กรมคลังมีหน้าที่ดูแลด้านทะเบียนบ้าน โฉนดบ้าน โฉนดที่ดิน สัญญาและเรื่องอื่นๆ ทั่วทั้งแคว้น เจ้ากรมคลังเข้าวัง ค้นม้วนเอกสารออกมา หาโฉนดที่ดินและโฉนดร้านค้าของตระกูลกู้จนเจอซ่าๆๆในเวลาครึ่งเค่อสั้นๆ ร้านค้าหลายสิบแห่งถูกโอนไปอยู่ภายใต้ชื่อฉู่เชียนหลีนายท่านรองกู้โมโหจนกระอักเลือดต่อมา ฉู่เชียนหลีเอ่ยปากกล่าวอีกหนึ่งประโยค : รายได้ทั้งหมดก่อนที่นางจะรับช่วงร้านค้าเหล่านี้ต่อ บริจาคให้ท้องพระคลังทั้งหมดไม่เพียงเอาร้านค้าไปสิบกว่าแห่ง และยังแย่งกำไรของปีนี้ไปด้วยพลันนายท่านรองกู้หายใจไม่ทัน โมโหจนเป็นลมโดยตรง…“หัวหน้าตระกูลกู้เป็นลมไปแล้ว รีบเรียกหมอหลวงมาช่วยด่วน!”“...”จวนอ๋องเฉินหลิงเชียนอี้แบกร่างกายที่บาดเจ็บสาหัส ไม่มีเวลาสนใจความเจ็บปวดตรงแผ่นหลัง แม้มีเลือดออกแล้ว ก็ไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด ความตื่นเต้นและความสุขกลบความเจ็บปวดไว้อย่างสิ้นเชิงวิ่งมาถึงจวนอ๋องเฉิน กลับไม่เจออวิ๋นอิงหาอยู่หนึ่งรอบก็ไม่เจอ“อวิ๋นอิง?”“อวิ๋นอิง!”“เยว่เอ๋อร์ เจ้าเห็นอวิ๋นอิงหรือไม่” เขาเข้าไปในเรือนหานเฟิง ถามเยว่เอ๋อร์ที่กำลังกวาดใบไม้เยว่เอ๋อร์ส่ายศีรษะ“เจ้าก็ไม่รู้ว่านางไปไ
หลิงเชียนอี้ไม่รู้สึกตัว พูดเรื่องที่ตัวเองมาด้วยความดีใจ“อวิ๋นอิง แม่ข้าบอกว่าอยากเจอเจ้า และยังตอบตกลงให้เลือกวันที่เป็นสิริมงคล จัดงานแต่งให้พวกเรา! พรุ่งนี้พวกเราก็กลับบ้านกันเถอะ!”เขาเดินเข้าไปด้วยความตื่นเต้น อยากจับมือของอวิ๋นอิงเพิ่งสัมผัสโดน อวิ๋นอิงก็เลี่ยงออกราวกับถูกไฟช็อตแววตาของนางสั่นไหว กำคอเสื้อซ่อนตัวเองโดยไม่รู้ตัว“อวิ๋นอิง เจ้า…เป็นอะไร!”เมื่อก่อนอวิ๋นอิงมักจะว่าเขานอกคอก ประมาท ไม่น่าเชื่อถือ เหตุใดวันนี้จึงแปลกๆ?อวิ๋นอิงหลุบตา นึกถึงเรื่องเมื่อคืน…นางชอบเขา ชอบมากปีที่แล้วตอนโรคระบาดรุนแรงที่สุด พวกเขารู้จักกัน เขามักจะชอบเดินตามหลังนาง เรียกนางว่าเจ้าหูตึงตอนที่นางได้รับบาดเจ็บ ตอนที่นางเสียใจ ตอนที่นางกังวลใจ เขามักจะเป็นคนแรกที่เอาใจใส่และดูแลนางเขานอกคอกมาก กลับรู้จักถ่อมตนเวลาอยู่ต่อหน้านางเขาอารมณ์ฉุนเฉียว อะไรไม่เข้าหูก็ด่าทอ กลับไม่เคยดุนางเขาเป็นคนใจร้อนที่เรียกลมต้องได้ลม เรียกฝนต้องได้ฝน ทว่ากลับยอมอ่อนข้อเพื่อนางในวัยแรกแย้มตอนอายุสิบกว่าขวบ ความรักของเด็กหนุ่มกับเด็กสาวมันสวยงามมาก ไม่ต้องผ่านเหตุการณ์เลวร้าย ไม่ต้องมีคำพูด
“อวิ๋นอิง เจ้าหายโกรธนะ ข้ารับรองว่าตั้งแต่นี้เป็นต้นไป จะปกป้องเจ้าอย่างดี ไม่ให้เจ้าหลั่งน้ำตาแม้แต่หยดเดียว!”“ถ้าหากมีคนอยากทำร้ายเจ้า ข้าก็จะฆ่าคนคนนั้น ใครทำให้เจ้าไม่พอใจ ข้าก็จะทำลายคนคนนั้น ข้าจะไม่ให้เจ้าได้รับบาดเจ็บอีก ดีหรือไม่”“เจ้าเชื่อข้านะ!”เด็กหนุ่มกุมมือนางแน่น รับประกันอย่างจริงจังในสายตาและในใจของเขา มีแต่นางคนเดียวคนที่ตกลงกันแล้วว่าจะแต่งงานและจับมือเดินไปด้วยกันทั้งชีวิต จะทิ้งกันระหว่างทางได้อย่างไร? “ข้ากับพ่อข้านิสัยเดียวกัน ตอนนั้นมีคุณหนูมากมายชอบพ่อข้า แต่พ่อข้าชอบแม่ข้าคนเดียว ยี่สิบกว่าปีนี้ ไม่มีเมียน้อยแม้แต่คนเดียว นอกจากแม่ข้าแล้ว ไม่เคยแตะแม้แต่ปลายนิ้วของผู้หญิงคนอื่น”“ข้าทำตามพ่อข้า คนที่ข้าหลิงเชียนอี้เลือกแล้ว ไม่ตายไม่เลิก อวิ๋นอิง ข้าต้องการเจ้า!”สายตาของเขาจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนอวิ๋นอิงทนไม่ไหวอีกแล้ว น้ำตาทะลักออกมาจากเบ้า ตกลงไปข้างล่างเป็นเม็ดๆนางชอบเขามากจริงๆ!ความรักของเด็กหนุ่มก็เหมือนเมล็ดพืช หว่านลงในใจ เกิดรากแตกหน่อ เติบโตเป็นต้นไม้ที่สูงตระหง่าน ปัจจุบันจะถอนต้นไม้ต้นนี้ทิ้ง ก็เท่ากับเอาชีวิตของนางไปคร
ชายทั้งกลุ่มดื่มจนเมา ความกล้าก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเช่นกัน เห็นโดยรอบไม่มีชาวบ้านสัญจรไปมา ก็จับมือและเท้าของอวิ๋นอิง ลากคนเข้าไปในตรอกที่อยู่ข้างๆ อย่างรวดเร็ว“ปล่อยข้านะ!”อวิ๋นอิงดิ้นรน มีประกายความหวาดกลัวแลบผ่านแววตาการกระทำที่คุ้นเคยนี้ทำให้นางอดนึกถึงเมื่อคืนไม่ได้…ผู้ชายคนนั้น ค่ำคืนที่เจ็บปวดและทรมาน…เงาของเมื่อคืนได้ฝังลึกอยู่ในวิญญาณของนาง ไม่มีวันลบมันทิ้งได้“คนสวย เดินคนเดียวบนถนน มันโดดเดี่ยวจะตาย ให้พวกพี่ๆ มาอยู่เป็นเพื่อนเจ้าเถอะ” พี่หู่ถูมืออย่างเจตนาร้าย“แหะๆ ดูท่าทางที่ใสซื่อนี่สิ คงจะไม่ใช่ยังเป็นสาวพรหมจรรย์กระมัง? พี่หู่ พวกเราโชคดีจริงๆ!”“เร็ว ข้าแทบรอไม่ไหวแล้ว!”ชายคนหนึ่งแย่งขาออก ถอดสายคาดเอวอย่างรีบร้อน จากนั้นก็เริ่มถอดกางเกง“ปล่อยข้านะ!” ม่านตาอวิ๋นอิงหด สองเท้าถีบอย่างแรง เพิ่งลุกขึ้นก็ถูกกระชากผมกลับไป “อ๊ะ!”“จะหนีไปไหน!”“เก็บแรงไว้หน่อย อีกเดี๋ยวค่อยร้อง พวกพี่ๆ รับรองว่าจะปรนนิบัติให้เจ้าถึงใจแน่นอน! ฮ่าๆๆ!”นางถูกผลักล้มอยู่บนพื้นชายฉกรรจ์สี่คนแยกกันจับแขนขาของนาง คนที่ชื่อพี่หู่คุกเข่าอยู่ตรงหว่างขานาง มือก็ถกกระโปรงของนางขึ้นอย่างโ
นางยอมตาย ก็ไม่อยากออกไป!“จิ่งอี้ การตายของจางเฟยไม่เกี่ยวกับข้า…”เมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้ สายตาจิ่งอี้ขรึมลง กลิ่นอายรอบตัวเปลี่ยนฉับพลัน เยือกเย็นจนถึงขีดสุด คว้าคอเสื้อของนางไว้ เหมือนลูกไก่ตัวหนึ่ง“มันเป็นเพราะเจ้า!” เสียงเขาเย็นชา “เจ้าเป็นคนฆ่าเขา!”“ไม่ใช่ข้า! ในงานเลี้ยงอาหารค่ำ ข้าไม่เคยเจอเขาเลย และไม่รู้ด้วยว่าเขาอยู่จวนกู้ ข้าไม่ได้ทำร้ายเขา!” อวิ๋นอิงอธิบายเสียงดังแต่จิ่งอี้ฟังไม่เข้าหูสักคำเมื่อนึกถึงจางเฟยที่ตายอย่างอนาถ ไฟแห่งความโกรธในอกของเขาก็ลุกโชน แทบกลืนกินสติสัมปชัญญะของเขาทั้งหมด ไม่มีที่ระบายในเมื่อนางพูดอย่างเต็มปาก และไม่รู้สึกผิดเช่นนี้ เขาก็จะทำลายสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดของนาง!จับนางเอาไว้ เดินออกไปข้างนอก“อย่านะ!”อวิ๋นอิงกลัวแล้ว ตื่นตระหนกแล้ว มือเท้าพยายามดิ้นรน “อย่านะ! จิ่งอี้ ไม่ใช่ข้า ข้าไม่ได้เป็นคนทำจริงๆ! เจ้าฟังข้าอธิบายก่อน ได้โปรด!”นางดิ้นไม่หลุด ภายใต้ความร้อนรน น้ำตาไหลออกมาจากเบ้าตาที่แดงก่ำใกล้ปากตรอกกำลังจะถึงถนนใหญ่แล้วอวิ๋นอิงกลัวจนทนไม่ไหวแล้วจริงๆ พลันเข่าอ่อน ทิ้งตัวคุกเข่าต่อหน้าเขา“จิ่งอี้ ได้โปรดเห็นแก่หน้าพระช
“เหมือนท่านโหวน้อยจะชอบเจ้ามาก”จิ่งอี้เหลือบมองชายฉกรรจ์ที่เมาเหล้ากลุ่มนั้นอย่างเย็นชาและเฉียบขาดชายทั้งห้ากลัวจนก้นหด ไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่น้อย แต่ละคนขมิบก้น ก้มหน้าต่ำ พากันหนีหายไปแล้วสายตาของเขาจึงจะมองมาทางอวิ๋นอิงอย่างไม่เร่งไม่รีบนางกำลังร้องไห้เบ้าตาแดงก่ำเหมือนกระต่าย ปลายจมูกก็แดงด้วย กัดริมฝีปากล่างแน่นจนเลือดออกแล้ว ขดตัวอยู่ตรงมุมกำแพง กอดตัวเองไว้แน่น ผมที่ยุ่งเหยิงร่วงกระจายลงมา น่าเวทนาเหมือนสุนัขไร้บ้านเขามองดวงตาที่แดงก่ำของนาง จู่ๆ ก็ขมวดคิ้วในความทรงจำ นางมีชีวิตชีวาและร่าเริงมาโดยตลอด สะบัดผมที่สั้นและเรียบร้อย ถือทวนหงอิงหนึ่งเล่ม วิ่งผับๆๆๆ ไปทั่วกระโดดขึ้นกระโจนลง นิสัยโผงผางนี่เป็นครั้งแรกที่เขามองน้ำตาของนางอย่างจริงจังใบหน้าของนาง ไม่เหมาะที่จะร้องไห้เสียเท่าไรเวลาร้องไห้ น่าเกลียดมาก“ร้องอะไร?” สองนิ้วบีบคางของนางแล้วยกขึ้น มองเข้าไปในดวงตาที่ขุ่นมัวของนางนิ้วมือเช็ดน้ำตาที่หางตานาง แสยะยิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่ต้องร้อง ฝันร้ายของเจ้าเพิ่งจะเริ่มขึ้น”ตระกูลกู้ ซากปรักหักพังหลังจากการระเบิดยังอยู่ระหว่างเก็บกวาด กำแพงพังทลาย กระเบื
ที่เขตชานเมือง ตรงตำแหน่งทิศตะวันออกที่ใกล้กับภูเขาและแม่น้ำ มีหลุมศพใหม่หนึ่งหลุม บนป้ายหลุมศพแกะสลักตัวอักษรที่ใหม่เอี่ยม——หลุมศพพ่อบุญธรรมจางเฟยจางเฟยหลับใหลที่นี่ อยู่ห่างไกลจากเมืองหลวง และอยู่ห่างไกลจากความวุ่นวายเหล่านั้น กลางวันหันหน้าไปทางทิศตะวันออก กลางคืนอาบแสงจันทร์ ข้างหลังเป็นภูเขา ข้างหน้าเป็นแม่น้ำ เป็นสถานที่ที่มีฮวงจุ้ยยอดเยี่ยมพวงหรีดที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความตายกองเต็มหลุมศพ ธงวิญญาณพลิ้วไหวตามสายลม กระดาษเงินกระดาษทองที่ถูกเผาจนกลายเป็นขี้เถ้าถูกลมพัดไปทั่วท้องฟ้าฉู่เชียนหลียืนอยู่หน้าหลุมศพ มองดูป้ายหลุมศพ นิ่งเงียบเป็นเวลาเนิ่นนานนางยังจำตอนที่เจอคนกลุ่มนี้ครั้งแรกได้ พวกเขาทุกคนบ้างก็ขาเป๋ บ้างก็ตาบอด บ้างก็ผอมเหมือนลิง บ้างก็อ้อนแอ้น ไม่มีใครปกติเลย ในหนึ่งปีต้องหลบหนีสามร้อยวัน กลับมีเจตจำนงของจอมยุทธ์ผู้ชอบธรรมพวกเขาเป็นกลุ่มคนที่น่ารักจิตใจดี ไม่เคยทำเรื่องที่ขัดต่อเจตจำนง ซื่อสัตย์ต่อผู้อื่น สมควรได้รับความไว้วางใจและไหว้วาน น่าเชื่อถือยิ่งกว่าใครๆจางเฟยตายแล้ว หัวใจฉู่เชียนหลีก็เหมือนมีอะไรขาดหายไป ทุกอย่างเงียบสงัด เหมือนท้องฟ้าของวันนี้ มืดค
“สั่งตั้งแต่เมื่อไร? ข้ามีเสื้อผ้าเยอะแล้ว นี่ไม่ใช่สิ้นเปลืองหรือ?”“เสื้อผ้าของเมื่อก่อนเล็กเกินไป” เขาวางฝ่ามือลงบนท้องของนางเบาๆ แล้วลูบอย่างอ่อนโยนท้องโต เสื้อผ้าเล็ก เวลาสวมใส่อึดอัด“อีกอย่าง ข้าใช้เงินของเจ้า”ฉู่เชียนหลี “?”อิคซ์กิ๊วส์มี?!“เจ้าใช้เงินของข้า ซื้อเสื้อผ้าให้ข้า ยังจะบอกว่าให้ข้าอีก?” นางตะลึงงัน“ไม่เช่นนั้นล่ะ” เฟิงเย่เสวียนถามกลับ “ตอนนี้เจ้าร่ำรวยกว่าข้ามาก”แบ่งร้านค้าของตระกูลกู้มา กิจการสิบกว่าอย่างอยู่ภายใต้ชื่อ มีเงินเข้าทุกวัน เงินเยอะจนใช้ไม่หมดทั้งชีวิตเงินมากมายเช่นนั้น ไม่ใช้ เช่นนั้นจะมีไว้เพื่ออะไร?ในชีวิตอันแสนสั้น เกิดมาตัวเปล่า ตายเอาไปไม่ได้ ถ้าหากไม่ใช้ เช่นนั้นมันจะไม่สิ้นเปลืองหรือ?ฉู่เชียนหลีเงียบไปครู่หนึ่งเหมือนจะมีเหตุผล…“เช่นนั้นก็ซื้อเยอะหน่อย เผื่อวันข้างหน้ามีอีกคน ยังสามารถใส่อีกปี” นางกล่าวเฟิงเย่เสวียน “?!”อีกคน?ไปลงนรกเถอะ!มีแค่คนนี้ก็พอแล้ว!“คลอดหนึ่งคน ข้าก็อัดอั้นตั้งหนึ่งปี เจ้ายังคิดจะคลอดคนที่สอง เหตุใดเจ้าไม่ให้ข้าไปบวชเป็นพระเสียเลย?”ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว ใช้นิ้วจิ้มหน้าอกของเขา“เฟิงเย่เส
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู
พลันฉู่เชียนหลีแน่นหน้าอก“หยุดนะ…”“อย่าเข้ามา!”ฉู่เจียวเจียวถอยหลังสามก้าว มือซ้ายจับเด็ก มือขวาถือมีดสั้น มีดสั้นที่แวววาวจ่ออยู่บนผิวอันบอบบางของเด็ก กรีดจนรอยเลือดออกแล้วเลือดไหลออกมาแล้ว“จู่ๆ เจ้าก็มาเป็นห่วงข้า และยังพยายามอยากอุ้มลูกทุกวิถีทาง ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าไม่ได้มีเจตนาดี”นางยิ้มอย่างเย็นชา“เหอะ! ดูเหมือนฮ่องเต้ที่แกไม่ตายสักทีนั่นเป็นคนบอกเรื่องนี้กับเจ้าสินะ!”ไอ้แก่ เป็นอัมพาตเฉียบพลันยังไม่ยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมอีกต่อให้รู้ความจริงแล้วอย่างไร?ชีวิตของเด็กคนนี้อยู่ในมือนาง“ฉู่เชียนหลีนะฉู่เชียนหลี เจ้าคิดอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงกระมังว่า เจ้าเลี้ยงลูกสาวข้า ข้าเลี้ยงลูกชายเจ้า และก็ต้องขอบคุณลูกชายคนดีคนนี้ของเจ้า กลายเป็นตัวช่วยที่สำคัญของอ๋องหลี” นางเผยอมุมปาก รอยยิ้มนั้นน่ากลัวมากฉู่เชียนหลียืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ไม่กล้าขยับ“เจ้าต้องการอะไร?”ฉู่เชียนหลีจ้องมีดสั้นในมือนาง กลัวว่านางจะพลั้งเผลอกรีดโดนคอของเด็กตั้งครรภ์สิบเดือนลูกชายเป็นก้อนเนื้อชิ้นหนึ่งที่ตกลงมาจากร่างกายนางนางไม่กล้าเดิมพัน และเดิมพันไม่ไหวฉู่เจียวเจียวกล่าว “ข้าต้องก
กลางดึกกำลังถึงช่วงที่คนเงียบสงบ คนกลุ่มหนึ่งวิ่งไปที่ตำหนักเจาหยางราวกับคลื่นยักษ์ ตอนที่ใกล้จะถึง ฉู่เชียนหลีตวาดสั่งให้พวกเขาหยุด“พวกเจ้าอยู่ห่างๆ อยากเข้าใกล้!”พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความเป็นห่วง “พระชายา พวกเราต้องไปเอาพระนัดดาองค์โตกลับมา นั่นเป็นเลือดเนื้อของท่านกับท่านอ๋องนะ”“ข้ารู้!”ก็เพราะรู้ จึงไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้“ไปทำอะไรคนเยอะแยะ ถ้าหากบีบจนฉู่เจียวเจียวไม่มีทางเลือก นางทำอะไรขึ้นมา…”ฉู่เชียนหลีแทบจะเป็นบ้าแล้ว ร้อนรนเหมือนมดที่อยู่บนกระทะร้อน ทั้งร้อนใจทั้งไม่สบายใจ น้ำเสียงก็ค่อนข้างฉุนเฉียวไม่อยากพูดมาก วิ่งเข้าไปในตำหนักเจาหยางเพียงลำพัง คนอื่นรออยู่ที่ข้างนอก ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามภายในตำหนักฉู่เจียวเจียวกำลังกล่อมจื่อเยี่ย ฉู่เจียวเจียวมาแล้ว นางมองเด็กน้อยที่อ้วนสมบูรณ์ กล่าวโดยไม่เงยหน้า“พระชายาอ๋องเฉิน ลูกของข้าเพิ่งนอนหลับ ”โปรดให้อภัย ข้าอุ้มเขาไว้ ร่างกายหนัก ไม่สะดวกลุกขึ้นยืน สายตาฉู่เชียนหลีมองไปที่ตัวเด็กเด็กน้อยอ้วนสมบูรณ์ ใบหน้าจ้ำม่ำ คิ้วละเอียดอ่อน หน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดู คล้ายเฟิงเจิ้งเว่ยซีแปดส่วนเหตุใดเมื่อก่อนนางไม่สังเกต
อวิ๋นอิงถูกนางทำเอาตกใจจนหน้าซีด รีบถาม“พระชายา มีอะไรหรือ? เหตุใดกะทันหันเช่นนี้?”“รีบไป!”มือทั้งสองข้างของฉู่เชียนหลีเย็นเฉียบ เสียงนั้นเกือบจะคำรามออกมา แม้แต่คอก็กำลังสั่นสะเทือนคนข้างล่างไม่กล้ารอช้า รีบไปตามหาคนทันทีเฟิงเย่เสวียนประหม่า “เชียนหลี นี่เจ้าเป็นอะไร?”“ข้าอาจจะเข้าใจผิด อาจจะทำผิดพลาด ข้าอาจจะ…ข้า ข้า…” ฉู่เชียนหลีพูดวนไม่ปะติดปะต่อ พูดอยู่ดีๆ เบ้าตาก็แดงแล้วหัวใจเหมือนถูกแมวข่วน กระสับกระส่ายนางกุมเสื้อตรงหน้าอก หายใจอย่างอึดอัดขออย่าให้มันเป็นเรื่องจริง…ขออย่า…นางทรมานจังนางไม่ใช่แม่ที่ดี กลัวรู้ความจริง แต่ก็อยากรู้ความจริงหลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม ผู้คนร้อยกว่าคนเข้าวังในคืนนั้น มีคนของจวนอ๋องเฉิน หมอ หมอตำแย ผู้ช่วยหมอ และยังมีองครักษ์ลับ ทหารยาม หมอหญิงเว่ยก็อยู่เมื่อหนึ่งเดือนกว่าก่อน ตอนที่ฉู่เชียนหลีคลอดลูก คนเหล่านี้อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนเมื่อฉู่เชียนหลีเห็นพวกเขา รีบถามทันที“วันที่ข้าคลอดลูก เคยมีคนแปลกหน้ามาหรือไม่?”ทุกคนหันมองกันและกัน ล้วนส่ายศีรษะ“พระชายา เรื่องสำคัญอย่างท่านคลอดลูก พวกเราจับตาดูอย่างเข้มงวด ในจวนมีแต่คนข
นางกำนัลรีบนำพู่กันมาฉู่เชียนหลีเอาพู่กันจุ่มน้ำหมึก แล้วใส่ในมือฮ่องเต้ร่างกายของฮ่องเต้เป็นอัมพาต ไม่ควบคุมมือไม่ได้ ไม่สามารถจับพู่กันด้วยซ้ำ ปากของเขาเบี้ยว ใช้แรงทั้งหมดหนีบด้ามพู่กันด้วยนิ้วชี้กับนิ้วกลาง อาศัยแรงกระตุกของร่างกาย ลงพู่กันบนกระดาษอย่างเบี้ยวไปเบี้ยวมาเพียงไม่กี่ขีด เขียนอย่างยากลำบาก บนหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อแนวเฉียง…แนวตั้ง…สองคำ ทั้งหมดสี่ขีดเขียนเสร็จ พู่กันก็ร่วงตกบนพื้น เขาเหนื่อยจนหอบบนเตียง ขยับไม่ได้อีกแล้ว“ลูกชาย…” อวิ๋นอิงอุทานเบาๆ “คนที่ฝ่าบาทคิดถึงคือลูกชาย?”ฉู่เชียนหลีถือกระดาษ แม้สองคำนี้เขียนได้คดเคี้ยวมาก แต่เนื่องจากลายเส้นเรียบง่าย จึงมองออกในปราดเดียวว่ามันคือคำว่า ‘ลูกชาย’นี่เขาอยากบอกอะไรนาง?“หรือเป็นอ๋องหลี?” อวิ๋นอิงคาดเดาฉู่เชียนหลีส่ายศีรษะโดยไม่ต้องคิด“อ๋องหลีวางยาพิษเขา กบฏวังชิงราชบัลลังก์ มีความทะเยอทะยาน ฝ่าบาทไม่มีทางคิดถึงอ๋องหลี”นางกล่าววิเคราะห์“ส่วนอ๋องหลีหลังจากขึ้นบัลลังก์ ไม่ฆ่าผู้บริสุทธิ์ องค์ชายท่านอื่นอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเหมือนเมื่อก่อน ไม่มีอันตราย ฮ่องเต้ก็ไม่มีทางคิดถึงองค์ชายท่านอื่น”อวิ๋