กรมคลังมีหน้าที่ดูแลด้านทะเบียนบ้าน โฉนดบ้าน โฉนดที่ดิน สัญญาและเรื่องอื่นๆ ทั่วทั้งแคว้น เจ้ากรมคลังเข้าวัง ค้นม้วนเอกสารออกมา หาโฉนดที่ดินและโฉนดร้านค้าของตระกูลกู้จนเจอซ่าๆๆในเวลาครึ่งเค่อสั้นๆ ร้านค้าหลายสิบแห่งถูกโอนไปอยู่ภายใต้ชื่อฉู่เชียนหลีนายท่านรองกู้โมโหจนกระอักเลือดต่อมา ฉู่เชียนหลีเอ่ยปากกล่าวอีกหนึ่งประโยค : รายได้ทั้งหมดก่อนที่นางจะรับช่วงร้านค้าเหล่านี้ต่อ บริจาคให้ท้องพระคลังทั้งหมดไม่เพียงเอาร้านค้าไปสิบกว่าแห่ง และยังแย่งกำไรของปีนี้ไปด้วยพลันนายท่านรองกู้หายใจไม่ทัน โมโหจนเป็นลมโดยตรง…“หัวหน้าตระกูลกู้เป็นลมไปแล้ว รีบเรียกหมอหลวงมาช่วยด่วน!”“...”จวนอ๋องเฉินหลิงเชียนอี้แบกร่างกายที่บาดเจ็บสาหัส ไม่มีเวลาสนใจความเจ็บปวดตรงแผ่นหลัง แม้มีเลือดออกแล้ว ก็ไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด ความตื่นเต้นและความสุขกลบความเจ็บปวดไว้อย่างสิ้นเชิงวิ่งมาถึงจวนอ๋องเฉิน กลับไม่เจออวิ๋นอิงหาอยู่หนึ่งรอบก็ไม่เจอ“อวิ๋นอิง?”“อวิ๋นอิง!”“เยว่เอ๋อร์ เจ้าเห็นอวิ๋นอิงหรือไม่” เขาเข้าไปในเรือนหานเฟิง ถามเยว่เอ๋อร์ที่กำลังกวาดใบไม้เยว่เอ๋อร์ส่ายศีรษะ“เจ้าก็ไม่รู้ว่านางไปไ
หลิงเชียนอี้ไม่รู้สึกตัว พูดเรื่องที่ตัวเองมาด้วยความดีใจ“อวิ๋นอิง แม่ข้าบอกว่าอยากเจอเจ้า และยังตอบตกลงให้เลือกวันที่เป็นสิริมงคล จัดงานแต่งให้พวกเรา! พรุ่งนี้พวกเราก็กลับบ้านกันเถอะ!”เขาเดินเข้าไปด้วยความตื่นเต้น อยากจับมือของอวิ๋นอิงเพิ่งสัมผัสโดน อวิ๋นอิงก็เลี่ยงออกราวกับถูกไฟช็อตแววตาของนางสั่นไหว กำคอเสื้อซ่อนตัวเองโดยไม่รู้ตัว“อวิ๋นอิง เจ้า…เป็นอะไร!”เมื่อก่อนอวิ๋นอิงมักจะว่าเขานอกคอก ประมาท ไม่น่าเชื่อถือ เหตุใดวันนี้จึงแปลกๆ?อวิ๋นอิงหลุบตา นึกถึงเรื่องเมื่อคืน…นางชอบเขา ชอบมากปีที่แล้วตอนโรคระบาดรุนแรงที่สุด พวกเขารู้จักกัน เขามักจะชอบเดินตามหลังนาง เรียกนางว่าเจ้าหูตึงตอนที่นางได้รับบาดเจ็บ ตอนที่นางเสียใจ ตอนที่นางกังวลใจ เขามักจะเป็นคนแรกที่เอาใจใส่และดูแลนางเขานอกคอกมาก กลับรู้จักถ่อมตนเวลาอยู่ต่อหน้านางเขาอารมณ์ฉุนเฉียว อะไรไม่เข้าหูก็ด่าทอ กลับไม่เคยดุนางเขาเป็นคนใจร้อนที่เรียกลมต้องได้ลม เรียกฝนต้องได้ฝน ทว่ากลับยอมอ่อนข้อเพื่อนางในวัยแรกแย้มตอนอายุสิบกว่าขวบ ความรักของเด็กหนุ่มกับเด็กสาวมันสวยงามมาก ไม่ต้องผ่านเหตุการณ์เลวร้าย ไม่ต้องมีคำพูด
“อวิ๋นอิง เจ้าหายโกรธนะ ข้ารับรองว่าตั้งแต่นี้เป็นต้นไป จะปกป้องเจ้าอย่างดี ไม่ให้เจ้าหลั่งน้ำตาแม้แต่หยดเดียว!”“ถ้าหากมีคนอยากทำร้ายเจ้า ข้าก็จะฆ่าคนคนนั้น ใครทำให้เจ้าไม่พอใจ ข้าก็จะทำลายคนคนนั้น ข้าจะไม่ให้เจ้าได้รับบาดเจ็บอีก ดีหรือไม่”“เจ้าเชื่อข้านะ!”เด็กหนุ่มกุมมือนางแน่น รับประกันอย่างจริงจังในสายตาและในใจของเขา มีแต่นางคนเดียวคนที่ตกลงกันแล้วว่าจะแต่งงานและจับมือเดินไปด้วยกันทั้งชีวิต จะทิ้งกันระหว่างทางได้อย่างไร? “ข้ากับพ่อข้านิสัยเดียวกัน ตอนนั้นมีคุณหนูมากมายชอบพ่อข้า แต่พ่อข้าชอบแม่ข้าคนเดียว ยี่สิบกว่าปีนี้ ไม่มีเมียน้อยแม้แต่คนเดียว นอกจากแม่ข้าแล้ว ไม่เคยแตะแม้แต่ปลายนิ้วของผู้หญิงคนอื่น”“ข้าทำตามพ่อข้า คนที่ข้าหลิงเชียนอี้เลือกแล้ว ไม่ตายไม่เลิก อวิ๋นอิง ข้าต้องการเจ้า!”สายตาของเขาจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนอวิ๋นอิงทนไม่ไหวอีกแล้ว น้ำตาทะลักออกมาจากเบ้า ตกลงไปข้างล่างเป็นเม็ดๆนางชอบเขามากจริงๆ!ความรักของเด็กหนุ่มก็เหมือนเมล็ดพืช หว่านลงในใจ เกิดรากแตกหน่อ เติบโตเป็นต้นไม้ที่สูงตระหง่าน ปัจจุบันจะถอนต้นไม้ต้นนี้ทิ้ง ก็เท่ากับเอาชีวิตของนางไปคร
ชายทั้งกลุ่มดื่มจนเมา ความกล้าก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเช่นกัน เห็นโดยรอบไม่มีชาวบ้านสัญจรไปมา ก็จับมือและเท้าของอวิ๋นอิง ลากคนเข้าไปในตรอกที่อยู่ข้างๆ อย่างรวดเร็ว“ปล่อยข้านะ!”อวิ๋นอิงดิ้นรน มีประกายความหวาดกลัวแลบผ่านแววตาการกระทำที่คุ้นเคยนี้ทำให้นางอดนึกถึงเมื่อคืนไม่ได้…ผู้ชายคนนั้น ค่ำคืนที่เจ็บปวดและทรมาน…เงาของเมื่อคืนได้ฝังลึกอยู่ในวิญญาณของนาง ไม่มีวันลบมันทิ้งได้“คนสวย เดินคนเดียวบนถนน มันโดดเดี่ยวจะตาย ให้พวกพี่ๆ มาอยู่เป็นเพื่อนเจ้าเถอะ” พี่หู่ถูมืออย่างเจตนาร้าย“แหะๆ ดูท่าทางที่ใสซื่อนี่สิ คงจะไม่ใช่ยังเป็นสาวพรหมจรรย์กระมัง? พี่หู่ พวกเราโชคดีจริงๆ!”“เร็ว ข้าแทบรอไม่ไหวแล้ว!”ชายคนหนึ่งแย่งขาออก ถอดสายคาดเอวอย่างรีบร้อน จากนั้นก็เริ่มถอดกางเกง“ปล่อยข้านะ!” ม่านตาอวิ๋นอิงหด สองเท้าถีบอย่างแรง เพิ่งลุกขึ้นก็ถูกกระชากผมกลับไป “อ๊ะ!”“จะหนีไปไหน!”“เก็บแรงไว้หน่อย อีกเดี๋ยวค่อยร้อง พวกพี่ๆ รับรองว่าจะปรนนิบัติให้เจ้าถึงใจแน่นอน! ฮ่าๆๆ!”นางถูกผลักล้มอยู่บนพื้นชายฉกรรจ์สี่คนแยกกันจับแขนขาของนาง คนที่ชื่อพี่หู่คุกเข่าอยู่ตรงหว่างขานาง มือก็ถกกระโปรงของนางขึ้นอย่างโ
นางยอมตาย ก็ไม่อยากออกไป!“จิ่งอี้ การตายของจางเฟยไม่เกี่ยวกับข้า…”เมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้ สายตาจิ่งอี้ขรึมลง กลิ่นอายรอบตัวเปลี่ยนฉับพลัน เยือกเย็นจนถึงขีดสุด คว้าคอเสื้อของนางไว้ เหมือนลูกไก่ตัวหนึ่ง“มันเป็นเพราะเจ้า!” เสียงเขาเย็นชา “เจ้าเป็นคนฆ่าเขา!”“ไม่ใช่ข้า! ในงานเลี้ยงอาหารค่ำ ข้าไม่เคยเจอเขาเลย และไม่รู้ด้วยว่าเขาอยู่จวนกู้ ข้าไม่ได้ทำร้ายเขา!” อวิ๋นอิงอธิบายเสียงดังแต่จิ่งอี้ฟังไม่เข้าหูสักคำเมื่อนึกถึงจางเฟยที่ตายอย่างอนาถ ไฟแห่งความโกรธในอกของเขาก็ลุกโชน แทบกลืนกินสติสัมปชัญญะของเขาทั้งหมด ไม่มีที่ระบายในเมื่อนางพูดอย่างเต็มปาก และไม่รู้สึกผิดเช่นนี้ เขาก็จะทำลายสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดของนาง!จับนางเอาไว้ เดินออกไปข้างนอก“อย่านะ!”อวิ๋นอิงกลัวแล้ว ตื่นตระหนกแล้ว มือเท้าพยายามดิ้นรน “อย่านะ! จิ่งอี้ ไม่ใช่ข้า ข้าไม่ได้เป็นคนทำจริงๆ! เจ้าฟังข้าอธิบายก่อน ได้โปรด!”นางดิ้นไม่หลุด ภายใต้ความร้อนรน น้ำตาไหลออกมาจากเบ้าตาที่แดงก่ำใกล้ปากตรอกกำลังจะถึงถนนใหญ่แล้วอวิ๋นอิงกลัวจนทนไม่ไหวแล้วจริงๆ พลันเข่าอ่อน ทิ้งตัวคุกเข่าต่อหน้าเขา“จิ่งอี้ ได้โปรดเห็นแก่หน้าพระช
“เหมือนท่านโหวน้อยจะชอบเจ้ามาก”จิ่งอี้เหลือบมองชายฉกรรจ์ที่เมาเหล้ากลุ่มนั้นอย่างเย็นชาและเฉียบขาดชายทั้งห้ากลัวจนก้นหด ไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่น้อย แต่ละคนขมิบก้น ก้มหน้าต่ำ พากันหนีหายไปแล้วสายตาของเขาจึงจะมองมาทางอวิ๋นอิงอย่างไม่เร่งไม่รีบนางกำลังร้องไห้เบ้าตาแดงก่ำเหมือนกระต่าย ปลายจมูกก็แดงด้วย กัดริมฝีปากล่างแน่นจนเลือดออกแล้ว ขดตัวอยู่ตรงมุมกำแพง กอดตัวเองไว้แน่น ผมที่ยุ่งเหยิงร่วงกระจายลงมา น่าเวทนาเหมือนสุนัขไร้บ้านเขามองดวงตาที่แดงก่ำของนาง จู่ๆ ก็ขมวดคิ้วในความทรงจำ นางมีชีวิตชีวาและร่าเริงมาโดยตลอด สะบัดผมที่สั้นและเรียบร้อย ถือทวนหงอิงหนึ่งเล่ม วิ่งผับๆๆๆ ไปทั่วกระโดดขึ้นกระโจนลง นิสัยโผงผางนี่เป็นครั้งแรกที่เขามองน้ำตาของนางอย่างจริงจังใบหน้าของนาง ไม่เหมาะที่จะร้องไห้เสียเท่าไรเวลาร้องไห้ น่าเกลียดมาก“ร้องอะไร?” สองนิ้วบีบคางของนางแล้วยกขึ้น มองเข้าไปในดวงตาที่ขุ่นมัวของนางนิ้วมือเช็ดน้ำตาที่หางตานาง แสยะยิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่ต้องร้อง ฝันร้ายของเจ้าเพิ่งจะเริ่มขึ้น”ตระกูลกู้ ซากปรักหักพังหลังจากการระเบิดยังอยู่ระหว่างเก็บกวาด กำแพงพังทลาย กระเบื
ที่เขตชานเมือง ตรงตำแหน่งทิศตะวันออกที่ใกล้กับภูเขาและแม่น้ำ มีหลุมศพใหม่หนึ่งหลุม บนป้ายหลุมศพแกะสลักตัวอักษรที่ใหม่เอี่ยม——หลุมศพพ่อบุญธรรมจางเฟยจางเฟยหลับใหลที่นี่ อยู่ห่างไกลจากเมืองหลวง และอยู่ห่างไกลจากความวุ่นวายเหล่านั้น กลางวันหันหน้าไปทางทิศตะวันออก กลางคืนอาบแสงจันทร์ ข้างหลังเป็นภูเขา ข้างหน้าเป็นแม่น้ำ เป็นสถานที่ที่มีฮวงจุ้ยยอดเยี่ยมพวงหรีดที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความตายกองเต็มหลุมศพ ธงวิญญาณพลิ้วไหวตามสายลม กระดาษเงินกระดาษทองที่ถูกเผาจนกลายเป็นขี้เถ้าถูกลมพัดไปทั่วท้องฟ้าฉู่เชียนหลียืนอยู่หน้าหลุมศพ มองดูป้ายหลุมศพ นิ่งเงียบเป็นเวลาเนิ่นนานนางยังจำตอนที่เจอคนกลุ่มนี้ครั้งแรกได้ พวกเขาทุกคนบ้างก็ขาเป๋ บ้างก็ตาบอด บ้างก็ผอมเหมือนลิง บ้างก็อ้อนแอ้น ไม่มีใครปกติเลย ในหนึ่งปีต้องหลบหนีสามร้อยวัน กลับมีเจตจำนงของจอมยุทธ์ผู้ชอบธรรมพวกเขาเป็นกลุ่มคนที่น่ารักจิตใจดี ไม่เคยทำเรื่องที่ขัดต่อเจตจำนง ซื่อสัตย์ต่อผู้อื่น สมควรได้รับความไว้วางใจและไหว้วาน น่าเชื่อถือยิ่งกว่าใครๆจางเฟยตายแล้ว หัวใจฉู่เชียนหลีก็เหมือนมีอะไรขาดหายไป ทุกอย่างเงียบสงัด เหมือนท้องฟ้าของวันนี้ มืดค
“สั่งตั้งแต่เมื่อไร? ข้ามีเสื้อผ้าเยอะแล้ว นี่ไม่ใช่สิ้นเปลืองหรือ?”“เสื้อผ้าของเมื่อก่อนเล็กเกินไป” เขาวางฝ่ามือลงบนท้องของนางเบาๆ แล้วลูบอย่างอ่อนโยนท้องโต เสื้อผ้าเล็ก เวลาสวมใส่อึดอัด“อีกอย่าง ข้าใช้เงินของเจ้า”ฉู่เชียนหลี “?”อิคซ์กิ๊วส์มี?!“เจ้าใช้เงินของข้า ซื้อเสื้อผ้าให้ข้า ยังจะบอกว่าให้ข้าอีก?” นางตะลึงงัน“ไม่เช่นนั้นล่ะ” เฟิงเย่เสวียนถามกลับ “ตอนนี้เจ้าร่ำรวยกว่าข้ามาก”แบ่งร้านค้าของตระกูลกู้มา กิจการสิบกว่าอย่างอยู่ภายใต้ชื่อ มีเงินเข้าทุกวัน เงินเยอะจนใช้ไม่หมดทั้งชีวิตเงินมากมายเช่นนั้น ไม่ใช้ เช่นนั้นจะมีไว้เพื่ออะไร?ในชีวิตอันแสนสั้น เกิดมาตัวเปล่า ตายเอาไปไม่ได้ ถ้าหากไม่ใช้ เช่นนั้นมันจะไม่สิ้นเปลืองหรือ?ฉู่เชียนหลีเงียบไปครู่หนึ่งเหมือนจะมีเหตุผล…“เช่นนั้นก็ซื้อเยอะหน่อย เผื่อวันข้างหน้ามีอีกคน ยังสามารถใส่อีกปี” นางกล่าวเฟิงเย่เสวียน “?!”อีกคน?ไปลงนรกเถอะ!มีแค่คนนี้ก็พอแล้ว!“คลอดหนึ่งคน ข้าก็อัดอั้นตั้งหนึ่งปี เจ้ายังคิดจะคลอดคนที่สอง เหตุใดเจ้าไม่ให้ข้าไปบวชเป็นพระเสียเลย?”ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว ใช้นิ้วจิ้มหน้าอกของเขา“เฟิงเย่เส
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท