปีจริงๆ ฉู่เชียนหลีเดินออกมาหนึ่งก้าว ยื่นมือแล้วกล่าว“ส่งเด็กมาให้ข้า”ฉู่เจียวเจียวกอดลูกแน่น ถอยหลังหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว“เหตุใดต้องให้เจ้าตรวจ? ข้าเชื่อใจเจ้าได้หรือ? เจ้าเป็นทักษะการแพทย์ จื่อเยี่ยมีปัญหาหรือไม่ มันก็ขึ้นอยู่กับปากของเจ้าไม่ใช่หรือ?”ในความเป็นจริง ร้อนตัวเล็กน้อยเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยถูกพิษหรือไม่ ในใจนางรู้ดีที่สุดถ้าหากถูกเปิดโปงต่อหน้าทุกคน นางจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน และยังจะถูกชาวบ้านวิพากษ์วิจารณ์ฉู่เชียนหลีกล่าวอย่างเย็นชา“ต่อหน้าชาวบ้านมากมายเช่นนี้ ภายใต้การจ้องมองของทุกคน ถ้าหากข้าคิดจะทำอะไร สามารถหลบพ้นสายตาของทุกคนหรือ?”แม้นางโง่เพียงใด ก็ไม่ทำเรื่องที่โง่เขลาเช่นนี้เดินเข้าไปอีกครั้ง จับมุมหนึ่งของผ้าห่อทารก“ส่งเด็กให้ข้า บนร่างกายเขามีพิษหรือไม่ ข้าพิสูจน์ก็รู้เอง”ฉู่เจียวเจียวยิ่งกอดลูกแน่นแล้ว “เจตนาเจ้าไม่ดี ข้าไม่มีทางส่งจื่อเยี่ยให
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู
พลันฉู่เชียนหลีแน่นหน้าอก“หยุดนะ…”“อย่าเข้ามา!”ฉู่เจียวเจียวถอยหลังสามก้าว มือซ้ายจับเด็ก มือขวาถือมีดสั้น มีดสั้นที่แวววาวจ่ออยู่บนผิวอันบอบบางของเด็ก กรีดจนรอยเลือดออกแล้วเลือดไหลออกมาแล้ว“จู่ๆ เจ้าก็มาเป็นห่วงข้า และยังพยายามอยากอุ้มลูกทุกวิถีทาง ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าไม่ได้มีเจตนาดี”นางยิ้มอย่างเย็นชา“เหอะ! ดูเหมือนฮ่องเต้ที่แกไม่ตายสักทีนั่นเป็นคนบอกเรื่องนี้กับเจ้าสินะ!”ไอ้แก่ เป็นอัมพาตเฉียบพลันยังไม่ยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมอีกต่อให้รู้ความจริงแล้วอย่างไร?ชีวิตของเด็กคนนี้อยู่ในมือนาง“ฉู่เชียนหลีนะฉู่เชียนหลี เจ้าคิดอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงกระมังว่า เจ้าเลี้ยงลูกสาวข้า ข้าเลี้ยงลูกชายเจ้า และก็ต้องขอบคุณลูกชายคนดีคนนี้ของเจ้า กลายเป็นตัวช่วยที่สำคัญของอ๋องหลี” นางเผยอมุมปาก รอยยิ้มนั้นน่ากลัวมากฉู่เชียนหลียืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ไม่กล้าขยับ“เจ้าต้องการอะไร?”ฉู่เชียนหลีจ้องมีดสั้นในมือนาง กลัวว่านางจะพลั้งเผลอกรีดโดนคอของเด็กตั้งครรภ์สิบเดือนลูกชายเป็นก้อนเนื้อชิ้นหนึ่งที่ตกลงมาจากร่างกายนางนางไม่กล้าเดิมพัน และเดิมพันไม่ไหวฉู่เจียวเจียวกล่าว “ข้าต้องก
กลางดึกกำลังถึงช่วงที่คนเงียบสงบ คนกลุ่มหนึ่งวิ่งไปที่ตำหนักเจาหยางราวกับคลื่นยักษ์ ตอนที่ใกล้จะถึง ฉู่เชียนหลีตวาดสั่งให้พวกเขาหยุด“พวกเจ้าอยู่ห่างๆ อยากเข้าใกล้!”พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความเป็นห่วง “พระชายา พวกเราต้องไปเอาพระนัดดาองค์โตกลับมา นั่นเป็นเลือดเนื้อของท่านกับท่านอ๋องนะ”“ข้ารู้!”ก็เพราะรู้ จึงไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้“ไปทำอะไรคนเยอะแยะ ถ้าหากบีบจนฉู่เจียวเจียวไม่มีทางเลือก นางทำอะไรขึ้นมา…”ฉู่เชียนหลีแทบจะเป็นบ้าแล้ว ร้อนรนเหมือนมดที่อยู่บนกระทะร้อน ทั้งร้อนใจทั้งไม่สบายใจ น้ำเสียงก็ค่อนข้างฉุนเฉียวไม่อยากพูดมาก วิ่งเข้าไปในตำหนักเจาหยางเพียงลำพัง คนอื่นรออยู่ที่ข้างนอก ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามภายในตำหนักฉู่เจียวเจียวกำลังกล่อมจื่อเยี่ย ฉู่เจียวเจียวมาแล้ว นางมองเด็กน้อยที่อ้วนสมบูรณ์ กล่าวโดยไม่เงยหน้า“พระชายาอ๋องเฉิน ลูกของข้าเพิ่งนอนหลับ ”โปรดให้อภัย ข้าอุ้มเขาไว้ ร่างกายหนัก ไม่สะดวกลุกขึ้นยืน สายตาฉู่เชียนหลีมองไปที่ตัวเด็กเด็กน้อยอ้วนสมบูรณ์ ใบหน้าจ้ำม่ำ คิ้วละเอียดอ่อน หน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดู คล้ายเฟิงเจิ้งเว่ยซีแปดส่วนเหตุใดเมื่อก่อนนางไม่สังเกต
อวิ๋นอิงถูกนางทำเอาตกใจจนหน้าซีด รีบถาม“พระชายา มีอะไรหรือ? เหตุใดกะทันหันเช่นนี้?”“รีบไป!”มือทั้งสองข้างของฉู่เชียนหลีเย็นเฉียบ เสียงนั้นเกือบจะคำรามออกมา แม้แต่คอก็กำลังสั่นสะเทือนคนข้างล่างไม่กล้ารอช้า รีบไปตามหาคนทันทีเฟิงเย่เสวียนประหม่า “เชียนหลี นี่เจ้าเป็นอะไร?”“ข้าอาจจะเข้าใจผิด อาจจะทำผิดพลาด ข้าอาจจะ…ข้า ข้า…” ฉู่เชียนหลีพูดวนไม่ปะติดปะต่อ พูดอยู่ดีๆ เบ้าตาก็แดงแล้วหัวใจเหมือนถูกแมวข่วน กระสับกระส่ายนางกุมเสื้อตรงหน้าอก หายใจอย่างอึดอัดขออย่าให้มันเป็นเรื่องจริง…ขออย่า…นางทรมานจังนางไม่ใช่แม่ที่ดี กลัวรู้ความจริง แต่ก็อยากรู้ความจริงหลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม ผู้คนร้อยกว่าคนเข้าวังในคืนนั้น มีคนของจวนอ๋องเฉิน หมอ หมอตำแย ผู้ช่วยหมอ และยังมีองครักษ์ลับ ทหารยาม หมอหญิงเว่ยก็อยู่เมื่อหนึ่งเดือนกว่าก่อน ตอนที่ฉู่เชียนหลีคลอดลูก คนเหล่านี้อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนเมื่อฉู่เชียนหลีเห็นพวกเขา รีบถามทันที“วันที่ข้าคลอดลูก เคยมีคนแปลกหน้ามาหรือไม่?”ทุกคนหันมองกันและกัน ล้วนส่ายศีรษะ“พระชายา เรื่องสำคัญอย่างท่านคลอดลูก พวกเราจับตาดูอย่างเข้มงวด ในจวนมีแต่คนข
นางกำนัลรีบนำพู่กันมาฉู่เชียนหลีเอาพู่กันจุ่มน้ำหมึก แล้วใส่ในมือฮ่องเต้ร่างกายของฮ่องเต้เป็นอัมพาต ไม่ควบคุมมือไม่ได้ ไม่สามารถจับพู่กันด้วยซ้ำ ปากของเขาเบี้ยว ใช้แรงทั้งหมดหนีบด้ามพู่กันด้วยนิ้วชี้กับนิ้วกลาง อาศัยแรงกระตุกของร่างกาย ลงพู่กันบนกระดาษอย่างเบี้ยวไปเบี้ยวมาเพียงไม่กี่ขีด เขียนอย่างยากลำบาก บนหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อแนวเฉียง…แนวตั้ง…สองคำ ทั้งหมดสี่ขีดเขียนเสร็จ พู่กันก็ร่วงตกบนพื้น เขาเหนื่อยจนหอบบนเตียง ขยับไม่ได้อีกแล้ว“ลูกชาย…” อวิ๋นอิงอุทานเบาๆ “คนที่ฝ่าบาทคิดถึงคือลูกชาย?”ฉู่เชียนหลีถือกระดาษ แม้สองคำนี้เขียนได้คดเคี้ยวมาก แต่เนื่องจากลายเส้นเรียบง่าย จึงมองออกในปราดเดียวว่ามันคือคำว่า ‘ลูกชาย’นี่เขาอยากบอกอะไรนาง?“หรือเป็นอ๋องหลี?” อวิ๋นอิงคาดเดาฉู่เชียนหลีส่ายศีรษะโดยไม่ต้องคิด“อ๋องหลีวางยาพิษเขา กบฏวังชิงราชบัลลังก์ มีความทะเยอทะยาน ฝ่าบาทไม่มีทางคิดถึงอ๋องหลี”นางกล่าววิเคราะห์“ส่วนอ๋องหลีหลังจากขึ้นบัลลังก์ ไม่ฆ่าผู้บริสุทธิ์ องค์ชายท่านอื่นอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเหมือนเมื่อก่อน ไม่มีอันตราย ฮ่องเต้ก็ไม่มีทางคิดถึงองค์ชายท่านอื่น”อวิ๋