จวนอ๋องเฉินพลบค่ำมาถึง ราตรีมาเยือน เสียงภายในห้องยังคงไม่หยุดเสียที คนที่อยู่ข้างนอกร้อนใจขึ้นเรื่อยๆ แต่ละคนวิตกกังวล“นี่มันสามชั่วยามกว่าแล้ว เหตุใดยังไม่คลอดอีก?”“เหตุใดจึงนานเช่นนี้?”“คงไม่ได้เกิดเรื่องอะไรกระมัง?”พระชายาอ๋องติ้ง หลิงเชียนอี้ จิ่งอี้และคนอื่น หลังจากได้รับข่าว ก็รีบมาตั้งแต่ตอนเย็น คนกลุ่มใหญ่ยืนรอข้างนอก ทุกคนต่างก็ร้อนใจความสนใจของทุกคนล้วนอยู่ภายในห้อง ไม่มีใครสังเกตเห็นอ๋องหลีที่อยู่นอกเรือนหานเฟิงฉู่เชียนหลีเจ็บมาสามชั่วยามกว่าแล้ว เฟิงเจิ้งหลีก็ยืนอยู่ข้างนอก ไม่ห่างแม้แต่ก้าวเดียวสามชั่วยามกว่าเช่นกันเฟิงเจิ้งหลียืนข้างนอกสุด จุดที่ไม่สะดุดตาที่สุด เขามองไปทางห้องปีกข้างจากระยะไกลด้วยสายตาเรียบเฉย แววตาไร้อารมณ์ สงบไร้คลื่นไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไรองครักษ์ลับปรากฏตัวเงียบๆ รายงานเสียงเบา“นายท่าน พระชายาคลอดแล้ว เป็นลูกสาวขอรับ”เมื่อเขาได้ยิน แววตาเย็นลงเล็กน้อยลูกสาว?ไร้ประโยชน์?เป็นท้องไม่ได้เรื่องจริงๆแต่ไม่เป็นอะไรเฟิงเย่เสวียน เจ้าคิดว่าเจ้ากลับมาอย่างปลอดภัยพร้อมกับชัยชนะ ทั้งหมดนี้ก็จบแล้วหรือ? เจ้าดูถูกข้าเกินไปแล้ว
หมอหญิงเว่ยขานรับคำหนึ่ง ก็ถือกล่องยาของตัวเอง เดินตามหมอตำแยเข้าไปในห้องแล้วตอนที่ก้าวข้ามธรณีประตู หางตานางเหลือบมองข้างหลังแวบหนึ่งทิศทางนั่น…คนที่ยืนอยู่คืออ๋องหลีสบตากันแวบหนึ่ง ละสายตาอย่างเงียบๆ เข้าไปในห้องแล้ว ปิดประตู ตัดการมองเห็นภายนอกและภายใน“พระสนมถงเฟย ท่านดูท่านสิ เป็นโตเป็นผู้ใหญ่เช่นนี้แล้ว ยังสะเพร่าเช่นนี้อีก เรื่องใหญ่อย่างคลอดลูกก็ไม่บอกฝ่าบาทสักคำ ไม่ให้ความสำคัญจริงๆ” เต๋อฝูหนีบแส้ไว้ที่ข้อพับ ถอนหายใจหนักๆ ทีหนึ่ง ถงเฟยยิ้มอย่างขมขื่น“เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ข้าก็ไม่อยากให้เป็นเช่นนี้เสียหน่อย ก่อนเฟิงเย่เสวียนออกจากเมืองหลวง เขาเตรียมพร้อมทุกอย่างแล้ว ใครจะรู้ว่าท้องฉู่เชียนหลีใหญ่เกินไป กลายเป็นคลอดยากไปได้ล่ะ”“หากรู้จะเป็นเช่นนี้ ก็ไม่ควรบอกให้นางกินเยอะตั้งแต่แรกแล้ว”“ดูเหมือนอาหารดีเกินไป เลี้ยงทารกในครรภ์ดีเกินไป ก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไร…”เฮ้อ…ชีวิตไม่ง่ายจริงๆ ถงเฟยถอนหายใจถ้าหากฉู่เชียนหลีเป็นอะไรไป เกรงว่านางจะไม่ให้อภัยตัวเองทั้งชีวิต“โชคดีที่ข้ามาทันเวลา รอดูหมอหลวงอาวุโสหยางกับหมอหญิงเว่ยว่าอย่างไรเถอะ ใช่แล้ว ฝ่าบาทบอกว่าไ
หมอตำแยอุ้มเด็กที่ยังไม่ได้ล้างตัว วิ่งไปที่หน้าเตียงด้วยความดีใจ“ขอแสดงความยินดีกับพระชายา เป็นคุณหนูเจ้าค่ะ อ้วนมากๆ เกรงว่าหนักแปดชั่งเลยเจ้าค่ะ!”เด็กที่เพิ่งคลอดออกมาหนังย่น บนตัวยังเต็มไปด้วยน้ำคร่ำและคราบเลือด หลับตา ใบหน้าเล็กกลมๆ อวบๆ ศีรษะก็ใหญ่ๆโดยทั่วไป ทารกมีน้ำหนักประมาณห้าชั่งคือปกติ เด็กคนนี้หนักถือแปดชั่ง นับว่าเป็นทารกน้อยที่อ้วนมากๆฉู่เชียนหลีฝืนยกเปลือกตา มองอย่างยากลำบากแวบหนึ่ง พยายามยกมือที่เต็มไปด้วยเหงื่อขึ้น ยังสัมผัสไม่โดน ก็หมดสติด้วยความอ่อนเพลียแล้ว…“พระชายา!”“ไม่ต้องห่วง นางแค่เหนื่อยเกินไป” หมอหญิงเว่ยกล่าว “ไปล้างตัวเด็ก ตัดสายสะดือ ทำความสะอาดก่อน”“เฮ้อ ได้ ได้!”หมอตำแยกับผู้ช่วยรีบลงมือทันที หมอหญิงเว่ยที่หนักสองร้อยกว่าชั่งนั่งอยู่หน้าเตียง กวาดสายตามองเด็กอ้วนคนนั้น ครุ่นคิดครู่หนึ่งผ่านไปสักพักถอนสายตากลับตอนที่กำลังลุกขึ้น เหลือบเห็นท้องที่ยังนูนอยู่ของฉู่เชียนหลี หนังท้องกระตุกเบาๆ ทีหนึ่งโดยบังเอิญ พลันนางสะท้านทันทีเหมือนนึกถึงอะไรบางอย่าง รีบก้มลงไป ใช้ฝ่ามือกดท้องของนางเมื่อสัมผัสยังมีเด็กอีกหนึ่งคน!พระชายาท
จวนอ๋องหลีภายในห้องปีกข้าง ฉู่เจียวเจียวนอนอยู่บนเตียง ยังคงหลับสนิท ใช้กำลังมากเกินไป เหนื่อยจนไม่สามารถบรรเทาลงได้ในเวลาอันสั้นหน้าเตียง มีเตียงโยกเล็กๆ ตั้งอยู่ มีเด็กทารกที่ถูกห่อด้วยผ้าห่อทารกนอนอยู่ข้างในทารกกำลังนอนหลับ ใบหน้าเล็กอ้วนท้วน ปากอวบอิ่ม มือน้อยๆ กำหมัด วางอยู่ตรงสองข้างของศีรษะ หลับสบาย ปากขยับพ่นฟองน้ำคร่ำออกมาเป็นระยะน่ารักมากเอี๊ยด…ประตูเปิดแล้ว“ท่านอ๋อง ท่านกลับมา…”“ออกไป”เฟิงเจิ้งหลีสั่งให้สาวใช้ออกไป แล้วเดินเข้าห้องปีกข้าง ไปหยุดอยู่ที่หน้าเตียงเล็กๆก้มมองลงไปภายใต้แสงเทียน ผิวอันบอบบางของเด็กชายขาวนุ่มละมุนและจ้ำม่ำ เห็นแล้วอดไม่ได้อยากหยิกสักทีเขาเอื้อมฝ่ามือใหญ่ออกไป ค่อยๆ แตะที่คิ้วของเด็กทารกคิ้วที่บางและโก่งละเอียดอ่อนมากฉู่เชียนหลี เขาเหมือนเจ้าจริงๆ…มีอุบายอันลึกล้ำแลบผ่านแววตาเฟิงเจิ้งหลีเดิมทีอยากให้ฉู่เชียนหลีกับฉู่เจียวเจียวคลอดวันเดียวกัน จากนั้นค่อยให้หมอหญิงเว่ยสลับลูกของพวกนาง แต่คิดไม่ถึงว่าฉู่เชียนหลีจะตั้งครรภ์ลูกฝาแฝด และยังให้กำเนิดลูกชายหนึ่งคนนี่คือเด็กผู้ชายคนแรกของราชวงศ์เป็นหลานชายคนแรกของฮ่องเต้
“ใช่แล้ว น้าสะใภ้” หลิงเชียนอี้กล่าว “ผู้ใหญ่และเด็กปลอดภัยจึงจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุด พี่สาวมีโภชนาการที่ดีกว่า รอพี่สาวโตแล้ว ต้องดูแลน้องสาวให้มากๆ”เพิ่งสิ้นเสียง หนูน้อยที่อวบอ้วนร้องทีหนึ่ง“ยียา…”นิ้วโป้งที่ถูกดูจนเปียก สะบัดแขนทีหนึ่ง ก็กระเด็นไปหาน้องสาวที่อยู่ข้างๆ“อุแว้!”น้องสาวสะดุ้งตื่นจากฝัน เริ่มร้องไห้อุแว้ๆ เสียงดังทันทีหลิงเชียนอวี้ “...”ตกลงกันว่าพี่สาวจะดูแลน้องสาวไม่ใช่หรือ?“อุแว้…” น้องสาวพลางโบกมือ พลางร้องไห้เสียงดังฉู่เชียนหลีรีบปลอบใจ “โอ๋ๆ ไม่ร้อง ไม่ร้องนะ…”แต่นางเป็นมือใหม่ ประกอบกับไม่มีประสบการณ์ และเป็นครั้งแรกด้วย การกระทำจึงค่อนข้างเงอะงะและแข็ง นางถึงขั้นไม่ยอมใช้แรง กลัวจะเผลอบีบนางจนแหละ“อุแว้!”“ไม่ร้องนะ หิวใช่หรือไม่?”“อุแว้…”นางทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย น้องสาวร้องไห้เสียงดังมากหันมาดูพี่สาว นอนอยู่ในผ้าห่อทารกเงียบๆ นางลืมตาเผยให้เห็นลูกตาที่แวววาวเหมือนลูกองุ่นดำ พลางกัดนิ้วมือ มองไปทางน้องสาวอย่างกะพริบๆและเท้าน้อยก็กำลังถีบ ปากก็ร้อง“ยียา ยียา…”“ซนจริงๆ!”ถงเฟยจิ้มหน้าผากนางเบาๆ ทีหนึ่ง และแสร้งตำหนิ“เจ้าเป็นพี่ส
“ข่าวนี้หากพูดออกมา น้าสะใภ้ อารมณ์ของท่านอาจจะแปรปรวนอย่างมาก…ท่านสัญญากับข้าก่อน จะใจเย็นๆ แล้วข้าจะบอกท่าน”หลิงเชียนอี้กล่าวกับนางอย่างจริงจังฉู่เชียนหลีชะงักครู่หนึ่งความหมายของเขาคือ…หรือเฟิงเย่เสวียนประสบเรื่องไม่คาดคิดจริงๆ…เมื่อคิดถึงตรงนี้ หัวใจจมดิ่งทันที เหมือนตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง“เจ้าเด็กนี่ ซนนัก!” ถงเฟยบิดหูของเขาทันที “เจ้าพูดเช่นนี้ ไม่ใช่จงใจทำให้เสียวฉู่กลัวหรือ? นางเพิ่งคลอดลูกเสร็จ เจ้ายังมาเล่นพิเรนทร์เช่นนี้อีก!”“อ๊ะ เจ็บ…”“เสียวฉู่ เจ้าอย่าฟังเขาพูดเหลวไหล วันนี้เช้า ในวังได้ส่งรายงานทหารฉบับล่าสุดมา เฉินเอ๋อร์ชนะสงครามแล้ว กำลังกลับมาพร้อมกับชัยชนะ อีกไม่กี่วันก็จะถึงเมืองหลวงแล้ว!”“!”ม่านตาฉู่เชียนหลีหดหัวใจที่จมลงสู่หุบเหวเมื่อครู่ ถูกดีดกลับมาฉับพลันอารมณ์แปรปรวนอยู่ระหว่างสองขั้ว ขึ้นลงอย่างรุนแรง ราวกับนั่งอยู่บนเฮลิคอปเตอร์ จากโศกเศร้า กลายเป็นปลื้มปีติ“เขา…เขากำลังอยู่ระหว่างทางกลับ? จริงหรือ?” นางถามอย่างไม่กล้าเชื่อ“หรือคิดว่าข้าจะโกหกเจ้า?” ถงเฟยล้วงจดหมายในแขนเสื้อออกมา “เจ้าดูเองสิ!”ฉู่เชียนหลีรีบเปิดทันทีเป็นเรื่องจริง!
หลิงเชียนอี้เห็นนางจะป้อนนม ย่อมไม่สะดวกอยู่ในห้อง หมุนกายก็ออกไปแล้วตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่มองอวิ๋นอิงแม้แต่แวบเดียว ราวกับว่าไม่เคยรู้จักอวิ๋นอิงอวิ๋นอิงยืนอยู่ที่ข้างๆ ก้มหน้าต่ำ มองไม่เห็นการแสดงออกบนใบหน้า แต่ว่าสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจน นางเงียบกว่าเมื่อก่อนเยอะมากนางกลายเป็นคนเงียบขรึม กลายเป็นคนไม่ชอบพูดแล้วเมื่อเยว่เอ๋อร์สังเกตเห็น นางถามเสียงเบาๆ“อวิ๋นอิง เจ้าไม่ลองถามท่านโหวน้อยหน่อยหรือ? ท่านโหวน้อยกำลังจะแต่งงานกับคุณหนูกู้แล้วนะ หรือเจ้าเต็มใจยอมแพ้ทั้งเช่นนี้?”อวิ๋นอิงก้มหน้า ไม่ได้ตอบคำถามนี้ เพียงแค่กล่าวเสียงเบา“ข้าไปดูน้ำแกงที่ห้องครัว”กล่าวจบก็ไปแล้วเยว่เอ๋อร์กระทืบเท้าแต่ละคนราวกลับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ทำตัวลับๆ ล่อๆ?บนเตียงภายใต้การสอนของแม่นม ฉู่เชียนหลีใช้ท่าที่ถูกต้อง ลองป้อนนมครั้งแรกแต่น้องสาวยังร้องไห้อยู่ร้องไปร้องมา ก็อาเจียนน้ำนมแล้ว“พระชายา นางกินอิ่มแล้วเจ้าค่ะ หลังจากที่เด็กกินอิ่ม เขย่าโดนเล็กน้อยก็อาเจียนน้ำนม เป็นเรื่องปกติเจ้าค่ะ” แม่นมกล่าว“อุแว้…”น้องสาวกินอิ่มแล้ว ยังคงร้องไห้“ฉี่ใส่กางเกงแล้ว?”“ไม่ฉี่เจ้าค่ะ
ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา อ๋องหลีทำงานดีมาก สร้างผลงานมากมาย บารมีสูงส่งในหมู่ราษฎร สิ่งสำคัญที่สุดคือ เขาให้กำเนิดพระนัดดาองค์โต ทำให้ราชวงศ์มีผู้สืบทอดเฉพาะเรื่องพระนัดดาองค์โต ก็เพียงพอที่จะแต่งตั้งเขาเป็นรัชทายาทบนตำหนัก เกือบสองในสามของขุนนางคุกเข่า สนับสนุนอ๋องหลีเฟิงเจิ้งหลีที่ยืนอยู่หน้าเหล่าขุนนางประสานมือ กล่าวอย่างถ่อมตน“หม่อมฉันอายุน้อย ยังขาดวุฒิภาวะ ยากจะรับภารกิจอันใหญ่หลวงเช่นนี้ ใต้เท้าทุกท่านแค่เสนอความคิดเห็น เสด็จพ่อไม่ต้องใส่ใจพ่ะย่ะค่ะ”เขาปฏิเสธอย่างไม่เย่อหยิ่งและใจเย็น ท่าทางที่รู้จักรุกและถอยอย่างมีชั้นเชิง ทำให้ขุนนางหลายคนมองด้วยสายตาที่พึงพอใจเวลาย่ามใจ ไม่เย่อหยิ่งเวลาผิดพลาด ไม่ท้อแท้มีแต่คนที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ จึงจะสามารถเป็นผู้นำของพวกเขา นำพาแคว้งตงหลิงก้าวสู่จุดที่สูงกว่าฮ่องเต้ที่อยู่ข้างบนสุดมือของฮ่องเต้วางอยู่บนที่วางแขน ใช้นิ้วเคาะไปพลาง ปิดปากแน่น มองเฟิงเจิ้งหลีด้วยสายตาที่ซับซ้อนทุกคนรู้ว่าอ๋องหลีเป็นคนจิตใจดีมีเพียงเขาที่รู้ว่า อ๋องหลีไม่ได้ธรรมดาเหมือนที่เห็น เขาดูเป็นคนอ่อนโยนไร้พิษสง แต่ในความเป็นจริง ทุกย่างก้าวของเขา