หลังจากทำเสร็จ เยว่เอ๋อร์รีบถอยออกไปไกลเล็กน้อย มองห้องจัดเลี้ยงที่มีควันปกคลุม และยุ่งเหยิงไปหมดแวบหนึ่ง แสร้งทำทีตื่นตระหนก พลางวิ่งเหยาะๆ พลางตะโกนไปด้วย“พระชายา! ท่านอ๋อง พวกท่านอยู่ที่ไหน? อวิ๋นอิง ท่านโหวน้อย พวกเจ้าไม่เป็นอะไรกระมัง!”เหล่าคนรับใช้วุ่นวายไปหมด“ไฟไหม้ห้องเก็บของ!”“รีบไปตักน้ำ!”“ปกป้องนายท่านกับคุณหนู…”เวลานี้เอง ฉู่เชียนหลีที่อยู่ทางห้องครัวเพิ่งมาถึง มองเห็นที่เกิดเหตุ สีหน้าขรึมลงแล้ว รีบเดินเข้าไปคว้ามือเยว่เอ๋อร์“เกิดอะไรขึ้น!”เยว่เอ๋อร์ร้องไห้ “พระชายา ท่านไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว!”นางตกใจมาก “ข้าก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ข้านั่งอยู่บนบันไดตรงข้างนอก จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงดังสนั่น ก็กลายเป็นเช่นนี้แล้ว ไม่รู้ว่าอวิ๋นอิงกับเยว่เอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้างแล้ว ข้าหาพวกเขาไม่เจอ หวังว่าจะไม่เป็นอะไรนะ!”ดินปืนของตระกูลกู้ ใช้เพื่อระเบิดภูเขาเปิดเหมือง อานุภาพรุนแรงมากดินปืนถูกจุดชนวน ห้องเก็บของโดนระเบิดเสียหายทั้งหลัง แม้แต่ห้องจัดเลี้ยงที่อยู่ข้างๆ ก็ถูกระเบิดจนกำแพงล้ม หลังคาปลิวว่อน และยังเกิดไฟไหม้ ควันสีดำพวยพุ่งขึ้นท้องฟ้า ทั้งสำลัก และบดบังทัศนวิสัย
ฉู่เชียนหลีจ้องท่านรองกู้อย่างเย็นชา “มีเรื่องอะไรที่ท่านทำไม่ลงบ้าง?”“ท่าน!”ท่านรองกู้ชะงักพลันนางยกมือขึ้น กระชากคอเสื้อของท่านรองกู้ ดึงเขาเข้ามาที่ตรงหน้า “ข้าขอบอกท่าน เรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ แน่นอน ในเมื่อท่านเปิดฉากเรื่องนี้ กล้าลงมือเช่นนี้ ก็รอ ‘คำทักทาย’ ของจวนอ๋องเฉินกับจวนโหวติ้งกว๋อเถอะ!”ผลักเขาออกไปอย่างเย็นชาท่านรองกู้ที่ขาบาดเจ็บยืนไม่มั่นคง เซล้มลงบนพื้น เขามองไปทางฉู่เชียนหลีที่สีหน้าเย็นชา ถึงกับรู้สึกว่าท่าทางที่เคร่งขรึมของนาง น่าเกรงขามมากท่านรองกู้ขมวดคิ้วเขารู้สึกว่าบนตัวฉู่เชียนหลีมีกลิ่นอายที่น่าเกรงขาม?เขาอยู่มาครึ่งชีวิตแล้ว ท่องยุทธภพ ขึ้นเหนือลงใต้ คนอย่างไรที่ไม่เคยเจอ จะกลัวเด็กผู้หญิงอายุสิบกว่าปีได้อย่างไร?ทั้งตระกูลกู้วุ่นวายไปหมดผ่านไปนานมาก ผลพวงจากการระเบิดจึงจะสงบลง รอฝุ่นควันที่กระจายไปทั่วจางลงเล็กน้อย ในซากปรักหักพังที่ยับเยิน ร่างเงาหลายสายค่อยๆ เดินออกมา“อวิ๋นอิง!”มือซ้ายเฟิงเย่เสวียนประคองอวิ๋นอิง มือขวาประคองท่านโหวน้อย เดินออกมาอย่างไวทั้งคู่ได้รับบาดเจ็บตอนระเบิด หลิงเชียนอี้ตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขากดอวิ๋นอิงไว้ใต้ร
‘จิ่งอี้ เจ้าได้ยินที่ข้าพูดหรือไม่? เหตุใดเจ้าถึงใจร้อนเช่นนี้?’‘ข้าล้างขี้หลังเยี่ยว เลี้ยงเจ้าโตมากับมือเลยนะ ข้ามีประสบการณ์ด้านเลี้ยงเด็กมาก ต่อไปข้าเลี้ยงลูกให้เจ้า’‘นึกถึงปีนั้น ตอนที่ข้าเก็บเจ้าได้ เจ้ามีบาดแผลทั่วตัว ข้าคิดว่าเจ้าไม่รอดแล้วเสียอีก…’เสียงที่อารมณ์ดีของจางเฟยสะท้อนอยู่ในหูคำพูดที่หัวเราะ องอาจ ซุบซิบเรื่องชาวบ้าน สนใจ และที่ตบหน้าอกอย่างมั่นใจ…ใบหน้าเหลี่ยมของเขาสะท้อนอยู่ตรงหน้า คิ้วดกตาโต เหมือนคนใจกว้างที่ท่องยุทธภพตอนนี้ ใบหน้าเหลี่ยมที่องอาจนี้ ค่อยๆ ซ้อนทับกับศพที่ร่างกายเละไปหมด…เป็นเขา!กระบี่ในมือจิ่งอี้ร่วงลงพื้น พริบตานั้น ราวกับฟ้าดินเหลือเพียงเขากับศพร่างนั้นทั้งๆ ที่ใกล้เช่นนั้น เขากลับไม่กล้าเข้าใกล้ระหว่างทั้งสอง อยู่กันคนละภพภูมิแล้ว…เลือดคำหนึ่งติดอยู่ในลำคอของเขา หน้าอกพลุ่งพล่าน กระอักออกมาฉับพลัน ร่างกายกระโจนเข้าไปอย่างอ่อนปวกเปียก สองเข่ากระแทกลงพื้นอย่างแรง มือที่สั่นเทาทั้งสองข้าง ไม่รู้จะเริ่มลงมือจากที่ใดเลือดเลือดเต็มไปหมดตั้งแต่หัวจรดเท้า ร่างกายเละไปหมด ไม่หลงเหลือสภาพเดิม ไม่มีจุดไหนที่ยังสมบูรณ์ กระดูกที่
“นายท่าน คนที่เฝ้าห้องเก็บของในคืนนี้คือเสียวจาง หาเจอแล้วขอรับ!”หลังจากความวุ่นวายทั้งหมดสงบลง คนรับใช้สองคนหิ้วปีกเสียวจางที่หายใจรวยริน และเต็มไปด้วยเลือดทั้งตัวเข้ามา โยนลงบนพื้นตอนระเบิด เขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกันท่านรองกู้เดินเข้าไป กระชากคอเสื้อของเขาขึ้นมา ตวาดด้วยความโกรธ“ไอ้เจ้าคนเลี้ยงเสียข้าวสุก! จู่ๆ ดินปืนที่อยู่ในห้องเก็บของระเบิดได้อย่างไร! เจ้าเฝ้าอย่างไร! ถ้าหากสองสามีภรรยาอ๋องเฉินกับท่านโหวน้อยได้รับบาดเจ็บ ชีวิตทั้งครอบครัวของเจ้าก็ไม่พอชดใช้!”เสียวจางสาหัสมาก แต่ก็กลัวเช่นกัน เขาขอความเมตตาอย่างหอบเหนื่อย“นายท่านโปรดให้อภัย โปรดให้อภัย! ชั่วขณะบ่าวเลอะเลือน ตอนเดินตรวจห้องเก็บของ เห็นว่าห้องเก็บของมืดเกินไป มองอะไรไม่ชัด ก็เลยจุดเทียนหนึ่งเล่ม…”“เจ้าไม่รู้หรือว่าดินปืนเจอไฟไม่ได้!”เมื่อเจอก็ระเบิด!ท่านรองกู้โยนเขาลงพื้น แล้วเตะออกไปหนึ่งทีด้วยความโกรธ “ไร้ประโยชน์! เลี้ยงเสียข้าวสุก! เรื่องเล็กแค่นี้ก็ทำไม่ได้ ข้าเลี้ยงเจ้าไว้มีประโยชน์อะไร!”“ใครก็ได้ ลากไอ้คนไร้ประโยชน์นี่ไปทุบตีให้ตาย!”พลันเผยอมุมปาก เจตนายิ้มที่คลุมเครือแลบผ่านแววตาเส
ฉู่เชียนหลีเงยหน้า สายตาที่ดุร้ายจ้องท่านรองกู้ เดินเข้าไปหาเขาทีละก้าว“เจ้าไม่อยากยกเลิกสัญญาแต่งงานของหลิงกู้สองตระกูลแต่แรก ยิ่งไม่มีทางทำตามสัญญาการเดิมพันของเจ้ากับข้า เจ้าคำพูดไม่เป็นคำพูด หวังใช้แผนนี้ลอบฆ่าอวิ๋นอิง!”คำพูดที่เย็นชา เปิดโปงโฉมหน้าที่แท้จริงของสองพ่อลูกตระกูลกู้โดยตรงพลันท่านรองกู้ถลนตา “ท่านพูดเหลวไหล!”ประหนึ่งเขาถูกปรักปรำครั้งใหญ่ โต้เถียงเสียงดัง “ข้าท่านรองกู้ทำอะไรตรงไปตรงมาและเปิดเผย เรื่องที่ไม่เคยทำไม่มีทางยอมรับเด็ดขาด!”เขาเชิดคางขึ้น ท่าทางราวกับเป็นผู้มีความชอบธรรมกู้ชิงชิงก็ก้าวออกมา แก้ต่างให้บิดา “พระชายาอ๋องเฉิน ท่านบอกว่าพวกเราจะฆ่าอวิ๋นอิง แต่อวิ๋นอิงตายหรือยัง? นางไม่ตาย กลับกัน พวกเราทุกคนได้รับบาดเจ็บจากการระเบิดครั้งนี้ พ่อข้าถึงขั้นบาดเจ็บสาหัสกว่าอวิ๋นอิงด้วยซ้ำ!”“ถ้าหากจะฆ่าอวิ๋นอิงจริงๆ มีวิธีเยอะแยะ เหตุใดต้องเอาตัวเองเข้ามาเสี่ยงด้วย?”ความจริงที่ฉู่เชียนหลีมั่นใจ ก็จะไม่เปลี่ยนแปลงง่ายๆจางเฟยตายเปล่าไม่ได้!“ในเมื่อเจ้าไม่ยอมรับ ข้าก็ตีจนเจ้ายอมรับ!” สิ้นเสียงที่เย็นชา พลันพลิกข้อมือ กระบองที่ถูกแกะสลักอย่างประณีตท่
ข้างๆ ซากปรักหักพัง เสียงกรีดร้องดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง คนสิบกว่าคนยืนอยู่ข้างๆ ไม่กล้าเข้าไปยุ่ง ไม่กล้าพูดมาก ได้แต่มองดูทั้งเช่นนี้…ฉู่เชียนหลีระบายความโกรธในใจ แทบอยากตีท่านรองกู้ให้ตายทั้งเป็นเสียเดี๋ยวนี้ แต่อารมณ์พลุ่งพล่านเกินไป ส่งผลให้ปวดท้องเฟิงเย่เสวียนโยนกู้ชิงชิงทิ้งทันที รีบเดินเข้าไป “เชียนหลี!”เขาประคองตัวนางไว้ “ระวังสุขภาพ เจ้าใจเย็นๆ ก่อน ค่อยๆ จัดการทีละเรื่อง”เขาเหลือบมองศพที่อยู่ไม่ไกลแวบหนึ่งลักษณะการตายเลือดอาบ น่าสังเวชจนทนดูไม่ได้…ที่แท้ ศพที่ไม่เหลือสภาพเดิมนี้คือจางเฟย ถึงว่านางโกรธเช่นนี้เขาเม้มปาก กล่าวเสียงเบา “หานอิ๋ง ช่วยคุณชายจิ่ง ทำพิธีศพจางเฟยอย่างมีเกียรติ”หานอิ๋งรับคำสั่ง ไปจัดการทันทีฉู่เชียนหลีประคองท้องที่ปวดเป็นระยะ กัดริมฝีปากล่าง ดวงตาที่แดงก่ำจ้องท่านรองกู้ที่มีบาดแผลเต็มตัว กล่าวอย่างเย็นชา“เรื่องนี้ไม่จบแค่นี้! หัวหน้าตระกูลกู้ เจ้ารอก่อนเถอะ!”เฟิงเย่เสวียนห่วงสุขภาพของนาง จึงพานางกลับจวนก่อนแล้วเมื่อทั้งสองไปแล้ว เหล่าคนรับใช้จึงกล้าขยับตัว รีบเข้าไปห่วงใย “นายท่าน ท่านไม่เป็นอะไรกระมัง?”“นายท่าน…”“ไสหัวไป!”ท
สายตาที่เขาหันไปมองนาง...หมองหม่นมากบรรยากาศบนตัวของเขาเหมือนกับจมดิ่งลงมาจนถึงจุดต่ำสุด ไม่มีความอบอุ่น ไม่มีความรู้สึกเลยแม้แต่นิดเดียว สายตาที่เย็นยะเยือกนั่นเหมือนกับกำลังจ้องมองศพ ทำให้อวิ๋นอิงลนลานโดยไม่มีสาเหตุเขาก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวเสื้อปลิวไสวตามสายลมที่พัดมา ความหนาวเย็นบนร่างกายปะทะเข้าที่ใบหน้าของนาง เกือบจะทำให้นางแข็งตายอวิ๋นอิงลำคอตีบตัน ถอยไปข้างหลังเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว“คะ คุณชายจิ่ง ข้ารู้ว่าการตายของจางเฟยทำให้ท่านเป็นทุกข์มาก แต่นี่ก็ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่พวกข้าอยากเห็นเช่นกัน ตระกูลกู้จะต้องชดใช้ ได้โปรดระงับความเศร้าด้วย...”ชายหนุ่มมองตรงไปที่นาง ไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียว ก้าวไปข้างหน้าอีกร่างกายที่แข็งแกร่งทอดเงาดำทะมึน ปกคลุมบนร่างกายของนาง บรรยากาศที่กดดันโชยเข้าไปในรูจมูกของนาง เหมือนกับตาข่ายใหญ่ที่ไร้รูปร่าง ปกคลุมนางเอาไว้ ทำให้นางไม่สามารถขยับหนีได้ยามราตรี บนถนน ไร้ซึ่งผู้คนลมพัดโชยมา ทำให้เงาเทียนสั่นไหว แผ่นหลังเย็นวาบ อวิ๋นอิงรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อยอย่างไม่มีสาเหตุ...นางเดินโซเซถอยหลังไปหลายก้าว จิตใต้สำนึกอยากจะวิ่งหนี แต่ฝ่ามือใหญ่ข
ตอนนั้น การระเบิดครั้งนั้นเกิดขึ้นอย่างกะทันหันมากเกินไป ถ้าหากไม่ใช่เพราะท่านโหวน้อยช่วยนางเอาไว้ได้ทันเวลา นางก็คงจะตายไม่ก็พิการนางคิดว่าจางเฟยบาดเจ็บความประมาท กลับคิดไม่ถึงว่าจะตายเพราะช่วยชีวิตนาง...ภายในชั่วพริบตา บนบ่าของนางก็มีภาระอันหนักอึ้งกดทับเอาไว้นางนึกถึงท่าทางตอนที่จางเฟยตาย ลำคอของนางตีบตัน หายใจหอบถี่ สะอึกจนพูดไม่ออก น้ำตาเม็ดใหญ่ไหลพราก“ข้าไม่รู้ว่าเรื่องราวจะกลายเป็นเช่นนี้ ข้าไม่ได้อยากให้จางเฟยเป็นอะไรเช่นกัน...โอ๊ย!”ทันใดนั้นคางก็ถูกบีบเอาไว้เจ็บปวดรุนแรง ราวกับกระดูกถูกบีบจนแหลกละเอียด!นางถูกบังคับให้เงยหน้าขึ้น สบตาแดงก่ำของชายหนุ่ม เพลิงโทสะราวกับสัตว์ป่านั่นราวกับจะจับนางกลืนลงไปทั้งเป็นชายหนุ่มกัดฟันกรอด“เจ้าไม่รู้หรือ?”น้ำเสียงเย็นชาขั้นสุด “คำว่าไม่รู้เพียงคำเดียวก็สามารถปัดความรับผิดชอบทั้งหมดได้อย่างนั้นหรือ? เจ้าไม่รู้สึกละอายใจเลยหรือ ไม่มีความรู้สึกตำหนิตนเอง คำว่าไม่รู้คำเดียว ก็สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเจ้าได้อย่างนั้นหรือ?”แต่จางเฟยต้องตายไปอย่างเสียเปล่า? ก็สมควรแล้วอย่างนั้นหรือ?คำตอบของอวิ๋นอิงได้ทำให้จิ่งอี้โกรธจัด
ทุกคนรออยู่ที่นอกประตูเมือง เฟิงเย่เสวียนขี่ม้าเข้าไปใกล้ สายตาจ้องฉู่เชียนหลีอย่างลึกซึ้งหลายวินาทีฉู่เชียนหลียิ้มระหว่างทั้งสองคน คำพูดมากมายไม่จำเป็นต้องพูด แค่สบตากัน ก็สามารถเข้าใจกันแล้วผ่านไปครู่หนึ่งเขาถอนสายตากลับ กระตุกม้าให้หยุดลง โน้มกายและเอื้อมมือไปรับลูก“ส่งเขาให้ข้า”เฟิงเจิ้งหลียิ้มได้อ่อนโยนมาก ก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวอย่างเชื่อฟัง ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อย ส่งเด็กที่อยู่ในมือออกไป“น้องเจ็ด เดินทางปลอดภัย”เขาเน้นเสียงคำว่า ‘ปลอดภัย’ เป็นพิเศษ เหมือนมีความหมายที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่อ๋องเฉินยื่นมือออกมาแล้ว ขณะที่กำลังจะสัมผัสโดนเด็ก เฟิงเจิ้งหลีปล่อยมือกะทันหันทันใดนั้นเด็กสูญเสียแรงยึดเหนี่ยว ร่วงลงไปโดยตรง!“จื่อเยี่ย!”พลันเฟิงเย่เสวียนแน่นหน้าอก กระโดดลงจากม้าด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด ก็เห็นอ๋องหลีรับเด็กไว้แล้ว และก็เพราะพริบตาที่เขาเผลอนี้ จึงถูกธนูลับดอกหนึ่งยิงเข้าที่สะบักฉึก…“อาเฉิน!”“ท่านอ๋อง!”เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่มีใครรับมือทันเวลาเฟิงเจิ้งหลีใช้มือซ้ายอุ้มเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ย มือขวาจับตัวฉู่เชียนหลี ถอยหลังเจ็ดแปดก้าว ขณะ
เฟิงเย่เสวียนเดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว “ปล่อยฉู่เชียนหลีกับเด็ก ข้าอยู่เอง เจ้าจับฉู่เชียนหลีไม่มีประโยชน์ มีเพียงจับข้าเท่านั้น เจ้าจึงจะสามารถนั่งราชบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง”เฟิงเจิ้งหลีเย้ยหยัน“อย่ามาต่อรองกับข้า ข้ายอมถอยให้แล้ว ถ้าหากยังได้คืบจะเอาศอก ข้าไม่ถือสาที่จะพินาศไปพร้อมกัน”ฉู่เชียนหลีรีบถอยกลับมาจับข้อมือเฟิงเย่เสวียน กล่าวเสียงเบา “เจ้าพาจื่อเยี่ยไป!”“เชียนหลี…”“คนที่เขาต้องการคือข้า มีเพียงเจ้าไปและมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น จึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ จื่อเยี่ยไปแล้ว ข้าจึงจะวางใจ ถึงเวลานั้น เขาก็ไม่มีข้อได้เปรียบอีก และไม่จำเป็นต้องกลัวเขาอีกแล้ว” ฉู่เชียนหลีวิเคราะห์เบาๆ อย่างฉับไวเฟิงเจิ้งหลีไม่มีทางฆ่านางใช้นางคนเดียว แลกกับความปลอดภัยของจื่อเยี่ย แลกกับความปลอดภัยของทุกคน อย่างไรก็ดีกว่าสู้กันตายไปข้างหนึ่ง เลือดนองเหมือนแม่น้ำไม่ใช่ว่านางจะถูกขังอยู่ในเมืองหลวงตลอดไปตราบใดที่ยังมีชีวิต ก็มีโอกาสเฟิงเย่เสวียนรู้ผลได้ผลเสียในนี้ เด็กคนนี้อย่างไรก็ต้องช่วย แต่เขาจะทิ้งฉู่เชียนหลีไว้คนเดียวได้อย่างไร“เชียนหลี ข้ามันไร้ประโยชน์”“ข้าไม่อนุญาตให้เจ
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู
พลันฉู่เชียนหลีแน่นหน้าอก“หยุดนะ…”“อย่าเข้ามา!”ฉู่เจียวเจียวถอยหลังสามก้าว มือซ้ายจับเด็ก มือขวาถือมีดสั้น มีดสั้นที่แวววาวจ่ออยู่บนผิวอันบอบบางของเด็ก กรีดจนรอยเลือดออกแล้วเลือดไหลออกมาแล้ว“จู่ๆ เจ้าก็มาเป็นห่วงข้า และยังพยายามอยากอุ้มลูกทุกวิถีทาง ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าไม่ได้มีเจตนาดี”นางยิ้มอย่างเย็นชา“เหอะ! ดูเหมือนฮ่องเต้ที่แกไม่ตายสักทีนั่นเป็นคนบอกเรื่องนี้กับเจ้าสินะ!”ไอ้แก่ เป็นอัมพาตเฉียบพลันยังไม่ยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมอีกต่อให้รู้ความจริงแล้วอย่างไร?ชีวิตของเด็กคนนี้อยู่ในมือนาง“ฉู่เชียนหลีนะฉู่เชียนหลี เจ้าคิดอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงกระมังว่า เจ้าเลี้ยงลูกสาวข้า ข้าเลี้ยงลูกชายเจ้า และก็ต้องขอบคุณลูกชายคนดีคนนี้ของเจ้า กลายเป็นตัวช่วยที่สำคัญของอ๋องหลี” นางเผยอมุมปาก รอยยิ้มนั้นน่ากลัวมากฉู่เชียนหลียืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ไม่กล้าขยับ“เจ้าต้องการอะไร?”ฉู่เชียนหลีจ้องมีดสั้นในมือนาง กลัวว่านางจะพลั้งเผลอกรีดโดนคอของเด็กตั้งครรภ์สิบเดือนลูกชายเป็นก้อนเนื้อชิ้นหนึ่งที่ตกลงมาจากร่างกายนางนางไม่กล้าเดิมพัน และเดิมพันไม่ไหวฉู่เจียวเจียวกล่าว “ข้าต้องก
กลางดึกกำลังถึงช่วงที่คนเงียบสงบ คนกลุ่มหนึ่งวิ่งไปที่ตำหนักเจาหยางราวกับคลื่นยักษ์ ตอนที่ใกล้จะถึง ฉู่เชียนหลีตวาดสั่งให้พวกเขาหยุด“พวกเจ้าอยู่ห่างๆ อยากเข้าใกล้!”พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความเป็นห่วง “พระชายา พวกเราต้องไปเอาพระนัดดาองค์โตกลับมา นั่นเป็นเลือดเนื้อของท่านกับท่านอ๋องนะ”“ข้ารู้!”ก็เพราะรู้ จึงไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้“ไปทำอะไรคนเยอะแยะ ถ้าหากบีบจนฉู่เจียวเจียวไม่มีทางเลือก นางทำอะไรขึ้นมา…”ฉู่เชียนหลีแทบจะเป็นบ้าแล้ว ร้อนรนเหมือนมดที่อยู่บนกระทะร้อน ทั้งร้อนใจทั้งไม่สบายใจ น้ำเสียงก็ค่อนข้างฉุนเฉียวไม่อยากพูดมาก วิ่งเข้าไปในตำหนักเจาหยางเพียงลำพัง คนอื่นรออยู่ที่ข้างนอก ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามภายในตำหนักฉู่เจียวเจียวกำลังกล่อมจื่อเยี่ย ฉู่เจียวเจียวมาแล้ว นางมองเด็กน้อยที่อ้วนสมบูรณ์ กล่าวโดยไม่เงยหน้า“พระชายาอ๋องเฉิน ลูกของข้าเพิ่งนอนหลับ ”โปรดให้อภัย ข้าอุ้มเขาไว้ ร่างกายหนัก ไม่สะดวกลุกขึ้นยืน สายตาฉู่เชียนหลีมองไปที่ตัวเด็กเด็กน้อยอ้วนสมบูรณ์ ใบหน้าจ้ำม่ำ คิ้วละเอียดอ่อน หน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดู คล้ายเฟิงเจิ้งเว่ยซีแปดส่วนเหตุใดเมื่อก่อนนางไม่สังเกต