จวนอ๋องเฉินทั้งสองกลับมา หลิงเชียนอี้ได้รับข่าว ก็รีบวิ่งมาหาทันที“น้าสะใภ้ คิดไม่ถึงว่าท่านจะชนะตระกูลกู้! โอ้สวรรค์! ข้าไม่อยากจะเชื่อเลย ท่านคือแบบอย่างของข้า!”พุ่งพรวดเข้ามาด้วยความตื่นเต้น ก็จะมอบกอดอันอบอุ่นให้ฉู่เชียนหลี แต่ยังไม่ทันเข้าใกล้ก็ถูกเฟิงเย่เสวียนคั่นออกไปอย่างรังเกียจหลิงเชียนอี้เบะปากทีหนึ่ง แววตาเผยให้เห็นความไม่พอใจ“ข้าตื่นเต้นมาก กอดหน่อยสิ เหตุใดท่านน้าจึงขี้งกเช่นนี้ ทำเหมือนเป็นเด็กผู้หญิงไปได้”หลายวันมานี้ ทั้งเมืองหลวงมีการถกเถียง ล้วนบอกว่าพระชายาอ๋องเฉินจะแพ้ผลปรากฏว่ากลับทำให้ทุกคนตกใจจนอ้าปากค้างเฟิงเย่เสวียนยกเปลือกตา มองไปทางอวิ๋นอิงที่อยู่ข้างๆ แล้วกวักมือ “เจ้ามานี่”อวิ๋นอิงตะลึงงันไปครู่หนึ่ง มองไปทางฉู่เชียนหลีโดยไม่รู้ตัว“ทำอะไร?” หลิงเชียนอี้ถาม“ข้าเห็นว่านางหน้าตางดงาม อยากลองกอดดูเสียหน่อย”“...”หลิงเชียนอี้พูดอะไรไม่ออกทันที รีบปล่อยมือ กอดภรรยาของตนเองแน่น“ก็แค่กอดเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อย เจ้าจะขี้งกเกินไปแล้วกระมัง?” เฟิงเย่เสวียนคืนคำพูดนี้กลับไปให้หลิงเชียนอี้อย่างแผ่วเบาหลิงเชียนอี้พูดอะไรไม่ออกแล้ว “...”
เฟิงเย่เสวียนรังเกียจ “เหตุใดทำเหมือนไม่เคยเจอเห็นผู้หญิง?”“ก็ข้าไม่เคยเจอ จะทำไมล่ะ!” เถียงอย่างเด็กทรพี อุ้มภรรยาที่ยังไม่ได้แต่งเข้าจวนไว้ ไม่ต้องพูดถึงว่าทะนุถนอมเพียงใดทำเอาอวิ๋นอิงเขินอายมากฉู่เชียนหลียิ้มแล้วยิ้มอีก มองดูบัตรเชิญฉบับนั้น รอยยิ้มหายไป“กลัวแต่ว่าตระกูลกู้จะไม่ยอมง่ายๆ”ตอนที่อยู่เขาอวี้หลง นายท่านรองกู้นั่นสามารถทำแม้แต่เรื่องขโมยแร่ยามวิกาล ไม่ใช่คนซื่อตรงอะไร เขายินยอมยกเลิกสัญญาแต่งงานจริงหรือ?“ท่านโหวน้อยอย่าประมาท คืนพรุ่งนี้ไปบ้านตระกูลกู้ ข้าส่งคนไปปกป้องเจ้า”ในใจหลิงเชียนอี้มีแต่อวิ๋นอิง และรวมถึงเรื่องแต่งงาน จะมีเวลาไปสนใจแผนของตระกูลกู้เสียที่ไหน?จับมือของอวิ๋นอิง มองนางอย่างจริงจัง กล่าวทีละคำ“อวิ๋นอิง พรุ่งนี้หลังพวกเรากลับจากบ้านตระกูลกู้ ข้าก็พาเจ้ากลับบ้าน กลับจวนโหวติ้งกว๋อ ไปพบพ่อแม่ข้า ดีหรือไม่?”พลันอวิ๋นอิงแน่นหน้าอก ดูอึดอัดเล็กน้อย สายตามองไปทางฉู่เชียนหลีเหมือนขอความช่วยเหลือต่อให้เป็นคนนิสัยโผงผาง แต่เวลาเผชิญหน้ากับเรื่องเช่นนี้ ก็คือกระต่ายน้อยที่ไม่มีประสบการณ์ดีๆ นี่เองฉู่เชียนหลียิ้ม บอกใบ้ให้นางสบายใจได้ก่อนห
หลิงเชียนอี้ยืนกรานหนักแน่นมาก อวิ๋นอิงเถียงไม่ไหว ได้แต่นั่งอยู่ตรงนั้น ปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจในเรือนหานเฟิงฉู่เชียนหลียังคงกังวลเล็กน้อย นางรู้สึกว่าตระกูลกู้ไม่ได้คุยง่ายเช่นนั้น ไม่วางใจปล่อยให้หลิงเชียนอี้กับอวิ๋นอิงไปกันสองคน นางก็เตรียมตัวไปด้วยเฟิงเย่เสวียนคิดว่านางกังวลมากเกินไป“เชียนหลีคิดมากเกินไปหรือไม่? ปัจจุบัน ตระกูลกู้ไม่สามารถอาศัยกิจการเหล็กอวดอ้างบารมีอีกแล้ว ถ้าหากพวกเขากล้าเล่นสกปรกในงานเลี้ยง ก็เท่ากับเป็นศัตรูกับราชวงศ์ นอกเสียจากนายท่านรองกู้นั่นอยากถูกประหารเก้าชั่วโคตร”เหตุและผลน่ะเป็นเช่นนี้ แต่ไม่มีอะไรที่แน่นอนถ้าเกิดล่ะ?“ข้าก็ไปตระกูลกู้ด้วย ตระกูลกู้สัญญาว่าจะมอบกิจการครอบครัวให้ข้าสี่ส่วน ข้าแวะไปรับด้วยเลย”“เช่นนั้นข้าก็ไป”“เจ้ามีเวลาหรือ?”“เจ้าอยู่ที่ไหน ข้าก็อยู่ที่นั่น”“ก็ดี หานเฟิงไม่อยู่ หานอิ๋งก็มีงานติดตัว ข้าเรียกจิ่งอี้ไปด้วย วรยุทธ์ของเขาไม่เลว มีเขาอยู่ ไม่น่าเกิดปัญหาอะไร”ทั้งสองหารือกันครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าเกือบได้เวลาแล้ว จึงจะออกจากเรือนหานเฟิงเรือนที่อยู่ข้างๆ หลิงเชียนอี้จูงมืออวิ๋นอิงออกมาทันใดนั้น ตาเป็นป
“นี่ จิ่งอี้ เจ้าดู ท่านโหวน้อยตามกู้ชิงชิงเข้าไปแล้ว เหตุใดมีเพียงอวิ๋นอิงยืนอยู่ข้างนอกคนเดียว?”จางเฟยเพิ่งพูดคำนี้จบ จิ่งอี้เงยหน้าขึ้นทันทีจุดที่ไม่ไกลนัก อวิ๋นอิงยืนอยู่ที่หน้าประตูเพียงลำพัง ไม่ได้เข้าไป แต่ก็ไม่ได้จากไป ก้มหน้าเล็กน้อย มองเห็นสีหน้าไม่ชัด ร่างเงาที่เพรียวบางนั่นดูแล้วให้ความรู้สึกบอบบางหลายส่วน งานเลี้ยงอาหารค่ำเริ่มแล้ว นางกลับไม่เข้าไป?เขาขมวดคิ้ว ลุกขึ้นยืน“เอ๋? จิ่งอี้ เจ้าจะไปไหน? จิ่ง…”จางเฟยพูดไม่ทันจบ จิ่งอี้ได้เดินไปทางอวิ๋นอิงแล้วสองตาของเขาเบิกกว้างทันทีเชี่ย!งานเลี้ยงอาหารค่ำวันนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องของกู้ชิงชิง ท่านโหวน้อย และอวิ๋นอิงสามคน เจ้าจิ่งอี้นี่ไปยุ่งอะไร!“เหตุใดไม่เข้าไป?”ยามราตรีที่เงียบสงบ เสียงที่ทุ้มต่ำของเขาไพเราะมากอวิ๋นอิงเงยหน้าขึ้น มองเห็นเขา ประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแค่ส่ายศีรษะ “ข้ารอพระชายา”“คุณหนูกู้หาเรื่องเจ้า ไม่ให้เจ้าเข้าไปใช่หรือไม่?” จิ่งอี้มองตาของนาง ดวงตาที่เฉียบคมและลึกล้ำนั่น ราวกับสามารถมองทะลุทุกสิ่งแววตาอวิ๋นอิงสั่นไหวทีหนึ่งถูกมองความจริงออก นางกระอักกระอ่ว
จิ่งอี้หมุนกายก็จะไป เยว่เอ๋อร์เอ่ยปากโดยไม่รู้ตัว“คุณชายจิ่ง!”พอพูดออกไป ก็แน่นหน้าอกฉับพลัน และประหม่าขึ้นมาทันที เมื่อเขาหันมามองนาง หัวใจยิ่งเต้นแรงจนแทบหลุดออกจากลำคอ ใบหน้าก็อดไม่ได้ที่จะแดงความวู่วามที่รุนแรงสายหนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาในจิตใจ… นางจับสองมือแน่น พยายามกลืนน้ำลาย รวบรวมความกล้า ในที่สุดคำพูดที่ถูกซ่อนไว้ในก้นบึ้งของหัวใจนานมากก็ถูกพูดออกมา“คุณชายจิ่ง ข้า…ข้าชอบท่าน…”ก้มหน้าต่ำอย่างเขินอาย ใบหน้าแดงเหมือนกุ้งที่ต้มจนสุก ประหม่าจนร่างกายหดเกร็ง รอคำตอบของเขาอย่างคาดหวังจิ่งอี้ขมวดคิ้วนาง?ชอบเขา?อะไรกัน?“ข้านิสัยจืดชืด ไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิง ขอบคุณความรักของแม่นางเยว่เอ๋อร์” เขาปฏิเสธอย่างเฉยเมย ยกเท้าเดินจากไปโดยไม่ได้พูดอะไรมากอีกเยว่เอ๋อร์เหมือนถูกน้ำเย็นกะละมังหนึ่งรดใส่ศีรษะ เย็นวูบตั้งแต่หัวจรดเท้ารอยยิ้มแข็งทื่ออยู่บนใบหน้าหัวใจทั้งดวงจมลงสู่หุบเหวในพริบตา…คุณชายจิ่งปฏิเสธนาง เขาไม่ชอบนาง และยังบอกว่าไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงอะไรอีก แต่ทั้งๆ ที่เขาดีต่ออวิ๋นอิงมากทั้งๆ ที่เขาชอบอวิ๋นอิง!เพราะเหตุใด?นางสู้อวิ๋นอิงไม่ได้ตรงไหนกันแน่?
ความคับข้องใจและความทุกข์เต็มอก ไม่มีที่ระบาย…ไม่ยุติธรรมเลย!ตอนนั้น พระชายาอยู่จวนอัครมหาเสนาบดีฉู่ไม่ได้รับความโปรดปราน และถูกเหยียดหยามรังแก นางเป็นคนที่เคียงข้างพระชายาเดินผ่านช่วงเวลาที่ลำบากนั้น ในที่สุดก็ได้ลืมตาอ้าปาก อวิ๋นอิงกลับเก็บเกี่ยวความสำเร็จทั้งหมดไปสิ่งนี้จะให้นางไม่โมโห ไม่เกลียดชัง ไม่หงุดหงิดได้อย่างไร?เยว่เอ๋อร์ร้องไห้นานมากนานมากท่ามกลางเสียงสะอึกสะอื้น จู่ๆ ก็มีเสียงที่ทุ้มต่ำของผู้ชายแทรกเข้ามา “รีบไปที่งานเลี้ยง พระชายามีอันตราย”เยว่เอ๋อร์ตะลึงงันครู่หนึ่งมีคนอยู่?นางรีบเช็ดน้ำตา สงบสติอารมณ์แล้วลุกขึ้นอย่างเร่งรีบ เห็นร่างเงาสายหนึ่งที่คาดคิดไม่ถึง…อ๋องหลี?!“ที่ท่านพูดเมื่อครู่หมายความว่าอย่างไร?” เสียงที่แหบแห้งของนางปนเสียงสะอื้น ดวงตาแดงก่ำเฟิ่งเจิ้งหลียืนอยู่ตรงจุดที่ย้อนแสง กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับยามราตรี น้ำเสียงเคร่งขรึมมาก“ตระกูลกู้ไม่มีทางยกเลิกสัญญาแต่งงานกับท่านโหวน้อย กลับกันจะฆ่าอวิ๋นอิงให้ตาย งานเลี้ยงของคืนนี้จัดขึ้นที่ห้องเก็บของ ในห้องเก็บของมีดินปืนกองเต็มไปหมด ตระกูลกู้เตรียมตัวใช้ข้ออ้าง ‘ไม่ระวังเกิดเพลิงไหม้’ จุด
ในงานเลี้ยง สองสามีภรรยาอ๋องเฉินจากไป ท่านรองกู้รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก คำพูดคำจาก็องอาจขึ้น เขาชวนท่านโหวน้อยดื่มไม่หยุดหลิงเชียนอี้เพราะอารมณ์ดี จึงไม่ระวังดื่มเยอะไปหน่อย มึนเมาเล็กน้อย ถูกคนรับใช้พาไปพักผ่อนที่ห้องข้างๆตรงที่นั่ง เหลืออวิ๋นอิงคนเดียวทันทีท่านรองกู้กับกู้ชิงชิงสบตากันแวบหนึ่ง สองพ่อลูกใช้สายตาสื่อสารอะไรบางอย่าง…ข้างนอกฉู่เชียนหลีประคองเยว่เอ๋อร์ มาถึงสถานที่เงียบสงบและโล่งกว้าง นั่งลงพักผ่อนครู่หนึ่ง ตรวจชีพจรของนางยังคงเป็นปกติ“ยังปวดหรือไม่?” นางถามเยว่เอ๋อร์กุมท้องหลังงอ เบ้าตาแดง หางตามีน้ำตา กัดริมฝีปากแน่น“อืม…”ท่าทางที่สะอึกสะอื้นของนาง ไม่เหมือนเสแสร้งฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว ครุ่นคิดสองวินาทีแล้วกล่าว “เยว่เอ๋อร์ เจ้านั่งอยู่ที่นี่ก่อน ข้าไปหาขี้เถ้าก้นหม้อที่ห้องครัว ดื่มพร้อมกับน้ำ”นี่เป็นสูตรยาพื้นบ้านก้นหม้อเป็นจุดที่ถูกเผาทุกวัน ร้อนระอุทุกวัน ส่วนขี้เถ้าที่ติดอยู่ก้นหม้อเป็นของพลังหยางที่ขจัดสิ่งชั่วร้าย ชาวบ้านมักจะใช้รักษาอาการปวดท้อง นอนไม่หลับ เด็กได้รับความตกใจ ปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายให้กับเด็กทารก และอื่นๆ“ข้าไปกับเจ้า” เฟิ่งเย่เ
นางชี้ไปทิศทางหนึ่งอย่างไม่ใส่ใจ“ท่านรีบลองไปดูหน่อยเถอะ ถ้าหากพวกเขามีแผนจริงๆ ก็สามารถหาหลักฐานได้ทันเวลา ลงโทษตระกูลกู้! ลุงจาง ท่านรู้สึกว่าที่ข้าพูดมีเหตุผลหรือไม่?”จางเฟยครุ่นคิดเหมือนจะเป็นเช่นนี้จับโจรจับของกลาง จับชู้จับทั้งคู่ อย่างไรก็ต้องมีหลักฐานที่แน่นอน จึงจะสามารถพิสูจน์ว่าตระกูลกู้มีเจตนาร้าย“นางหนูเยว่เอ๋อร์ เช่นนั้นข้าลองไปดูหน่อย เจ้ารีบไปบอกอวิ๋นอิงกับท่านโหวน้อยที่งานเลี้ยง พวกเราแยกกันทำงาน เป็นอย่างไร?”“ได้”จางเฟยพยักหน้า ก็เดินไปตามทิศทางที่เยว่เอ๋อร์ชี้แล้วหารู้ไม่ ทิศทางที่เขาไปเป็นโรงเก็บของของตระกูลกู้ เป็นสถานที่ที่ใช้เก็บดินปืนโดยเฉพาะเพิ่งเดินผ่าน ก็มีเสียงระเบิดที่รุนแรงดังลั่นท้องฟ้ายามค่ำคืนปัง!เสียงดังสนั่น!เหมือนกับสายฟ้าแล่นผ่านข้างหู สะเทือนจนหูอื้อ ระลอกคลื่นที่รุนแรงกระจายเป็นวงกว้าง กิ่งก้านต้นไม้ส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด ใบไม้ปลิวว่อน เศษหินกระจายไปทั่ว ทำเอาเหล่าคนรับใช้กรีดร้องไม่หยุด วิ่งหนีกันอย่างเตลิดเปิดเปิง หัวใจของเยว่เอ๋อร์เหมือนถูกก้อนหินทุบ สะเทือนจนหายใจไม่ออกเป็นเวลานานนางกุมหน้าอก วิ่งเข้าไปดูห้องจัดเ
ทุกคนรออยู่ที่นอกประตูเมือง เฟิงเย่เสวียนขี่ม้าเข้าไปใกล้ สายตาจ้องฉู่เชียนหลีอย่างลึกซึ้งหลายวินาทีฉู่เชียนหลียิ้มระหว่างทั้งสองคน คำพูดมากมายไม่จำเป็นต้องพูด แค่สบตากัน ก็สามารถเข้าใจกันแล้วผ่านไปครู่หนึ่งเขาถอนสายตากลับ กระตุกม้าให้หยุดลง โน้มกายและเอื้อมมือไปรับลูก“ส่งเขาให้ข้า”เฟิงเจิ้งหลียิ้มได้อ่อนโยนมาก ก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวอย่างเชื่อฟัง ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อย ส่งเด็กที่อยู่ในมือออกไป“น้องเจ็ด เดินทางปลอดภัย”เขาเน้นเสียงคำว่า ‘ปลอดภัย’ เป็นพิเศษ เหมือนมีความหมายที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่อ๋องเฉินยื่นมือออกมาแล้ว ขณะที่กำลังจะสัมผัสโดนเด็ก เฟิงเจิ้งหลีปล่อยมือกะทันหันทันใดนั้นเด็กสูญเสียแรงยึดเหนี่ยว ร่วงลงไปโดยตรง!“จื่อเยี่ย!”พลันเฟิงเย่เสวียนแน่นหน้าอก กระโดดลงจากม้าด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด ก็เห็นอ๋องหลีรับเด็กไว้แล้ว และก็เพราะพริบตาที่เขาเผลอนี้ จึงถูกธนูลับดอกหนึ่งยิงเข้าที่สะบักฉึก…“อาเฉิน!”“ท่านอ๋อง!”เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่มีใครรับมือทันเวลาเฟิงเจิ้งหลีใช้มือซ้ายอุ้มเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ย มือขวาจับตัวฉู่เชียนหลี ถอยหลังเจ็ดแปดก้าว ขณะ
เฟิงเย่เสวียนเดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว “ปล่อยฉู่เชียนหลีกับเด็ก ข้าอยู่เอง เจ้าจับฉู่เชียนหลีไม่มีประโยชน์ มีเพียงจับข้าเท่านั้น เจ้าจึงจะสามารถนั่งราชบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง”เฟิงเจิ้งหลีเย้ยหยัน“อย่ามาต่อรองกับข้า ข้ายอมถอยให้แล้ว ถ้าหากยังได้คืบจะเอาศอก ข้าไม่ถือสาที่จะพินาศไปพร้อมกัน”ฉู่เชียนหลีรีบถอยกลับมาจับข้อมือเฟิงเย่เสวียน กล่าวเสียงเบา “เจ้าพาจื่อเยี่ยไป!”“เชียนหลี…”“คนที่เขาต้องการคือข้า มีเพียงเจ้าไปและมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น จึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ จื่อเยี่ยไปแล้ว ข้าจึงจะวางใจ ถึงเวลานั้น เขาก็ไม่มีข้อได้เปรียบอีก และไม่จำเป็นต้องกลัวเขาอีกแล้ว” ฉู่เชียนหลีวิเคราะห์เบาๆ อย่างฉับไวเฟิงเจิ้งหลีไม่มีทางฆ่านางใช้นางคนเดียว แลกกับความปลอดภัยของจื่อเยี่ย แลกกับความปลอดภัยของทุกคน อย่างไรก็ดีกว่าสู้กันตายไปข้างหนึ่ง เลือดนองเหมือนแม่น้ำไม่ใช่ว่านางจะถูกขังอยู่ในเมืองหลวงตลอดไปตราบใดที่ยังมีชีวิต ก็มีโอกาสเฟิงเย่เสวียนรู้ผลได้ผลเสียในนี้ เด็กคนนี้อย่างไรก็ต้องช่วย แต่เขาจะทิ้งฉู่เชียนหลีไว้คนเดียวได้อย่างไร“เชียนหลี ข้ามันไร้ประโยชน์”“ข้าไม่อนุญาตให้เจ
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู
พลันฉู่เชียนหลีแน่นหน้าอก“หยุดนะ…”“อย่าเข้ามา!”ฉู่เจียวเจียวถอยหลังสามก้าว มือซ้ายจับเด็ก มือขวาถือมีดสั้น มีดสั้นที่แวววาวจ่ออยู่บนผิวอันบอบบางของเด็ก กรีดจนรอยเลือดออกแล้วเลือดไหลออกมาแล้ว“จู่ๆ เจ้าก็มาเป็นห่วงข้า และยังพยายามอยากอุ้มลูกทุกวิถีทาง ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าไม่ได้มีเจตนาดี”นางยิ้มอย่างเย็นชา“เหอะ! ดูเหมือนฮ่องเต้ที่แกไม่ตายสักทีนั่นเป็นคนบอกเรื่องนี้กับเจ้าสินะ!”ไอ้แก่ เป็นอัมพาตเฉียบพลันยังไม่ยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมอีกต่อให้รู้ความจริงแล้วอย่างไร?ชีวิตของเด็กคนนี้อยู่ในมือนาง“ฉู่เชียนหลีนะฉู่เชียนหลี เจ้าคิดอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงกระมังว่า เจ้าเลี้ยงลูกสาวข้า ข้าเลี้ยงลูกชายเจ้า และก็ต้องขอบคุณลูกชายคนดีคนนี้ของเจ้า กลายเป็นตัวช่วยที่สำคัญของอ๋องหลี” นางเผยอมุมปาก รอยยิ้มนั้นน่ากลัวมากฉู่เชียนหลียืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ไม่กล้าขยับ“เจ้าต้องการอะไร?”ฉู่เชียนหลีจ้องมีดสั้นในมือนาง กลัวว่านางจะพลั้งเผลอกรีดโดนคอของเด็กตั้งครรภ์สิบเดือนลูกชายเป็นก้อนเนื้อชิ้นหนึ่งที่ตกลงมาจากร่างกายนางนางไม่กล้าเดิมพัน และเดิมพันไม่ไหวฉู่เจียวเจียวกล่าว “ข้าต้องก
กลางดึกกำลังถึงช่วงที่คนเงียบสงบ คนกลุ่มหนึ่งวิ่งไปที่ตำหนักเจาหยางราวกับคลื่นยักษ์ ตอนที่ใกล้จะถึง ฉู่เชียนหลีตวาดสั่งให้พวกเขาหยุด“พวกเจ้าอยู่ห่างๆ อยากเข้าใกล้!”พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความเป็นห่วง “พระชายา พวกเราต้องไปเอาพระนัดดาองค์โตกลับมา นั่นเป็นเลือดเนื้อของท่านกับท่านอ๋องนะ”“ข้ารู้!”ก็เพราะรู้ จึงไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้“ไปทำอะไรคนเยอะแยะ ถ้าหากบีบจนฉู่เจียวเจียวไม่มีทางเลือก นางทำอะไรขึ้นมา…”ฉู่เชียนหลีแทบจะเป็นบ้าแล้ว ร้อนรนเหมือนมดที่อยู่บนกระทะร้อน ทั้งร้อนใจทั้งไม่สบายใจ น้ำเสียงก็ค่อนข้างฉุนเฉียวไม่อยากพูดมาก วิ่งเข้าไปในตำหนักเจาหยางเพียงลำพัง คนอื่นรออยู่ที่ข้างนอก ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามภายในตำหนักฉู่เจียวเจียวกำลังกล่อมจื่อเยี่ย ฉู่เจียวเจียวมาแล้ว นางมองเด็กน้อยที่อ้วนสมบูรณ์ กล่าวโดยไม่เงยหน้า“พระชายาอ๋องเฉิน ลูกของข้าเพิ่งนอนหลับ ”โปรดให้อภัย ข้าอุ้มเขาไว้ ร่างกายหนัก ไม่สะดวกลุกขึ้นยืน สายตาฉู่เชียนหลีมองไปที่ตัวเด็กเด็กน้อยอ้วนสมบูรณ์ ใบหน้าจ้ำม่ำ คิ้วละเอียดอ่อน หน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดู คล้ายเฟิงเจิ้งเว่ยซีแปดส่วนเหตุใดเมื่อก่อนนางไม่สังเกต