ตอนนั้น การระเบิดครั้งนั้นเกิดขึ้นอย่างกะทันหันมากเกินไป ถ้าหากไม่ใช่เพราะท่านโหวน้อยช่วยนางเอาไว้ได้ทันเวลา นางก็คงจะตายไม่ก็พิการนางคิดว่าจางเฟยบาดเจ็บความประมาท กลับคิดไม่ถึงว่าจะตายเพราะช่วยชีวิตนาง...ภายในชั่วพริบตา บนบ่าของนางก็มีภาระอันหนักอึ้งกดทับเอาไว้นางนึกถึงท่าทางตอนที่จางเฟยตาย ลำคอของนางตีบตัน หายใจหอบถี่ สะอึกจนพูดไม่ออก น้ำตาเม็ดใหญ่ไหลพราก“ข้าไม่รู้ว่าเรื่องราวจะกลายเป็นเช่นนี้ ข้าไม่ได้อยากให้จางเฟยเป็นอะไรเช่นกัน...โอ๊ย!”ทันใดนั้นคางก็ถูกบีบเอาไว้เจ็บปวดรุนแรง ราวกับกระดูกถูกบีบจนแหลกละเอียด!นางถูกบังคับให้เงยหน้าขึ้น สบตาแดงก่ำของชายหนุ่ม เพลิงโทสะราวกับสัตว์ป่านั่นราวกับจะจับนางกลืนลงไปทั้งเป็นชายหนุ่มกัดฟันกรอด“เจ้าไม่รู้หรือ?”น้ำเสียงเย็นชาขั้นสุด “คำว่าไม่รู้เพียงคำเดียวก็สามารถปัดความรับผิดชอบทั้งหมดได้อย่างนั้นหรือ? เจ้าไม่รู้สึกละอายใจเลยหรือ ไม่มีความรู้สึกตำหนิตนเอง คำว่าไม่รู้คำเดียว ก็สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเจ้าได้อย่างนั้นหรือ?”แต่จางเฟยต้องตายไปอย่างเสียเปล่า? ก็สมควรแล้วอย่างนั้นหรือ?คำตอบของอวิ๋นอิงได้ทำให้จิ่งอี้โกรธจัด
ค่ำคืนนี้ ยาวนานเป็นพิเศษตอนเช้า บรรดาชาวบ้านต่างพากันวิจารณ์ถึงเสียงระเบิดเมื่อคืนนี้ อานุภาพของแรงระเบิดไม่เบา คนมากมายต่างก็ได้ยิน แต่พวกเขากลับไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ต่างกำลังพากันคาดเดาจวนโหวติ้งกว๋อหลิงเชียนอี้ตื่นขึ้นมาจากการสลบ อย่างแรกก็คือพยายามลงจากเตียง จะไปหาอวิ๋นอิงองค์หญิงใหญ่รีบกดเขาเอาไว้ “เจ้าลูกคนนี้ รู้หรือไหมว่าตนเองบาดเจ็บสาหัสเพียงใด? จะพักฟื้นให้ร่างกายของตนเองหายดีก่อนไม่ได้หรือ?”ภายใต้แรงระเบิด ทั่วทั้งแผ่นหลังของเขาถูกระเบิดจนเละ เนื้อแหลกละเอียดหลิงเชียนอี้ทนเจ็บ “ข้าจะไปรักษาตัวที่เรือนข้างท่านน้า!”องค์หญิงใหญ่ “...”โหวติ้งกว๋อ “...”คำพูดประโยคนี้ ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะคิดถึงนังหนูอวิ๋นอิงนั่นหรอกหรือ?องค์หญิงใหญ่เองก็จนปัญญาเช่นกัน “เจ้าลูกบ้าคนนี้นี่ แม่รู้ว่าเจ้าชื่นชอบอวิ๋นอิง แต่อวิ๋นอิงก็อยู่ที่ในจวนอ๋องเฉิน หนีไปไหนไม่ได้หรอก เจ้าวางใจเถอะ”“ดูสภาพที่หมดอนาคตของเจ้านั่น” โหวติ้งกว๋อเอามือไพล่หลังยืนอยู่ที่บริเวณปลายเตียง กล่าวอย่างเยาะหยัน “ทำอย่างกับไม่เคยเห็นผู้หญิงมาก่อน”หลิงเชียนอี้ถลึงตา “ท่านไม่ต้องยุ่ง! ฮึ! ก็ข้าชอบพออว
นายท่านรองกู้เข้าวังหลวง ตั้งแต่เช้าตรู่ เมื่อมาถึงด้านหน้าห้องทรงพระอักษร ก็ลากขาที่เป๋ข้างหนึ่ง แบกหน้าที่เขียวช้ำ ‘โอ๊ย’ ‘โอ๊ย’ เดินเข้าไปด้วยร้องเสียงเวทนาเมื่อฝ่าบาทเห็นสภาพจนตรอกใบหน้าบวมช้ำของเขา ก็หรี่ตาลงเรื่องที่เกิดขึ้นที่ตระกูลกู้เมื่อคืนนี้ เขาได้ยินมาคร่าว ๆ แล้วแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีร้อนใจเล็กน้อย ถามด้วยความห่วงใย “หัวหน้าตระกูลกู้เหตุใดจึงมีสภาพเช่นนี้? นี่เจ้า...”“ฝ่าบาท ท่านต้องช่วยทวงความยุติธรรมให้กระหม่อมด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ!”ทันทีที่นายท่านรองกู้ ก็ร้องเสียงเวทนาเมื่อนึกถึงการที่เขาใช้อำนาจบาตรใหญ่ โอ้อวดอานุภาพตลอดหลายปีมานี้ แม้แต่ฝ่าบาทยังต้องเคารพเขา แต่กลับถูกฉู่เชียนหลีทำร้ายจนน่วมช้ำ ปวดกระดูกไปทั้งตัว น่าอนาถราวลูกหมาตกน้ำความแค้นนี้ เขาไม่มีทางยอมแน่!เขาคุกเข่าลงไป เอามือกุมเบ้าตาที่บวมช้ำ กล่าวอย่างน้อยใจ“เมื่อคืนนี้ กระหม่อมจัดงานเลี้ยงที่เรือน ได้เชื้อเชิญท่านโหวน้อยและคนอื่น ๆ คิดไม่ถึงว่าเด็กรับใช้ที่จวนจะทำงานไม่ได้เรื่อง ทำให้ห้องครัวไฟไหม้ ทำให้ดินปืนลุกไหม้ จนเกิดการระเบิด พระชายาอ๋องเฉินที่แยกแยะผิดชอบชั่วดี
ฉู่เชียนหลีมาแล้ว!นางสวมชุดสีขาวที่เรียบง่ายและสง่างาม มือข้างหนึ่งประคองท้องที่กลมป๊อก สาวเท้ายาวเดินเข้ามาด้านใน เดินอย่างว่องไว สายตาที่เฉียบแหลมเย็นชามองตรงไปยังนายท่านรองกู้ไอ้คนชั่วขี้ฟ้องตัวดี!ถ้าหากไม่ใช่เพราะเฟิงเย่เสวียนได้รับข่าว บอกว่านายท่านรองกู้เข้าวัง นางก็คงไม่รู้ถึงความคิดบิดเบี้ยวของเขาติดค้างหนึ่งชีวิต จะให้จบไปง่าย ๆแบบนี้ได้อย่างไร?สายตาของนายท่านรองกู้เปล่งประกาย วิเคราะห์ในใจตอนนี้ ทักษะการสำรวจของตระกูลกู้ได้รับภัยคุกคาม ไม่ใช่สิ่งที่มั่นคงอีกต่อไป ทั้งฉู่เชียนหลีเป็นสะใภ้ของราชวงศ์ ถ้าหากทะเลาะกันขึ้นมา ฝ่าบาทจะต้องช่วยฉู่เชียนหลีแน่เพื่อหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ เขาจงใจทำท่าทางทุกข์ใจ“พระชายาอ๋องเฉิน นี่คือพระประสงค์ของฝ่าบาท ท่านมีความผิด ข้าเองก็มีความผิดเช่นกัน พวกเราถอยกันคนละก้าว ทะเลท้องฟ้ากว้างใหญ่ไพศาล ทุกคนล้วนอยู่ในเมืองหลวง จะต้องเจอหน้ากันบ่อย ๆ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทะเลาะกันจนมองหน้ากันไม่ติด”“อีกอย่าง นี่ก็เป็นเพียงอุบัติเหตุเท่านั้น”เป็นเพียง?อุบัติเหตุ?ฉู่เชียนหลีแสยะยิ้ม “คำพูดที่น่าฝืนใจเช่นนี้เจ้าพูดออกมาได้อย่างไร?
เสียงที่ดุดันดังลั่นไปทั่วทั้งห้องทรงพระอักษร เหล่าขันทีทุกคนตกใจจนก้มหน้า ฮ่องเต้ก็ประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกันเหตุการณ์ระเบิดครั้งเดียว ก็ทำให้ฉู่เชียนหลีโมโหถึงขั้นนี้เลย?หรือเป็นเพราะเรื่องอื่น?แต่ว่าเวลาที่นางคำราม ความน่าเกรงขามมาเต็มจริงๆ ท่าทางนั่น ความเด็ดเดี่ยวนั่น แม้แต่ผู้ชายหลายคนก็เทียบไม่ติด เฟิงเย่เสวียนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ถูกราศีนางกลบไปด้วยนายท่านรองกู้โมโหแล้ว “เจ้า! เจ้าๆ…”เดิมพันก็ส่วนเดิมพัน ขายลูกสาวมีที่ไหนกัน!หันไปก็ฟ้องฮ่องเต้ทันที “ฝ่าบาท ต้องออกหน้าแทนกระหม่อมนะพ่ะย่ะค่ะ พระชายาอ๋องเฉินนางไร้เหตุผลสิ้นดี!”ฮ่องเต้กะพริบตา“หัวหน้าตระกูลกู้ ด้วยมิตรภาพระหว่างตระกูลกู้กับราชวงศ์ เราจะไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแน่นอน”“แต่เราขอพูดอย่างเป็นธรรมก่อน ท่านเป็นคนยอมรับการเดิมพันครั้งนี้ด้วยตัวเอง ตอนนั้นไม่มีใครเอามีดมาจี้คอบังคับท่าน เหตุใดจึงกลายเป็นฉู่เชียนหลีไร้เหตุผลได้?”คำถามประโยคเดียว ทำเอานายท่านรองกู้พูดไม่ออก“นี่…”เขาชะงักครู่หนึ่ง“ข้าตอบตกลงจะให้หลังจากนี้ครึ่งเดือน พระชายาอ๋องเฉินก็จะให้ขายลูกสาวของข้า!”“เช่นนั้นท่านเดิมพันแพ้แล้ว ย่อ
กรมคลังมีหน้าที่ดูแลด้านทะเบียนบ้าน โฉนดบ้าน โฉนดที่ดิน สัญญาและเรื่องอื่นๆ ทั่วทั้งแคว้น เจ้ากรมคลังเข้าวัง ค้นม้วนเอกสารออกมา หาโฉนดที่ดินและโฉนดร้านค้าของตระกูลกู้จนเจอซ่าๆๆในเวลาครึ่งเค่อสั้นๆ ร้านค้าหลายสิบแห่งถูกโอนไปอยู่ภายใต้ชื่อฉู่เชียนหลีนายท่านรองกู้โมโหจนกระอักเลือดต่อมา ฉู่เชียนหลีเอ่ยปากกล่าวอีกหนึ่งประโยค : รายได้ทั้งหมดก่อนที่นางจะรับช่วงร้านค้าเหล่านี้ต่อ บริจาคให้ท้องพระคลังทั้งหมดไม่เพียงเอาร้านค้าไปสิบกว่าแห่ง และยังแย่งกำไรของปีนี้ไปด้วยพลันนายท่านรองกู้หายใจไม่ทัน โมโหจนเป็นลมโดยตรง…“หัวหน้าตระกูลกู้เป็นลมไปแล้ว รีบเรียกหมอหลวงมาช่วยด่วน!”“...”จวนอ๋องเฉินหลิงเชียนอี้แบกร่างกายที่บาดเจ็บสาหัส ไม่มีเวลาสนใจความเจ็บปวดตรงแผ่นหลัง แม้มีเลือดออกแล้ว ก็ไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด ความตื่นเต้นและความสุขกลบความเจ็บปวดไว้อย่างสิ้นเชิงวิ่งมาถึงจวนอ๋องเฉิน กลับไม่เจออวิ๋นอิงหาอยู่หนึ่งรอบก็ไม่เจอ“อวิ๋นอิง?”“อวิ๋นอิง!”“เยว่เอ๋อร์ เจ้าเห็นอวิ๋นอิงหรือไม่” เขาเข้าไปในเรือนหานเฟิง ถามเยว่เอ๋อร์ที่กำลังกวาดใบไม้เยว่เอ๋อร์ส่ายศีรษะ“เจ้าก็ไม่รู้ว่านางไปไ
หลิงเชียนอี้ไม่รู้สึกตัว พูดเรื่องที่ตัวเองมาด้วยความดีใจ“อวิ๋นอิง แม่ข้าบอกว่าอยากเจอเจ้า และยังตอบตกลงให้เลือกวันที่เป็นสิริมงคล จัดงานแต่งให้พวกเรา! พรุ่งนี้พวกเราก็กลับบ้านกันเถอะ!”เขาเดินเข้าไปด้วยความตื่นเต้น อยากจับมือของอวิ๋นอิงเพิ่งสัมผัสโดน อวิ๋นอิงก็เลี่ยงออกราวกับถูกไฟช็อตแววตาของนางสั่นไหว กำคอเสื้อซ่อนตัวเองโดยไม่รู้ตัว“อวิ๋นอิง เจ้า…เป็นอะไร!”เมื่อก่อนอวิ๋นอิงมักจะว่าเขานอกคอก ประมาท ไม่น่าเชื่อถือ เหตุใดวันนี้จึงแปลกๆ?อวิ๋นอิงหลุบตา นึกถึงเรื่องเมื่อคืน…นางชอบเขา ชอบมากปีที่แล้วตอนโรคระบาดรุนแรงที่สุด พวกเขารู้จักกัน เขามักจะชอบเดินตามหลังนาง เรียกนางว่าเจ้าหูตึงตอนที่นางได้รับบาดเจ็บ ตอนที่นางเสียใจ ตอนที่นางกังวลใจ เขามักจะเป็นคนแรกที่เอาใจใส่และดูแลนางเขานอกคอกมาก กลับรู้จักถ่อมตนเวลาอยู่ต่อหน้านางเขาอารมณ์ฉุนเฉียว อะไรไม่เข้าหูก็ด่าทอ กลับไม่เคยดุนางเขาเป็นคนใจร้อนที่เรียกลมต้องได้ลม เรียกฝนต้องได้ฝน ทว่ากลับยอมอ่อนข้อเพื่อนางในวัยแรกแย้มตอนอายุสิบกว่าขวบ ความรักของเด็กหนุ่มกับเด็กสาวมันสวยงามมาก ไม่ต้องผ่านเหตุการณ์เลวร้าย ไม่ต้องมีคำพูด
“อวิ๋นอิง เจ้าหายโกรธนะ ข้ารับรองว่าตั้งแต่นี้เป็นต้นไป จะปกป้องเจ้าอย่างดี ไม่ให้เจ้าหลั่งน้ำตาแม้แต่หยดเดียว!”“ถ้าหากมีคนอยากทำร้ายเจ้า ข้าก็จะฆ่าคนคนนั้น ใครทำให้เจ้าไม่พอใจ ข้าก็จะทำลายคนคนนั้น ข้าจะไม่ให้เจ้าได้รับบาดเจ็บอีก ดีหรือไม่”“เจ้าเชื่อข้านะ!”เด็กหนุ่มกุมมือนางแน่น รับประกันอย่างจริงจังในสายตาและในใจของเขา มีแต่นางคนเดียวคนที่ตกลงกันแล้วว่าจะแต่งงานและจับมือเดินไปด้วยกันทั้งชีวิต จะทิ้งกันระหว่างทางได้อย่างไร? “ข้ากับพ่อข้านิสัยเดียวกัน ตอนนั้นมีคุณหนูมากมายชอบพ่อข้า แต่พ่อข้าชอบแม่ข้าคนเดียว ยี่สิบกว่าปีนี้ ไม่มีเมียน้อยแม้แต่คนเดียว นอกจากแม่ข้าแล้ว ไม่เคยแตะแม้แต่ปลายนิ้วของผู้หญิงคนอื่น”“ข้าทำตามพ่อข้า คนที่ข้าหลิงเชียนอี้เลือกแล้ว ไม่ตายไม่เลิก อวิ๋นอิง ข้าต้องการเจ้า!”สายตาของเขาจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนอวิ๋นอิงทนไม่ไหวอีกแล้ว น้ำตาทะลักออกมาจากเบ้า ตกลงไปข้างล่างเป็นเม็ดๆนางชอบเขามากจริงๆ!ความรักของเด็กหนุ่มก็เหมือนเมล็ดพืช หว่านลงในใจ เกิดรากแตกหน่อ เติบโตเป็นต้นไม้ที่สูงตระหง่าน ปัจจุบันจะถอนต้นไม้ต้นนี้ทิ้ง ก็เท่ากับเอาชีวิตของนางไปคร