ณ จวนอ๋องเฉิน แคว้นตงหลิง “สารเลว!” “โอ๊ย!”เสียงตวาดแผดขึ้น ร่างผอมบางร่างหนึ่งถูกถีบจนกระเด็นเข้าชนกับเสาที่ผนัง ก่อนกระแทกกับพื้นอย่างแรง ปิ่นเงินร่วงลง เส้นผมสีดำกระจายลงบนพื้นเจ็บ...เจ็บจัง...เธอเพิ่งเสร็จสิ้นการผ่าตัดใหญ่ที่นานถึงสามสิบแปดชั่วโมงโดยไม่หยุดพัก พอออกมาจากห้องผ่าตัดก็หมดสติล้มลงกับพื้น แต่ทำไมตัวเธอถึงได้เจ็บขนาดนี้นะ?จากนั้น ความทรงจำที่ไม่คุ้นเคยกลุ่มหนึ่งก็เบียดเข้ามาในหัวสมองและฉายให้เห็นอย่างรวดเร็ว ฉู่เชียนหลี คุณหนูสี่ผู้ไม่เป็นที่ชื่นชอบของจวนอัครมหาเสนาบดีฉู่ ใบหน้าอัปลักษณ์ไร้ซึ่งความงาม นางแต่งเข้าจวนเฉินอ๋องเมื่อสามเดือนก่อน ไม่เคยได้รับความชื่นและต้องอยู่ลำพังในห้องว่างเปล่าเรื่อยมาวันนี้อ๋องเฉินรับอนุภรรยา นางถูกเรียกให้มาปรนนิบัติอนุภรรยา แต่เพราะพลั้งเผลอปัดน้ำชาหกไปลวกถูกอีกฝ่าย จึงถูกอ๋องเฉินถีบจนตายในคราวเดียว!เป็นผู้ชายที่โหดจริงๆ!แต่ในเมื่อมาแล้ว ก็ทำใจอยู่อย่างสงบเสียฉู่เชียนหลีรับเรื่องราวต่างๆ เข้ามาในหัวอย่างรวดเร็ว ฝืนทนความเจ็บปวด เงยหน้าขึ้นมาห้องหอที่ประดับตกแต่งด้วยสีแดงแห่งงานมงคล ชายหญิงในชุดแต่งงานคู่หนึ่งอย
เซียวจือฮว่าตกตะลึง “เฉิน…”มิใช่ว่าเขารังเกียจฉู่เชียนหลีเป็นที่สุด ซ้ำยังบอกว่าจะยกตำแหน่งชายาเอกให้นางหรอกหรือ? เห็นอยู่ว่าหนังสือหย่าเขียนจวนจะเสร็จอยู่แล้ว แต่จู่ๆ กลับไม่หย่ากับนาง?ฉู่เชียนหลีเองก็รู้สึกแปลกใจ หากเขาไม่หย่ากับนาง แล้วนางจะได้ท่องเที่ยวในยุคโบราณอย่างสบายอุราและเที่ยวเล่นอย่างมีความสุขได้อย่างไร?“ท่านอ๋อง ข้ามีความผิดนี่!” นางโผเข้าไปกอดต้นขาของชายหนุ่ม เอ่ยประหนึ่งใจแทบขาด “สามเดือนก่อน ข้าวางยาท่าน บีบให้ท่านแต่งกับข้า ข้าผิดหลักคุณธรรม”“เมื่อครู่ ก็จงใจปัดน้ำชาร้อนไปลวกถูกน้องเซียวอีก จิตใจคับแคบนัก”“สตรีที่ใจแคบเช่นไส้ไก่ เจ้าเล่ห์เพทุบายเช่นข้า ไม่มีหน้าจะรั้งตำแหน่งชายาอ๋องเฉินจริงๆ ขอท่านอ๋องให้ผู้ล้ำเลิศกว่ามาแทนที่เถิด!”ภายในใจ 'ผู้ชายบ้า รีบหย่าฉันเร็วๆ ฉันมาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด อยู่มานานกว่านายตั้งหลายพันปี ไอ้เด็กรุ่นกระเตาะที่ขนยังขึ้นไม่หมดอย่างนาย มีสิทธิ์อะไรจะแต่งกับฉัน?'รู้แต่แรก สิบปีก่อนฉันก็จะไม่ช่วยชีวิตนาย ให้นายจมน้ำตายไปเลยก็ดี!เฟิงเย่เสวียนปรี่เข้าไปกุมคอเสื้อนาง “เมื่อครู่เจ้ากล่าวสิ่งใด?”คนที่ช่วยชีวิตเขาเมื่อสิบปีก่
ในเรือนหลังเล็กโกโรโกโสสาวใช้เยว่เอ๋อร์กำลังเดินวนเวียนไปมา สองมือกำแน่นอย่างกระวนกระวายใจ และคอยชะเง้อมองข้างนอกตลอดเวลา ยามเห็นร่างที่คุ้นเคยนั้น นางก็พุ่งตัวออกไปทันใด“พระชายา!”นางรีบปรี่เข้าไปกุมมือสองของฉู่เชียนหลี ก่อนตรวจดูทั้งบนล่างซ้ายขวาหน้าหลัง “พระชายา เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ?” ท่านอ๋องไม่ได้ทำให้ท่านลำบากใช่หรือไม่เจ้าคะ? พระชายารองเซียวนั่นรังแกท่านหรือไม่เจ้าคะ? พวกเขาเรียกท่านไปทำสิ่งใดเจ้าคะ?”ฉู่เชียนหลีกะพริบตาเยว่เอ๋อร์เป็นสาวใช้ที่ปรนนิบัตินางมาสิบปีแล้ว เติบโตมาพร้อมกับนางตั้งแต่เล็ก สนิทกันดังพี่สาวน้องสาวนางส่ายหัวพลางผลักประตูเข้าไปในห้อง เรื่องแรกที่ทำก็คือปรี่เข้าไปที่โต๊ะแต่งหน้า และคว้าเอากระจกทองเหลืองแสนเก่าเขรอะขนาดเท่าฝ่ามืออี๋...น่าเกลียดชะมัด!แม้จะทำใจมาแล้ว แต่เมื่อได้เห็นใบหน้านี้ นางก็ยังต้องตกใจกับตัวเองภาพสะท้อนในกระจกทองเหลืองนั้น ครึ่งหน้าของสตรีหยาบขรุขระ เหมือนถูกเผาด้วยไฟร้อน ผิวหนังยู่ย่น อัปลักษณ์น่าตกใจกลัว เหมือนปีศาจไม่มีผิด ใครพบเห็นเข้า ตกกลางคืนต้องมีอันฝันร้ายเยว่เอ๋อร์กังวลว่าพระชายาจะน้อยเนื้อต่ำใจจึงรีบดึงกระจกท
ยามมีคนประคอง ราศีของเซียวจือฮว่ายิ่งดีสูงส่งอย่างเห็นได้ชัด ร่างขาวนวลอ้อนแอ้นบอบบางอรชร ก้าวย่างทีละน้อย ให้ความรู้สึกบอบบางจนแทบจะล้มไปตามลมเมื่อสาวใช้เงยหน้าขึ้นเห็นว่าฉู่เชียนหลียังคงนั่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับแม้สักนิดราวกับมองไม่เห็นก็อดโมโหไม่ได้พระชายานี่ตาบอด ไม่รู้จักออกมาต้อนรับสักหน่อยรึ?“พี่หญิง...” เซียวจือฮว่าเดินเข้ามาเห็นว่าฉู่เชียนหลีกำลังกินซาลาเปา ที่พำนักผุพังก็รู้สึกปวดใจจนตาแดงก่ำขึ้นทันที “เหตุได้ท่านจึงอยู่ในสถานที่ชนิดนี้ นี่หาใช่ที่สำหรับคนอยู่...”“ไว้ข้ากลับไปจะต้องบอกกับเฉินสักหน่อย”น้ำเสียงนั้น ถ้อยคำเช่นนั้น ราวกับว่านางต่างหากที่เป็นนายหญิงของจวนแห่งนี้ ส่วนฉู่เชียนหลีก็เป็นแค่เด็กสาวบ้านป่าผู้หนึ่งเท่านั้นฉู่เชียนหลีปรายตามองนางเรียบๆ กัดซาลาเปาคำหนึ่ง “ เจ้ามาทำไม?”เมื่อสตรีผู้นี้ปรากฏตัว แน่นอนว่าต้องไม่ได้มาด้วยเจตนาดีก่อนนี้ เจ้าของเดิมของร่างนี้รักใคร่เฉินหวังอย่างล้ำลึก แต่เมื่อใดที่เซียวจือฮว่า ปรากฏตัว พอนางทำตาแดงๆ คราวหนึ่ง เบะปากคราวหนึ่ง ไม่ก็หลั่งน้ำตาครึ่งหยด ถ้านางไม่ถูกถีบกระเด็น ก็ถูกทุบตีอย่างทารุณยกหนึ่งพอเสร็จเรื่อง สตร
“ข้าจงใจผลักเอง” ฉู่เชียนหลีพูดต่อว่า “ข้าริษยาที่น้องเซียวเป็นที่รัก ไม่ใช่แค่ผลักนาง ยังอยากจะทุบตีนางด้วย เพราะรักกลายเป็นแค้น ไม่ว่าเรื่องใดก็ทำออกมาได้ทั้งสิ้น”เซียวจือฮว่าได้ยินคำก็หัวเราะเย็นอยู่ในใจแต่ไรมาท่านอ๋องก็รังเกียจสตรีขี้อิจฉาใจคับแคบเป็นที่สุด นี่เจ้ากลับโง่พูดออกมา เตรียมตัวถูกหย่าเสียเถิด ตำแหน่งพระชายาอ๋องเฉินจะต้องเป็นของนางในไม่ช้าก็เร็วเฟิงเย่เสวียนขมวดคิ้วกระบี่ของตนนางอยากจะไปให้พ้นจากจวนอ๋องเฉินจนแทบทนไม่ไหวถึงเพียงนี้เชียวหรือ แต่เขาจะไม่ให้นางได้สมหวังเสียอย่าง“ในเมื่อรู้ผิดแล้ว ยังไม่รีบ…”หย่ากับนางเสีย?“ขอบคุณท่านอ๋อง!” ฉู่เชียนหลีดีใจจนเผลอหลุดปากเฟิงเย่เสวียนมองนางคราวหนึ่งด้วยปรายสายตายะเยือก“ยังไม่รีบไปคุกเข่าสำนึกผิดที่เรือนหานเฟิงอีก? คุกเข่าจนกว่าจือฮว่าจะยกโทษให้เจ้า”ฉู่เชียนหลี “?”เซียวจือฮว่าชะงักอยู่น้อยๆ เปลี่ยนจากหย่ามาเป็นคุกเข่าเช่นนั้นรึ?ช่างเถิดอีกสักครู่ ดวงตะวันก็จะออกมาแล้ว ความร้อนในฤดูร้อนรุนแรงหนักหนา หากฉู่เชียนหลีต้องคุกเข่าอยู่กลางตะวันแผดเผาสักสี่ห้าชั่วยาม ต่อให้ไม่ตายก็ต้องเกือบตายฉู่เชียนหลีจ้องชายห
“จู่ๆ ข้าก็นึกขึ้นได้ว่าครั้งก่อนบอกกับนางว่าวันนี้ข้าจะกลับไปเยี่ยมนาง ข้าจะเป็นลูกสาวกตัญญูที่รู้ความ ข้าไม่สามารถไม่รักษาคำพูด!” ฉู่เชียนหลีสะอื้นกัดผ้าเช็ดหน้า ท่าทางราวกับคิดถึงบ้านอย่างมากในความเป็นจริง หนังศีรษะของนางโดนแดดเผาจนแทบปริแตกแล้ว หากเป็นเช่นนี้ต่อไปนางต้องขาดน้ำตายแน่เฟิงเย่เสวียนกุมความคิดของนางไว้หมดแล้ว พอดีกับตอนนี้เขาก็มีเรื่องสำคัญต้องจัดการ ฉู่เชียนหลีมักจะมาป้วนเปี้ยนตรงหน้าเขา จิตใจไม่สามารถสงบ จึงมีความกรุณาเป็นพิเศษ “เช่นนั้นก็กลับ…”ฟิ้ว…พูดไม่ทันขาดคำ สายลมพัดผ่าน คนหายไปแล้วไม่มีแม้กระทั่งคำขอบคุณเลยหรือ? ผู้หญิงไร้มโนธรรมคนนี้!จวนอัครมหาเสนาบดีฉู่ราชสำนักในปัจจุบันแบ่งออกเป็นอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายและอัครมหาเสนาบดีฝ่ายขวา ตระกูลฉู่คืออัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้าย ฐานะทางครอบครัวมั่งคั่ง เป็นชนชั้นสูงชั้นหนึ่งในเมืองหลวง เพียงแต่ ครอบครัวเช่นนี้กลับให้กำเนิดบุตรสาวหน้าตาอัปลักษณ์ไร้ความงามคนหนึ่ง กลายเป็นที่ขบขันของประชาชน ยิ่งมีคนวิจารณ์ว่าไม่ใช่ลูกแท้ๆหลายปีมานี้ คุณหนูอัปลักษณ์ไม่ได้รับความโปรดปราน และยังใช้กลอุบายแต่งเข้าจวนอ๋องเฉิน เป็นที่
นางอันเอ่ยปากกล่าว “เจ้าแต่งเข้าจวนอ๋องเฉินสามเดือนแล้ว หนึ่งไม่ได้รับความโปรดปราน สองไม่ได้รับอำนาจ สามไม่ได้รับทรัพย์สิน สี่ไม่ได้รับข่าวที่เป็นประโยชน์ นั่งตำแหน่งพระชายาอ๋องเฉิน ไม่กลัวผู้อื่นหัวเราะเยาะหรือ?”กระทั่งนางยังรู้สึกขายหน้าเลยมองดูใบหน้าที่อัปลักษณ์ของฉู่เชียนหลี่ ขมวดคิ้วกล่าว “เจ้าจำเป็นต้องทำให้ได้หนึ่งเรื่อง จึงจะสามารถทำประโยชน์ให้จวนอัครมหาเสนาบดีฉู่”ต้องได้รับอำนาจหรือไม่ก็มีอิทธิพล“แล้วก็เดือนหน้าเป็นวันแต่งงานของพี่หญิงเจ้าแล้ว เจ้าไปหาทางจัดการเรื่องสินเจ้าสาวมาให้นางด้วย ยิ่งเยอะยิ่งดี” น้ำเสียงที่แข็งกร้าวของนางเหมือนออกคำสั่งเสียมากกว่าฉู่เชียนหลี่ราวกับได้ยินเรื่องตลกที่สุดในโลกพี่หญิงจะแต่งงาน จะอย่างไรก็ไม่ถึงคราวที่นางต้องซื้อสินเจ้าสาวกระมัง“น้องหญิงสี่ ข้ารู้ว่าเรื่องนี้ทำให้เจ้าลำบากใจ…” ฉู่เจียวเจียวจับมือทั้งสองข้างนาง หลุบตาทั้งคู่ลงอย่างตำหนิตนเอง “เป็นเพราะข้าไม่เอาไหน ไม่สามารถได้รับความสำคัญจากท่านพ่อ ทำให้ตำแหน่งของพวกเราสามแม่ลูกในจวนกระอักกระอ่วนยิ่งนัก”นางอันเป็นอนุภรรยา ข้างบนยังมีฮูหยินข่มอยู่คุณหนูใหญ่ที่กำเนิดฮูหยินให
ฉู่เชียนหลีกินข้าว เที่ยวผู้ชาย ฟังคำซุบซิบของชาวบ้าน และเดินตลาดครู่หนึ่ง ท้ายที่สุดสองมือไพล่หลังเดินกลับจวนอ๋องเฉินอย่างสบายใจ ราวกับชายชราที่มีอายุมากแล้วเมื่อเหล่าคนรับใช้เห็นใบหน้าอัปลักษณ์ที่มีปาน ตกใจจนเดินเลี่ยงสามส่วนยามดึกยามราตรีในจวนดั่งวารี แสงเทียนล้นเหลือ สายลมอ่อนตีหน้า เงาต้นไม้กวัดแกว่ง สงบสุขสำราญทันใดนั้นเสียงจืดชืดของผู้ชายก็ดังขึ้นกลางอากาศ ไม่รู้ว่ามาจากที่ไหน“ไปไหนมา”ฉู่เชียนหลีหันกลับมา ก็มองเห็นเงาอันสูงศักดิ์ร่างหนึ่งเดินออกมาจากยามราตรีที่มืดสลัวอย่างเชื่องช้า ชายคนนั้นเดินทวนแสงเข้ามา เงาร่างยาวที่ถูกสะท้อนกระทบลงบนร่างกายของนาง ทำให้นางมองไม่เห็นใบหน้าของเขารู้สึกเพียงดวงตาสีดำคู่นั้นลึกล้ำมาก มองไม่เห็นก้นบึ้ง“กลับบ้านแม่”ตอนออกจากบ้านก็บอกนายแล้วไม่ใช่เหรอ?นายบกพร่องทางสติปัญญาเหรอ?นายหูหนวกเหรอ?นายปัญญาอ่อนเหรอ?แววตาเฟิงเย่เสวียนครึ้มลง เดินผ่านข้างกายนาง แล้วหยุดอยู่ตรงระหว่างไหล่ที่เฉียดผ่านหันหน้า โน้มตัว ริมฝีปากบางเฉียดผ่านติ่งหูของนาง“ตัวหอมเช่นนี้เลยหรือ?” น้ำเสียงแหบแห้งฉู่เชียนหลีตกใจจนร่างเกร็ง พริบตาที่ริมฝีปา