ตอนนั้น การระเบิดครั้งนั้นเกิดขึ้นอย่างกะทันหันมากเกินไป ถ้าหากไม่ใช่เพราะท่านโหวน้อยช่วยนางเอาไว้ได้ทันเวลา นางก็คงจะตายไม่ก็พิการนางคิดว่าจางเฟยบาดเจ็บความประมาท กลับคิดไม่ถึงว่าจะตายเพราะช่วยชีวิตนาง...ภายในชั่วพริบตา บนบ่าของนางก็มีภาระอันหนักอึ้งกดทับเอาไว้นางนึกถึงท่าทางตอนที่จางเฟยตาย ลำคอของนางตีบตัน หายใจหอบถี่ สะอึกจนพูดไม่ออก น้ำตาเม็ดใหญ่ไหลพราก“ข้าไม่รู้ว่าเรื่องราวจะกลายเป็นเช่นนี้ ข้าไม่ได้อยากให้จางเฟยเป็นอะไรเช่นกัน...โอ๊ย!”ทันใดนั้นคางก็ถูกบีบเอาไว้เจ็บปวดรุนแรง ราวกับกระดูกถูกบีบจนแหลกละเอียด!นางถูกบังคับให้เงยหน้าขึ้น สบตาแดงก่ำของชายหนุ่ม เพลิงโทสะราวกับสัตว์ป่านั่นราวกับจะจับนางกลืนลงไปทั้งเป็นชายหนุ่มกัดฟันกรอด“เจ้าไม่รู้หรือ?”น้ำเสียงเย็นชาขั้นสุด “คำว่าไม่รู้เพียงคำเดียวก็สามารถปัดความรับผิดชอบทั้งหมดได้อย่างนั้นหรือ? เจ้าไม่รู้สึกละอายใจเลยหรือ ไม่มีความรู้สึกตำหนิตนเอง คำว่าไม่รู้คำเดียว ก็สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเจ้าได้อย่างนั้นหรือ?”แต่จางเฟยต้องตายไปอย่างเสียเปล่า? ก็สมควรแล้วอย่างนั้นหรือ?คำตอบของอวิ๋นอิงได้ทำให้จิ่งอี้โกรธจัด
ค่ำคืนนี้ ยาวนานเป็นพิเศษตอนเช้า บรรดาชาวบ้านต่างพากันวิจารณ์ถึงเสียงระเบิดเมื่อคืนนี้ อานุภาพของแรงระเบิดไม่เบา คนมากมายต่างก็ได้ยิน แต่พวกเขากลับไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ต่างกำลังพากันคาดเดาจวนโหวติ้งกว๋อหลิงเชียนอี้ตื่นขึ้นมาจากการสลบ อย่างแรกก็คือพยายามลงจากเตียง จะไปหาอวิ๋นอิงองค์หญิงใหญ่รีบกดเขาเอาไว้ “เจ้าลูกคนนี้ รู้หรือไหมว่าตนเองบาดเจ็บสาหัสเพียงใด? จะพักฟื้นให้ร่างกายของตนเองหายดีก่อนไม่ได้หรือ?”ภายใต้แรงระเบิด ทั่วทั้งแผ่นหลังของเขาถูกระเบิดจนเละ เนื้อแหลกละเอียดหลิงเชียนอี้ทนเจ็บ “ข้าจะไปรักษาตัวที่เรือนข้างท่านน้า!”องค์หญิงใหญ่ “...”โหวติ้งกว๋อ “...”คำพูดประโยคนี้ ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะคิดถึงนังหนูอวิ๋นอิงนั่นหรอกหรือ?องค์หญิงใหญ่เองก็จนปัญญาเช่นกัน “เจ้าลูกบ้าคนนี้นี่ แม่รู้ว่าเจ้าชื่นชอบอวิ๋นอิง แต่อวิ๋นอิงก็อยู่ที่ในจวนอ๋องเฉิน หนีไปไหนไม่ได้หรอก เจ้าวางใจเถอะ”“ดูสภาพที่หมดอนาคตของเจ้านั่น” โหวติ้งกว๋อเอามือไพล่หลังยืนอยู่ที่บริเวณปลายเตียง กล่าวอย่างเยาะหยัน “ทำอย่างกับไม่เคยเห็นผู้หญิงมาก่อน”หลิงเชียนอี้ถลึงตา “ท่านไม่ต้องยุ่ง! ฮึ! ก็ข้าชอบพออว
นายท่านรองกู้เข้าวังหลวง ตั้งแต่เช้าตรู่ เมื่อมาถึงด้านหน้าห้องทรงพระอักษร ก็ลากขาที่เป๋ข้างหนึ่ง แบกหน้าที่เขียวช้ำ ‘โอ๊ย’ ‘โอ๊ย’ เดินเข้าไปด้วยร้องเสียงเวทนาเมื่อฝ่าบาทเห็นสภาพจนตรอกใบหน้าบวมช้ำของเขา ก็หรี่ตาลงเรื่องที่เกิดขึ้นที่ตระกูลกู้เมื่อคืนนี้ เขาได้ยินมาคร่าว ๆ แล้วแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีร้อนใจเล็กน้อย ถามด้วยความห่วงใย “หัวหน้าตระกูลกู้เหตุใดจึงมีสภาพเช่นนี้? นี่เจ้า...”“ฝ่าบาท ท่านต้องช่วยทวงความยุติธรรมให้กระหม่อมด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ!”ทันทีที่นายท่านรองกู้ ก็ร้องเสียงเวทนาเมื่อนึกถึงการที่เขาใช้อำนาจบาตรใหญ่ โอ้อวดอานุภาพตลอดหลายปีมานี้ แม้แต่ฝ่าบาทยังต้องเคารพเขา แต่กลับถูกฉู่เชียนหลีทำร้ายจนน่วมช้ำ ปวดกระดูกไปทั้งตัว น่าอนาถราวลูกหมาตกน้ำความแค้นนี้ เขาไม่มีทางยอมแน่!เขาคุกเข่าลงไป เอามือกุมเบ้าตาที่บวมช้ำ กล่าวอย่างน้อยใจ“เมื่อคืนนี้ กระหม่อมจัดงานเลี้ยงที่เรือน ได้เชื้อเชิญท่านโหวน้อยและคนอื่น ๆ คิดไม่ถึงว่าเด็กรับใช้ที่จวนจะทำงานไม่ได้เรื่อง ทำให้ห้องครัวไฟไหม้ ทำให้ดินปืนลุกไหม้ จนเกิดการระเบิด พระชายาอ๋องเฉินที่แยกแยะผิดชอบชั่วดี
ฉู่เชียนหลีมาแล้ว!นางสวมชุดสีขาวที่เรียบง่ายและสง่างาม มือข้างหนึ่งประคองท้องที่กลมป๊อก สาวเท้ายาวเดินเข้ามาด้านใน เดินอย่างว่องไว สายตาที่เฉียบแหลมเย็นชามองตรงไปยังนายท่านรองกู้ไอ้คนชั่วขี้ฟ้องตัวดี!ถ้าหากไม่ใช่เพราะเฟิงเย่เสวียนได้รับข่าว บอกว่านายท่านรองกู้เข้าวัง นางก็คงไม่รู้ถึงความคิดบิดเบี้ยวของเขาติดค้างหนึ่งชีวิต จะให้จบไปง่าย ๆแบบนี้ได้อย่างไร?สายตาของนายท่านรองกู้เปล่งประกาย วิเคราะห์ในใจตอนนี้ ทักษะการสำรวจของตระกูลกู้ได้รับภัยคุกคาม ไม่ใช่สิ่งที่มั่นคงอีกต่อไป ทั้งฉู่เชียนหลีเป็นสะใภ้ของราชวงศ์ ถ้าหากทะเลาะกันขึ้นมา ฝ่าบาทจะต้องช่วยฉู่เชียนหลีแน่เพื่อหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ เขาจงใจทำท่าทางทุกข์ใจ“พระชายาอ๋องเฉิน นี่คือพระประสงค์ของฝ่าบาท ท่านมีความผิด ข้าเองก็มีความผิดเช่นกัน พวกเราถอยกันคนละก้าว ทะเลท้องฟ้ากว้างใหญ่ไพศาล ทุกคนล้วนอยู่ในเมืองหลวง จะต้องเจอหน้ากันบ่อย ๆ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทะเลาะกันจนมองหน้ากันไม่ติด”“อีกอย่าง นี่ก็เป็นเพียงอุบัติเหตุเท่านั้น”เป็นเพียง?อุบัติเหตุ?ฉู่เชียนหลีแสยะยิ้ม “คำพูดที่น่าฝืนใจเช่นนี้เจ้าพูดออกมาได้อย่างไร?
เสียงที่ดุดันดังลั่นไปทั่วทั้งห้องทรงพระอักษร เหล่าขันทีทุกคนตกใจจนก้มหน้า ฮ่องเต้ก็ประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกันเหตุการณ์ระเบิดครั้งเดียว ก็ทำให้ฉู่เชียนหลีโมโหถึงขั้นนี้เลย?หรือเป็นเพราะเรื่องอื่น?แต่ว่าเวลาที่นางคำราม ความน่าเกรงขามมาเต็มจริงๆ ท่าทางนั่น ความเด็ดเดี่ยวนั่น แม้แต่ผู้ชายหลายคนก็เทียบไม่ติด เฟิงเย่เสวียนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ถูกราศีนางกลบไปด้วยนายท่านรองกู้โมโหแล้ว “เจ้า! เจ้าๆ…”เดิมพันก็ส่วนเดิมพัน ขายลูกสาวมีที่ไหนกัน!หันไปก็ฟ้องฮ่องเต้ทันที “ฝ่าบาท ต้องออกหน้าแทนกระหม่อมนะพ่ะย่ะค่ะ พระชายาอ๋องเฉินนางไร้เหตุผลสิ้นดี!”ฮ่องเต้กะพริบตา“หัวหน้าตระกูลกู้ ด้วยมิตรภาพระหว่างตระกูลกู้กับราชวงศ์ เราจะไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแน่นอน”“แต่เราขอพูดอย่างเป็นธรรมก่อน ท่านเป็นคนยอมรับการเดิมพันครั้งนี้ด้วยตัวเอง ตอนนั้นไม่มีใครเอามีดมาจี้คอบังคับท่าน เหตุใดจึงกลายเป็นฉู่เชียนหลีไร้เหตุผลได้?”คำถามประโยคเดียว ทำเอานายท่านรองกู้พูดไม่ออก“นี่…”เขาชะงักครู่หนึ่ง“ข้าตอบตกลงจะให้หลังจากนี้ครึ่งเดือน พระชายาอ๋องเฉินก็จะให้ขายลูกสาวของข้า!”“เช่นนั้นท่านเดิมพันแพ้แล้ว ย่อ
กรมคลังมีหน้าที่ดูแลด้านทะเบียนบ้าน โฉนดบ้าน โฉนดที่ดิน สัญญาและเรื่องอื่นๆ ทั่วทั้งแคว้น เจ้ากรมคลังเข้าวัง ค้นม้วนเอกสารออกมา หาโฉนดที่ดินและโฉนดร้านค้าของตระกูลกู้จนเจอซ่าๆๆในเวลาครึ่งเค่อสั้นๆ ร้านค้าหลายสิบแห่งถูกโอนไปอยู่ภายใต้ชื่อฉู่เชียนหลีนายท่านรองกู้โมโหจนกระอักเลือดต่อมา ฉู่เชียนหลีเอ่ยปากกล่าวอีกหนึ่งประโยค : รายได้ทั้งหมดก่อนที่นางจะรับช่วงร้านค้าเหล่านี้ต่อ บริจาคให้ท้องพระคลังทั้งหมดไม่เพียงเอาร้านค้าไปสิบกว่าแห่ง และยังแย่งกำไรของปีนี้ไปด้วยพลันนายท่านรองกู้หายใจไม่ทัน โมโหจนเป็นลมโดยตรง…“หัวหน้าตระกูลกู้เป็นลมไปแล้ว รีบเรียกหมอหลวงมาช่วยด่วน!”“...”จวนอ๋องเฉินหลิงเชียนอี้แบกร่างกายที่บาดเจ็บสาหัส ไม่มีเวลาสนใจความเจ็บปวดตรงแผ่นหลัง แม้มีเลือดออกแล้ว ก็ไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด ความตื่นเต้นและความสุขกลบความเจ็บปวดไว้อย่างสิ้นเชิงวิ่งมาถึงจวนอ๋องเฉิน กลับไม่เจออวิ๋นอิงหาอยู่หนึ่งรอบก็ไม่เจอ“อวิ๋นอิง?”“อวิ๋นอิง!”“เยว่เอ๋อร์ เจ้าเห็นอวิ๋นอิงหรือไม่” เขาเข้าไปในเรือนหานเฟิง ถามเยว่เอ๋อร์ที่กำลังกวาดใบไม้เยว่เอ๋อร์ส่ายศีรษะ“เจ้าก็ไม่รู้ว่านางไปไ
หลิงเชียนอี้ไม่รู้สึกตัว พูดเรื่องที่ตัวเองมาด้วยความดีใจ“อวิ๋นอิง แม่ข้าบอกว่าอยากเจอเจ้า และยังตอบตกลงให้เลือกวันที่เป็นสิริมงคล จัดงานแต่งให้พวกเรา! พรุ่งนี้พวกเราก็กลับบ้านกันเถอะ!”เขาเดินเข้าไปด้วยความตื่นเต้น อยากจับมือของอวิ๋นอิงเพิ่งสัมผัสโดน อวิ๋นอิงก็เลี่ยงออกราวกับถูกไฟช็อตแววตาของนางสั่นไหว กำคอเสื้อซ่อนตัวเองโดยไม่รู้ตัว“อวิ๋นอิง เจ้า…เป็นอะไร!”เมื่อก่อนอวิ๋นอิงมักจะว่าเขานอกคอก ประมาท ไม่น่าเชื่อถือ เหตุใดวันนี้จึงแปลกๆ?อวิ๋นอิงหลุบตา นึกถึงเรื่องเมื่อคืน…นางชอบเขา ชอบมากปีที่แล้วตอนโรคระบาดรุนแรงที่สุด พวกเขารู้จักกัน เขามักจะชอบเดินตามหลังนาง เรียกนางว่าเจ้าหูตึงตอนที่นางได้รับบาดเจ็บ ตอนที่นางเสียใจ ตอนที่นางกังวลใจ เขามักจะเป็นคนแรกที่เอาใจใส่และดูแลนางเขานอกคอกมาก กลับรู้จักถ่อมตนเวลาอยู่ต่อหน้านางเขาอารมณ์ฉุนเฉียว อะไรไม่เข้าหูก็ด่าทอ กลับไม่เคยดุนางเขาเป็นคนใจร้อนที่เรียกลมต้องได้ลม เรียกฝนต้องได้ฝน ทว่ากลับยอมอ่อนข้อเพื่อนางในวัยแรกแย้มตอนอายุสิบกว่าขวบ ความรักของเด็กหนุ่มกับเด็กสาวมันสวยงามมาก ไม่ต้องผ่านเหตุการณ์เลวร้าย ไม่ต้องมีคำพูด
“อวิ๋นอิง เจ้าหายโกรธนะ ข้ารับรองว่าตั้งแต่นี้เป็นต้นไป จะปกป้องเจ้าอย่างดี ไม่ให้เจ้าหลั่งน้ำตาแม้แต่หยดเดียว!”“ถ้าหากมีคนอยากทำร้ายเจ้า ข้าก็จะฆ่าคนคนนั้น ใครทำให้เจ้าไม่พอใจ ข้าก็จะทำลายคนคนนั้น ข้าจะไม่ให้เจ้าได้รับบาดเจ็บอีก ดีหรือไม่”“เจ้าเชื่อข้านะ!”เด็กหนุ่มกุมมือนางแน่น รับประกันอย่างจริงจังในสายตาและในใจของเขา มีแต่นางคนเดียวคนที่ตกลงกันแล้วว่าจะแต่งงานและจับมือเดินไปด้วยกันทั้งชีวิต จะทิ้งกันระหว่างทางได้อย่างไร? “ข้ากับพ่อข้านิสัยเดียวกัน ตอนนั้นมีคุณหนูมากมายชอบพ่อข้า แต่พ่อข้าชอบแม่ข้าคนเดียว ยี่สิบกว่าปีนี้ ไม่มีเมียน้อยแม้แต่คนเดียว นอกจากแม่ข้าแล้ว ไม่เคยแตะแม้แต่ปลายนิ้วของผู้หญิงคนอื่น”“ข้าทำตามพ่อข้า คนที่ข้าหลิงเชียนอี้เลือกแล้ว ไม่ตายไม่เลิก อวิ๋นอิง ข้าต้องการเจ้า!”สายตาของเขาจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนอวิ๋นอิงทนไม่ไหวอีกแล้ว น้ำตาทะลักออกมาจากเบ้า ตกลงไปข้างล่างเป็นเม็ดๆนางชอบเขามากจริงๆ!ความรักของเด็กหนุ่มก็เหมือนเมล็ดพืช หว่านลงในใจ เกิดรากแตกหน่อ เติบโตเป็นต้นไม้ที่สูงตระหง่าน ปัจจุบันจะถอนต้นไม้ต้นนี้ทิ้ง ก็เท่ากับเอาชีวิตของนางไปคร
ทุกคนรออยู่ที่นอกประตูเมือง เฟิงเย่เสวียนขี่ม้าเข้าไปใกล้ สายตาจ้องฉู่เชียนหลีอย่างลึกซึ้งหลายวินาทีฉู่เชียนหลียิ้มระหว่างทั้งสองคน คำพูดมากมายไม่จำเป็นต้องพูด แค่สบตากัน ก็สามารถเข้าใจกันแล้วผ่านไปครู่หนึ่งเขาถอนสายตากลับ กระตุกม้าให้หยุดลง โน้มกายและเอื้อมมือไปรับลูก“ส่งเขาให้ข้า”เฟิงเจิ้งหลียิ้มได้อ่อนโยนมาก ก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวอย่างเชื่อฟัง ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อย ส่งเด็กที่อยู่ในมือออกไป“น้องเจ็ด เดินทางปลอดภัย”เขาเน้นเสียงคำว่า ‘ปลอดภัย’ เป็นพิเศษ เหมือนมีความหมายที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่อ๋องเฉินยื่นมือออกมาแล้ว ขณะที่กำลังจะสัมผัสโดนเด็ก เฟิงเจิ้งหลีปล่อยมือกะทันหันทันใดนั้นเด็กสูญเสียแรงยึดเหนี่ยว ร่วงลงไปโดยตรง!“จื่อเยี่ย!”พลันเฟิงเย่เสวียนแน่นหน้าอก กระโดดลงจากม้าด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด ก็เห็นอ๋องหลีรับเด็กไว้แล้ว และก็เพราะพริบตาที่เขาเผลอนี้ จึงถูกธนูลับดอกหนึ่งยิงเข้าที่สะบักฉึก…“อาเฉิน!”“ท่านอ๋อง!”เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่มีใครรับมือทันเวลาเฟิงเจิ้งหลีใช้มือซ้ายอุ้มเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ย มือขวาจับตัวฉู่เชียนหลี ถอยหลังเจ็ดแปดก้าว ขณะ
เฟิงเย่เสวียนเดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว “ปล่อยฉู่เชียนหลีกับเด็ก ข้าอยู่เอง เจ้าจับฉู่เชียนหลีไม่มีประโยชน์ มีเพียงจับข้าเท่านั้น เจ้าจึงจะสามารถนั่งราชบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง”เฟิงเจิ้งหลีเย้ยหยัน“อย่ามาต่อรองกับข้า ข้ายอมถอยให้แล้ว ถ้าหากยังได้คืบจะเอาศอก ข้าไม่ถือสาที่จะพินาศไปพร้อมกัน”ฉู่เชียนหลีรีบถอยกลับมาจับข้อมือเฟิงเย่เสวียน กล่าวเสียงเบา “เจ้าพาจื่อเยี่ยไป!”“เชียนหลี…”“คนที่เขาต้องการคือข้า มีเพียงเจ้าไปและมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น จึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ จื่อเยี่ยไปแล้ว ข้าจึงจะวางใจ ถึงเวลานั้น เขาก็ไม่มีข้อได้เปรียบอีก และไม่จำเป็นต้องกลัวเขาอีกแล้ว” ฉู่เชียนหลีวิเคราะห์เบาๆ อย่างฉับไวเฟิงเจิ้งหลีไม่มีทางฆ่านางใช้นางคนเดียว แลกกับความปลอดภัยของจื่อเยี่ย แลกกับความปลอดภัยของทุกคน อย่างไรก็ดีกว่าสู้กันตายไปข้างหนึ่ง เลือดนองเหมือนแม่น้ำไม่ใช่ว่านางจะถูกขังอยู่ในเมืองหลวงตลอดไปตราบใดที่ยังมีชีวิต ก็มีโอกาสเฟิงเย่เสวียนรู้ผลได้ผลเสียในนี้ เด็กคนนี้อย่างไรก็ต้องช่วย แต่เขาจะทิ้งฉู่เชียนหลีไว้คนเดียวได้อย่างไร“เชียนหลี ข้ามันไร้ประโยชน์”“ข้าไม่อนุญาตให้เจ
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู
พลันฉู่เชียนหลีแน่นหน้าอก“หยุดนะ…”“อย่าเข้ามา!”ฉู่เจียวเจียวถอยหลังสามก้าว มือซ้ายจับเด็ก มือขวาถือมีดสั้น มีดสั้นที่แวววาวจ่ออยู่บนผิวอันบอบบางของเด็ก กรีดจนรอยเลือดออกแล้วเลือดไหลออกมาแล้ว“จู่ๆ เจ้าก็มาเป็นห่วงข้า และยังพยายามอยากอุ้มลูกทุกวิถีทาง ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าไม่ได้มีเจตนาดี”นางยิ้มอย่างเย็นชา“เหอะ! ดูเหมือนฮ่องเต้ที่แกไม่ตายสักทีนั่นเป็นคนบอกเรื่องนี้กับเจ้าสินะ!”ไอ้แก่ เป็นอัมพาตเฉียบพลันยังไม่ยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมอีกต่อให้รู้ความจริงแล้วอย่างไร?ชีวิตของเด็กคนนี้อยู่ในมือนาง“ฉู่เชียนหลีนะฉู่เชียนหลี เจ้าคิดอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงกระมังว่า เจ้าเลี้ยงลูกสาวข้า ข้าเลี้ยงลูกชายเจ้า และก็ต้องขอบคุณลูกชายคนดีคนนี้ของเจ้า กลายเป็นตัวช่วยที่สำคัญของอ๋องหลี” นางเผยอมุมปาก รอยยิ้มนั้นน่ากลัวมากฉู่เชียนหลียืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ไม่กล้าขยับ“เจ้าต้องการอะไร?”ฉู่เชียนหลีจ้องมีดสั้นในมือนาง กลัวว่านางจะพลั้งเผลอกรีดโดนคอของเด็กตั้งครรภ์สิบเดือนลูกชายเป็นก้อนเนื้อชิ้นหนึ่งที่ตกลงมาจากร่างกายนางนางไม่กล้าเดิมพัน และเดิมพันไม่ไหวฉู่เจียวเจียวกล่าว “ข้าต้องก
กลางดึกกำลังถึงช่วงที่คนเงียบสงบ คนกลุ่มหนึ่งวิ่งไปที่ตำหนักเจาหยางราวกับคลื่นยักษ์ ตอนที่ใกล้จะถึง ฉู่เชียนหลีตวาดสั่งให้พวกเขาหยุด“พวกเจ้าอยู่ห่างๆ อยากเข้าใกล้!”พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความเป็นห่วง “พระชายา พวกเราต้องไปเอาพระนัดดาองค์โตกลับมา นั่นเป็นเลือดเนื้อของท่านกับท่านอ๋องนะ”“ข้ารู้!”ก็เพราะรู้ จึงไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้“ไปทำอะไรคนเยอะแยะ ถ้าหากบีบจนฉู่เจียวเจียวไม่มีทางเลือก นางทำอะไรขึ้นมา…”ฉู่เชียนหลีแทบจะเป็นบ้าแล้ว ร้อนรนเหมือนมดที่อยู่บนกระทะร้อน ทั้งร้อนใจทั้งไม่สบายใจ น้ำเสียงก็ค่อนข้างฉุนเฉียวไม่อยากพูดมาก วิ่งเข้าไปในตำหนักเจาหยางเพียงลำพัง คนอื่นรออยู่ที่ข้างนอก ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามภายในตำหนักฉู่เจียวเจียวกำลังกล่อมจื่อเยี่ย ฉู่เจียวเจียวมาแล้ว นางมองเด็กน้อยที่อ้วนสมบูรณ์ กล่าวโดยไม่เงยหน้า“พระชายาอ๋องเฉิน ลูกของข้าเพิ่งนอนหลับ ”โปรดให้อภัย ข้าอุ้มเขาไว้ ร่างกายหนัก ไม่สะดวกลุกขึ้นยืน สายตาฉู่เชียนหลีมองไปที่ตัวเด็กเด็กน้อยอ้วนสมบูรณ์ ใบหน้าจ้ำม่ำ คิ้วละเอียดอ่อน หน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดู คล้ายเฟิงเจิ้งเว่ยซีแปดส่วนเหตุใดเมื่อก่อนนางไม่สังเกต